กล่าวถึง "พระศรีอริยเมตไตรย"

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย jikkiijang, 16 พฤศจิกายน 2012.

  1. jikkiijang

    jikkiijang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    215
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +335
    ผมเคยอ่านว่า พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ก่อนจะมาประสูติ จะต้องเกิดเป็นกษัตริย์จะต้องมีการให้ทาน (เหมือนพระเวสสันดร อดีตชาติของพระพุทธเจ้า)
    ผมก็เลยสงสัยว่า "พระศรีอริยเมตไตรย" ที่จะมาประสูติ ในชาติต่อไปจะประสูติเป็น "พระศรีอริยเมตไตรย" เลยหรือเปล่า เพราะภพหลังสุดของท่านคือ พระอชิตะเถระสาวกของพระพุทธโคดม หรือจะมาประสูติแล้วมีการให้ทานเหมือนพระเวสสันดรก่อนถึงจะเป็น "พระศรีอริยเมตไตรย" ท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ
     
  2. บารมี 10

    บารมี 10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,071
    พระศรีอาริย์ วัดไลย์

    ที่วัดนี้มีพระพุทธรูปอยู่องค์หนึ่ง ประชาชนเลื่อมใสศรัทธามาก คือพระศรีอาริย์ โดยมีตำนานเล่าเกี่ยวกับพระศรีอาริย์นี้ว่า ชายแก่คนหนึ่งชื่อว่ามณฑา หมั่นทำบุญรักษาศีลภาวนาอยู่เป็นนิจ เพื่อจะได้มีอายุยืนให้ถึงสมัยพระศรีอาริย์มาโปรดโลกมนุษย์ ก่อนจะตายแกได้สั่งญาติไว้ว่าให้เอาศพแกไว้7วันแล้วค่อยเผา เมื่อเฒ่ามณฑาตายไป ด้วยบุญกุศลที่แกสร้างสมไว้ พระอินทร์จึงเป็นผู้มารับวิญญาณและแจ้งแกว่าพระศรีอาริย์มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วและบวชเป็นพระอยู่วัดไลย์ แต่ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร พระอินทร์จึงมอบดอกบัวหนึ่งดอกแก่เฒ่ามณฑา เพื่อนำไปกราบพระศรีอาริย์ แล้วส่งวิญญาณแกกลับสู่ร่าง เฒ่ามณฑาฟื้นขึ้นมาแล้วเล่าเรื่องไปพบพระอินทร์ให้ญาติพี่น้องฟัง และรีบไปวัดไลย์ เมื่อไปถึงพระกำลังสวดปาฏิโมกข์อยู่ในโบสถ์ แกจึงนั่งรออยู่ที่บันไดโบสถ์พร้อมกับพนมมือชูดอกบัวขึ้นถวาย พระได้เดินออกจากโบสถ์ทีละรูป แต่ไม่มีพระองค์ใดรับดอกบัวเลย เนื่องจากพระมองไม่เห็นดอกบัว เห็นเพียงเฒ่ามณฑานั่งพนมมืออยู่ เมื่อพระออกจากโบสถ์จนหมดแล้ว เฒ่ามณฑาจึงถามเณรว่า พระวัดนี้หมดแล้วหรือ เณรบอกว่ายังมีอีกรูปหนึ่งชื่อพระศรี วันนี้อาพาธไม่ได้ลงโบสถ์ แกจึงรีบไปหาพระศรีที่กุฏิเพื่อถวายดอกบัว พระศรีเห็นดอกบัวก็รีบลุกขึ้นรับ เฒ่ามนฑารู้ทันทีว่าเป็นพระศรีอาริย์ยังความปลาบปลื้มปิติให้แก่เฒ่ามณฑาเป็นอย่างยิ่ง จึงขออยู่รับใช้พระศรีอาริย์ โดยพระศรีอาริย์ไม่ให้แกเล่าเรื่องที่พระศรีอาริย์ลงมาเกิดในโลกมนุษย์และบวชเป็นพระอยู่วัดไลย์ให้แกรู้ อยู่ต่อมาพระศรีย์ก็ถึงแก่มรณภาพ พระภิกษุสามเณรและประชาชนผู้มีจิตศรัทธาจึงร่วมกันหล่อรูปพระศรีอาริย์แต่ทำอย่างไรก็ไม่เสร็จ พระอินทร์จึงแอบมาหล่อให้ในเวลาเพลที่ภิษุสามเณรไปฉันเพล เมื่อกลับจากฉันเพลก็เห็นรูปหล่อพระศรีอาริย์เสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นที่อัศจรรย์
     
  3. krasin

    krasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +2,821
    พระอาจารย์ที่ผมนับถือ ท๋านบอกว่าอีกนานแสนนานกว่าท่านจะมา อย่าไปคิดอธิฐานว่าขอเกิดในสมัยพระศรีอริยเมตไตร ควรจะไปเกิดในแดนนิพานจะเหมาะสมกว่า อย่าพยายามอธิฐานว่าชาติหน้าขอเป็นแบบนั้น
    แบบนี้ ให้มุ่งนิพพานอย่างเดียวเลย
     
  4. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    อยู่ที่บารมีครับว่าเต็มเปี่ยมไปทุก ๆด้านแล้วหรือยัง ถ้ายังก็จะต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกครับ ถ้าบารมีเต็มแล้วทุกด้านก็อยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต เพื่อรอดูความเหมาะสมในการที่จะเสด็จลงมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ พุทธจริยาก็จะเหมือน ๆกันคล้าย ๆกันไม่ผิดแผกไปจากกันมากนัก เพราะเรื่องตรัสรู้ก็คือ อริยสัตย์ 4 เหมือนกัน อันมีสามรอบสิบสองอาการ ไม่รู้ถูกต้องหรือเปล่าครับต้องรอท่านผู้ที่มีความรู้สูงกว่าผมมายืนยันอีกทีครับ สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2012
  5. พุืทธวจน000

    พุืทธวจน000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +1,051

    ***ขอยืนยันด้วยพระสูตรนี้ครับ


    ***พระพุทธเจ้า ทั้งในอดีต
    - อนาคต - ปัจจุบัน ล้วนแต่ตรัสรู้อริยสัจสี่

    ภิกษุ ท. ! พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดๆ ได้ตรัสรู้ตาม
    เป็นจริงไปแล้ว ในกาลยืดยาวนานฝ่ายอดีต, ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ได้ตรัสรู้
    ตามเป็นจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง. ภิกษุ ท. ! พระอรหันตสัมมา-
    สัมพุทธเจ้าองค์ใด ๆ จักได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ต่อกาลยืดยาวนานฝ่ายอนาคต,

    ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็จักได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง.
    ภิกษุ ท. ! แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ผู้ตรัสรู้ตามเป็นจริงอยู่ ในกาล
    เป็ นปัจจุบันนี้ ก็ได้ตรัสรู้อยู่ ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่าง. ความจริงอัน
    ประเสริฐสี่อย่างนั้น เหล่าไหนเล่า ? สี่อย่างคือ ความจริงอันประเสริฐคือ ทุกข์,
    ความจริงอันประเสริฐ คือ เหตุให้เกิดทุกข์, ความจริงอันประเสริฐ คือ ความดับ
    ไม่เหลือของทุกข์ และความจริงอันประเสริฐ คือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่
    เหลือของทุกข์.

    ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทำความเพียร
    เพื่อให้รู้ตามเป็ นจริง ว่า “นี้เป็นทุกข, นี้เป็นเหตุใหเ้ กิดทุกข, นี้เป็นความดับ
    ไม่เหลือของทุกข์ และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ;” ดังนี้
    เถิด.

    - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๓/๑๗๐๔.
     
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    พระโพธิสัตว์ ก็บำเพ็ญบารมีคล้ายกันหมดแหละ แต่จะเอาตัวไหนนำหน้าเท่านั้นแหละ เพราะว่ามันมี ๓ แบบ ๓ ขั้น ๓ ชั้น ปัญญาธิกะ บำเพ็ญ บารมี ๔ อสงไขยกำไลยแสนมหากัป ศรัทธาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๘ อสงไขยกำไลยแสนมหากัป และวิริยาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยกำไลยแสนมหากัป พระโพธิสัตว์ และพระพุทธเจ้า ก็มีอยู่ ๓ แบบนี้เท่านั้น ๓ ขั้น ๓ ชั้น หยาบ กลาง ละเอียด ก็คือ บารมี ต้น กลาง และปลาย เป็นปรมัตถบารมี


