เรื่องเด่น กรรมเก่าหนีกันไม่พ้น!! แม้ “หลวงตาบัว” ขอบิณฑบาตชีวิตเณรไว้ ก็ไม่เป็นผล ด้วยบุพกรรมที่ทำมา

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย อกาลิโก!, 28 กันยายน 2017.

  1. อกาลิโก!

    อกาลิโก! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    609
    กระทู้เรื่องเด่น:
    531
    ค่าพลัง:
    +3,731
    กรรมเก่าหนีกันไม่พ้น!! ยมบาลมาตาม "เณร" ไปลงนรก แม้ “หลวงตาบัว” ขอบิณฑบาตชีวิตเณรไว้ ก็ไม่เป็นผล ด้วยบุพกรรมที่ทำมา



    หลวงตาบัว4 พลังจิต.jpg


    จากหนังสือแว่นส่องธรรม โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

    นายยมบาลมีรูปร่างใหญ่และสูงเสมอกุฎีสองชั้นที่ท่านพักอยู่ ทั้งรูปร่างและลักษณะท่าทางน่ากลัวมาก เข้ามาหาท่านแล้วถามหาตัวบุรุษผู้ชื่อว่านายสม ผู้มีกรรมเบาบางบ้างแล้วจวนจะพ้นโทษจากนรก เธอได้รับความผ่อนผันจากการควบคุม เช่นเดียวกับนักโทษในเมืองมนุษย์ที่จวนพ้นโทษได้รับการผ่อนผันพอประมาณฉะนั้น แต่พอสัตว์นรกตนนั้นได้ช่วงเป็นโอกาสอันดี ก็คิดเป็นขโมยสองชั้น คือเมื่อชาติเป็นมนุษย์เธอก็เคยขโมยเขาเก่ง จนถึงได้ไปตกนรกเพราะกรรมนั้น ครั้นพอไปอยู่ในนรกพอได้โอกาสจากการผ่อนผัน เธอก็ขโมยจากนรกกลับมาเกิดเป็นมนุษย์

    พระพุทธศาสนาคือบ่อแห่งมหาสมบัติสารพัดอย่างในไตรภพ แดนมนุษย์เป็นสถานที่สถิตแห่งศาสนธรรมอันล้ำค่า ผู้ประสงค์สมบัติจากศาสนธรรมจึงไม่ควรปล่อยโอกาสที่มีอยู่ให้ผ่านพ้นไปจะเสียใจในภายหลัง เพราะการเกิดมาเป็นมนุษย์ที่บริสุทธิ์เต็มภูมิอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นี้ มิได้เป็นของหาได้อย่างง่ายดาย ในธรรมท่านบอกไว้ว่า กิจฺโฉคือของหายากมาดั้งเดิม ผู้ไม่มีภูมิควรแก่ความเป็นมนุษย์ แต่จะโผล่มาผุดมาเกิดเป็นมนุษย์เอาเลยนั้นย่อมผิดวิสัย เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แม้ฝืนมาเกิดก็จะเป็นทำนองสัตว์นรกตนหนึ่งที่ยังไม่พ้นโทษ แต่ขโมยเกิดเป็นมนุษย์ และมาบวชเป็นสามเณรในศาสนา พำนักอาศัยอยู่ในวัดที่มีชื่อเสียงของพระมหาเถระรูปหนึ่งซึ่งมีพระเณรเป็นจำนวนมาก

