"กายกับจิตแยกออกจากกัน" เทศนาโดยหลวงตาพระมหาบัว

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย แดนโลกธาตุ, 20 พฤศจิกายน 2006.

  1. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]



    พระธรรมเทศนาองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
    "กายกับจิตแยกออกจากกัน"

    (ปัญหาธรรมะมีคนถามเข้ามาครับว่า เมื่อนั่งสมาธิเห็นกายกับจิตแยกจากกันอย่างชัดเจน จะต้องทำอย่างไรต่อไปครับ) แล้วผลมันเป็นยังไงเห็นกายกับจิตอย่างชัดเจนแล้ว (ผลที่เกิดเขาบอกว่า เท่ากับมีสองร่าง คือร่างหนึ่งมีพลังจิตที่สูงกว่ามาบังคับให้นั่งสมาธิทุกวัน ถ้าไม่นั่งจะมีอาการมึนศีรษะทางด้านซ้าย คลื่นไส้ โดยเฉพาะจะเป็นมากในวันพระวันโกน มีอาการเหล่านี้อย่างชัดเจนมากกว่าปรกติ จะแก้ไขอย่างไรครับ) ต้องนั่งภาวนาซิ พระธรรมท่านสอนไม่ให้คนขี้เกียจ คือถ้าไม่นั่งภาวนาจะเจ็บป่วย ให้นั่งภาวนา
    (เขาบอกต่อไปว่า แม้จะนั่งภาวนาสมาธิอยู่ในสภาวะปรกติ ร่างกายซีกซ้ายระหว่างใบหูข้างซ้ายจะรู้สึกเบาๆ และกลวง แต่ข้างขวาไม่เป็น จึงทำให้การทรงตัวเวลาเดินจงกรมทำไม่ได้ จะแก้ไขอย่างไร) อันนี้ก็มีส่วนเสียได้ ถ้าเอนไปๆ ก็เหมือนคนวิงเวียน อาจล้มได้ ถ้าอย่างนั้นก็ระงับเสีย ถ้าเดินไปมันเอนไปๆ ลักษณะเหมือนจะวิงเวียนแต่มันไม่วิงเวียน มันหากเป็นของมันอย่างนั้นแล้วก็ให้ระงับเสียชั่วคราว กลับมานั่งภาวนา
    การภาวนาสำคัญมาก เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนเน้นหนักเรื่องการภาวนา การภาวนานี้ค้นคว้าดูโลกธาตุ บ่อเกิดแห่งความเกิดแก่เจ็บตาย ความทุกข์ความลำบากทั้งหลายของสัตว์โลกไปรวมอยู่ที่ใจ จิตตภาวนาเข้าจุดนี้แล้วเรียกว่าเข้าหารากแก้วของมัน พิจารณาภาวนาแล้วมันจะค่อยกระจายออกๆ เรื่องภาวนานี่อัศจรรย์ คิดดูตัวเราเองทำไมไปอัศจรรย์เจ้าของได้ ก็มันเป็นชัดๆ จะไม่ให้อัศจรรย์ยังไง จนถึงขนาดออกอุทานเลยว่า โอ้โห จิตของเรานี้ทำไมถึงได้อัศจรรย์เอานักหนา ทั้งสว่างไสวเวิ้งว้างไปหมด เป็นของอัศจรรย์อยู่ในจิต ได้ขึ้นอุทานนะเวลาภาวนาไป ถ้าธรรมะขั้นสูงกว่านั้นก็เรียกว่ามันจะติด
