การขโมยพลังจากผู้ที่ไม่หวังดี

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย The Third Eyes, 30 มกราคม 2006.

  1. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +51,007
    EP%20(3).jpg


    ในโลกแห่งความเป็นจริง ในสังคมที่วุ่นวาย เราจะพบว่า มีอันตราย จาก โจรผู้ร้าย การฉกชิงวิ่งราว การล้วงกระเป๋า การปล้นฆ่า ข่มขืน ฯลฯ ยิ่งในวันสุดสัปดาห์ที่ ตลาดนัด เจ เจ จตุจักร จะมีพวก นักล้วงกระเป๋า มือเยี่ยมมารวมกันอยู่ที่นั่น มีผู้คนถูกวิ่งราว ล้วงกระเป๋า วันละ นับ สิบๆๆ ราย


    ในโลกแห่งวิญญาณ และพลังก็เช่นกัน เรามี พวก ขโมยมากมาย พวกเขาจะแอบขโมยดูดพลังจาก ผู้ที่มีพลัง เหมือนขโมยล้วงกระเป๋า
    ในงานที่เป็นนิทรรศการ เกี่ยวกับพลัง วิทยาสตร์ทางจิต จะมีพวก ขโมย จิต ขโมยพลังมามั่วสุมกันมาก แล้วก็เดินไปทั่วๆงาน พบว่าใครมีพลังสูงมาก เขาก็จะดูดพลัง
    คนที่มาในงานบางคนมีพลังสูงเขาจะสัมผัสได้ แล้จะดูดเมื่อเผลอ
    ตัวคนที่มาออกบูธ มาแสดง มาเป็น พรีเซ็นเตอร์จะมีพลังมาก เขาจะจ้องเป็นพิเศษ


    การดูดพลังมีหลายวิธี เช่น ยืนข้างหลัง ยกมือ ขึ้นเหมือนทำท่าโอบ
    หรือ บางคนอาจจะงง ที่ อยู่ดีดี มีคนที่ไม่รู้จัก เข้าตบไหล่ เหมือนรู้จักกันมานาน ตบไหล่ จับมือ สามที..นั่นแหละมผัสเพื่อขโมยพลัง

    บางคนที่มีพลังจะรู้ตัว เพราะ พลังในตัว จะวูบลง เหมือนถูกสูบ และถ้ารู้วิธีก็จะเอาคืนได้
    แต่ส่วนใหญ่จะไม่เอาคืน เพราะ อาจจะมีพลังเลวอยู่ในตัวติดกลับมาได้ เหมือนติดไวรัสเอดส์ คนที่ถูกดูดพลัง จะสามารถ นั่งสมาธิและฟื้นได้ ในเวลา 1-2 วัน

    ผมเองถูกดูดพลังทุกครั้งที่ไปอองาน จนต้องให้คนคอยคุมหลังเพื่อไม่ให้ใครมาแอบดูด

    เมื่อวันที่ 28-29 มกาคม 2549 ครูบาคำเป็งเกจิอาจารย์ด้านการสร้างพระเครื่องดูด โชคลาภเรียกคนเข้าร้านค้า ทำให้ขายดี ผมได้เรียนถามท่านเรื่อง คนขโมยพลังชักแยะ ท่านจึงบอกวิธีป้องกันให้ โดยการกำหนดจิต และ สวด มนต์พิเศษสั้นๆๆ แค่ สองบรรทัด

    EP%20(5).jpg

    ผลคือ ถ้ามีใครมาแอบดูดพลัง เรา บทสวดและการทำจิต จะเรียก วิชาของเขามาอยู่ในสิ่งที่เราได้ กำหนด ไว้ เขาจะหมดวิชาและความสามาถในการดูดทันที แล้วเราก็เอาของที่กักวิชาของเขาไว้ๆไปทิ่งน้ำ..เขาก้จะหมดฤทธิ์ในการทำเลวต่อไป
    ขอขอบพระคุณ ครูบาคำเป็งที่ให้วิธีในการป้องกันการแอบดูดพลังของ คนที่มีพลังและใช้ในทางที่เลว..สาธุ...สาธุ...สาธุ
     