    [COLOR บารมีต้น ก็เริ่ม ต้น กลาง ปลาย บารมีกลางก็เริ่ม ต้น กลาง และปลาย บารมีปลายก็เริ่ม ต้น กลาง ปลาย เช่นเดียวกัน ก็คือ บารมี ๑๐ นั่นแหละ เมื่อทำจบ สุดท้าย ก็แยกไปอีก จากต้น กลาง และปลาย ก็จะเป็น บารมี ๓๐ ทัศ นั่นเองครับ เมื่อทำบารมีเต็มแล้ว ก็เข้า อยู่ สวรรค์ ชั้นดุสิต รอคิวมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า นี่เล่าลัดๆนะ แต่ ท่านคงไม่นั่ง อยู่เฉยหรอกนะ ท่านอาจจะ ลงไปจุติ ตรงไหนก็ได้ เพื่อจะโปรด บริษัทบริวาร ของท่าน ที่ความปราถนาไปด้วยกัน หรือไปช่วย ลูกศิษย์ หรือสัพสัตว์ ขององค์ อื่นๆ เพราะพระโพธิสัตว์ แต่ละองค์ ท่านจะช่วยเหลือ เกื้กูลกัน [/COLOR]

    ถ้าท่านทำหน้าที่ของท่านไม่ทัน พระโพธิสัตว์ องค์อื่นๆ หรือเทวดา พรหม องค์อื่นๆ จะทำหน้าที่แทนครับ สวรค์ชั้นดุสิตนี่ เป็นสวรรค์ ที่อยู่ได้เฉพาะ พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเต็มแล้วเท่านั้น พ่อแม่ ของท่านด้วย และผู้ที่ เป็นพระอริยะ ตั้งแต่ พระโสดาบัน ถึง พระอนาคามีเท่านั้น ถ้า ถ้าเทวดาพรหม ที่เป็น โลกีย มาอยู่ชั้น ดุสิตไม่ได้ครับ เหมือนเป็น สวรรค์ชั้นพิเศษ นั่นเอง หรือ ต้องห้าม ไม่ห้าม ก็เหมือนห้ามครับ เฉพราะบุคคลพิเศษ จึงได้กล่าวมาเช่นนี้ครับผม และเมื่อถึง เวลาอันควรแล้ว เทวดาพรหม ก็จะอาราธนา ลงมาจุติ ยังเมือง อันสมควร ครับ ท่านจะพิจรณาของท่านเองครับ ว่าสมควรหรือไม่ ขอจบแค่นี้แหละครับ พูด กันเป็นวันไม่จบครับ
     
  7. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    =====
    ท่านได้ประวัติ นี้มาอย่างไร ครับ หรือแค่เล่าๆกันมา
    กระผมขอแย้งเพราะว่าไม่ได้มีความจริงเป็นอย่างนั้น เพราะเหตุที่ว่า ผมอยู่ลพบุรีหลายปี เจริญสมาธิ แล้วพบว่า ชายชราเป็นเศรษฐีผู้เป็นโยมอุปถาก พระศรีอาริยะ วัดไลย์นั้น ท่านสื่อมาให้ทราบว่า

