จากที่พูดถึง จิตมีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา แม้ช่วงที่ผ่านมาไม่ถึงเสี้ยววินาที จิตก็พึ่งเกิดและดับผ่านไป...
ขอบคุณครับที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์แบบนี้ หากมองกันตามตรง โดยไม่ต้องมองไปยังสิ่งที่มองไม่เห็น แม้ในสิ่งมีชิวิตอื่นๆ...
เพราะโลก ประกอบขึ้นด้วยเหตุและปัจจัย ไม่โลกจะโลกนี้ โลกหน้า หรือโลกไหนๆในต่างมิติก็ประกอบขึ้นด้วยเหตุและปัจจัยทั้งสิ้น...
นึกว่าจะไม่มีคนมองแบบผมซะแล้ว โดยเนื้อแท้ เราสมมุติจะเรียกอะไรก็ได้ เพราะมีสิ่งๆหนึ่งที่ไม่เกิดและไม่ดับ ท่ามกลางความเกิดดับทั้งปวง วิญญาณ...
ต้องการอะไรจากการนั่งสมาธิละครับ สงบ อภิญญา หรือ นิพพาน ตั้งเป้าหมายได้แล้วก็ดำเนินตามเป้าหมายครับ ตามที่ เด็กชายปราบบอกเลย...
ขอบคุณที่ทุกท่านมาช่วยปุจฉา วิสัชนากันนะครับ ผมได้พิจารณาอะไรได้เยอะเลย แต่คนเรามักจะหลงไหลไปกับผัสสะเสมอแหละครับ ก็ผัสสะมันเป็นเหตุให้เกิดสุข...
รูปคือส่วนที่จิตเกิดวิญญาณเกิด ในจิตมีเจตสิกที่เกาะเกี่ยวเป็นส่วนผสม ส่วนประกอบ แต่ระหว่างจิตที่เกิดและดับ ระหว่างที่จิตเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป...
ไม่ได้มาโม้นาน วันนี้จะมาเล่าเรื่องพรหมวิหาร 4 กัน ที่จริงเคยสงสัยเหมือนกันนะว่า การเจริญพรหมวิหาร 4 ทำยังไง เพราะเวลาเราแผ่เมตตาหรือกรวดน้ำ...
เช้านี้ ผมได้นั่งสมาธิอีกรอบ ซึ่งการนั่งสมาธิแต่ละวันเหมือนเป็นการสรุปการฝึกสติของแต่ละวันที่ผ่านมา...
สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นแหละที่จะดับ
วันนี้อาการแบบเดิม เหมือนว่าความคิดจะเกิดขึ้นมากมาย มากจนไม่อาจมองเห็นลมหายใจได้ชัด เมื่อวานก็เป็น เลยทำให้ต้องหยุดเพราะคิดว่าเราฟุ้งซ่านเกินไป...
วันนี้ตื่นมาตอนตีสี่ สติไม่จับที่ลมหายใจ เหมือนลืมตัว จนเข้าห้องน้ำเสร็จสรรพถึงรู้ตัว ว่าเราไม่ได้กำหนดสติเลย ปกติตอนตื่นนอนจะเห็นสติตัวเองชัด...
วันนี้ได้อ่าน พระไตรปิฏกแปล เจอประโยคหนึ่ง เป็นประโยคคำถามที่ทำให้รู้สึกสว่างวาบในหัว เหมือนเจอคำตอบที่ค้างคาในใจ คำว่าปิติ กับอาการตื้นตัน...
ในสมัยเด็ก เคยสงสัย คำว่า "กรรม" ที่ผู้ใหญ่ชอบใช้กัน อะไรคือกรรม แล้วทำไมชาตินี้ถึงต้องใช้กรรม แต่พอลองศึกษา และลองพิจารณาเทียบเคียง...
เรื่องของกรรม ในความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ต้องอ้างอิงอะไรเลยเราก็เห็นผลได้ชัดอยู่ทุกวัน กรรม ความหมายคือผลของการกระทำ เอาเข้าจริงๆ...
ไม่ทราบสิครับ เพราะผมยังติดอยู่เลย ยังไม่หลุดยังไม่พ้น ยังหิวข้าวอยากกิน ยังเห็นอันนั้นอันนี้สวยอยู่ ยังทุกข์อยู่ กิเลสจะท่วมหัวละ ฮา...
เชิญเลยครับผม
แตกต่างบ้างสิ ถอดแต่จิต เดี๋ยวไม่มีคนมาอ่าน ฮา
ถ้ามาวิเคราะห์ นิมิตนี่ไม่ใช่เกิดจากปาฏิหาริ์อะไรเลยนะครับ เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นจากความจำของจิต จิตไม่มีรูป...
ผมขอเอาจุดที่ผมชอบเป็นตัวอย่างละกัน จุดที่ผมชอบคือผิวสัมผัสรอบของรูจมูก แรกเริ่มก็จะชัดบ้างไม่ชัดบ้างตามสติที่เราติดตาม สิ่งที่ต้องทำคือ...
ในวันที่ได้ไปปฏิบัติธรรม อาจมีหลายคนบอกว่าตัวเองนั่งแล้วมองไม่เห็นอะไรเลย ภาพอะไรก็ไม่เห็น บางทีผมว่าการไม่เห็นอะไรเลยนี่เป็นเรื่องดีนะครับ...
อา..ทดสอบ แสดงว่าโพสได้ ฮา มันน่าเบื่อเนอะ โลกเรา ชีวิตเราก็น่าเบื่อเนอะ ยึดอะไรไม่ได้เลย สวดมนต์มันก็เบื่อ นั่งสมาธิมันก็เบื่อ...
ไม่รู้ครับ ถ้าเจออะไรดีๆจะเอามาเล่า ถือว่าเป็นสภาวะธรรมที่ผมเจอ อ่านพอสนุกครับ อย่ายึดอย่าถือ อย่าต่อว่า กันก็พอครับ
ปล่อยผมโม้คนเดียวก็ได้ครับ นานๆที มีอะไรโม้
เชิญครับ กระทู้นี้โม้ๆ ใครอยากพูดอยากโม้ก็เชิญครับ ยินดีมาอ่านเสมอ ฮาๆ
มีเสียงกระซิบคอยอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ไม่ขาดสาย เสียงกระซิบหรือเราบอกตัวเอง หรือใครบอกไม่อาจรู้ได้ หากมันยังคงบอกไปเรื่อย...
มองดูไม่นานมีเสียงบางอย่างดังขึ้นพร้อมการกระเพื่อมในบรรยากาศ เสียงอันนี้คือเสียงความคิดที่เหมือนจะชัดเจนแต่ไม่ชัดเจน...
กระแสความร้อนและแสงสีที่ปรากฏยังลุกไหม้ ครั้งนี้เราแค่มองไม่ต้องไปแทรกอยู่ให้ทุรนทุราย กลับเห็นบางอย่างที่เกี่ยวเนื่องอยู่...
ในห้วงจักรวาลที่มืดสนิท ปรากฏดาวฤกของความคิดผุดขึ้นแล้วดับลง แสงของดาวฤกอันนั้นบ่งบอกถึงเจตจำนงที่เจือปนไปตามภาวะ เกิดขึ้นมาแล้ว...
เรื่องสมาธินี่ ใครก็ไม่นิ่งครับ เราเน้นทำเยอะๆ ทำบ่อยๆ มองดูตัวเองเรื่อยๆ ถึงจุดพอดีพอควรเดียวก็ผ่านไปได้ครับ สู้ๆครับ
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา