กรรมเพราะใจ

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวผมเอง เรื่องมีอยู่ว่า...
ผมทำงานในหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งของภาคอีสาน ทุก ๆ ปี จะมีน้องนักศึกษาฝึกงานมาฝึกงานที่หน่วยงานเป็นประจำ ประมาณต้นเดือน ก.ค. 2551 ผมรู้จักกับแฟน สมมุติว่าชื่อ โอ เราก็ต่างคนต่าง ไม่สมหวังในความรักกันทั้งคู่ ก็เลยง่ายต่อการพูดคุยกัน ก็เลยตกลงเป็นแฟนกัน ขอย้อนไปประมาณกลาง ๆ ปี 2549 ผมได้คบอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง สมมุติว่าชื่อ เอ แต่ไม่ค่อยจริงจังเท่าไร เราก็ทำงานที่เดียวกัน แต่เป็นคนละแผนก และที่สำคัญน้องเค้ากำลังจะลาออกจากที่ทำงานเพราะน้องเค้าสอบ อบต. ได้ เราสองคนก็คุยกันมาเรื่อย ๆ

จนมีอยู่วันหนึ่งก็มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาทำงานใหม่ สมมุติว่าชื่อ บี แต่เป็นคนละแผนก เราก็คุยกันธรรมดา ไม่ได้คิดอะไรเพราะตอนนั้นกำลังคุยอยู่กับน้องเอ อยู่ ผมกับน้องเอ เราก็ไปดูหนังฟังเพลงตามประสาคนกำลังคบกันอยู่ แล้วอยู่มาวันหนึ่ง บี ก็มีงานมาให้ผมทำให้เป็นเหตุให้ต้องอยู่ด้วยกัน สองต่อสอง บ่อยขึ้น จนกระทั่งคุยกันสนิทแล้วผมกับน้องบีก็ของเบอร์โทรแลกกันไว้เผื่อติดขัดเรื่องงานจะได้ติดต่อได้สะดวก วันหนึ่งน้องเอ ก็ออกจากหน่วยงาน เผื่อจะไปทำงานที่ อบต. ผมก็เริ่มไม่แน่ใจว่าเราจะไปกันได้ดีแค่ไหนเพราะต่างคนต่างอยู่คนละทีและน้องเอ ก็เป็นคนหน้าตาดี ผิดกับผมคนละเรื่อง แล้วผมกับบีก็เริ่มคุยกันมากขึ้น และคุยกับน้องเอ น้อยลง จนเลิกคุยกันไปเลย แล้วผมกับน้องบีก็คบกันเป็นแฟน (สรุปผมเลือกคนที่มาทีหลัง) น้องบีเป็นคนผิวขาวหุ่นสมส่วน หน้าตาดี ที่รู้ ๆ กันว่า น้องบีเป็นคนเจ้าชู้มาก ในขณะที่คบกับ น้องบีก็มีคนอื่น ๆ ที่คบมาก่อนแล้วประมาณสี่ถึง ห้าคน ที่ยังโทรคุยกันอยู่ แค่ผมทำงานอยู่ใกล้น้องบีก็เลยมีโอกาสดีกว่าคนอื่น ๆ เราคบกันได้เกือบ ๆ ปี ก็ต้องเลิกกัน เพราะ ทนความเจ้าชู้น้องบี ไม่ไหว (ประมาณว่าสวยเลือกได้ น้องเค้าไม่เลือกผมด้วยแระ) จนกระทั่งมาพบกับน้องโอ แฟนผมเอง เข้าเรื่องจากข้างบน ผมคบกับน้องโอได้เกือบ ๆ เดือน ตอนนั้นน้องโอก็เรียนอยู่สถาบันแห่งหนึ่ง อยู่ ปีสาม

และก็มีน้องฝึกงานมาฝึกงานด้วยคนหนึ่ง น้องคนนี้สมมุติว่าชื่อ คิว เจอกันครั้งแรกผมรู้สึกว่าใจผมจะละลายทุกที อยากเห็นหน้าอยากคุยด้วย ก็เลยต้องทำชั่งใจอยู่ว่าจะเลือกคนที่คบอยู่ตอนนี้คือน้องโอ หรือจะคบกับน้องคิว นศ. ฝึกงาน น้องเค้าก็คุยด้วยดีน่ารัก แบบว่าน่ารักและโดนใจกว่าทุก ๆ คนที่เคยคบมา แต่น้องคิว ชอบเล่นการพนัน ชอบซื้อหวย เจ้าชู้ (มีคนที่มาชอบเยอะเพราะหน้าตาน่ารัก สวย) เป็นเหตุนี้จึงทำให้ผมตัดสินใจคบกับน้องโอ อย่างจริงจัง เพราะน้องโอ เป็นคนง่าย ๆ ดูแล้วไปกับเราได้ดีมากด้วย ถ้าคบกับน้องคิวเดี๋ยวน้องเค้าก็ฝึกงานเสร็จ ก็ต้องไปจากเราอยู่ดี ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ พอน้องคิวฝึกงานเสร็จก็กลับไปเรียนต่อจนจบ ตอนนั้นมีน้องชายที่ทำงานด้วยกันจีบน้องคิวอยู่ ผมก็ไม่คิดอะไรเกินเลย ประมาณกลางปี 2551 น้องคิวก็มาสอบทำงานที่แผนกเดียวกันกับผมอีก ได้ด้วย ความรู้สึกที่เจอน้องคิวทีไร ใจของผมแทบไม่อยากทำอะไรให้นั่งดูหน้าเฉย ๆ ทั้งวันได้ไม่มีเบื่อ จนกระทั่งกลาง ๆ ปี 2553 น้องคิวก็ได้แต่งงานกับแฟนเค้า ซึ่งผมก็ได้ไปร่วมงานด้วย เพราะเป็นเพื่อนร่วมงานกัน แต่ความรู้สึกผมกับน้องคิวก็ยังคงอยากเห็นหน้าอยากสัมผัสเหมือนเดิม จนกระทั่งต้นปี 2555 ผมก็ได้แต่งงานกับน้องโอ ผมก็รักแฟนผมนะครับ แต่เวลาเจอน้องคิวแล้ว เหมือนจะลืมทุกคน ลืมทุกอย่าง ซะหมดเลย

ตอนนี้ก็เลยเริ่มที่อยากจะตัดจากรักแบบนี้ ไม่สบายใจเราล่ะเป็นหลัก ไม่แน่ใจว่าเคยเป็นคู่รักกันมาก่อนหรือเปล่า อยากตัดใจ ให้ได้ ตอนนี้พยายามไม่มองหน้า ไม่คุยด้วย ไม่สนใจ เดินหนี (โดยส่วนตัวคิดว่าเหตุน่าจะเกิดจากเราคนเดียวเท่านั้นนะครับตอนนี้ น้องคิวเค้าก็คงไม่ได้คิดอะไรกับผมหรอก เพราะน้องเค้าเริ่มปรับปรุงตัวเองเพื่อครอบครัวของน้องเค้าเอง) มีแต่ผมที่เจอทีไรใจก็วุ่นวายเองตลอด ท่านใดช่วยแนะนำทีนะครับ

 

นายอิกิจัง
นายเหมือนเราเปี๊ยบ
เห็นใครหน้าตาดี ใกล้ชิด แล้วเผลอใจ ไปรักเขาทุกที....
เรื่องจิตแบบนี้ มีวิธีแก้ที่ได้ผลชะงัดนัก
คือ ถ้าไม่ถูกแฟนตัดเจ้าโลกทิ้ง ก็โดนผัวเขายิงตาย ฮา

 

คือผมไม่เคยแสดงออกว่าผมสนใจเลยนะครับ แค่เหตุเกิดที่ใจเราเท่านั้นเอง เวลาเจอน้องคิวทีไรใจผมแทบละลายทุกที ใจยังรู้ผิดรู้บาป แค่ต้องการที่จะตัดใจโดยสิ้นเชิงเท่านั้นเอง เคยคิดว่าจะเปลี่ยนงานใหม่ก็เป็นการหนี้ปัญหา และงานที่เราทำอยู่เราก็รัก ค่าตอบแทนก็พอใจ ติดที่น้องคิวที่ยังเป็นปัญหาคาใจอย่างเดียว

 

ลองดูนะ
เมื่อเห็นหน้าน้องเขา ก็ให้ พูดในใจว่า ปล่อยวาง ปล่อยวาง ทำไปเรื่อยเรื่อยนะครับ