    เดิมพระศรีอารย์ ท่านเกิดในสมัยอยุธยาตอนปลาย ที่หมู่บ้านแถวดงน้อยหรือดงตาลในปัจจุบัน ท่านเกิดมาเป็นชายผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งผอมเล็กน้อย
    ท่านพระศรีอาร์ย ท่านบวชเป็นพระภิกษุเมื่ออายุครบ21ปีบริบูรณ์ ในครั้งนั้นมีการบวชหมู่คือมีการบวชพระพร้อมๆกันหลายรูป ในหมู่บ้านดงตาล มีชายชราผู้หนึ่งเป็นคนที่คงแก่เรียนมีวิชา และเป็นที่นับถือของคนในหมู่บ้าน ชายชราผู้นี้มาบอกกับคนในหมู่บ้านว่า พระศรีอารย์ท่านมาเกิดแล้วและท่านจะบวชในวันงามที่จะถึงนี้ ชายชรากล่าวว่า ในงานบวชพระหมู่ครั้งนี้ ให้สังเกตุดู นาครูปใดในขบวนที่ถือดอกบัวขาวเป็นดอกบัวตูม1ดอกเข้าพระอุโบสถ พระนาครูปนั้นแหละคือ ท่านพระศรีอาริย์
    เมื่อถึงวันงานที่วัดดงตาล เหล่านาคทั้งหลายเดินเป็นขบวนเข้าพระอุโบสถ ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่ทราบข่าวก็มารอดูตามที่ชายชราบอก ซึ่งก็พบว่ามีนาคอยู่รูปหนึ่งอยู่ท้ายขบวนเดินถือดอกบัวตูว1ดอก เข้าพระอุโบสถ ชาวบ้านกลุ่มนั้นพร้อมด้วยท่านเศรษฐีจึงรอ หลังเสร็จพิธีบวชพระเสร็จแล้ว จึงเข้าไปกราบ พระรูปนั้น
    หลังจากนั้นมา พระศรีอารย์ ก็ตั้งใจรักษาพรหมจรรย์และเล่าเรียนทั้งปริยัติธรรมและปฏิบัติกรรมฐาน ท่านกับท่านเศรษฐีและชาวบ้านได้ร่วมกัน สร้างพระพุทธรูป เททองหล่อพระพุทธรูปที่เป็นองค์สมณโคดมเนื้อทองเหลืองแก่ทองคำ ท่านพระศรีอารย์ท่านได้สร้างความเจริญให้วัดดงตาลเป็นอย่างมาก และท่านก็เบื่อหน่ายต้องการปฏิบัติธรรมให้ถึงที่สุดแห่งธรรมจึงได้ ออกจากวัดดงตาลเดินธุดงค์ไปหลายที่ ทั้งเหนือใต้ ตะวันตก อีสานตะวันออก จนท่านกลับมาปักกรดพักอยู่ที่วัดไลย์ในปัจจุบัน เป็นวัดเก่า ชาวบ้านที่วัดไลย์ จึงอาราธนาให้ท่านพระศรีอารย์อยู่ที่วัดไลย์แห่งนี้เพื่อบูรณะซ่อมบำรุงวัดให้ดีให้เจริญรุ่งเรื่อง พระศรีอารย์จึงตัดสินใจหยุดธุดงค์และสร้างวัดไลย์ให้เจริญรุ่งเรือง ก่นอท่นพระศรีอารย์จะมรณะภาพท่านได้เดินทางไปวัดดงตาลและท่านก็ยังเป็นธุระหลายอย่างในการทะนุบำรุงวัดดงตาลอันเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน ทั้งวัดดงตาล และวัดไลย์ ก่อนที่พระศรีอารย์จะมรณภาพชาวบ้านในลพบุรีตอนนั้นต่างทราบดีว่า ท่านคือพระศรีอาริยะ จึงได้ขอท่านพระศรีอาริย์ว่า จะขอสร้างรูปท่านไว้เพื่อเป็นที่เคารพสักการะบูชา ท่านพระศรีอาริย์จึงอนุญาตุและบอกไว้ว่าการสร้างรูปแทนองค์ท่านนั้นให้สร้างเป็นรูปพระภิกษูแบบศรีษะแบบพระปกติธรรมดาห้ามมิให้มียอดแหลมเหมือนพระพุทธเจ้า เพราะท่านยังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ตอนนี้ท่านยังต้องสร้างบารมีอีกหลายชาติ
    จากประวัติที่กระผมเล่าให้ฟัง ผมได้เดินทางไปยังวัดดงตาล จึงพบประวัติของท่านพระศรีอาริย์ และพระพุทธรูปที่สร้างในสมัยท่าน และได้เดินทางไปวัดไลย์ ก็ทราบประวัติมาเช่นกันอันต่อเนื่องกัน ผมมีเพื่อที่เป็นคนลพบุรี ละแวกวัดดงตาล จึงทราบประวัติมาเช่นนี้ จึงขอกล่าวเช่นนี้ครับ สาธุ



     
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ต่อครับ เรื่อง การมาเกิดเพื่อสร้างบารมีของพระศรีอาริยะนั้น ด้วยประเพณีปฏิบัติของเหล่ามหาโพธิสัตว์ ย่อมต้องมาเกิดเพื่อสร้างบารมี เฉกเช่นพระทศชาดกเป็นต้น ไม่สามารถเลี่ยงเป็นอย่างอื่นได้ ก่อนกัปป์แห่งสมณโคดมพุทธเจ้าจะหมดไป ก่อนกัปป์ใหม่ของพระศรีอาริยะเวียนมา มันช่างยาวนานเหลือเกิน ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอีกหลายภพชาติครับ สาธุ
     
  9. thaibiz

    thaibiz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +30
    พระศรีอริยเมตไตรย์
    พระศรีอริยเมตไตรย์ พระองค์ คือ บุคคลที่จะมาบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป และยังถือเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์สุดท้ายของภัทรกัปนี้อีกด้วย

