ก่อนจะเล่าถึงประวัติของเกาะลังกาที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า อรรถกถาก็ได้เล่าถึง
ชีวิตของพระเจ้าอโศกอย่างละเอียด ซึ่งพอจะสรุปย่อๆได้ว่า ท่านเป็นโอรสองค์หนึ่งใน
บรรดาโอรส ๑๐๑ พระองค์ของพระเจ้าพินทุสารแห่งเมืองปาฏลีบุตร ขณะที่ท่านเป็น
อุปราชไปครองเมืองอุชเชนีนั้น พระบิดาประชวรหนัก ท่าานจึงเดินทางกลับมาเมือง
ปาฏลีบุตร และสำเร็จโทษโอรสเหล่านั้นทั้งหมด ยกเว้นเจ้าติสสกุมาร ผู้เป็นอนุชาร่วม
มารดาองค์เดียว และเมื่อ พ.ศ. ๒๑๘ ก็ได้อภิเษกตนเองเป็นเอกราชในชมพูทวีปทั้ง
หมด ทรงมีอานุภาพแผ่ไปทั่วทั้งทวีป และทรงแต่งตั้งให้เจ้าติสสกุมารเป็นอุปราช
เดิมพระเจ้าพินทุสารพระบิดาของพระองค์นับถือพราหมณ์ ได้นิมนต์พราหมณ์มาฉัน
อาหารในพระราชวังจำนวนมาก พระเจ้าอโศกเห็นข้อวัตรปฏิบัติของพราหมณ์เหล่านั้น
แล้วไม่เลื่อมใส เมื่อท่านทอดพระเนตรเห็นนิโครธสามเณร (ซึ่งก็คือโอรสของพี่ชายคน
โตของท่านนั่นเอง ที่พระมารดาของสามเณรหนีภัยออกจากวัง และไปคลอดสามเณร
ที่ต้นไทร พร้อมทั้งได้รับการเลี้ยงดูจากหัวหน้าคนจัณฑาลจนอายุได้ ๗ ขวบ ท่านพระ
โมคคลีบุตรติสสเถระบวชให้ และบรรลุอรหันต์ในวันที่บวชนั่นเอง) ก็เกิดความเลื่อมใส
นิมนต์ให้ฉันอาหาร และต่อมาพระเจ้าอโศกก็มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า
เมื่อได้ทราบว่า พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว ว่าโดยองค์ มีองค์ ๙ ว่าโดย
ขันธ์ มี ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ก็โปรดให้สร้างวิหาร ๘๔,๐๐๐ หลัง ในพระนคร
๘๔,๐๐๐ นคร และได้ทะนุบำรุงพระภิกษุสงฆ์จำนวนประมาณหกแสนรูปด้วยปัจจัยสี่
เมื่อท่านได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามากเช่นนี้ ท่านก็อยากทราบว่า ท่านเป็นทายาท
ของพระศาสนาหรือยัง เมื่อท่านพระโมคคลีบุตรติสสเถระทูลท่านว่า จะเป็นทายาท
ของพระศาสนาเมื่อให้บุตรของตนบวช ท่านจึงให้โอรสและธิดาบวช คือท่านพระ
มหินทร์และพระนางสังฆมิตตาบวช ซึ่งก็บรรลุอรหันต์พร้อมกับปฏิสัมภิทาในวันบวชนั่น
เอง
เมื่อพวกเดียรถีย์เดือดร้อนเนื่องจากขาดแคลนปัจจัยสี่เพราะขาดคนอุปถัมภ์ จึงปลอม
ตัวมาบวชกันมาก จนพระสงฆ์ที่แท้จริงไม่ร่วมทำอุโบสถเป็นเวลานานถึง ๗ ปี พระ
ภิกษุถวายพระพรพระราชาให้ทรงทราบ จึงทรงสั่งให้อำมาตย์ไปแก้ปัญหา ซึ่งอำมาตย์
ใช้วิธีตัดศีรษะพระสงฆ์ที่ไม่ร่วมลงอุโบสถ จนท่านพระติสสเถระ (อนุชาของพระเจ้า
อโศก ที่ได้ออกบวชขณะที่เป็นอุปราช พร้อมกับญาติทั้งหลายเป็นจำนวนมาก เมื่อพระ
ราชาครองราชย์ได้ ๔ ปี) ได้กันพระภิกษุอื่นๆไม่ให้ถูกอำมาตย์ตัดศีรษะ อำมาตย์ก็ไม่
กล้า เพราะท่านพระติสสเถระเคยเป็นอุปราช
เมื่อพระเจ้าอโศกทรงทราบเรื่อง จึงได้ทรงชำระเสี้ยนหนามของพระพุทธศาสนา โดย
ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในการทำสังคายนาครั้งที่ ๓ ในปี พ.ศ. ๒๓๕ ที่วัดอโศการาม
เมืองปาฏลีบุตร โดยท่านพระโมคคลีบุตรติสสเถระเป็นประธาน ได้เลือกพระภิกษุ
อรหันต์ ทรงพระไตรปิฎก แตกฉานในปฏิสัมภิทา ๑,๐๐๐ รูป เป็นผู้ร่วมสังคายนา ซึ่ง
ทำอยู่ ๙ เดือน จึงสำเร็จ
ในเบื้องต้นควรทราบว่า โดยปรมัตถ์ ไม่มีสัตว์บุคคล ตัวตน เมื่อไม่มีสัตว์บุคคล
การที่สัตว์บุคคลจะเวียนว่ายตายเกิดก็ไม่มี แต่ว่า โดยปรมัตถ์ มีขันธ์ ธาตุ อายตนะ
ที่เกิดสืบต่อกัน มีอยู่ ดังนั้นขันธ์เป็นต้นที่เกิดสืบต่อกันโดยสมมุติว่าเป็น พระ
โพธิสัตว์มีนามว่า พระเตมีย์ มโหสถ เนมิราช เวสสันดร มีอยู่ หรือมีอดีตชาติของ
บุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องกันในฐานะต่างๆ มีอยู่ กรรมที่บุคคลเหล่านั้นในอดีตกระทำ
ย่อมสืบต่อส่งผลในชาติต่อๆมาก็มีอยู่ สรุปคือ ถ้าพูดกันในฐานะที่เข้าใจกันของผู้ที่มี
ความเห็นถูกแล้วจะกล่าวว่า เราท่านทั้งหลาย เวียนว่ายตายเกิดมานับภพชาติไม่ถ้วน ก็
เป็นความจริงตามโวหาร สมมุติกัน แต่ถ้าเข้าใจผิดว่ามีสัตว์บุคคลจริงๆ นาย ก. ตาย
ไป เกิดใหม่เป็นนาย ก.คนเดิมอย่างนี้เป็นความเข้าใจผิดครับ
อันเป็นข้อความที่ใครๆไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะเหตุว่า...
"...กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ
กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ
กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ
กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท.
ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นการยาก
ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย เป็นอยู่ยาก
การฟังพระสัทธรรม เป็นของยาก
การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง หลาย เป็นการยาก..."
...
"...( ธรรมะ)เขามีปรากฏอยู่ทุกวัน แต่เราไม่รู้ เพราะขาดการศึกษา ไตร่ตรอง เราก็เห็นว่า
เป็นเราได้เห็น เราได้ยิน เราได้กลิ่น เรารู้รส เราถูกต้องสัมผัส เราคิดนึก
ก็เป็นเราไปหมด ไม่เห็นว่าเป็น ธรรมะ..."
"...เพราะฉะนั้น เราก็ต้องรู้ว่า ที่ว่าชีวิต ๆ เรื่อง สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขาเนี่ย
ก็คือสิ่งเหล่านี้แหละครับ ถ้าไม่รู้สิ่งเหล่านี้ แล้วจะไปรู้อะไร ? พอรู้แล้ว เราก็จะได้รู้ว่า
ตัวตนที่เราสำคัญผิด คิดว่าเป็นตัวตนน่ะ.....มันไม่มี...
...มันมีแต่..ธรรมะ...ที่เกิดอยู่ตามทวารต่างๆเนี่ย...ที่เกิดตลอดเวลาเนี่ย..."
"...เราก็ต้องคิดบ้างสิ มันมีอะไรที่นอกเหนือไปจากนี้ไหม ? ถ้าไม่เห็นว่าอย่างนี้มีประโยชน์
และมีคุณค่า แล้วมีอะไรที่นอกเหนือไปจากนี้ไหม ? วันๆหนึ่ง มีอะไรที่นอกเหนือไปจาก
การได้เห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส การถูกต้องสัมผัส การคิดนึกไหม ?
...มันมีไหม ?