  2. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,482
    เขาดูดเอาพลังไปทำไมหรือครับ ในเมื่อทุกคนก็มีพลังของตัวเองอยู่แล้ว
    และที่สำคัญคือ คนที่สูญเสียพลังไป ก็จะสามารถสร้างขึ้นเพิ่มเติมเองได้

    ผมสงสัยจริงๆ นะครับ
     
  3. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    เรียกว่าไม่แน่ใจจะเหมาะกว่ามั้งครับ ส่วนใหญ่เขาจะโขมยพลังไปเพื่อการใช้งานมากกว่าเพื่อทำร้ายกัน
    ตามปกติแล้วคนเรามีพลังเป็นของตัวเอง แต่มากน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่ได้กระทำมา
    ทำให้สง่าราศี โชคลาภ สุขภาพ ความสัมพันธ์ คู่ครอง เพื่อนพ้องของแต่ละคนแตกต่างกันไป
    พลังที่โขมยมาจะถูกนำมาเสริมทำให้ตัวผู้โขมยได้ในสิ่งที่ตามปกติเขาไม่สามารถมีได้
    เป็นการผิดศีลเรื่องการลักโขมย ทำให้ผู้อื่นเสียสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ผู้รักษาศีลไม่พึงปฏิบัติ
    แต่ในบางกรณี คนที่เพิ่งมีความสามารถ นำไปใช้โอ้อวดหรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย
    ก็มีสิทธิ์ถูกโขมยพลังจากผู้ที่เก่งกว่า หรือโดนรุมโขมยจากผู้ที่อ่อนกว่าได้เช่นกัน
     
  4. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +494
    สงสัยครับว่าคนที่ดูดนี่เรียนมาจากวิชาอะไรหรือครับ(การเหนี่ยวนำทางจิตหรือครับ)

    คือแบบว่าเมื่อดูดได้แล้วเค้าจะเอาไปทำอะไรต่อหรือครับ ถ้าเอาไปใช้ในทางที่ไม่ดี ทำไมถึงมีคนประเภทนี้เยอะขึ้นละครับ?(สงสัยว่าวิชานี่มีสายมาจากทางไหน)
    ขอรายละเอียดเยอะกว่านี้ได้ไหมครับ

    *แล้วจะมาถามอีกครับ


    ปล.ถ้ากำหนดจิตได้สิ่งที่ไม่ดีจะกลายเป็นดีเหรอเปล่าครับ ถ้าเราคิดดีจะทำให้เค้าดีขึ้นหรือเปล่าครับ? (ช่วยถามต่อด้วยนะครับ ขอความกรุณาด้วยนะครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวนครับ)


    (ไม่ต้องอ่านข้างล่างก็ได้นะครับ พอดีผมเป็นคนถ่อย...)
    (แม้นคนชั่วนั้นก็เกิดจากคนที่ต้องการหนีจากทุกข์นั้นไซร้... คนดีเฉกเช่นคนชั่วนั้นไซร้บ่มี คนดีจักเป็นคนมีทุกข์ลืมได้หมดสิ้น วังวนของคนนั้นอัตตาคือตัวกำหนด)
    อวิชชาเกิดจากวิชชา แต่อวิชชานั้นเกิดจากเศษเสี้ยวของปัญญาที่ต้องการหนีจากทุกข์ วิชชาเกิดจากปัญญาและอัตตาซึ่งปัญญานั้นเป็นหนทางการแก่ทุกข์ที่ไม่สิ้นสุดแม้นภายภาคหน้าตราบซึ่งตัวตนนั้นยังคงอยู่ ทั้งสองล้วนเกิดจากความไม่มีสู่สิ่งที่มี ไฉนเมื่อสิ่งที่เรียกว่าพลังนั้นเป็นของตัวเราก็ต้องเป็นของตัวเรา แต่ถ้าคนอื่นเอาไปได้มันก็ไม่ใช่ของเรา ทุกข์คือตัวตน ความคิดคือตัวตน
    (มั่ว...)
     
  5. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +51,007
    คุณ "จันทร์เจ้า" ตอบได้ตรงประเด็นครับ
    คนที่แอยดูดขโมยพลังคนอื่นก็จะมีความรู้สึกไม่ต่างไปจาก หัวขโมยที่ขโมยเงินคนไป ทีละหลายแสนบาท มีความสุข มีความสะบายใจ ในสิ่งที่ได้ทำไป โดยไม่รู้ว่า ผิดศีล ในไม่ช้าก้จะจบ ตามกรรมของตน
     
  6. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,482
    แล้วฅนที่ไม่ได้ขโมย แต่มีซุก

    อันนี่ บาปมั๊ยหนอ ..... ภาษี?
     
