กรรมอะไรทำให้เกิดเป็น หญิง หรือ ชาย

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย jikkiijang, 15 ตุลาคม 2015.

  1. jikkiijang

    jikkiijang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    215
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +335
    เดิมทีเราเป็นเพศอะไรกันแน่ครับ เราเกิดเป็นชายทุกๆ ชาติ หรือเกิดเป็นหญิงทุกๆ ชาติ หรือเป็นไปได้ไหมว่า เราต้องเกิดเป็นหญิงบ้าง เกิดเป็นชายบ้างสลับกันไปมา
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ไม่มีเพศ จิตไม่มีเพศ


    แต่ที่เกิด ชาย ญ เพราะไปตามแรงกรรม ที่ได้สร้างสมมา หรือ ตามกรรม วิบากกรรม
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เกิดเป็นหญิง เกิดเป็นชาย <hr style="color:#998049; background-color:#998049" size="1"> ถาม : ถ้าในชาติปัจจุบันเราเป็นผู้หญิง แล้วชาติหน้าเราอยากเกิดเป็นผู้ชายต้องทำอย่างไรบ้างคะ ?
    ตอบ : ๒ อย่าง ประการแรก ถ้าแต่งงานก็ต้องเคารพสามีเหมือนพ่อ ชาติต่อไปจะเกิดเป็นผู้ชาย ประการที่สองสร้างบุญใหญ่ อย่างเช่นว่าสร้างโบสถ์คนเดียวหลังหนึ่งไปเลย หรือเป็นเจ้าภาพพระประธานหน้าตัก ๔ ศอก ๘ ศอก แล้วตั้งความปรารถนาว่า ผลบุญที่เราทำในชาตินี้ ชาติใหม่ขอให้เกิดเป็นผู้ชาย แล้วจะไปเกิดให้ทุกข์ทำไม ? ...(หัวเราะ)...

    ถาม : เพราะคิดว่าชาตินี้คงไม่ทัน ขอชาติหน้าอีกชาติหนึ่ง แล้วนิสัยผู้หญิงจะติดไปอีกชาติไหมเจ้าคะ ?
    ตอบ : การที่เราเกิดเป็นผู้หญิง เพราะเราสร้างบารมีมาน้อย หรือไม่ก็อธิษฐานเอาไว้ ตั้งใจจะเกิดไปเป็นเนื้อคู่ของบุคคลอื่น แต่ถ้าสร้างบารมีมาถึงอุปบารมีขั้นปลายจะเกิดเป็นผู้ชายไปเรื่อย ยกเว้นว่าผู้ชายคนนั้นเจ้าชู้มากเมีย ก็จะถูกบังคับไปเกิดเป็นผู้หญิงเพื่อชดใช้กรรมเหมือนกัน

    เพราะฉะนั้น..อย่ามาเรียกร้องสิทธิสตรี เพราะว่าผู้หญิงส่วนมากยังสร้างบารมีมาน้อยกว่า ผู้หญิงบางคนที่สร้างบารมีมามหาศาลแล้วยังเป็นผู้หญิงอยู่ เพราะว่าตั้งใจมาเป็นเนื้อคู่เขา อย่างเช่นตั้งใจเกิดเป็นเนื้อคู่ของพระโพธิสัตว์องค์นั้น...องค์นี้ ก็จะเกิดเป็นผู้หญิงต่อไป นั่นบารมีท่านท่วมหัว มากกว่าเราหลายเท่าเลย

    ถาม : แล้วอย่างพวกกะเทย ?
    ตอบ : อันนั้นว่าเขาไม่ได้ เพราะเขาอยู่ในจุดระหว่างกึ่งกลางพอดี อย่างเช่นว่า บุคคลที่เริ่มจากหญิงจะเป็นชาย...นิสัยความเป็นชายจะมาก่อน เราไปว่าเขาเป็นทอม ที่เพิ่งเริ่มเป็นชายแต่ว่ามาจากผู้หญิงใหม่ ๆ นิสัยผู้หญิงกระตุ้งกระติ้งจะติดมาเราก็ไปเรียกว่าพวกตุ๊ด แต่ความจริงแล้วเป็นเรื่องกฎของกรรมที่ปกติ

    ถ้าเรามองเห็นตรงจุดนี้ได้ไม่ต้องไปตำหนิใคร เพียงแต่ว่าพวกอุปบารมี ช่วงนี้มาเกิดเยอะไปหน่อย ใช่ไหม ?...ก็อาจมีผู้ชายใส่เกาะอกอะไรอย่างนี้ ...(หัวเราะ)... เห็นมาหรือยัง ? มีจริง ๆ นะ บังเอิญอาตมาตาไวเห็นเข้า แหม ! แล้วเขาเองก็อยากให้มอง พอมองนี่ เชิดเชียว ...(หัวเราะ) ...น่ารักนะ


