กรรมของคนเราเหมือนเมล็ดพืชที่ถูกหว่านลงดิน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย NUI, 17 มิถุนายน 2005.

  1. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    กรรมของคนเราเหมือนเมล็ดพืชที่ถูกหว่านลงในดิน
    เทศนาโดยหลวงตามหาบัว

    เมื่อเราได้คิดได้พูดได้ทำอะไรลงไปแล้ว มันก็เริ่มก่อผลเป็นวิบากขึ้นในจิต ซึ่งเป็นประจุกรรม เหมือนข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ เราจะไปลบ ไปล้าง ไปเปลี่ยน ไปแปลงอะไรไม่ได้อีกแล้ว ได้อยู่อย่างเดียวคือ คอยจนกว่ามันจะงอกออกมา และผลิดอกออกผลให้เราเก็บเกี่ยว

    ด้วยเหตุนี้ท่านจึงสอนว่า สิ่งที่ทำลงไปแล้ว อย่าย้อนคิดเสียดาย อย่าเก็บมากังวลครุ่นคิด แต่ก่อนจะกระทำสิ่งใด ให้ไตร่ตรองจนรอบครอบเสียก่อน ด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุผล
    ก่อนจะทำเรามีโอกาสเต็มที่ว่าจะทำอย่างไร เพื่อที่จะไม่ย้อนคิดเสียใจ เสียกำลัง เสียเวลาที่จะล้มล้างสิ่งที่เอาคืนมาอีกไม่ได้แล้ว
    ก่อนจะทำนั้นจะตรึกตรองอย่างไร จะเลือกเฟ้นอย่างไร ไม่เป็นปัญหา เวลามีอยู่ เรามีสิทธิเต็มที่ที่จะขีดเส้นที่เราต้องการจะไป ที่เราต้องการจะเป็น ที่เราต้องการจะได้
    แต่ครั้งหนึ่งที่ได้กระทำลงไปแล้ว จบสิ้นไปแล้ว พอสิ่งนั้นผ่านพ้นไปแล้ว เป็นเงาไปแล้ว เหมือนนกที่เกาะอยู่ พอมันขยับปีกบินไปแล้ว เราหารอยของมันไม่เจอ เหลือรอยอะไรทิ้งไว้ในอากาศที่บินผ่านไปเลย หรือเหมือนเราขีดไปในน้ำ ขีดแล้วก็หายไปไม่มีอะไรเหลือ

    เหตุอันใดก็ตามที่เป็นอดีตไปแล้ว เป็นอย่างนั้นคงเหลือแต่ผล ซึ่งจะงอกผลิดอกออกผลมาให้เราเก็บเกี่ยวใช้สอย
    อนาคตก็เช่นกัน ถ้าเราทำเหตุในปัจจุบันเฉพาะหน้าแต่ละขณะด้วยความรอบคอบ ด้วยความแน่ใจ มั่นใจ ไม่ต้องห่วงว่าอนาคตจะดีหรือไม่ดี สมมติว่าเราอยากได้มะม่วงเขียวเสวย ถ้าเรารอบคอบ เลือกเม็ดมะม่วง และแน่ใจว่าเป็นเขียวเสวย เอาเพาะลงดิน รับรองว่าถ้าเม็ดนี้งอกขึ้นเมื่อไหร่ เราต้องได้มะม่วงเขียวเสวยแน่ๆ ไม่มีทางจะกลายเป็นขนุน เป็นละมุด หรือต้นอะไรอื่นใดเป็นอันขาด เมื่อเห็นจริงดังนี้ เราอยากได้สิ่งใดในชีวิต ก็โปรดรอบคอบกับการกระทำทุกๆอย่าง แล้วผลในอนาคตไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวล เป็นที่แน่นอนว่า จะต้องเป็นไปดังใจปารถนา

    แต่โปรดอย่าเพิ่งทึกทักว่า ทุกๆอย่างจะเป็นดังนี้ทั้งหมด เพราะกรรมที่เราทำนั้นย่อมมีวาระแตกต่างกัน เช่นเมล็ดพืชบางชนิดต้องเพาะไว้เป็นเดือนจึงจะงอก แต่เมล็ดพืชบางชนิดโปรยเมล็ดทิ้งไว้
    วันสองวันก็งอกแล้ว กรรมของเราก็เช่นกัน บางสิ่งเราได้ทำไว้แต่เก่าก่อน จนความจำอันน้อยนิดของเรา ระลึกไม่ได้แล้วมันเพิ่งส่งผลออกมา เราจะไปลงความเห็นว่า ไม่จริงเลยที่ว่า เราคือผู้รับผลแห่งการกระทำของเรา ยังไม่ได้

    ตราบเท่าที่จิตของเรายังไม่ละเอียด ยังไม่รู้แจ้งเห็นจริงรอบไปหมดอย่างพระพุทธองค์ เราจะไม่สามารถหาต้นเหตุแต่ละอันๆ ให้เห็นแจ่มแจ้งชัดทุกกรณี หากพากเพียรฝึกฝนจิต ( ฝึกสมาธิ,วิปัสสนา) เรื่อยๆไปไม่ละไม่ถอย ก็จะมีหลายสิ่งมาแสดงให้เห็น ให้เกิดศรัทธาอันมั่นคงว่า
    การกระทำ คำพูด ความคิดของเรา คือตัวผลิเป็นดอกผลให้เก็บเกี่ยว เราเป็นผู้รับผลของการกระทำของเราเองจริงๆ หากกรรมมีว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น แม้จะพยายามหลบเลี่ยงอย่างไรก็หลบเลี่ยง
    ไม่พ้น เพราะฉะนั้นถ้าเราเป็นหนี้ใครอยู่ เวลาถูกเจ้าหนี้ทวง ก็อย่าหลบเลี่ยง แต่ให้บอกตัวเองว่าครั้งหนึ่งเราโง่ เรา เซ่อ ไปก่อหนี้สินล้นพ้นตัวเอาไว้ บัดนี้เราเข้าใจแล้ว เรารู้แล้ว ก็หน้าชื่นตาบานรีบ
    ใช้หนี้เสีย พร้อมทั้งระมัดระวังที่จะไม่ก่อหนี้ใหม่ขึ้นมาอีก วันหนึ่งบัญชีหนี้ย่อมต้องหมดไป เหมือนเรามีน้ำสกปรกอยู่โอ่งหนึ่ง และเรารู้ว่าน้ำโอ่งนี้สกปรก เราก็ตั้งหน้าตั้งตาวิดทิ้ง โดยไม่เผลอใส่สิ่งสกปรกเข้าไปอีก วันหนึ่งน้ำในโอ่งสกปรกนี้ก็หมด เราก็ล้างโอ่ง แล้วเอาน้ำใสสะอาดใส่เข้าไปแทน โอ่งของเราก็จะมีแต่น้ำดี น้ำบริสุทธิ์ เอาไปใช้กิน ใช้ดื่ม ใช้ทำอะไรก็ได้
     
  2. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +433
    ช่ายแล้วฮับ... (b-glass)
     
  3. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    มันต้องใช่อยู่แล้วไม่ใช่ช่าย (b-smile)
     

แชร์หน้านี้

Loading...