 

ใจง่ายจังคุณ คุณอ่อนแอมากเลยนะ หวันไหวกับอะไรง่ายๆ ระวังจะเสียสิ่งที่มีค่าไปเพราะความโลเล:VO

 

ก็ลองมองคนสวยๆมองทะลุลงไปใต้ผิวหนัง เอาให้เห็นกล้ามเนื้อกระดูก เครื่องในไปเลยอาจจะทำให้ใจคลายจากความหลงได้ค่ะ

 

หน้าตาก็มีส่วนนะ แต่ลึก ๆ รู้สึกผูกพันธ์มากกว่านะครับ

 

กรรมฐานแก้ได้ครับ ผมลองแล้ว ผมเคยคบกับผู้หญิงเดือนเดียว ๗-๘คน แต่ก่อนเจ้าชู้มาก พอมาปฏิบัิติกรรมฐานก็ต้องทะยอยเลิกหมด จนเหลือแค่คนเดียว เนื่องจากหากคุณจะปฏิบัติกรรมฐานคุณต้องมีศีลเป็นตัวนำ อีกอย่างเนื่องจากจิตใจไม่เ้ข้มแข็งพอ ทำให้ถูกกิเลสชักจูงได้ง่าย หากคุณได้ฝึกปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนา เรื่องแบบนี้คุณจะตัดใจได้ง่ายสบายๆเลยครับ คนเจ้าชู้นอกจากจะผิดศีลข้อ๓แล้ว ศีลข้อ๔ ก็เป็นอีกข้อด้วยนะครับ และชีวิตคุณจะมีแต่ความวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น จิตใจก็มัวหมองไปด้วยนะครับ

ผมเคยเป็นมาแล้ว ปัจจุบันผมคบคนเดียว สบายใจดีครับ คิดง่ายๆครับ สักวันเราก็ต้องแก่ ต้องตายอยู่แล้ว ไอ้รูปร่างหน้าตานั้นหรือ มันก็สวยแต่เฉพาะตอนหนุ่มสาวเท่านั้น สุดท้ายตอนตายไป ก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง สิ่งที่ติดตัวไปก็คือ อกุศลกรรมและ กุศลกรรมเท่านั้นล่ะครับ

คนไหนทำดีกับคุณ คุณก็จงตอบแทนเขาด้วยความซื่อสัตย์นะครับ กรรมน่ะมีจริง และสมัยนี้ก็ติดจรวดด้วย

โมทนาสาธุในกุศลกรรมด้วยครับ

 

ขอบคุณทุกท่านที่ชี้แนะครับ กรรมที่ดี ๆ จงมีแก่ท่าน สาธุ

 

​

ขอเป็นกำลังให้ท่านผ่านอุปสรรคทางใจได้ไวๆ


-----------------------------------------------



ตรวจศีลข้อ3

ศีลข้อ 3 กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ศึกษาสมาทานเพื่อการลด งด เว้นขาด จากราคะ
เจตนารมณ์ศีลข้อ 3 เพื่อลดราคะ ละกามารมณ์

ศีลขาด
คือ เจตนามีสัมพันธ์ทางเพศ หรือโลมเล้าจับต้อง เสพสุขสัมผัสกับผู้มิใช่คู่ครองของตน แม้ในคนที่ไม่ได้แต่งงานกัน (การบริโภคกามตามสถานค้าประเวณีจัดเป็นความผิดขั้นนี้)

ศีลทะลุ
คือ เจตนากล่าววาจาจีบเกี้ยว พูดแซวเชิงราคะ กระซิกกระซี้ สัพยอก หยอกเย้า เร้าให้รักใคร่ พูดไปเพื่อผูกพัน หรือบำบัดบำเรออารมณ์ โดยกามราคะขับดัน ทั้งที่ผู้นั้นมิใช่คู่ครองของตน

ศีลด่าง
คือ มีใจคิดปรุงไปในสัมพันธ์ทางเพศ หรือมีอารมณ์แปรปรวนป่วนฝันฟุ้งบำรุงกาม และเรื่องราวคาวกามลามไหล อยู่ในใจกับใครอื่นซึ่งไม่ใช่คู่ครองของตน (นัยละเอียดต้องจบจิตคิดใคร่)