"...พุทธศาสนิกชนควรพิจารณาและศึกษา ให้รู้ว่า
ธรรมและความจริงที่ทรงตรัสรู้นั้นคืออะไร
ความจริงที่ทรงตรัสรู้ต่างกับความจริงที่เราคิดนึกหรือเข้าใจ อย่างไร
ความจริงที่ทรงตรัสรู้ และทรงเทศนาสั่งสอนพุทธบริษัท คือ
สิ่งทั้งหลายที่ปรากฏนั้น เป็นธรรมแต่ละชนิดแต่ละประเภท
ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล
ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะปัจจัย ปรุงแต่งจึงเกิดขึ้นได้
สภาพธรรมแต่ละชนิด ต่างกัน เพราะเกิดจากเหตุปัจจัยต่าง ๆ กัน..."
เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน
เมื่อคืนได้ชวนคุณแม่ไปสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ
เป็นเวาหลายชั่วโมง ได้สักการะพระธาตุ รักษาอาการป่วยของแม่
ศึกษาการรักษาโรค ศึกษษธรรม ฟังธรรม ช่วยงานบ้าน
กรวดน้ำอุทิศบุญวันนี้มีทำบุญเลี้ยงพระทั้งวัดด้วย
แด้บริจาคน้ำให้แก่คนยากไร้ และวันนี้ตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบ
10 อย่าง และบารมีอื่นที่ได้ทำเหมือนวันก่อนขอให้อนุโมทนาบุญด้วย
ขอเชิญสร้างรั้วล้อมพุทธคยา
เนื่องจากทางพุทธคยา มีโครงการที่จะสร้างรั้วล้อมพุทธคยา หลวงพ่อสนอง กตตปญโญ เจ้าอาวาสวัดสังฆทาน จึงมีประสงค์จะให้ชาวไทยมีส่วนร่วมบุญนี้โดยจะเป็นเจ้าภาพจัดสร้างรั้วที่พุทธคยาสองช่อง ราคาช่องละสองแสน
รวมยอดสี่แสน ญาติธรรมท่านใดมีประสงค์จะร่วมบุญที่มีโอกาสทำได้ยากเช่นนี้คือ การทำบุญสร้างสิ่งก่อสร้างที่หนึ่งในสี่เวชณียสถานแล้ว อย่ารอช้า สามารถโอนปัจจัยเข้าบัญชีตามรายละเอียดข้างล่าง
ชื่อบัญชี วัดสังฆทาน
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อย วิภาวดีรังสิต
ประเภทออมทรัพย์
เลขที่บัญชี 163-2-13051-0
ช่วยถ่ายเอกสารสลิปใบโอนเงิน พร้อมเขียน ชื่อ ที่อยู่ รายละเอียดการทำบุญ(สร้างกำแพงที่พุทธคยา)แล้วแฟกซ์มาที่ 02-443-0338 หากท่านใดต้องการใบอนุโมทนาจากทางวัด ช่วยแจ้งว่าต้องการใบอนุโมทนาให้ส่งมาตามที่อยู่
ขอให้สรรพสัตว์ทั้ง 31 ภพภูมิจงบรรลุมรรคผลนิพพานเทอญ
การกล่าวถึง
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย รสมน, 7 มีนาคม 2010.
-
2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់
จริงอยู่ว่าควรทราบว่า สัตว์บุคคลตัวตน เราเขาไม่มี เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้(ไม่ไช่เรารู้)เห็นว่าไม่ควรเอาเรื่องที่เป็นผลมาเป็นเหตุในการปฏิบัติ เช่น การปฏิบัติเดี๋ยวนี้นิยมกันมาก(ไม่เจาะจงดูจิตแต่ท่าทางจะเป็นแนวดูจิต) อาทิตย์ที่แล้วผมได้รายการทีวี มีผู้หญิงที่เกี่ยวกับมูนิธิของเบ๊นทองหล่อมาพูดถึงการปฏิบัติธรรม พูดสอนการปฏิบัติ และย้ำอยู่หลายๆครั้งว่า ปัญญาเขารู้เอง ไม่ไช่เรารู้นะ ปัญญาเขารู้ คืออะไรอะไร ก็ไมไช่เรากลัวการมีเราหรืออย่างไรไม่ทราบ
ปฏิเสธตัวเองอยู่นั่น ใครคิดว่าควรทำก็ตามสบายแต่ผมเห็นว่า ไม่ถกต้อง อันตราย
คนเราจะหนีสมมุติ มันก็ต้องใช้สมมุติ จะละเรา มันก็ต้องมีเราให้ละ