  7. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +1,148
    เห้อววววววววววววววววว

    ฟังแล้วเหนื่อยแทน

    กินแบน แล้ว นอน ดีกว่าคะ

    พลังของเรา ต้องหัดโอนให้คนอื่นบ้างนะคะ

    ยิ่งฝึกที่จะให้ ก็ ยิ่ง เหมือน เพิ่มระดับ พลังงานในตัวเองให้มีมากขึ้นเรื่อย

    อย่ากลัว ถ้าจะมีคนดูดดพลังเราไป จนหมด ไม่ถึงตายหรอกคะ
     
  8. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,482
    น่าสนใจ เรื่องพลังดูด จริงๆ ครับท่าน

    อืมม์ ... แล้วพลังของผม พอจะมีให้ดูด ซักกะติ๊ด ซักกะติ๊ด มั๊ยขอรับ !!!
     
  9. Robert

    Robert เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2005
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +3,118
    ตามที่ท่านครูบาคำเป็งบอกไว้ ถ้าระดับพลังถึงระดับหนึ่งซึ่งสูงมากๆ จะสามารถแต่งคาถาเองได้ (มีความขลังอยู่ในตัวคาถาเอง) เพราะคาถาเป็นเพียง...เท่านั้น (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)

    ปัญหาก็คือ พลังระดับนั้นไม่ใช่มีกันง่ายๆ อย่าว่าแต่คนธรรมดาอย่างเราท่านเลย แม้แต่เหล่าเทพ ก็มีน้อยนักที่ถึงระดับนั้น เพราะฉะนั้น ต้องเดินทางลัด แต่ก็ยังยากที่จะถึงระดับนั้น (เพราะ...ไม่บอก)

    ปัญหาที่ตามมาก็คือ นั่นไม่ใช่พลังที่ฝึกได้เอง จึงเป็นเหมือนแบตเตอรี่ ยิ่งใช้มากก็หมดมาก ต้องชาร์ทใหม่ตลอดด้วยวิธีการเอาของคนอื่นนั่นแหละ ถามว่าแล้วเขาเอาไปใช้ทำอะไรเหรอ ตอบว่า ไม่รู้ครับ แต่การเอาของอื่นโดยการขะโมย มันเป็นการผิดศีล แล้วจะหวังให้เขาเอาไปทำสิ่งที่เป็นกุศลคงจะลำบาก (ใช่ไหม?)

    การป้องกันการดูดพลังไม่ยากหรอก (ตามที่ท่านครูบาคำเป็งได้สอนเอาไว้) ง่ายมาก ที่ยากกว่า คือ การได้พบคนที่มีพลังมากพอจนสามารถอัดพลังให้เรานี่ซิ น่าสนใจกว่าเยอะเลย (เหมือนการเปิดกระหม่อม แล้วถ่ายทอดพลังให้ อย่างในหนังกำลังภายใน อย่างไงอย่างงั้น) ยิ่งเล่าก็ยิ่งเหมือนนิยาย พอเถอะ

    โลกนี้ ไม่มีคำว่า บังเอิญ ทุกสรรพสิ่งในใต้หล้าล้วนมีที่มาแต่เหตุ ด้วยกันทั้งสิ้น...บ๊าย เราคงไม่ได้พบกันใหม่ ไปละ
     
  10. soonyata

    soonyata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +3,675
    รบกวนถามคุณตาที่สามว่าเวลาไปสักการะเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะประทานพลังให้ พลังนี้ไม่ทราบว่าเราจะนำไปใช้ประโยชน์ใดได้บ้างคะ อีกอย่างเคยสงสัยว่าพลังเหล่านี้จะอยู่กับเราตลอดไปหรือจะค่อย ๆ หมดไปเหมือนแบตเตอรี่ รบกวนช่วยตอบด้วยค่ะ
     
