โลกวุ่นวายหนอ - -" อวิชาบังไว้แท้ๆ
กำ!!! ตอนที่บอกขันธ์ 5 เป็นของกลาง ศิษย์โง่เหมือนจำไม่ได้นะว่ายังไง เหมือนเห็นถกๆกันแล้วอ่านเร็วๆ แต่ศิษย์โง่ก็บอกแล้วนิ...
เรื่องที่ยกตัวอย่างมานี้ไม่ได้มีปัญหากับศิษย์โง่คนนี้ในปัจจุบันดอก ทำได้เท่าที่ทำ รู้ได้เท่าที่รู้ มิมีฝืน ท่านพี่มีความรู้ดีหน่า...
ศิษย์โง่อ่านแล้วก็พอจะ said ได้ว่า อะเครแหละ แต่ท่านพี่ปรารภมาแบบนี้ต้องระหว่างหน่าา ระวังอะไรอย่างนั้นฤา?...
ศิษย์โง่เหมือนเคยอ่านของหลวงพ่อพุธ มาแว๊บๆนะ อาหารของจิต คือความคิด เมื่อจิตมันจะคิดปล่อยให้มันคิดไป...
ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุ 4 ที่คนโบราณพูดต่อๆกันมา เราก็รู้จักใช่มะ เรารู้จักดินน้ำลมไฟกันทุกคน อืม.... อธิบายอย่างไรดี...........
ให้แพลมอะไรหว่า ก็มันแค่นี้หงะ คือจะให้บรรยาเป็นหน้ากระดาษแบบครูบาอาจารย์นี่คงไม่สามารถ ปัญญามันตันในเรื่องอรรถกถาขยายความให้ยาวววว...
จัดมาหนักๆหน่อยจิ อยากฟัง แต่ออกตัวก่อนนะ อย่าให้ศัพท์อภิธรรมแปลกๆ บางคำผมยังไม่ได้อ่านบัญญัติมาเยอะ อย่างเช่น วิหงสาวิตก...
ดูไม่ออกเหรอครับ ว่าเขาบัฟกันขำๆ ยามว่าง คือคนชอบธรรมเหมือนกันก็บัฟกันขำๆ ดีกว่าไปกินเหล้่่าาเมายานะ บ่องตง วันนี้ผมว่าง...
อิอิ มองยังไม่ทะลุนะท่านพี่ การมองเป็นก้อนธาตุนั่นแหละ เจ๋งหละ เห็นสิ่งใด มันสักแต่ว่าเป็นธาตุ ไม่ใช่เรา ตัวเราเป็นเพียงธาตุ...
เห็นนิพพาน เจ๋งกว่าคับ บ่องตง:p:p:p:p:p
สวัสดีครับ คุณเราโตมาเป็นเด็ก (ขออนุญาตแซวขำๆ ยืมคำพูดคนแถวนี้มาใช้) ต้องฝึกให้เห็น เกิด-ดับ ครับนั่นคือเป้าหมาย ศิษย์โง่จะขอเสนอคำว่า...
ไปสู่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เธอมีสติ หายใจออก มีสติ หายใจเข้า เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว...
ทิ้งอัตตา พิจารณาอนัตตา ก็พอแล้ว อวิชชาเอาไว้ให้ถึงวิมุติก่อน ค่อยว่ากัน อิอิ
อัตตาหิอัตตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ตอบได้หล่อมะ อิอิ ไปเอาเรื่องสมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ มาถามใครจะตอบท่านปรมาจารย์ได้ละนิ...
เกือบลืม ตอนทำสมถะ แล้วเกิดเวทนา ฉวยโอกาสนี้ทำสติปัฐฐาน 4 ให้ครบองค์ไปเลย เรียกว่านาทีทองเลยช่วงนี้ กาย เวทนา จิต ธรรม มาครบก็ตอนนี้แหละ...