    ศึกษาเรียนรู้เรื่องราวการสร้างบารมีของพระศรีอริยเมตไตรย์ ทั้งหมด 98 ตอนคลิกที่นี่ครับ พระศรีอริยเมตไตรย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pra1Capture.png
      pra1Capture.png
      ขนาดไฟล์:
      194.9 KB
      เปิดดู:
      288
  10. jikkiijang

    jikkiijang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    215
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +335
    ตามที่ทุก ๆ ท่านแสดงความคิดเห็นมา สำหรับผมแล้วจับใจความได้ว่า "พระศรีอริยเมตไตรย์" ท่านจะมาเกิดอีกจำนวนชาตินับไม่ถ้วน กว่าจะได้มาประสูติเป็น "พระศรีอริยเมตไตรย์" แล้วที่ว่าอีก 5,000 ปี "พระศรีอริยเมตไตรย์" จะมาประสูติ เราเริ่มนับยังไงครับ หรือว่า อีก 5,000 ปี ศาสนาจะเสื่อมถึงจะเข้าสู่ยุค "พระศรีอริยเมตไตรย์"
     
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ในพุทธกาล 5000ปีแห่งสมณโคตมะพุทธเจ้าเรานี้ ไม่สามารถทราบได้ว่า ท่านพระศรีอริยะมหาโพธิสัตว์ จะจุติมาเกิดเป็นมนุษย์และสัตว์กี่ภพชาติ และหลังจาก5000ปีไปแล้ว ก็เช่นกัน ไม่สามารถบอกได้ ครั้นเมื่อผ่านไป5000ปีแล้วโลกมนุษย์เราเข้าสู่ยุคเสื่อมด้านจิตวิญญาณ ก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่าจะอีกนานเท่าใด โลกเราจะเกิดกลียุค เกือบถึงจุดศุนย์กัปป์ คือโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างถูกทำลายจนแทบไม่เหลือเทคโนโลยีอะไรต้องเรืิ่มต้นนับ1กันใหม่ มนุษย์และสัตว์หลายชนิดเกือบสูญพันธ์ไป อันเป็นกาลแห่งกัปป์ของพระศรีอาริย์ก็มาถึง ในกาลกัปป์นี้นั้นก็ไม่ทราบอีกว่าพระศรีอาริย์จะมากเกิดเพื่อสร้างบารมีอีกกี่ภพชาติ และจะได้ตรัสตรู้เมื่อไหร่ และเมื่อพระศรีอาริย์ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ศาสนาของพระศรีอาริย์จะยืนยาวแค่ไหน และหลังจากหมดยุคของพระศรีอาริย์แล้วก็ไม่ทราบได้ว่าอีกนานแค่ไหน โลกก็จะเกิดมหาภัยพิบัติทำลายโลกจะแตกดับ

    ทุกอย่างตอบได้ยากเพราะเหตุแห่งการมาเกิดเพื่อสร้างบารมีล้วนเกี่ยวข้องด้วยเหตุปัจจัยหลายประการ อันเกี่ยวเนื่องด้วยบารมีที่จะต้องสร้างของตน บารมีแห่งพระโพธิสัตว์อื่นๆที่จะต้องสร้างและเกี่ยวเนื่องกับพระองค์ บารมีแห่งเหล่าสาวก บารมีแห่งเหล่าพุทธบริษัทในกาลและยุคนั้นๆ สิ่งเหล่านี้มีเพียง พระพุทธเจ้าด้วยกันเท่านั้นที่จะหยั่งรู้และสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ทั้งหมดอย่างแจ่มชัดครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  12. หนึ่งคน

    หนึ่งคน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +4
    ศาสดามีเพียง1 คือสิทธัตถะเท่านั้น
    อริยะ นั้นหาใช่ศาสดา เป็นเพียง บุตรธิดาแห่งเจ้าชาย
    สิ่งที่สร้างโลกนี้ มีแค่ 5 อย่าง
    1.พระเจ้า
    2.พระพรหม
    3.ยมพบาล
    4.พุทธะเจ้า
    5.อริยะเมตรไตร

    แต่ยังมีผู้ทำลาย เพียง 1.พระราชาแห่งแสงตะวัน ธรรมิกะราชา
    มาเพื่อ ทำลาย ความชั่ว ความเลว สเนียจจัญไรทั้งปวง.
     