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔


     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ช่วงแรกของเล่ม "กรรมฐาน ๔๐"
    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนตุลาคม ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ


    ถาม : บุญที่สามารถส่งเสริมให้ผู้ชายก็ดี ผู้หญิงก็ดี เข้าถึงธรรม คือผมไม่ทราบว่า ในชาติหน้าเราจะได้เกิดเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ต้องทำบุญอย่างไร ?
    ตอบ : ทาน ศีล ภาวนา สามอันนี้เป็นบุญใหญ่ที่สุดในพระศาสนา ท่านบอกว่าบุญกริยาวัตถุ คือ การกระทำที่เป็นบุญ มี ๑๐ อย่าง ทานมัย การให้ทาน ศีลมัย การรักษาศีล ภาวนามัย การปฏิบัติภาวนา สามอย่างนี้ใหญ่ที่สุด ถัดจากนั้นก็เป็นอปจายนมัย คือ การนอบน้อมถ่อมตน เวยยาวัจมัย คือ การช่วยเหลืองานบุญของคนอื่นให้สำเร็จลง ปัตติทานมัย การทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้เขา ปัตตานุโมทนามัย เห็นเขาทำดีแล้ว โมทนากับเขา ธัมมัสวนมัย ฟังธรรมแล้วนำไปปฏิบัติ ธัมมเทสนามัย ปฏิบัติได้แล้วไปสอนคนอื่นต่อ แล้วตัวสุดท้าย ทิฏฐุชุกัมม์ มีความเห็นถูกว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนมานั้นถูก เราจะปฏิบัติตาม
    ถาม : แล้วต้องอธิษฐานด้วยหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : คำว่า อธิษฐาน คือ ความตั้งใจ ถ้าหากว่าเรามีความตั้งใจมั่นคงเท่าไร ผลมันก็เกิดได้ง่ายเท่านั้น
    ถาม : ก็คือว่า ถ้าเราอธิษฐานให้เกิดเป็นผู้ชายทุกชาติ ?
    ตอบ : อ๋อ...โอกาสนั้นยาก การจะได้เกิดเป็นผู้ชาย ต้องสร้างบารมี จนถึงระดับอุปบารมีขั้นปลาย จำไว้ ผู้หญิงกับผู้ชาย จะมีความต่างกัน ตรงจุดที่ว่า ถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงที่ตั้งใจสร้างบารมีต่อกันมาจริง ๆ ถ้ายังไม่ถึงอุปบารมีขั้นปลายเมื่อไรจะยังไม่เกิดเป็นผู้ชาย จะเกิดเป็นผู้หญิงเรื่อยไป
    ยกเว้นผู้หญิงบางประเภท อย่างเช่นผู้ตั้งใจจะเป็นพุทธมารดา อย่างหนึ่ง ผู้ที่ตั้งใจจะเป็นเนื้อคู่ของพระโพธิสัตว์อย่างหนี่ง ท่านเหล่านี้ จะเป็นปรมัตถบารมีแล้วก็จะเกิดเป็นผู้หญิง แต่ถ้าไม่ใช่ท่านทั้งหลายเหล่านี้แล้ว จะเกิดเป็นผู้ชายได้ต่อเมื่อเป็นอุปบารมีขั้นปลาย
    การสร้างบุญ มีอยู่ ๓ ระดับ ๙ ขั้น ก็คือ สามัญบารมี (ขั้นต้น) มีหยาบ กลาง ละเอียด อุปบารมี(ขั้นกลาง) มีหยาบ กลาง ละเอียด ปรมัตถบารมี (ขั้นปลาย) มีหยาบ กลาง ละเอียด เราต้องถึงอุปบารมีขั้นกลาง ผู้หญิงจะเริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นผู้ชาย