    ธรรมที่สูงกว่านั้นเพื่อความพ้นทุกข์จึงมาเตือนเรา ที่กำลังติดอยู่ในความสว่างไสว ความว่างเปล่า เป็นความอัศจรรย์อย่างมากทีเดียว ถึงขนาดอุทานออกมา แล้วธรรมะท่านก็เตือนออกมาว่า ถ้ามีจุดมีต่อม จุดก็จุดผู้รู้ ต่อมก็ต่อมผู้รู้นั้นแหละ ที่สว่างไสวอยู่นั้นแหละ แห่งผู้รู้อยู่ที่ไหน นั้นแลคือตัวภพ ภพชาติก็ตัวนี้แหละพาให้เกิด แต่เรามันไปงงเสีย ถ้าหากว่าไปเล่าให้พ่อแม่ครูจารย์ฟังตอนท่านมีชีวิตอยู่นี้ ท่านจะใส่ผางเดียว ดีไม่ดีบรรลุในเวลานั้นก็ได้ นั่นละบรรลุธรรมเวลาตอบปัญหา เช่นปัญหาอันนี้ บรรลุแน่ๆ <O:p</O:p
    คือจุดนี่จุดสว่างไสว จะว่าต่อมก็อันเดียวกัน เป็นไวพจน์ใช้แทนกันได้ ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหน นั้นแลคือตัวภพ ตัวภพก็ตัวนั้น จิตจ่อเข้าไปตรงนี้แล้วแตกกระจายผางเลย นั่น แต่นี้มันไม่รู้จักวิธีแก้ไขเลยงงไป ถ้าหากไปเล่าให้พ่อแม่ครูจารย์ฟังเวลาท่านมีชีวิตอยู่แล้ว บอกชัดๆ ว่าจะบรรลุในเวลานั้นเลย ก็จุดนั้นแล้วต่อมนั้นแล้วจะเป็นอะไรที่ไหนไป ใส่ผางขาดสะบั้นไปเลย แต่นี้มันไม่รู้ แล้วท่านล่วงไปแล้วด้วย ท่านล่วงไปเดือนพฤศจิกา เราไปเป็นเดือนกุมภา อยู่หลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ แบกปัญหานี้ไปข้ามไปทางอำเภอท่าบ่อ ศรีเชียงใหม่ แล้วกลับคืนไปวัดดอยธรรมเจดีย์ เดือนเมษา พฤษภา จึงได้ไปปลงกันที่นั่น ที่ว่าจุดว่าต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหน ไปปลงลงที่นั่นเลยแหละพออันนี้ขาดสะบั้นไปแล้ว จุดก็ไม่มี ต่อมก็ไม่มี ต่อมแห่งผู้รู้ก็เหมือนดวงไฟ หลอดไฟสว่างอยู่ที่หลอด นี่ละตัวภพ พอทำลายอันนี้ปั๊บจ้าหมดเลย<O:p</O:p
    เรื่องการภาวนานี้พิสดารมากทีเดียว หมายถึงว่าภาวนาได้เหตุได้ผลได้หลักได้เกณฑ์ นี้จะพิสดารมาก แต่ภาวนาแบบหมอนมัดติดคอไม่ได้เรื่องแหละ ได้แต่เสื่อกับหมอน คำว่าภาวนาก็ว่าเฉยๆ จิตไม่ได้ทำงานตามภาวนา ถ้าทำงานตามภาวนาแล้วจะรู้จะเห็นพิสดารมากคือการภาวนา อย่างแม่ชีแก้วนั่นออกรู้ข้างนอก กระจายไปเลย พอไปก็ว่าหลวงปู่มั่นท่านเวลาท่านจะจากไปท่านห้ามไม่ให้ภาวนา เราสะดุดกึ๊ก ต้องมีจุดใดจุดหนึ่งเราจะคอยฟังจุดนั้น พอแกแย็บออกความรู้ของแก อ๋อ อันนี้เอง แน่ะอย่างนั้นละเข้าใจทันที แล้วที่ไล่แกลงภูเขาก็จุดนี้จะเป็นอะไรไป<O:p</O:p
    คือมันอยากภาวนามากเข้าๆ ก็เลยภาวนา แต่ระวังเอาแกว่างั้น บทเวลาเอากันจริงๆ แล้วก็นั่นละไล่ลงภูเขาร้องไห้ ก็คืออันนี้เอง แกไม่ยอม ความรู้ของแกดีไม่ดีเอามาทับหัวเราอีก ว่าเราเป็นลูกศิษย์ของแกไปอีก ใส่เปรี้ยงนี้ก็ไล่ลงภูเขา ร้องไห้ลงไป แกก็มีเหตุมีผลอยู่ ที่ท่านไล่ลงภูเขาเพราะอะไร ก็เพราะไม่เชื่อฟังคำท่าน เอาแต่ความรู้ของตนไปอวดท่าน ท่านก็ไล่เอาบ้างซิ ถ้าหากว่าจะปฏิบัติตามท่าน ในฐานะถือว่าเป็นครูเป็นอาจารย์แล้วก็ปฏิบัติตามที่ท่านสอนซิ ท่านสอนว่าไง ทีนี้ก็เลยปล่อยเรื่องของแกหมด เข้ามาหาจุดที่เราสอน อย่างนั้นนะ<O:p</O:p