  11. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    สำหรับผมแล้วมีแต่แผ่ให้ผู้อื่นครับ มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมแล้วก็แผ่กระแสจิตออกไปตลอดเวลา บางทีก็เหนื่อยแล้วก็หมดพลังเหมือนกัน ถ้าไปเจอภาชนะรองรับที่ดีที่จิตว่างๆ(สำหรับผมคนที่ชอบดูดพลังให้มาดูดผมได้เลยครับผมยินดีแจกถือว่าเป็นการสร้างบุญกุศลและบำเพ็ญบารมีเหมือนกัน) เพราะผมรู้สึกว่ายิ่งให้เขาพลังเราก็ยิ่งเพิ่มครับ (การแผ่กระแสจิตให้คนอื่นแบบนี้เรื่อยๆ ทำให้เราต้องนั่งชาร์จพลังด้วยการนั่งสมาธิบ่อยๆ เท่ากับเป็นการช่วยกระตุ้นให้เราตั้งใจปฏิบัติธรรมไปโดยอัตโนมัติครับ)
     
  12. ผู้เดินทาง

    ผู้เดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +407
    จากประสพการในการปฏิบัติตน (ตามที่ครูอาจารย์ท่านชี้แนะ)

    มีพลังแล้วต้องรู้จักซ่อนให้เป็นครับ ซ่อนให้สนิท ชนิดที่ไม่มีใครรู้ได้ นอกจากผู้มีภูมิธรรมใกล้เคียงหรือสูงกว่าเรา ไม่ให้รั่ว ปล่อยได้เฉพาะเมื่อต้องการ

    การส่งจิตออกนอก ทำให้สูญเสียพลังจิต หรือถูกตรวจจับพลัง และอาจถูกขโมย 'กิน' หรือ 'ดูด' พลังจิตที่ลอดออกไป

    มีจิตอยู่กับตัว ไม่ส่งจิตออกนอก มีสติ รู้ตัวทั่วพร้อม เจริญสมถวิปัสสนา ปลอดภัย พลังจิตไม่ตก

    แม้แต่การแผ่พรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) ให้สรรพสัตว์โดยไม่มีประมาณในทุกทิศทาง (อัปปมัญญาฌาณ) ก็แผ่เข้าในตัวเรานี้ ไม่ต้องแผ่ออก จิตเป็นนามธรรม แค่นึกถึงก็ถึงแล้ว ไม่ต้องใช้การเดินทาง ไม่ต้องแผ่ออกไป ความเป็นอัปปมัญญา (เสมอกันหมด ไม่ขึ้นกับระยะทาง มิติ ภพ ภูมิ ) จะเกิดขึ้นเองและมีกำลัง ไม่เหนื่อย
     
  13. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +2,177
    ทุกวันนี้พวกอสูรมารมักจะมาสิงร่างคนหรือมาแบบอทิสมานกายเพื่อมาดูดพลังที่ผู้ปฏิบัติ ทำให้ผู้ปฏิบัติอ่อนเพลียเบื่อหน่าย ต้องระวังให้ดีนะ เพราะตอนนี้ อสูรมารครองเมืองแล้ว
     
  14. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ครับผมก็เริ่มจากการมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมก่อนแล้วก็ค่อยแผ่ออกไปครับ จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจแผ่จิตออกไปโดยตรงหรอกครับ เพียงแต่พอเรามีสติอยู่ภายในเนืองๆสมาธิและพลังก็เกิด พอผ่านไปชั่วครู่ก็เป็นเหมือนน้ำที่เต็มแก้วน่ะครับ(คือพลังมันล้นออกไปเอง ซ่อนยังไงก็ไม่มิดครับ) ทีนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ผู้รับพลังครับถ้าจิตว่างและคลื่นจิตมีความถี่และมีคุณสมบัติใกล้เคียงกันก็จะรับพลังไปได้ค่อนข้างดี บางทีพลังผมก็จะโดนดูดออกไปโดยอัตโนมัติ ถ้าโดนดูดมากๆก็เหนื่อยเหมือนกันครับ แต่ถ้าได้หลับตานั่งสมาธิซะหน่อยพลังก็เต็มเหมือนเดิมครับ (ดังนั้นใครอยากได้พลังก็ตั้งจิตของดูดพลังผมไปได้เลยครับ เพราะผมปฏิบัติจนชินแล้ว ถ้าพลังหมดเมื่อไหร่ผมก็นั่งชาร์จพลังของผมเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ) ^^
     