  13. song hasoon

    song hasoon สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    สรรพสิ่งมีอะตอม ซึ่งมีนิวเคลียสตรงกลางและมีอิเล็กตรอนเคลื่อนที่รอบๆเสมอ อะตอม ณ จุดอิเล็กตรอนอยู่ล่าสุด ก็มีคุณลักษณะไม่เหมือนกับ ณ จุดอิเล็กตรอนอยู่ก่อนหน้านี้ หรือทุกการวิ่งวนคุณลักษณะอะตอมและทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงตลอด
    .ร่างคน มีระบบอวัยวะ อวัยวะ เนื้อเยื่อ เซล โมเลกุล เล็กสุดคืออะตอมทั้งหลาย ด้วยคุณลักษณะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ปรากฏการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย การย่อยสลาย หากคงที่ เด็กทารกเกิดมาได้ยังงัย แล้วสภาพทารกตอนนี้ไปใหน
    .จิตใจมีร่างกายเป็นภาครับรู้ภาคคิดจำคำนวณภาคแสดง ความรู้สึกนึกคิด เปลี่ยนแปลงเสมอ มีทั้ง โกรธ ขัดเคือง ชัง ชอบ เศร้า รัก ฯ เปลี่ยนทุกครั้งที่ทวารต่างๆสัมผัสสรรพสิ่งรวมทั้งความจำ
    .สรรพสิ่ง ร่างกาย จิตใจ เปลี่ยนแปลงเป็นนิจ เปลี่ยนอยู่เสมอ เปลี่ยนตลอดเวลา ...เปลี่ยนเปลี่ยนเปลี่ยนเปลี่ยนเปลี่ยนเปลี่ยนเปลี่ยน...มีแต่การเปลี่ยนเท่านั้น เป็นอยู่อย่างนั้น เป็นของบริสุทธิดั้งเดิมไม่อยู่ภายใต้อำนาจของอะไร เป็นของบริสุทธิ์อย่างบริสุทธิ์แท้จริง เป็นอิสระไม่อยู่ภายใต้อำนาจความต้องเป็นอยู่หรือภายใต้ความดับสูญอย่างอิสระแท้จริง เป็นสิ่งที่มีความสมบูรณ์อยู่ในตัวมันเองอย่างสมบูรณ์แท้จริง เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการเปลี่ยนแปลงอย่างนอกเหนือแท้จริง อันคือสภาวะถาวร อมตะ อนันต์ นิรันดร ว่าง เหมือนมีแต่ไม่มีตัว พระพุทธเจ้า พระเจ้า
     
  14. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    น่าสนใจครับ มีนัยแฝงมั้ยครับ
    ถ้ากล่าวคำขององสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วอย่างอัศจรรย์ ลึกซึ้ง
    เราจะกล่าวว่าท่านได้บรรลุแล้วธรรมในอนันตจักวาล อิทัปปัจยตา
    เพียงรู้และไปได้โดยการคู้แขน รู้แจ้งแทงตลอดแห่ง
    ติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ แม้จะขึ้นชื่อว่าผู้มีธรรม บารมี ฌานสมาบัติ
    อภิญญา ก็ยังไปไม่เห็นที่สุดได้ด้วย อายุขัยแห่งตน มีได้แต่ผู่บำเพ็ญโพธิญาณ
    ที่สำเร็จแล้วแห่งอสงไขยกัป มิมีผู้ใดเสมอเหมือน
    ถ้ากล่าวคำของบรมโพธิสัตว์แล้ว ถ้าแสดงได้ไห้เห็นเป็นประจักษ์
    หลังจากพุทธกาลเริ่มแรกเป็นต้นมานั้น ขึ้นชื่อว่าผู้มีบารมีมาแล้ว อย่างยิ่งยวด
    ในความเป็นมหาโพธิสัตว์นิตยโพธิสัตว์ถ้าแสดงได้อย่างนี้มหาชนจะเป็นหนึ่งในความเชื่อ ศรัทธา
    แม้ธรรมในผู้สำเร็จอริยบุคคล ยังมิอาจพยากรณ์ดังคำกล่าวที่ท่านกล่าวได้ แล้วสิ่งที่ท่านกล่าวมาเป็นคำกล่าวใด

     
  15. song hasoon

    song hasoon สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ตรรกคำธรรมดาๆ แสดงสิ่งที่เปลี่ยนเป็นไปทุกขณะ อันหมายถึง ความไม่มีตัวตน เห็นในสิ่งที่ไม่มี ตาในไม่ใช่ตานอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2016

แชร์หน้านี้

Loading...