ศีลพร้อย
คือ มีใจยินดีในกาม ความเป็นคู่กับผู้อื่น หรือยินดีพึงใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันชวนกำหนัดรัดรึงจากเพศตรงข้ามที่ไม่ใช่คู่ครองของตน (นัยละเอียดจบสนิทจิตยินดีในกาม)

เป็นไทโดยศีล
คือ ขัดเกลาตนจนอิสระเสรี ไร้ความยินดีในกาม ไม่มีความพร้อย ความด่าง ความทะลุ หรือขาดทางศีลธรรม โดยเฉพาะสายราคะ ละกามารมณ์นี้ (ต้องศีล 8 จึงมีสิทธิเป็นไท)

กิเลส จิต มาร ​

โดย หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ​

จิตไปเร็วมาก เจ้าของตามไม่ทันไปทุกขณะ ดังนั้น คนเลยทำชั่วปล่อยให้กิเลสพาไป ไปฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกามพูดจาหยาบคาย ส่อเสียดให้คนอื่นเดือดร้อน ดื่มสุรา

ความชั่วมี ความดีมี จิตมีสิทธิ์ที่จะเลือก ถ้าจิตฉลาด ก็เลือกเอาบุญกุศล ถ้าไม่ฉลาด ก็เลือกเอาเรื่องชั่ว พอใจทำชั่ว

จิตไม่ฉลาด ไม่สามารถสร้างหรือหา (ข้าวของ สมบัติ- deedi) ของตัวเอง ก็ไปฉกฉวยเมื่อเห็นของของผู้อื่น ในโลกสมมุตินี้กลับเห็นผู้ฉกฉวย หลอกคนอื่นได้ เป็นคนฉลาด โลกก็เป็นอย่างนี้

แต่ในทางธรรมะ ถ้าไปทำให้คนอื่นทุกข์เดือดร้อน กรรมนั้นก็จะตามสนอง ให้ต้องถูกหลอก โดนต้มตุ๋น ต้องเสียใจ คับอกคับใจ เกิดชาติใดก็จะเป็นอย่างนั้น

พระพุทธองค์ทรงสอนให้คนฉลาด มีปัญญา ไม่สอนให้โง่เขลาเบาปัญญา คำสอนล้วนแต่ทำให้เกิดปัญญา แนะนำให้คนฝึกตน อย่าปล่อยตนให้ไหลไปตามอำนาจของกิเลส

“ทูรังคะมัง เอกะจะรัง …ฯลฯ” ปกติของจิตนั้น เที่ยวไปไกล มีถ้ำคือร่างกายเป็นที่อาศัยใครสำรวมจิตใจตนให้ดีก็จะพ้นจากบ่วงแห่งมาร

สิ่งที่ยิ่งทำให้โลภ โกรธ หลง ก็คือ “มาร” เมื่อพิจารณารู้แล้วต้องไม่หลงไหลไปตามมายาของกิเลสนั้น เมื่อมีอะไรมากระทบก็อย่าวู่วาม ให้มีสติสัมปชัญญะสกัดกั้นจิตใจไว้

มีอะไรมากระทบใจ ก็ “อดทน” ก่อน ถ้าไม่อดทนก็จะมีเรื่องอย่างมีคดีกัน ฟ้องกัน เสียเงิน เสียเวลา ไปศาลทีไรก็เสียเงินทุกที ไม่ฉลาด ถ้าฉลาดโจทก์กับจำเลยควรมาพูดคุยกันตกลงกัน สมยอมกัน ยอมสละกันบ้าง การว่าความในโรงศาลไม่ใช่ของดี ทำให้เสียเงินทอง เสียเกียรติยศชื่อเสียง

