กรรมเก่าของผมเมื่อสมัยเป็นเทวทัต กำลังจะหมดไป

พึ่งตื่นครับ เมื่อกี้ หลับไป ก็ไปเจอคนที่ตายไปแล้ว
ร้องเพลง อะโฮลนิวเวิลด์ ในฝัน เพราะเปิดนอนฟังแล้วหลับไป

 

ที่จริง ผมก็อยากมีอภิญญากับเขาเหมือนกัน
แต่พอไปดู วิธ๊ฝึก แหม ทำไมมันยุ่งยากจัง ..ท่าจะนาน ก็เลยไม่ฝึก
เคยเพ่งวงกลมสีแดง พอเอาเข้าจริง เมื่อจิตพุ่งทะลวงอุโมงค์ กลับถอน
กลับไม่อยากไปเห็นอะไร.เอ้า แบบนี้ ก็เป็น...พอท่านอาจารย์พาไปดูนอกโลก
กลับไม่อยากไป ...อยากเห็นก็อยากเห็น ไม่อยากไปก็ไม่อยากไป

อยากเห็น แต่ไม่อยากทำ...มันขัดกันเอง

 

ทุกวันนี้ มันเลย ไปด้วยความฝัน..คือ หลับแล้ว ค่อยไป บางทีในฝันยังไม่อยากไป แต่ก็ต้องไปตามความฝัน...เผื่อได้เรียนรู้ ได้ช่วย..ง่ายกว่าต้องไปนั่งสมาธิ
แล้วกำหนดจิตไป..

ไปด้วยความฝันนี่ ก็สบายดี ตื่นมาก็ สบายไปด้วย..ได้พักผ่อนเอนกายไปด้วย

 

จะนอนก็ไม่ได้ กำหนดอยากฝัน ไม่ได้คิดอะไรนะ มันฝันของมันเอง
เหมือน เป็นงานที่ต้องรู้ ต้องดู ต้องเรียน ต้องทำ ต้องฝึก อะไร ประมาณนี้
มันเหมือน มีอะไรมาดลใจให้ง่วง ให้นอน เพื่อสื่อสารกัน
เพราะผม อนุญาต ให้สื่อสารตอนหลับได้..ตอนลืมตา มันไม่เหมาะ เพราะต้องทำอย่างอื่น ไปด้วย..คุยคนเดียว คนอื่นจะว่าเราบ้า (เขาก็ว่าไปแล้วแหล่ะ)
ความจริง มันก็ต้องรับแขกได้ทุกเวลานั่นแหล่ะครับ เพราะ คนเรา มันจะป่วย
จะสงสัย จะอยากรู้ มันก็มีเลยปุ๊บปั๊บ..ถ้ารอนาน มันจะลืมสภาวะอารมณ์ที่เขาเป็น
เราต้องเข้าใจ คนที่เขามีทุกข์ ครับ

 

แต่ ก็ไม่มี ใคร กล้ามาคุยเท่าไหร่ เหมือนที่เห็นนี่แหล่ะครับ
ทั้งที่ ก็คุยด้วยได้ทุกคนนะครับ..ถ้ามา แบบ ตั้งใจดี
แต่ถ้ามาแบบ ตั้งใจไม่ดี ก็ไม่ควรคุย มาได้นะ แต่ไม่ควรคุย
เหมือนลุงกล้วยดิบ ที่ มาเพื่อ แอบแฝง โฆษณา หลวงตาหลังไมล์
น่าเบื่อมาก คนแบบนี้

ผมก็เลย อวด อาจารย์ผม เพื่อ อวดมั่ง อิอิ
หลังไมล์ ลับๆล่อๆ หรือจะมาสู้ หน้าเวที

 

หึหึ
หลังไมค์ดีกั่วเยอะ ไม่ได้โม้!!!

 

ทำลับๆล่อๆ แบบนี้ ...โม้ชัดๆ
สงสัย จะไม่กล้าพบปะผู้คน...ทำตัวเหมือนโจร ..นะเนี่ย
แก้งค์หลังไมล์ อิอิ

ช่วงนี้ไม่มีประเด็นเปิดใหม่เหรอ...เรื่องใจ น่ะ

แม่สาวน้อยยยย...

