กรรมของคนชอบนินทา และ ข้อคิดสำหรับคนถูกนินทา

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย sss12, 3 พฤศจิกายน 2010.

  1. sss12

    sss12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +1,081


    **ข้อเตือนใจสำหรับผู้ชอบนินทา**

    เคราะห์กรรมของคนช่างนินทา เรื่องโดย วารี

    คุณเคยได้ยินกลอนบทนี้ของท่านสุนทรภู่บ้างไหม “อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน แค่องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา”
    แม้คำนินทาจะอยู่คู่โลกทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ดิฉันก็ไม่คิดว่าการพูดนินทาคนอื่นจะเป็น “กรรม” หนักหนาสาหัสอะไร เพราะใครๆก็คงเคยพูดนินทาทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจกันมาบ้าง ครั้งหนึ่งดิฉันเคยไปฟังพระเทศน์เกี่ยวกับการนินทา พระท่านเป็นผู้มีความรู้ จึงคิดบัญญัติศัพท์เกี่ยวกับการนินทาด้วยคำชวนหัวว่า นินทาวิทยา ( Gossipology ) ตามความหมายและคำแปลจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานให้ความหมายว่า นินทาคือ “คำติเตียนลับหลัง”

    แต่พระท่านว่า หากพิจารณาจากที่ไปที่มาและสภาพความเป็นจริงที่เป็นอยู่ในสังคมอาจหมายรวมไป ถึงการตำหนิ เพราะผู้พูดไม่ชอบใจ ผู้พูดไม่สบอารมณ์ และไม่ตำหนิต่อหน้าหรือไม่ได้ว่ากล่าวตักเตือนต่อหน้า แต่กลับนำเรื่องของเขาไปตำหนิลับหลัง ทั้งๆที่เขาเป็นคนดี ทั้งๆ ที่เขาทำดีอยู่แล้ว เพราะการนินทาหมายถึง การเล่าเรื่องในทางที่ไม่ดี เล่าเรื่องในแง่ที่ไม่ดีของคนอื่นลับหลัง หรือนำเรื่องที่ไม่ดีของบุคคลที่สองไปเล่าต่อบุคคลที่สาม เพื่อให้ผู้ถูกเล่านั้นได้รับความเสียหายอับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เสียเกียรติ เสียความเคารพนับถือ แม้เรื่องที่เล่านั้นอาจไม่เป็นจริง และรวมถึงเรื่องนั้นเป็นจริง แต่เป็นเรื่องที่ไม่ควรนำไปเล่าต่อที่สาธารณะหรือกับบุคคลอื่น เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องเฉพาะส่วนบุคคล เป็นเรื่องภายในครอบครัว เพราะท่านยังว่า พฤติกรรมของคนช่างนินทานั้น ทุกคนโปรดเข้าใจไว้ด้วยว่า มิใช่เป็นพฤติกรรมของคนที่มีความสุข เพราะไม่ได้เกิดจากจิตที่มีคุณธรรมเป็นเครื่องปรุงเครื่องผสม หากแต่เป็นเชื่อของกิเลสชนิดหนึ่งเป็นตัวกระตุ้น แล้วทำใจให้เศร้าหมอง ขุ่นมัว ทุรนทุรายอยากว่าร้าย ใส่ร้ายคนอื่น จนแสดงอาการออกมา

    นอกจากนั้น การนินทาถือเป็นการทำผิดศีลอีกด้วย ดิฉันรับรู้รับฟังเรื่องการนินทาว่าเป็นสิ่งไม่ดี แต่ไม่เคยคิดว่าจะนำพาเคราะห์กรรมหนักหนามาให้ จนกระทั่งวันหนึ่ง ดิฉันก็ได้ประสบกับเหตุการณ์นั้นแบบต่อหน้าต่อตาด้วยตัวเอง

    เพื่อนบ้านของดิฉันชื่อคุณมารศรี อายุ ราว 50 ปลายๆ เธอเปิดร้านของของชำอยู่ใกล้บ้านของดิฉัน ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าคุณมารศรีเป็นคนช่างคุย ช่างเมาท์และช่างนินทาเป็นที่หนึ่งของหมู่บ้าน หากใครอยากรู้เรื่องอะไรของใครก็จะเข้าไปกระแซะถามจากคุณมารศรี เธอก็จะเล่าได้เป็นคุ้งเป็นแคว หลายครั้งเรื่องราวที่เธอเล่าไม่ได้เป็นความจริงเลยสักนิด แต่เมื่อเธอใส่สีตีไข่เข้าไป คนที่ได้ฟังก็นำไปเล่าต่อๆกัน นำความเดือดร้อนมาสู่คนที่เธอนินทาอยู่เนืองๆ แม้เธอจะทำตัวเป็นกรมกระจายข่าวที่ช่วยให้คนอื่น “ทันเหตุการณ์” แต่กลับไม่มีใครรัก นับถือ ชื่นชมเธอเลย มิหนำซ้ำ คนช่างนินทาอย่างเธอก็ถูกคนอื่นนินทาเอาเหมือนกัน คุณมารศรีแต่งงานอยู่กินกับสามีมาหลายปี แต่ก็ยังไม่มีลูกเมื่ออายุเข้าใกล้วัยกลางคน สามีของคุณมารศรีจึงขออนุญาตภรรยาเพื่อไปบวชเป็นพระตลอดชีวิต