พระพุทธองค์จึงสั่งสอนให้สำรวมจิต ซึ่งจะทำให้มาร คือความชั่วทั้งหลายมาหลอกลวงยั่วยวนไม่สำเร็จ เพราะว่าจิตรู้เท่าทัน เมื่อจิตตั้งมั่น ก็เกิดปัญญา
ดังนั้น อย่าปล่อยให้จิตไหลไปตามกระแสโลก จะยืน เดินนั่ง นอน ก็ใช้สติสัมปชัญญะพิจารณาก่อน จะทำ จะพูดจะคิด ก็สำรวมจิต รักษาจิตให้ดี มารหรือความชั่วก็มาลบล้างหรือทำให้จิตใจเศร้าหมองขุ่นมัวไม่ได้
ขอให้เข้าใจว่า ความชั่วทั้งหลาย (โลภ โกรธ หลง) คือตัวมารใครล่วงความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็เข้าใจผิด เดินทางผิด เห็นผิดเป็นชอบไป การขอหวย รวยเบอร์ บนบานไม่ได้อะไร นี่เรียกว่า ความหลง
ดังนั้น สำรวมตัวเองให้ดี ไม่ปล่อยให้ความชั่วจูงจิตใจไป เท่านี้ก็มีแต่ความดี ไม่มีความชั่ว

ก่อนนอนควรสวดมนต์ไหว้พระ ฝึกฝนตน อย่าแค่กราบ ๓ ทีแล้วนอนเลย เพราะพวกเรากำลังฝึกตนอยู่ พระพุทธองค์ทรงวางระเบียบไว้อย่างไร ก็ให้ฝึกตนอย่างนั้น ทำบุญ-ทำทาน-ขยันทำงาน-ขยันทำบุญ-ควบคุมใจให้อยู่ในความดี อย่าให้โลภ โกรธ หลง มาครอบงำใจให้ไปทำไม่ดีกับคนอื่นอันจะเป็นบาปเป็นเวรต่อไป ทำความดีให้เกิดในใจตนด้วยการพยุงจิตให้แน่วแน่

จิตมีปกติเที่ยวไปไกล แต่ ไม่มีรูปร่าง มีถ้ำคือกายเป็นที่อาศัยผู้ใดสำรวมจิตใจให้ดี ก็จะพ้นจากบ่วงแห่งมาร คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง นั่นเอง
(จบ)


http://palungjit.org/threads/%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AA-%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8D-%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A0.252291/

 

ฮิฮิ สิงห์โตรินจังเปราะบางเหรอ หรือสิงห์โตคริสตอล

 

ขอบคุณมากสำหรับท่านผู้แนะนำสิ่งดีดี ผมยังต้องศึกษาใจตัวเองด้วยพระธรรมอีกนาน กว่าจะรู้ใจ แล้วหาทางออกได้ กรรมที่ดีดีจงมีแก่ท่าน

 

ความคืบหน้าครับ ตอนนี้พอยับหยั้งได้แล้วครับ (ตอนนี้น้องคิวไม่ได้ทำงานที่เดียวกันแล้วย้ายไปทำที่อื่นแล้ว) และตอนนี้ได้แต่งงานกับน้องโอแล้ว มีลูกชาย 1 คน อายุ สี่ขวบกว่า ๆ แล้ว ตอนนี้ไม่มีไลน์ ไม่มีเฟส ไม่มีเบอร์ น้องคิว ไม่ได้ติดต่อ ส่วนเรื่องเผลอใจกับหญิงอื่น ๆ ก็มีบ้างพอเบา ๆ ไม่หนักเท่าไร ควบคุมได้

 

ก็คุณปล่อยจิตปล่อยใจให้ไปปรุงแต่ง ให้ไปยึดเขาไว้แต่ต้น คุณถึงรู้สึกผูกพันธ์ เสน่ห์หาในตัวเขา

จริงๆสิ่งที่คุณเป็นนั้น ไม่ใช่เพราะรักเขา แต่เป็นที่คุณรักตัวเอง คุณมีตัณหาเป็นที่ตั้ง คือ ความอยากในกาม... เมื่อมีตัณหา ธรรมชาติของคนเรานั้นคือต้องเติบเต็มตัณหา... เมื่อตัณหาไม่ได้ถูกสนอง ก็เกิดเป็นความทุกข์ร้อนใจขึ้นมา... นี่ยังดีนะคุณยังพอมีสติ ยังพอรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก...

ต่อไปคุณต้องระวังจิตคุณให้ดี อย่าปล่อยให้หลงไปคิดไปปรุงแต่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้อีก... ไม่งั้นจะถอนไม่ขึ้น แล้วอาจจะทำอะไรที่ผิดศีลธรรมไปก็ได้

 

เป็นดั่งที่ท่าน pinit417 พูดไม่ผิดครับ