    ในคืนวันหนึ่ง มหาเถระผู้ทรงคุณวุฒิและเป็นที่เคารพนับถือของพระเณรและประชาชนทุกชั้นเป็นจำนวนมาก ท่านนิมิตฝันไปว่ามีนายยมบาลมีรูปร่างใหญ่และสูงเสมอกุฎีสองชั้นที่ท่านพักอยู่ ทั้งรูปร่างและลักษณะท่าทางน่ากลัวมาก เข้ามาหาท่านแล้วถามหาตัวบุรุษผู้ชื่อว่านายสม ผู้มีกรรมเบาบางบ้างแล้วจวนจะพ้นโทษจากนรก เธอได้รับความผ่อนผันจากการควบคุม เช่นเดียวกับนักโทษในเมืองมนุษย์ที่จวนพ้นโทษได้รับการผ่อนผันพอประมาณฉะนั้น แต่พอสัตว์นรกตนนั้นได้ช่วงเป็นโอกาสอันดี ก็คิดเป็นขโมยสองชั้น คือเมื่อชาติเป็นมนุษย์เธอก็เคยขโมยเขาเก่ง จนถึงได้ไปตกนรกเพราะกรรมนั้น ครั้นพอไปอยู่ในนรกพอได้โอกาสจากการผ่อนผัน เธอก็ขโมยจากนรกกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ทราบว่าเธอมาบวชเป็นเณรอยู่ในวัดของท่านใช่ไหม และเณรชื่อสมอยู่ในวัดนี้มีหรือเปล่า

    ฝ่ายพระมหาเถระก็แปลกใจและบอกด้วยความจริงว่า มีสามเณรชื่อดังกล่าวมาบวชและอยู่ในวัดอาตมาจริง แต่ท่านจะมาเที่ยวตามหาเธอไปทำไม เวลานี้เธอกำลังบวชประพฤติศีลธรรมอยู่ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ควรจะให้อภัยเธอบ้างมิได้หรือ นายยมบาลบอกว่าไม่ได้ท่าน จะต้องเอาตัวเธอกลับไปนรกเพราะยังไม่พ้นโทษ เธอต้องกลับไปเสวยกรรมซึ่งเป็นสิ่งที่เธอสร้างไว้เสียก่อน เมื่อพ้นจากโทษนั้นแล้ว จะมาบวชอีกหรือจะไปที่ไหนทางนรกมิได้สนใจเกี่ยวข้อง แต่เวลานี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำตัวเธอกลับไปนรก

    ทางฝ่ายพระมหาเถระก็พูดย้ำขอความผ่อนผันอีกว่า เวลานี้เณรก็กำลังบวชปฏิบัติบำเพ็ญด้วยความตั้งอกตั้งใจ ทั้งไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าแต่ก่อนตนได้เคยทำอะไรไม่ดีไว้บ้าง จึงน่าสงสารและเห็นใจอย่างยิ่ง ไม่อยากให้เธอต้องพลัดพรากจากเพศเณรอันเป็นเพศที่เย็นตาเย็นใจเลื่อมใสของมวลมนุษย์ผู้รู้จักบุญบาปอยู่บ้าง แล้วกลับไปเป็นเพศสัตว์นรกทนทุกข์ทรมานเช่นนั้นอีก อาตมาขอบิณฑบาตเณรไว้ประพฤติพรหมจรรย์ต่อไป กรรมที่ยังเหลือเล็กน้อยนั้นก็ขอได้เป็นอโหสิไปเสีย อย่าต้องมาทำลายเพศและความดีของเณรให้เสียไปเลย ขอท่านจงเห็นใจและอนุญาตให้เณรได้มีโอกาสทรงเพศนี้ต่อไปจนสุดความสามารถแห่งศรัทธาของเธอ จะพอผ่อนผันให้ได้หรืออย่างไร

    ฝ่ายยมบาลก็พูดยืนคำว่าไม่ได้ท่าน ไม่ว่าท่านไม่ว่าผมและไม่ว่าใคร ๆ จะขอร้องทั้งนั้นเพราะเป็นเรื่องสุดวิสัย ขึ้นชื่อว่ากรรมแล้ว ไม่ว่ากรรมดีหรือกรรมไม่ดีล้วนเป็นสิ่งที่มีอำนาจมากเหนือการขอร้องการบังคับและการวิงวอนใด ๆ ทั้งนั้น ถ้าเป็นการผ่อนผันได้บ้าง ตัวผมเองก็ไม่มาตามหาเณรให้ลำบากและเสียเวลา ผมยอมให้การผ่อนผันไปแล้ว แต่นี้มิใช่เรื่องของผมซึ่งพอพูดกันได้ หากเป็นเรื่องของกรรมซึ่งมิใช่ฐานะจะพอเป็นไปตามคำขอร้องของใคร ๆ แม้ผมมานี้ก็มาในนามของกรรมเณรเอง มิใช่ตัวผมเองเป็นผู้มา แต่เป็นตัวกรรมต่างหากเป็นผู้มา จึงไม่มีอคติแก่ผู้ใด ต้องเป็นไปตามกรรมเท่านั้น