    บวชอยู่หลายปี ในที่สุดก็ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสของวัดซึ่งมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง เพื่อนบ้านบอกว่า พระรูปนี้นำเอาข้าวของที่ผู้มีศรัทธานำมาถวายท่านมาให้คุณมารศรีผู้เป็น ภรรยาขายที่ร้านขายของชำ สังเกตได้จากข้าวของที่นำมาขายนั้นมักเป็นข้าวของเครื่องใช้ที่ผู้คนนิยมนำ ไปถวายพระนอกจากนี้ บางครั้งคุณมารดศรียังเผลอเล่าในเชิงอวดว่า ตัวเองมีกินมีใช้ ไม่ลำบากอะไร เพราะมีบุญเก่า มีคนช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูอยู่แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าการนำข้าวของที่คนอื่นถวายพระมาขายเพื่อนำ เงินมาใช้ส่วนตัวเป็นสิ่งที่ผิด แต่คุณมารศรีก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ระยะหลังๆ ถ้าหากใครถามเรื่องนี้ เธอมักจะบอกว่า ที่วัดไหนเขาก็ทำกัน ขายของได้เธอก็นำเงินไปถวายวัดนั่นแหละ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถมีใครรู้ได้ว่าเธอนำเงินไปถวายวัดอย่าง ที่พูดจริงหรือไม่

    แล้ววันหนึ่ง เหตุการณ์ร้ายก็เกิดขึ้นกับคุณมารศรีโดยไม่ทันตั้งตัว หนึ่งเดือนหลังจากที่คุณมารศรีเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาโรค หัวใจอยู่ดีๆระหว่างที่เธอกำลังยืนคุยอยู่กับดิฉัน เธอก็เป็นลมล้มพับลงไปต่อหน้าต่อตา เมื่อดิฉันพาไปหาหมอจึงพบว่า เธอมีอาการหลอดเลือดในสมองตีบ คุณหมอบอกว่า คนที่ป่วยเป็นโรคนี้มักจะมีอาการชาหรืออ่อนแรงครึ่งซีกทันทีทันใด ซ้ำร้ายไปกว่านั้น กล้ามเนื้อของคุณมารศรีก็ยังยึด ทำให้ร่างกายบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่าง ปากที่เคยค่อนแคะ นินทาคนอื่นมานักต่อนักของคุณมารศรีบิดเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ดูแล้วน่าเกลียดน่ากลัว คล้ายคนกำลังร้องไห้โหยหวนไม่มีผิด แม้คุณมารศรีจะพยายามรักษาด้วยการไปหาทั้งหมอพื้นบ้าน หมอแผนปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาอาการแขนขาอ่อนแรง ชาครึ่งซึก พูดไม่ชัด และปากเบี้ยวให้หายขาดได้

    เพื่อนบ้านได้แต่มองคุณมารศรีอย่างสังเวช ต่างพูดกันว่า นี่คงเป็นผลกรรมจากการที่ชอบนินทาคนอื่น มิหนำซ้ำยังนำข้าวของที่คนอื่นถวายวัดมาขาย นำเงินเข้ากระเป๋าตัวเองอีกด้วย ผลกรรมที่ทำไว้จึงรุนแรง ทำให้ได้รับผลอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ดิฉันได้ประสบมากับตัว จึงสามารถบอกได้ว่าคำพูดของคนเรามีอานุภาพมาก ดังนั้นจะคิด พูด ทำสิ่งใด เราต้องมีความระมัดระวัง อย่าประมาทว่า “เป็นแค่เพียงคำพูด”เพราะไม่เช่นนั้นก็อาจประสบกับเคราะห์กรรมอย่างคุณมารศรีก็ เป็นได้