    คราวนี้ตอนค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นผู้ชาย นิสัยห้าวเริ่มปรากฏ สมัยนี้เขาเลยเรียกกันว่าทอม แล้วพอเริ่มเปลี่ยนเป็นผู้ชายใหม่ ๆ นิสัยผู้หญิงก็ยังอยู่ ก็เลยกลายเป็นตุ๊ดไป จริง ๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพียงแต่ว่าระยะนี้พวกนี้ปรากฏเยอะหน่อยเท่านั้นเอง ถ้าเรารู้ในเรื่องของกรรมว่า ยถากรรมมุตาญาณ คือว่า คนเราทำอะไรแล้วจะได้ผลอะไร การกระทำทุกอย่างจะส่งผลแบบไหน ๆ ก็จะเห็นเป็นเรื่องปกติ คืออยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง ถ้าหากว่าทั่ว ๆ ไป อันดับแรกไม่ใช่ผู้หญิง ที่ตั้งใจจะเกิดเป็นพุทธมารดา ไม่ใช่ผู้อธิษฐานจะเกิดเป็นเนื้อคู่พระโพธิสัตว์โดยตรงแล้ว ถ้าถึงอุปบารมีขั้นกลางก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นผู้ชาย ดังนั้นว่า ๆ ไปแล้ว ผู้หญิงจะสร้างบารมีมาน้อยกว่า
    ถาม : คนเราถ้ามีคู่บารมีแล้ว จะลาขาด กันได้เมื่อไร ?
    ตอบ : อยู่ที่ว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ความมุ่งมั่นมีเท่าไร
    ถาม : ถ้าเกิดว่าฝ่ายผู้ชาย เขาไม่ยอมให้ลา ?
    ตอบ : มันไม่เกี่ยวกัน การลาอยู่ที่ความตั้งใจของเรา ถ้ากำลังของเราสูงพอ ก็ไปแน่บอยู่แล้วแหละ เอาอย่างนี้สิ หาทางทำบุญใหญ่ ถ้าหากว่าใครสร้างพระประธานหน้าตัก ๔ ศอก เราสร้างด้วย พอสร้างเสร็จก็อธิษฐานบอกว่าผลบุญนี้ขอให้เราละความปราถนาพระโพธิญาณ ขอละความปรารถนาเดิมทุกอย่าง ขอเข้านิพพานในชาตินี้ อะไรก็ว่าไป
    ถาม : คนที่เป็นคู่บารมี กำลังบุญที่เรามาต่างกันไหมคะ ?
    ตอบ : ส่วนใหญ่จะทำมาด้วยกัน ต่างคนต่างทำมาด้วยกัน จะต่างกันที่ไหน ถึงเวลาเขาก็โผล่หัวมา รวมหัวกันทำไปเรื่อย ๆ
    ถาม : เขาบอกว่าถ้าจะลา กรรมที่เคยทำร่วมกันมาจะย้อนกลับเข้าตัว
    ตอบ : มันก็ไม่ได้ย้อนเราคนเดียว ย้อนเขาด้วย
    ถาม : แล้วที่เขาขู่ก็ไม่ถูกต้องใช่ไหม ?
    ตอบ : เขาเข้าใจอย่างนั้น แต่ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น อย่าลืมว่า กรรมทั้งหมดใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้
    ถาม : ............(ไม่ชัด)..............
    ตอบ : ควรจะภูมิใจนะ ทำบุญมาเหมือนนางปัญจปาปา หรือเปล่าก็ไม่รู้ แม่เจ้าประคุณนั้น หน้าตาห่วยแตกที่สุดในพระไตรปิฎก ปัญจปาปา แปลว่า ประกอบด้วยลักษณะอัปลักษณ์ทั้งหมด ๕ อย่าง ประเภท จมูกหัก ฟันเหยิน หูบี้ อย่างนั้นแหละ แต่ถ้าใครเผลอเข้าไปแตะตัวแกเข้าจะยืนตาลอยอยู่ตรงนั้นแหละ เขาบอกว่าแกมีเนื้อเป็นทิพย์ ผู้ชายแตะตัวไม่ได้ แตะตัวจะหลงเสน่ห์แก ไปไหนไม่เป็นเลย เขาบอกว่าในอดีตชาติ นางปัญจปาปา เขาเกิดเป็นลูกสาวของช่างปั้นหม้อ พระปัจเจกพุทธเจ้าจะสร้างกุฏิ ทีนี้ข้างฝาเขาจะใช้ดิน ผสมพวกเศษหญ้าหรือพวกเศษผ้าเก่า ๆ แล้วก็ไปยาอุดรอยต่อ เพื่อกันพวกลมเข้า หน้าหนาว มันจะแย่ใช่ไหม ? แล้วมาบิณฑบาตขอดินที่บ้าน