 

เอ้าท่านอื่น มีอะไรจะถามมั้ยครับ
ถามในใจมาได้เลยครับ....ถ้าตอบได้จะตอบครับ

เรื่องจิต พูดมาเยอะละครับ
เรื่องภาษาเทพ อยากฟัง...ฟังรู้เรื่องเหรอครับ

 

เขาไม่เรียกภาษาเทพหรอกครับ เขาเรียกภาษาภพภูมิ แต่ละภพภูมิ ก็พูดไม่เหมือนกัน แบ่งระดับกันไป ภาษายักษ์ ภาษานาค ภาษาสัตว์ ภาษาจิตวิญญาณ
เหมือนที่คนเรา ในโลก ยังมีหลายภาษา

ภาษาเทพ ที่จริง มันคือ ภาษาจิต..ภาษาใจ ใจรู้ แล้ว แปลงออกมาเป็นสัญญา เป็นภาษาครับ

แปลงความคิดที่รู้ มาสื่อ ออกมา ให้เป็นภาษาพูด

ตอนแรก ออกมาเป็นภาษากาย ก่อน ภาษาคนใบ้
ต่อมาค่อย มากำหนด เป็นรูปสัญญา คือตัวอักษร
เพื่อเป็นสื่อกลาง ในการเข้าใจให้ตรงกัน เพื่อ การสื่อสาร

 

ผมไปเรียนรู้ได้ไง จากไหน..?

ผมไปเรียนรู้จากท่านอู๊ด คนอุดรธานีครับ..
มันเหมือนเรา ไปรับ สภาวะ ..มาสภาวะนึง...เหมือนรับขันธ์
แต่ผม ผ่านการ ชำระจิตอวิชชาแล้ว ผมเลย ไม่หลง ไม่ลืมตัว
มันเหมือน เรามีห้องฝึกส่วนตัว คือ ถ้าเข้าไปในห้องนี้ มันจะเหมือนเข้าสู่สภาวะเปิดคลื่นจิต เปิดคลื่นใจ..สามารถรับฟังสื่อสารกับ คลื่นระดับ นี้ นี้ นี้
เหมือน มันมจะสงบขึ้นไประดับนึง...แล้วสามารถสื่อสารกับ จิตระดับอื่นได้
ก็ จะ ..คุยธรรมด้วยภาษาของจิตที่ผ่านเข้ามา สื่อเข้ามาล่ะครับ..แบบว่า สอนธรรมเขาไป ให้เขาได้คำตอบ...จนเขาได้คำตอบ เขาถึงจะไป

นี่ ปัญหา จะมีตรงนี้...ถ้าไม่สามารถ สอนธรรมให้เขาได้คำตอบได้ เขาก็จะไม่ไป ถ้าไม่ไป ..ก็ เหมือนคน มีองค์ลง อยู่อย่างนั้น..เลย ทุกข์เลย เละเลย

โห มากันหมด เลย พยานาค มังกร ฤาษี พระ เพื่อนญาติคนที่รู้จัก แต่ชาติปางไหน นี่ มาหมดเลยนะ ถ้า...ถ้า กลัวนะ ไปกันใหญ่เลยนะ

เขามาหาคำตอบ เขามาให้ช่วย...
หมายถึงถ้าคนที่รู้น้อย ก็ต้องไปศึกษาธรรมะให้เยอะๆ เพื่อมาตอบคำถาม ที่พวกเขาอยากรู้ ว่าง่ายๆคือ เหมือนยังคับให้ ปฏิบัติธรรม ร่วมกัน

แต่ถ้าคนที่เปิดจิต มีความหลง มันก็จะพากันไป เข้าป่า เข้ารก เข้าพง จิตแตก ตั้งสำนัก หาลาภสักการะ ล่ะ...

เรียกตัวเอง เป็นท่านเทพนั่น เทพนี่ ไปเลย อิอิ แม่สาวน้อย

 

ส่วนผมนี่...องค์ไหนที่มาแล้วสุดยอด น่ะหรือ

ก็องค์ที่ตัวใหญ่ๆ ไส่กางเกงขาดๆตัวเดียว
คนนี่ สูงเท่าตาตุ่มเองนะ...มาที น้ำตาไหลมาเลย
สงสารพวกหลงผิด ว่างั้น

องค์นี้ ไม่มีอะไรเก่งนะ...มีแต่ลูกน้องเก่ง สั่งลูกน้องอย่างเดียว เลย
ชี้นิ้วสั่งเลย สั่งลม สั่งฝน สั่งฟ้า สั่งไฟ....สั่งลูกน้องให้ทำ
อิอิ

 

จะถามเรื่องของเทวทัตเหรอ ว่าทำไมเทวทัตถึง..มาเป็นผม
แล้วในเมื่อเทวทัต ทำอนันตริยกรรม เอาไว้ ทำไม ถึง หลุดมาจากนรกได้