    พอเข้ามามันก็ถูกนี่ ก็สอนด้วยความถูกต้อง ผู้นั้นผิด งมเงาไปเฉยๆ พอเข้ามาจุดนี้มันก็จ้า สว่าง อัศจรรย์เกินคาดเกินหมายแกว่า ก็อย่างนั้นแล้ว พอออกจากที่ภาวนาก็หันหัวไปทางโน้นกราบ เราอยู่บนภูเขากับเณรภูบาล ทางด้านตะวันตก วัดห้วยทรายอยู่ทางนั้น บ้านห้วยทรายอยู่ทางนี้ วัดอยู่ทางนั้นเราอยู่ทางนั้น สำนักชีเขาข้ามทุ่งไปเลย วันพระเขาไปยกขบวนไปเลย พอ ๔ โมงเขาก็ขึ้นไปถึง ๕ โมงกว่าๆ เขาก็ลงมา ไปพูดถึงเรื่องปัญหานั่นละ นี่ละที่ว่าไล่ลงภูเขา ควรไล่มันต้องไล่จะว่าไง เมื่อเอาไว้ไม่อยู่แล้วก็ซัดกัน นิวเคลียร์ก็มานิวตรอนก็มาเข้าใจไหม ร้องไห้ลงภูเขาไป<O:p></O:p>
    ทีแรกก็ว่าองค์นี้แหละ แน่ะ แกก็แม่นยำดีอยู่ ว่าออกพรรษาแล้ว ปีนี้จะมีครูบาอาจารย์มาโปรดพวกเรานะ พระเณรมากมายคล้ายคลึงกับหลวงปู่มั่นมาจำพรรษาที่หนองน่องปีนั้นว่างั้น พระเณรมากมายคล้ายคลึงกันคอยดู พอครูบาอาจารย์องค์ไหนมาก็ไปดู เป็นไงใช่ไหม ไม่ใช่ๆ เรื่อยๆ เลย พอถึงวาระที่เราไป ออกไปดู ใช่ไหม บอกใช่เลยร้อยเปอร์เซ็นต์ นี้ละใช่แล้ว พูดให้เปิดเผยเสียว่าทั้งปวดหนักทั้งปวดเบามันอะไรพูดไม่ถูก ทั้งกลัวทั้งเคารพเลื่อมใสทุกอย่างอยู่ในนั้นหมด เรียกว่าทั้งปวดหนักปวดเบา ถามว่าองค์นี้ไหม ใช่องค์นี้แหละคอยดูว่าท่านจะสอนพวกเราไหม คอยดูก็แล้วกันท่านจะสอนไหม<O:p</O:p
    บทเวลาไล่ลงภูเขาสอนหรือไม่สอน แน่ะ แกก็ได้ตรงนั้นละ ได้ตอนที่ไล่ลงภูเขา ไปได้สติละซิ ที่ไม่ยอมฟังเราเราก็ไล่ลงภูเขาไปเลยซิ เมื่อไม่มีทางไปว้าเหว่ เราหวังจะพึ่งครูบาอาจารย์องค์นี้แล้วท่านก็สลัดปัดทิ้งไล่ลงภูเขาเสีย เราจะไปพึ่งใคร แล้วการไล่ท่านนั้นเพราะเหตุไร นั่นแกก็จับเอาตรงนั้น ก็เพราะไม่ฟังคำท่าน เอ้า ถ้าอย่างนั้นก็ฟังคำท่านซิ เราก็เอากันมาเสียพอแล้วก็ไม่เห็นได้เรื่องได้ราวอะไร ก็ฟังท่านซิ นั่นละพอฟังแล้วลง แล้วก็ลงผึงเลย ได้สี่วันแกก็ขึ้นไปเราไม่ลืมนะ ขึ้นไปขนาบอีก จากนั้นก็ต่อให้ละที่นี่ต่อให้เรื่อย<O:p</O:p