    พระมหาเถระเกิดสงสัยถามว่า ไม่ใช่ตัวผมอย่างไรอาตมาไม่เข้าใจเลย เพราะก็เห็นท่านเดินเข้ามาหาอาตมาและถามหาเณรสมอยู่เดี๋ยวนี้อย่างสด ๆ ร้อน ๆ ถ้าไม่เป็นท่านแล้วจะเป็นใครที่ไหนกันอีก นายยมบาลพูดกับท่านว่า เป็นผมจริงในร่างยมบาล แต่มิใช่ผมในรูปแห่งกรรมและอำนาจแห่งกรรม ทั้งสองนั้นเป็นเรื่องกรรมของเณร ไม่ใช่เรื่องของผมพอจะพูดขอความผ่อนผันกันได้ แม้เณรเองถ้าทราบว่าถูกตามหาตัว เธอก็จะเสียใจเอาอย่างมาก และอาจสลบหรือตายไปในขณะนั้นก็ได้ เธอเองก็ไม่ปรารถนา แต่ก็ได้ทำกรรมนั้นมาเสียแล้ว จึงสุดวิสัยที่จะแก้ไขให้เป็นอย่างอื่นได้ นอกจากต้องยอมให้เป็นไปตามหลักกรรมอันเป็นหลักตายตัวเท่านั้น ไม่มีทางหลบหลีกเอาเลยท่าน เพราะคำว่ากรรมชั่วนี้ใครจะเป็นผู้ทำขึ้นก็ตาม ต้องเป็นไปในทำนองนี้ทั้งนั้น



    พอนายยมบาลลาจากไปแล้วท่านก็เริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้น เกิดความสะดุ้งตกใจและเสียใจเป็นกำลังแทบสลบไปในเวลานั้น เพราะท่านเคยฝันแม่นยำมากตลอดมา ทั้งองค์ท่านเองก็เป็นพระโพธิสัตว์ปรารถนาพุทธภูมิ ท่านเคยปรารภความมุ่งมั่นต่อโพธิญาณของตนให้ใครต่อใครฟังอย่างออกหน้าออกตา ไม่มีความสะทกสะท้านเลย พอรุ่งขึ้นก็ให้เณรไปนิมนต์พระที่ท่านสนิทและไว้ใจมาหา และเล่ากระซิบเรื่องนิมิตให้ฟัง พร้อมกับกำชับไม่ให้พูดให้เณรสมรู้ และไม่ให้ใคร ๆ รู้ด้วย แม้นิมิตนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม เพราะกลัวจะเป็นภัยแก่เณรเองและเป็นเรื่องอื้อฉาวไปในที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งไม่ดีไม่งาม พระมหาเถระกับพระที่ทราบเรื่องเณรแล้วต่างก็รู้กันเป็นการภายใน และรอดูเหตุการณ์ตามวันเวลาที่นายยมบาลบอกไว้