แม่นั่นกำลังโมโหพ่ออยู่ ก็เลยปั้นดินได้แล้วก็ทุ่มใส่บาตรไปเลย แกทำบุญนะ แต่ทำด้วยโทสะ คราวนี้ผลจากทำบุญด้วยโทสะ เกิดมาหน้าตาก็เลยบู้บี้ดูไม่ได้กับใครหรอก เขาเรียกว่าปัญจปาปา แปลว่าอัปลักษณ์ ๕ อย่าง แต่แกมีเนื้อเป็นทิพย์ ใครเผลอไปแตะก็เสร็จเลย คนที่ซวยที่สดุเผลอไปแตะรู้ไหมใคร พระราชาไง เสด็จผ่านไปหิวน้ำ ขอกินน้ำหน่อย แกตักน้ำส่งให้ ดันไปจับมือแกเข้า พระราชาก็เลยเดินตาลอยไปเลย ตั้งแต่นั้นมา ก็ต้องย่องไปหาแม่เจ้าประคุณทุกคืน ๆ ผู้หญิงคนไหนก็ไม่สนใจ ต้องย่องไปหาแม่นี่ให้ได้
    เลยเกิดความคิดว่า เราจะตั้งนางเป็นอัครมเหสี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลักลอบไปกันอย่างนี้ ถึงพ่อแม่จะอนุญาตก็จริง แต่ว่ามันไม่เปิดเผยพอ ไม่เป็นลูกผู้ชายพอ ทำนองนั้น แล้วเราจะทำอย่างไรดี ให้คนอื่นเขายอมรับได้ คราวนี้ท่านเป็นพระราชา ก็ต้องฉลาดพอไปกลางคืน ไปหาเสร็จก็เลยถอดพระธำมรงค์ คือแหวนประจำพระองค์ใส่ให้นางปัญจปาปา พอถึงเวลาแกก็ลากลับไป คราวนี้แกไปกลางคืน มาทีไรก็มืดตื๋อจะจุดไฟก็ไม่ต้อง นางปัญจปาปาก็ไม่รู้จักเลยว่าผัวหน้าตาเป็นอย่างไร บอกว่าถ้าจับมือนี่จะรู้ เพราะว่าจำได้
    คราวนี้พระราชาพอตื่นเช้าก็แกล้งโวยวายว่า ใครขโมยพระธำมรงค์ไป คราวนี้พวกที่เดือดร้อนก็บรรดาข้าราชบริพารก็วิ่งกันพล่านเลยสิ อยู่ ๆ แหวนประจำพระองค์หายไป ท่านสั่งให้ค้นบ้านทุกบ้านในพระนครนี้ ค้นไปค้นมา ไปถึงบ้านนางปัญจปาปา ไม่ต้องค้นแล้ว นางใส่โชว์อยู่กับนิ้วนี้ เลยจับตัวไป แกก็ยืนยันเสียงแข็ง พระราชาเขาแกล้งถามเป็นของใคร ขโมยไปแต่เมื่อไร ใครขโมยให้ หรือใช้ใครขโมยก็ว่าไป แกก็ยืนยันว่าผัวฉันให้ ก็ถามว่าผัวแกเป็นใคร บอกไม่รู้จักหรอก เขามาทีไรก็มาตอนกลางคืน มืดทุกที จุดไฟก็ไม่ยอมให้จุด แล้วว่าจำผัวได้อย่างไร ก็บอกว่าถ้าจับมือก็จำได้ ในเมื่อจับมือจะจำได้ เขาก็เลยให้นางปัญจปาปา ไปอยู่ในกระโจมผ้า เสร็จแล้วให้ผู้ชายยื่นไปทีละคน ก็เกณฑ์ไปทั้งเมืองเลย ยื่นมือไปจับเสร็จ ก็บอกคนนี้ไม่ใช่ผัวไปเรื่อย พวกผู้ชายก็ยืนตาลอยกันเป็นฝูงเลย จนกระทั่งหมดเกลี้ยงทั้งเมืองแล้ว ก็ให้พวกเชื้อพระวงศ์ พวกอำมาตย์ ราชบริพาร มาจับกันทุกคน แกก็บอกว่าไม่ใช่ พระราชาก็บอกว่าในเมื่อไม่มีใครลองจับของฉันดูบ้าง ก็ยื่นมือไป พอคว้าปุ๊บก็บอกคนนี้แหละผัวฉัน พระราชาก็บอกว่าในเมื่อเป็นผัว ก็จะตั้งเมียคนนี้เป็นพระอัครมเหสี มีใครค้านไหม ? ตอนนั้นทั้งเมืองไม่มีใครค้านแล้ว มันยืนตาลอยกันหมดแล้ว ก็เลยเป็นพระอัครมเหสีเลย ระวังเอาไว้ว่าอาจทำบุญมาอย่างนี้ก็ได้ แหม...มีเสน่ห์เยอะจัง

     
  5. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +494
    พ่อแม่อยากให้เป็นครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...