    แกรวดเร็วอยู่นะ ออกทางด้านปัญญานี้ก็หมุนติ้วเหมือนกัน ๙๓ จำหนองผือ ๙๔ จำห้วยทราย ๙๕ จำห้วยทราย ๒ ปีนี้แกก็ผ่านปี ๙๕ ๙๖-๙๗ พอออกพรรษาแล้วเราก็ลงไปจันท์ ไปจำพรรษาที่สถานีทดลอง พอไปถึงจันท์นั้นแล้วก็ขบขันดีนะ พวกนั้นเขาไม่รู้ว่าเรากับท่านอาจารย์ลีสนิทสนมกันมาแต่เมื่อไร เขาไม่รู้ ก็ไปคุยอวดท่านละซี คือท่านอยู่กรุงเทพส่วนมาก สมเด็จท่านนิมนต์มาพักบรมนิวาส นานๆ ไปวัดคลองกุ้งทีหนึ่งๆ เวลาท่านไปเขาก็รุมมาหาท่าน มาพูดอวดท่านละซิ ท่านพ่อ ทีนี้ได้พระเก่งมาองค์หนึ่งนะ เทศน์นี้เหมือนน้ำไหลไปเลยทีเดียว เทศน์เก่งมาก เทศน์น้ำไหลไปเลย ชื่อท่านอาจารย์มหาบัวว่า ท่านตอบคำเดียว มันต้องอย่างนั้นซิ ท่านว่ามันต้องอย่างนั้นซิ<O:p</O:p
    ความจริงท่านกับเราสนิทกันมาสักเท่าไร พวกเขาไม่รู้ แล้วเอาเรื่องของเราไปอวดท่าน ท่านก็บอก มันต้องอย่างนั้นซี เท่านั้นแหละไม่มาก ก็คุ้นกับท่านมาเท่าไรพวกนั้นเขาไม่รู้ เขาเอาไปโม้ท่านซิอวดท่าน ท่านก็ตอบดีนะ มันต้องอย่างนั้นซิ ขบขันดี กับท่านอาจารย์ลีรู้สึกจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันอยู่กับเราอย่างแน่นหนาเหมือนกัน การงานในวัดนี้เราจะต้องเป็นหลักอยู่นั้นเลย คอยรับคำสั่งเสียของท่านที่จะสั่งให้เราทำอะไรๆ เราไม่ลืม งานของท่านทีแรกสองอาทิตย์ พอทำไปประมาณได้สักอาทิตย์ พวกในครงในครัวอะไรแตกร้าวกันทะเลาะยุ่งกันไปหมดเลย ยังไม่ถึงอาทิตย์แหละ จะเอาสองอาทิตย์ ท่านก็สั่งให้เราไปไประงับแม่ครัวนั้น<O:p</O:p
    พอออกมาแล้วก็ได้ผลแหละ พอสองทุ่มเขาประกาศ คือเขาอ้างแม่ครัวไม่พอ ทะเลาะกันเพราะเหตุไร เรากับอาจารย์เจี๊ยะไปด้วยกัน ท่านสั่งให้เราไป ห้ามไม่ให้เปลี่ยนตัว ต้องมหาบัวเท่านั้น ท่านเอาอย่างนั้นนะ ห้ามไม่ให้เปลี่ยนตัว ก็เลยไปกับอาจารย์เจี๊ยะ ไปก็ โห มีแต่เขาโค้งๆ มันของเล่นเมื่อไร ยกขบวนใส่กัน ทางนี้เขาโค้งๆ มีแต่ตัวใหญ่ๆ เขาโค้งๆ พอทางนั้นพูดปั๊บทางนี้ยกทัพใส่กันปึ๋ง ทางนี้พูดพับทางนั้นยกทัพใส่กันปึ๋ง เราก็สั่งเลย ทีนี้ขึ้นสนามรบละ ขึ้นเวทีแล้ว หยุด นั่น เอาละนะ ใครจะมีกี่ปากให้พูดเฉพาะคณะที่ควรพูด เวลานี้เป็นโอกาสของคณะใดให้พูดเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราจะเป็นผู้ฟัง พอทางนั้นจบแล้ว เอา ให้ทางไหนพูด ให้ทางนั้นพูดฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายฟัง นั่น<O:p</O:p