คืองี้นะ..เทวทัต ไม่ไช่ เกลียดพระพุทธเจ้านะ แค่อิจฉา ในความเป็น เอก
ที่ถูก คำทำนาย .. ติดป้ายเอาไว้ คนทั้งหลายเลยไปรุมล้อม เข้าหาแต่เจ้าชายสิทธัตถะ เทวทัตเลย อดกลั้นไม่อยู่ เสียคนที่ตนหลงรักด้วย เสียศรัทธาจากคนรอบข้างด้วย
เลย ตามแกล้ง ขัดขวางทุกวิถีทาง ขนาด ยอมบวช เพื่อตาม ราวี...แหม ทำไปได้

ส่วน อนันตริยกรรมน่ะ..พระพุทธเจ้าท่าน ตามมาโปรด มาแก้ให้ด้วยตัวเอง
เลยแก้ได้ครับ แลกกับ การมอบกายถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา

 

คนเราถ้ารู้ตัวว่า หลงผิด คิดกลับใจ กลับเนื้อกลับตัว
ด้วยการตั้งจิต เอาไว้แน่วแน่ ที่จะ ทำแต่ความดีหลีกหนี อกุศล
ย่อมมี คนเห็นครับ..ภพภูมิอื่นเห็น

ให้หัดเจริญสติด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
แผ่เมตตาประจำในระหว่างวัน.ทำบ่อยๆ ให้เป็นนิสสัย

 

เอ้าจะถามเรื่องอะไรอีก คิดมาๆ

อะไรนะ อยากเป็นแบบผมมั่ง...

ไม่ได้หรอก คนเรา เป็นตัวเองของใครของมัน เหมือนกันไม่ได้
ทุกคน เป็นตัวของตัวเอง มีอัตตาตัวตนของใครของมัน มันถึง ชำระอวิชชาในตน ได้ไง...ทุกคนเป็นอิสระ ในกายใจจิต ของตน แต่ต้อง หมั่นชำระจิตที่พันผูก อันเป็นเครื่องร้อยรัด ของสัตว์ ให้เบาบางลง จน มันหมดให้ได้ นั่นแหล่ะ คือ เข้าถึงความหมดความยึดมั่นถือมั่นให้ได้

มุ่งมั่นที่จะชำระ ...ไม่หลงไปกับเรื่องไร้สาระ อันที่มีมากมาย

 

แบบผมนี่ เรียกว่า อวดอุตริมั้ย...

ผมว่า ไม่นะ เพราะ เจตนาช่วยให้คนอื่นเข้าใจแล้วปล่อยวาง
ไม่ได้สอนให้เอา ให้มี ให้ยึด ให้อยาก

ผมก็พูดเข้าข้างตัวเองเหรอ..จะว่าแบบนั้น ก็ได้ ครับ
เพราะ ผมก็พูดตามที่ตนเองทำครับ

สอนให้ ไม่เอา ไม่มี ไม่เป็นนี่ ง่ายกว่าเยอะ

เพราะทุกคน มีความจริง ก็คือ เป็นคน อยู่แล้ว
เป็นมนุษย์อยู่แล้ว..จะต้องไปเป็นอะไรอีกทำไมกัน

 

อย่างเมื่อ เข้าถึง การหมดความยึดมั่นถือมั่นได้หมดแล้วจริงๆ คือ แม้ตัวเองก็ไม่ยึดอะไรในกายใจ....

แต่มันก็ต้อง กลับมาอยู่กับความเป็นจริงของตัวเองให้ได้ คือ ความเป็นมนุษย์ ที่ปฏิบัติทางสายกลางคือ มรรคแปด...
มรรคแปด มีเอาไว้ ..เพื่อ เป็น ทางเดินในระหว่าง ที่ยังมีชีวิต หลังชำระหมดความยึดมั่นถือมั่นแล้ว..

 

เอ้า พักผ่อน ตามอัธยาศัย..ครับ

 

หมดทุกข์อยู่คนเดียว
คนอ่านเค้าอยากได้อานิสงค์บ้าง
จะแนะนำเค้ายังงัยบ้าง เรื่องปล่อยวางขันธ์5
ที่แบกโทงๆ อยู่ทุกวี่ทุกวันนี่น่ะฮับ

 

ต้องเปลื้องก่อน ค่อยโทงๆ แถวตลาด ประกาศความขาดซึ่ง เครื่องผูกมัดใดๆ

อิอิ

 

เทคนิค กลอุบายมันมีหลายทาง
ชี้แนะให้มีทางเลือกบ้างฮับ เอาให้สามารถ.....
ปิ๊งตอนนั่งก็ได้
ปิ็งตอนนอน
ปิ๊งตอนยืน
ปิ๊งตอนเดิน
สอนแบบยกเข่งได้ก็เก่งแหล่ะน๊อ 555