    นับแต่เช้าถึงเย็นวันนั้น มหาเถระมีความกังวลวุ่นวายอยู่กับนิมิตและเณรที่เป็นต้นเหตุตลอดเวลา จนไม่เป็นอันขบฉันและพักผ่อนร่างกายและจิตใจ ตลอดการงานและการปฏิสันถารต้อนรับประชาชนพระเณรที่มาเกี่ยวข้องก็ระงับไปทั้งวัน เก็บตัวอยู่ลำพังภายในห้องกุฎี และพิจารณาใคร่ครวญเฉพาะเรื่องนิมิตอย่างเดียวด้วยความประหลาดใจและสงสารเณรเป็นล้นพ้นที่สุดวิสัยจะช่วยได้ เพราะนิมิตประเภทที่แปลกประหลาดดังที่ปรากฏคืนนี้ไม่เคยมีมาก่อน แม้ผู้ที่ปรากฏให้เป็นเรื่องในนิมิตก็เป็นบุคคลที่แปลกเหลือที่จะประมาณถูก ทั้งรูปร่างก็ใหญ่โตกว่ามนุษย์ธรรมดาเอามาก ทั้งความสูงก็สูงเสมอกุฎีตึกสองชั้นที่ท่านพักอยู่ ซึ่งนับว่าเกินประมาณที่มนุษย์ในโลกจะเป็นได้ ลักษณะท่าทางก็น่ากลัวมาก

    คำพูดที่เขาพูดกับท่านผู้ทรงศีลและมีอำนาจทางธรรมภายในใจ ก็เป็นคำพูดที่เฉียบขาดบาดใจ แม้จะเป็นคำพูดกันอย่างสามัญธรรมดา มิได้เป็นคำกระแทกแดกดัน ก็ยังเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยอำนาจราชศักดิ์อยู่นั่นเอง เป็นที่น่ากลัวและเกรงหาผู้เสมอมิได้ในแดนมนุษย์ ในวันนั้นทั้งวัน พระมหาเถระภาวนาและใคร่ครวญกับนิมิตอย่างไม่ยอมขยับเขยื้อนไปมาในทิศทางใด มีความสนใจและเศร้าใจในเหตุการณ์เป็นอันมาก ประหนึ่งนั่งดูเปลวไฟนรกกำลังเผาผลาญสัตว์โลกอยู่ในขณะนั้นอย่างน่าใจหาย ทั้งรอเวลาที่เหตุการณ์นั้นจะมาถึง ตามกำหนดเวลาที่ทราบไว้ในคำฝัน

    กรรมช่างรู้ซอกแซกไปจนกระทั่งเวลานาทีของนาฬิกาในเมืองมนุษย์ ตีบอกเวลาอะไรเช่นนั้น พอเวลา ๓ ทุ่ม เศษนิด ก็เห็นพระองค์ที่ทราบเหตุการณ์ด้วยกัน วิ่งตะลีตะลานขึ้นมากุฎีที่ท่านพระมหาเถระพัก พร้อมกับเรียนขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือแทบจะไม่เป็นเสียงมนุษย์ว่า เณรสมเจ็บท้องถ่ายออกมาเป็นเลือดสด ๆ มีอุจจาระติดออกมาเล็กน้อยและเริ่มไปส้วมได้สองครั้งแล้วกระผมก็รีบมานี่ อาการเป็นที่น่าวิตกมากและการถ่ายนั้นห่างระยะกันเพียง ๕ นาทีเท่านั้น จึงน่าวิตกมาก พระมหาเถระถามว่าเธอเริ่มเป็นเวลาเท่าไร เริ่มเวลา ๓ ทุ่ม ตามเวลาที่นิมิตบอกไว้ไม่มีผิดเลย พระเรียนท่าน พอจบประโยคคำพูดทั้งพระมหาเถระและพระที่มาตาม ก็รีบวิ่งลงไปกุฎีเณรสมและถามอาการ