อันนี้คือในส่วนของสมถะ วิปัสสนาก็อย่าลืม ช่วงแรกๆยังไม่เกิดญาณที่เป็นแบบอัตตโนมัติ ก็ฝืนๆมันไปก่อน ใช้มโน จิ้นเข้าไปเยอะๆ...
เอาจริงๆแล้วธรรมมะของพระพุทธเจ้าง่ายมากๆเลยนะถ้าปฏิบัติถูก ไม่มีอะไรเลย แค่มี"สติ" ตามดูลมมันไป ยาว สั้น แค่นั้นเองจริงๆ...
มีสติรู้ลม จบ มันแฉลบ รู้ว่ามันแฉลบ อย่าไปเสียใจ วางใจเป็นกลางๆ แล้วดึงกลับมาที่ลมจบ ลมสั้น รู้ว่าลมสั้น จบ ลมยาว รู้ว่าลมยาว จบ
โฮ่ๆๆๆ ท่านพี่นิวรณ์ พูดถูกใจก็วันนี้ น้ำตาจิไหล อย่าหาคำแปลนะถูกแล้วครับ อนานาปานสติ ห้ามอ่านเยอะเด็ดขาด...
ธรรมมะของพระพุทธองค์คือของจริงครับ ปัญญาข้ามภพชาติมีจริงได้ คนที่มีอวิชาปิดกั้นเยอะจนไม่เชื่อถือธรรมมะก็มีมาก นอกจากจะประสบพบเองกับตัวครับ...
สิ่งที่ผมยกมาอธิบาย บางทีหลายๆคนก็ไม่เข้าใจ ก็ไม่รู้จะสื่อยังไงเหมือนกัน จนปัญญาจริงๆ สิ่งที่ผมยกมาอธิบาย...
อ่านและถอดอักขระให้ดีๆ ถ้าท่านพี่ตอบแบบนี้แปลว่าท่านพี่ไม่เคยภาวนาเลยหน่า ****นี่คือพยายามแกะภาษาออกมาแล้วนะ
บางเรื่อง เขาเหมือนกำลังจะสื่อออกมาได้ดีแล้วนะ แต่ใช้ภาษาวิบัติมากเกินไป กลายเป็นเสียทั้งหมดไปเลย ผมอ่านไม่เข้าใจเยอะมากๆ พูดตรงๆ...
โพสแรกของคุณนิวรณ์ที่ว่า อมเม็ดมณี อะไรนี่ใช่ไหม เขาหมายถึงสิ่ง อย่าพึ่งหลงทาง ฟุ้งซ่าน...
สิ่งที่สอนมานี่ ไม่ผิดครับ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด สิ่งที่สอนให้ระลึกรู้ลม เป็นการสอนแบบคนที่ทรงอารมณ์ฌาน นอกการภาวนาครับ...
โปรโมตออกสื่อนี่กะจะตั้งสำนักกันแถวนี้แล้วใช่ไหมนิ เดี๋ยวลูกศิษย์ลูกหาแถวนี้ก็แห่กันไปปิดทอง...
ขาดสติ ก็ต้องกินยาเติมสติ ยาตัวนี้ก็คือ >>>>สติปัฐฐาน 4 นอกการปฏบัติ ก็หายาเดินปัญญา หยิบจับเอาตัวที่เหมาะสมมาฝึกเดินปัญญา เช่น มรณานุสติ...
ผมคิดไม่เหมือนคนอื่นนะ ไม่ใช่ทั้งอรูป ไม่ใช่ทั้งละนิวรณ์ 5 ได้แล้ว(สัมมาสมาธิ) คุณกำลังติดนิ่ง จมแช่กับอารมณ์สมถะ...
คำๆนี้ไม่รู้ว่ามาจากสำนักไหนเหมือนกัน คุ้นๆแต่นึกไม่ออก เอาตรงๆเลยนะ ตั้งแต่เกิดมาจำความได้ ยังไม่เคยภาวนา สงสัยให้รู้ว่าสงสัย ซักครั้งเดียว...
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค เช่น พลังจิต, พุทธศาสนา