    ทางนั้นก็ขึ้นละ ออกมาให้เต็มเหนี่ยวเรื่องราวเป็นยังไงๆ เราเป็นผู้ฟัง พอทางนั้นเต็มเหนี่ยว สุดแล้วเหรอ เอา ทางนี้พูด ทางนั้นหยุดแล้วก็นิ่ง ทางนี้ก็ซัด พอเสร็จแล้วเราก็เข้าตรงกลางเลย ก็ไม่เอามากละสรุปความลงมา ยอมทันทีเลยนะ พอสรุป เอา ทีนี้จะตัดสินให้ พวกเราทั้งสองฝ่ายนี้ไม่ได้มาในนามอาจารย์ของท่านพ่อลี เรามาในนามลูกศิษย์ของท่าน การที่จะมาทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างนี้เป็นการมาส่งเสริมวาสนาบารมีของท่าน หรือเป็นการมาเหยียบย่ำทำลายท่าน ในฐานะเราเป็นลูกศิษย์ทั้งสองฝ่าย เอ้า พิจารณาเดี๋ยวนี้ นั่น <O:p</O:p
    อย่าเอาข้อนี้ออกมานะให้พากันตัดสิน ไม่ได้มากละ เวลานี้ท่านยังไม่แสดงอาการอะไร ท่านคอยฟังบรรดาลูกศิษย์กำลังกัดกันอยู่ ว่างี้ละเรา เอาจริงๆ เรา ลูกศิษย์กำลังกัดกันอยู่ นี่ท่านยังไม่แสดงอาการอะไร ทีนี้หากว่าท่านแสดงอาการอย่างนี้นะ ฟังเอานะ ท่านแสดงอาการท่านจะเตรียมของบริขารแปดเท่านั้น จะไม่เอาอะไรมากมายเลย บริขารแปดก็ไตรจีวร บาตร ประคตเอว มีดโกน สะพายบาตรแบกกลดบริขารแปดผ่านมาในท่ามกลางลูกศิษย์ตัวเก่งๆ ทั้งสองฝ่ายนี้แหละ ผ่านมานี้แล้วก็จะบอกเป็นประโยคอย่างสำคัญๆ ขึ้นมาว่า<O:p</O:p
    อาตมาหมดอำนาจวาสนา ไม่มีวาสนาอะไรที่จะพาบรรดาลูกศิษย์ลูกหาดำเนินงานเหล่านี้เพื่อให้เป็นมงคลมหามงคลได้ ถ้าอยู่ไปก็หนักวัดหนักวา จึงขอลาท่านทั้งหลายไป ณ บัดนี้ สะพายบาตรเดินผ่านหน้าเราไปนี้ ใครจะติดตามไปเอาท่านมาได้มีไหม เอาแล้วที่นี่ ทางนี้นิ่งทางนั้นก็นิ่งๆ เวลานี้ยังไม่สายเกินไป เป็นแต่เพียงว่าเรื่องราวของเราไม่ลงกันก็เพราะเจตนาเพื่อครูบาอาจารย์ด้วยกันเท่านั้น แต่มันเป็นการกระทบกระเทือนในงานนี้อย่างมากมาย<O:p></O:p>
    เวลานี้มันขัดข้องเรื่องอะไร ว่าขัดข้องอยู่ในเรื่องอาหารทำครัว แม่ครัวไม่พอๆ ก็บรรดาลูกศิษย์ที่มาเต็มวัดเต็มวา ไม่มีใครมาเป็นในนามเป็นอาจารย์ของท่านพ่อลี มาในนามลูกศิษย์ของท่านทั้งนั้นเหตุใดจะปรับปรุงกันไม่ได้ การทำอาหารการทำครัวทำอยู่ในบ้านในเรือนกินจนจะตาย กระทั่งบัดนี้ยังกินได้ทำได้ แล้วจะมาทำในสาธารณประโยชน์ให้เป็นมหามงคลอย่างนี้ทำไมทำไม่ได้ แม่ครัวอดอยากอะไรใครก็มาในนามลูกศิษย์ เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใดจะมาทันทีๆ แต่นี้เราอวดเก่งต่างหากมันจึงได้กัดกัน<O:p></O:p>