    เณรก็เล่าถวาย ว่าเห็นจะไม่พ้นคืนวันนี้แน่ เพราะความรู้สึกที่เคยมีต่อโลกปรากฏว่า เริ่มขาดความสืบต่อกันหมดแล้ว ความหวังที่จะได้อยู่ในโลกอีกต่อไปไม่มีความรู้สึกเลย มีความจากไปเท่านั้นที่เต็มอยู่ในธาตุขันธ์และจิตใจ ท่านก็เตือนเณรเพื่อมีสติในเวลาดับขันธ์ ด้วยอุบายที่เข้าใจไว้ก่อนแล้วว่าจะไปไม่รอดดังนิมิตบอก อุบายที่ท่านสอนเณรก็พอเหมาะสมกับเหตุการณ์ ที่กำลังเป็นไปอยู่อย่างเร่งรีบประหนึ่งแทบจะหายใจไม่ทัน ต้องส้วมบ่อยที่เต็มไปด้วยเลือดสดทั้งนั้น การเจ็บปั่นป่วนอยู่ภายในนั้นเหมือนมีเครื่องจักรเครื่องยนต์ตั้งโรงงาน และทำงานอยู่ภายในด้วยเครื่องจักรชนิดต่าง ๆ ที่หมุนไม่มีการหยุดยั้ง ประหนึ่งอวัยวะภายในจะขาดออกมาเป็นจุณวิจุณต่อหน้าต่อตาฉะนั้น

    มหาเถระก็รีบให้โอวาทอย่างกะทัดรัด ถือเอาแต่ใจความซึ่งพอจะนำมาเขียนไว้เท่าที่จำได้ว่า โรคชนิดที่เณรเป็นนี้เราเองก็ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน คงจะเป็นโรคกรรมตามทันกระมัง ที่อยู่ ๆ ก็เป็นขึ้นมาอย่างปุบปับเช่นนี้ การถ่ายแทนที่จะเป็นเหมือนธรรมดาที่โลกเคยเป็นกัน แต่แล้วก็กลายเป็นเลือดสด ๆ ร้อน ๆ ออกมาโดยไม่ฟังเสียงหยูกยาอะไรเลยเช่นนี้ ก็น่าแปลกใจและน่าวิตกอยู่มาก เพื่อความไม่ประมาทและความไม่พลาดท่าเสียที หากถึงคราวจำเป็นจริง ๆ เณรจงตั้งสติให้ดี และทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าองค์ประเสริฐสุดเข้ามาไว้ที่ดวงใจ โดยบริกรรมว่า พุทโธ ๆ อย่าให้เผลอ เผื่อตายก็ขอให้ตายกับท่านที่เป็นองค์สรณะของใจและยึดไว้จนสิ้นลม

    นี้แลจะช่วยเณรได้ อย่างอื่นเรามองไม่เห็น นอกจากพระธรรมดวงเอกนี้เท่านั้น แม้จิตเณรจะหมดความหวังที่จะอยู่กับโลกต่อไปก็ตาม แต่จิตอย่าให้หมดความหวังพึ่งพุทโธ และให้ตายกับพุทโธนี้เท่านั้น เณรอย่าเสียใจเพราะการตายนี้ โลกทั้งโลกจะต้องตายเหมือนเณรนี้ทั้งนั้น จะต่างกันอยู่บ้างก็เพียงก่อนและหลัง แม้เราเองผู้กำลังสอนเณรอยู่ขณะนี้ก็ต้องตายเช่นเดียวกับเณร และเราก็กำลังเตรียมตัวก่อนตาย ด้วยความไม่ประมาทในการบำเพ็ญภาวนาและความดีอย่างอื่นที่เราสามารถอยู่แล้ว



    เณรประนมมือรับโอวาทของท่านด้วยท่าทางอันสงบยิ้มแย้ม และบริกรรมภาวนาด้วยท่าทางองอาจกล้าหาญ ไม่สะทกสะท้านต่อโรคและมรณภัย ซึ่งเป็นที่น่าสงสารเหลือประมาณอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ถึงกับน้ำตาพระมหาเถระและพระที่รู้เหตุการณ์ด้วยร่วงพรูลงในขณะนั้น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับขณะที่เณรจะสิ้นลมด้วยท่าอันสงบตลอดมา นับแต่ขณะที่ได้รับโอวาทจากมหาเถระเป็นต้นมา ในเวลาประมาณ ๔ ทุ่มพอดี ธรรมสังเวชได้เกิดแก่พระมหาเถระและพระเณรตลอดประชาชนที่ไปเยี่ยมอาการของเณรสุดวิสัยที่จะอดกลั้นไว้ได้ในเวลานั้น เพราะความสงสารสุดจะกล่าว