    ที่มา: เคราะห์กรรมของคนช่างนินทา | สถานีธรรมออนไลน์ 24 ชั่วโมง


    ------------------------------------------

    **ข้อคิดสำหรับผู้ถูกนินทา**

    นินทานั้นไม่มีโทษ...แก่ผู้ถูกนินทาเลย...ผู้ถูกนินทาพึงมีเหตุผล

    คำ นินทาใดๆ ไม่อาจทำคนดีให้เป็นคนไม่ดีไปได้ คนจะดีก็เพราะกรรม คนจะเลวก็เพราะกรรม หาใช่จะดีเพราะสรรเสริญ หรือจะเลวเพราะนินทาก็หาไม่ ควรถือความจริงนี้เป็นสำคัญ และอย่าทำหรือไม่ทำอะไรเพราะกลัวนินทาหรือเพราะปรารถนาสรรเสริญ อย่าทำอะไรก็ตามทุกอย่างที่แม้เพียงสงสัยว่าเป็นกรรมไม่ดี แต่จงทำอะไรก็ตามทุกอย่างที่พิจารณาแล้วตระหนักแน่ชัดว่าเป็นกรรมดีเท่ากัน แม้ว่าการทำกรรมดีจะมีผู้นินทา

    นินทานั้นไม่มีโทษแก่ผู้ถูกนินทา เลย ถ้าผู้ถูกนินทาไม่รับ คือไม่ตอบ เช่นเดียวกับผู้ถูกด่าไม่ด่าตอบ ผู้ถูกขู่ไม่ขู่ตอบ ผู้ถูกชวนวิวาทไม่วิวาทตอบ แต่คำนินทาว่าร้ายทั้งหลายจะตกเป็นของผู้นินทาทั้งหมด ผู้นินทาคือผู้ทำกรรม ซึ่งเป็นกรรมไม่ดี ไม่ว่าผู้ถูกนินทาจะรับหรือไม่รับก็ตาม ผู้นินทาย่อมได้รับผลไม่ดีแห่งกรรมไม่ดีของเขาอย่างแน่นอน

    ดังนั้น แม้เมื่อถูกนินทาแล้ว ก็ให้คิดว่าผู้นินทาเราได้รับการตอบแทนแล้ว คือได้รับผลของกรรมไม่ดี ซึ่งจะส่งผลให้ปรากฏช้าหรือเร็วเท่านั้น ผลของกรรมไม่ดีนั้นแหละได้ตอบแทนเขาผู้นินทาแล้ว เราไม่มีความจำเป็นต้องตอบแทนแต่อย่างใด

    ความเชื่อในเรื่องกรรมและ ผลของกรรมมีคุณอย่างที่สุด ผู้ใดทำกรรมไว้จักได้รับผลของกรรมนั้น ความเชื่อเช่นนี้จักทำให้ไม่คิดร้ายตอบผู้คิดร้าย เป็นการระงับเวรภัยไม่ให้เกิดแก่ตน เป็นการป้องกันตนมิให้ทำกรรมไม่ดี ทั้งทางกายวาจาและใจ โดยมุ่งให้เป็นการแก้แค้นตอบแทน ผลจักเป็นความสงบสุขแก่ตนและแก่ผู้อื่นด้วย

    ที่มา
    หนังสือ: การบริหารจิตสำหรับผู้ใหญ่
    โดย: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2010
  2. จิตปรุง

    จิตปรุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +802
    อนุโมทนาค่ะ
    เป็นคำสอนที่ดีมากๆๆค่ะ
    ทำได้ดังนี้แล้วสบายใจจริงค่ะ
    เจริญในธรรมค่ะ
     
  3. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,676
    ค่าพลัง:
    +2,294
    มีสรรเสริญ มีนินทา เป็นของคู่กัน อย่ายึดมั่นถือมั่น
     
  4. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    อนุโมทนาค่ะ อ่านแล้วเตือนใจได้ดีเลยค่ะ

    เศรษฐีเรือทอง.....
    รวยเสียให้เข็ด
     
  5. sss12

    sss12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +1,081
    สาธุๆค่ะ เป็นเรื่องใกล้ตัวจริงๆ ทำผิดก็บ่อยค่ะ เลยอยากเตือนสติเพื่อนๆทุกท่าน

    เพราะบางที ก็เป็นสิ่งที่พูดไปเพราะขาดสติ คิดไม่ถึงว่าจะบาป แต่มองว่าเป็นข้อเท็จจริง

    ทำไมจะพูดไม่ได้....ซึ่งบางเรื่องแม้เป็นเรื่องจริง หากไม่เกิดประโยชน์อะไร ก็ไม่พึ่งกล่าว

    ให้บุคคลที่สามเขาเสื่อมเสียค่ะ ต้องระวังให้มากจริงๆค่ะ
     
  6. liliwan

    liliwan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +27
    ขอบคุณสำหรับแง่คิดดี ๆ ค่ะ
    ควรจะพูดให้น้อยเท่าที่จำเป็นดีที่สุดค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...