    พอว่างั้นจบลงแล้วคนนี้จะไปโรงนั้นคนนั้นจะไปโรงนั้น ไปติดต่อขอแม่ครัว คนนั้นจะไปโรงนั้นๆๆ ลงกันละที่นี่ เห็นที่ว่าท่านเตรียมของ ท่านเดินผ่านมานี้ใครจะติดตามไปเอาท่านมาได้ไหม เวลานี้ยังไม่สายเกินการณ์ยังจะแก้กันได้อยู่ เอา แก้ด้วยวิธีนี้ เรื่องแม่ครัวอดอยากอะไร คนนั้นก็จะไปโรงนั้นคนนี้ไปโรงนี้ พอสองทุ่มประกาศขึ้นแม่ครัวสองร้อยคน พอสามทุ่มขึ้นสองร้อยกว่า ตอนแปดโมงเช้าขึ้นตั้งสามร้อยกว่า เรื่องเลยขยายไปอีกเป็นอาทิตย์ ทีแรกท่านสองอาทิตย์ ครั้นต่อมาก็เลยขยายไปอีกเป็นสามอาทิตย์ นั่น เรื่องราวเรียบไปเลยเห็นไหมล่ะ<O:p></O:p>
    ก็ท่านจะเตรียมของท่านหนีไปต่อหน้าต่อตาใครจะตามแก้ได้ ใช่ไหมล่ะ ไม่มีใครตามได้ นี้อยู่ในฐานะที่จะแก้ได้อยู่ ซึ่งยังไม่สายเกินไปทำไมแก้ไม่ได้ แม่ครัวลูกศิษย์ของท่านทั้งนั้นนี่ติดต่อใครก็ได้ ใครไม่มาด้วยทิฐิมานะที่ไหน มาในนามลูกศิษย์ของท่านนะ โอ๋ย คนนั้นจะไปโรงนั้นคนนี้ไปโรงนี้ พรึบๆ เลย เรียบไปเลย ก็อย่างนั้นแหละ อันนี้ก็เรื่องใหญ่โตมากอยู่ เอาละที่นี่นะเอ้าให้พร............<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR style="COLOR: #666666"><TD style="FONT-SIZE: 10pt; FONT-FAMILY: ms sans serif"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2 height=23>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR style="COLOR: #666666"><TD style="FONT-SIZE: 10pt; FONT-FAMILY: ms sans serif" bgColor=#ccff00 height=1></TD></TR><TR style="COLOR: #666666"><TD style="FONT-SIZE: 10pt; FONT-FAMILY: ms sans serif"><!-- <script language="JavaScript" src="http://www.luangta.com/popup.js"></script>-->[​IMG] รายละเอียดวันและเวลาออกอากาศทางโทรทัศน์ ,ทางสถานีวิทยุระบบ AM,FM และทาง เคเบิลทีวี </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <O:p></O:p>
    www.Luangta.comหรือwww.Luangta.or.th<O:p></O:p>
    และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร <O:p</O:p
    FM 103.25 MHz
    <O:p>[​IMG]</O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p>[​IMG]</O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p>[​IMG]</O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    </TD></TR><TR><TD>
    <TABLE borderColor=#993300 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0>** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...