    เฉพาะมหาเถระเกิดความสลดใจต่อกรรมซึ่งเป็นสิ่งลึกลับ เหลือวิสัยที่คนธรรมดาสามัญจะทราบได้ แม้จะเป็นทางนิมิตฝัน แต่ก็ช่างตรงตามคำบอกและเวลาอะไรเช่นนั้น ทั้งที่เคยเชื่อกรรมอย่างฝังใจมาก่อนอยู่แล้ว ยิ่งมาเห็นเรื่องเณรเป็นประจักษ์พยาน ก็ยิ่งทำให้ซึ้งต่อกรรมที่เกี่ยวพันต่อชีวิตจิตใจของมวลมนุษย์ ว่าเป็นเหมือนผักปลาเครื่องสังเวยต่อกรรม ไม่มีทางหลีกเลี่ยง และไม่มีสิ่งใดในตัวมนุษย์ปุถุชนจะฉลาดรู้และแผลงฤทธิ์ ว่าตัวมีอำนาจเหนือกรรมผู้ครองไตรภพแต่ผู้เดียว

    ท่านได้ยึดเหตุการณ์ที่ประสบนั้นเป็นเทวทูตหรือธรรมทูต เครื่องเตือนสติอันยอดเยี่ยมประจำใจตลอดมา ชีวิตร่างกายจิตใจทั้งมวลอันเป็นสมบัติประจำองค์ท่าน ได้อุทิศต่อความเชื่อกรรมโดยสิ้นเชิง ไม่มีการแบ่งรับแบ่งสู้เพื่อการหลบหลีกปลีกตัวแต่อย่างใด แต่เป็นความเชื่อและมั่นใจอย่างมั่นคง ว่าถึงอย่างไรก็ขอให้ได้บำเพ็ญความดีอย่างสมใจเสียก่อน ก่อนยมบาลหรือพระยากรรมจะมาเอาตัวไป จะไม่ต้องเสียใจภายหลังว่าเรายังขาดอะไรบ้างบรรดาความดีที่ควรทำ ในชีวิตที่ลมหายใจยังครองตัวอยู่ เผื่อเวลาสิ้นลมจะได้สิ้นเรื่องกังวลไปพร้อม ๆ กัน

    เท่าที่ชีวิตได้รับความผ่อนผัน จากเหตุการณ์ที่น่าสลดสังเวชใจเหลือประมาณมา และได้มีโอกาสบำเพ็ญพรหมจรรย์ตามหน้าที่ของนักบวชมาถึงวันนี้ นับว่าเป็นผู้มีบุญวาสนาพอจะอวดตัวเองได้ว่า มิใช่ผู้ขโมยกรรมอันลามกที่ตนสร้างไว้มาเกิด โดยไม่ยอมรับโทษให้สิ้นกรรมก่อน แต่เป็นผู้มีกรรมพามา พาอยู่ และพาไป เหมือนโลกที่มีกรรมทั่ว ๆ ไป นี่เป็นคำรำพึงรำพันของพระมหาเถระ ที่ได้รับจากเหตุการณ์ของเณรแล้วนำมาพร่ำสอนตน ซึ่งเป็นอุบายที่น่าจับใจไพเราะอย่างยิ่ง อยากจะได้พบบุคคลและอุบายทำนองนี้ แม้ผู้เขียนเองก็อดจะวาดภาพไปตามด้วยความสลดสังเวชมิได้ และยังรู้สึกประทับใจตลอดมาทั้ง ๆ ที่เชื่อกรรมอยู่แล้วตามศรัทธาอำนวย


    คัดลอกจากหนังสือแว่นส่องธรรม หน้า ๑๓๕-๑๔๐ ...โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี


    เรียบเรียงโดย

    จินต์จุฑา เจนสระคู : สำนักข่าวทีนิวส์

    -----------------
    http://www.tnews.co.th/contents/362629
     

แชร์หน้านี้

Loading...