  15. ผู้เดินทาง

    ผู้เดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +407
    โมทนาครับคุณ wit ใช่ครับ พลังมันจะล้นออกมา ทีนี้กำหนดอัดกลับเข้าไปครับ ที่ศูนย์กลางกายบริเวณสะดือ พอมันจะล้นก็อัดกลับเข้าไปอีก เป็นการชาร์จพลังไปในตัวครับ พอชำนาญแล้วพลังจะอยู่ตัว เพราะชาร์จอย่างต่อเนื่อง ไม่เหนื่อย

    เจริญในธรรมครับ
     
  16. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ตอนนี้ผมใช้มีสติรู้สึกตัวทั่วพร้อมแทนไม่ได้กำหนดเป็นจุดหรอกครับ ถ้าภาวะปกติก็ไม่เหนื่อยหรอกครับ นอกจากจะใช้ร่างกายไปทำโน่นทำนี่จนอ่อนเพลีย แต่ถ้าภายนอกไม่ได้ไปทำอะไรแล้วเกิดต้องส่งกระแสจิตออกจากร่างไปเป็นจำนวนมาก ก็จะเกิดอาการอ่อนเพลียเป็นธรรมดา ผมว่าเป็นเรื่องปกตินะครับที่จะต้องเหนื่อยเพราะเราต้องเสียพลังออกไป แต่พอทำจิตให้เป็นสมาธิก็คือกำหนดรู้ตัวทั่วพร้อมเหมือนเดิมไม่นานก็จะหายครับ (ผมว่าถึงกำหนดเป็นจุด เมื่อถึงคราวที่ต้องส่งพลังหรือส่งกระแสจิตออกไปมากๆ ร่างกายก็ต้องเหนื่อยเหมือนกันแหละครับ ถ้าไม่เหนื่อยแสดงว่าส่งออกไปไม่สุดหรือส่งออกไปแค่นิดเดียวนะครับ)
     
  17. นะมัตถุ โพธิยา

    นะมัตถุ โพธิยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    621
    ค่าพลัง:
    +2,268
    รักษาศีล 5 = ศีลคือเกราะสวดชินบัญชร = กำแพงแก้ว 7 ชั้นครอบตัวภาวนา "พุทโธ" ในใจเรื่อยๆ = พุทโธ คุ้มกันทุกอย่างทรงอารมณ์เมตตาจิต = เมตตาเป็นกำแพงคุ้มครองมีพระเครื่องติดตัวตลอด = พลังพระคุ้มครองอธิษฐานขอคุณพระรัตนตรัย-บิดามารดา-ครูบาอาจารย์-เทวดาอารักษ์ประจำตัว ให้คุ้มครองไปที่ใดก็แผ่เมตตาให้เทวดาเจ้าที่ ณ ที่นั้นๆคุ้มครอง
     
  18. สุเมธ

    สุเมธ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +69
    ขอมั่วหน่อยนะ
    เคยอ่านมาว่าตามปกติปราณจะไหลจากคนที่มีมาก ไปคนที่มีน้อยอยู่แล้ว
    เช่นคนที่อารมณ์ดีมาก ๆ เวลาเราอยู่ใกล้แล้วก็จะสดชื่นไปด้วย เนี่ยเป็นไปโดยไม่รู้ตัว แล้วก็มีบางคนที่เวลาอยู่ใกล้ ๆ แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายเค้าก็บอกให้เลี่ยงซะ แล้วก็มีพวกฝึกปราณบางจำพวกที่ฝึกแบบดูดพลังงานจากภายนอก (เค้าบอกให้ดูตามสวนต่าง ๆ ต้นไม้จะเหี่ยวแล้วพวกนี้จะย้ายที่ฝึก) คนเดียวคงไม่เป็นไรถ้าหลาย ๆ คนต้นไม้มันก็มะหวายมั้ง ผมเนี่ยทำอะไรนิดเดียวก็เหนื่อยละ อ่อนแอจิง ๆ ยิ่งคนเยอะ ๆ เนี่ย ยิ่งไฟหมดเร็ว แล้วก็ไม่ค่อยชอบอยู่ใกล้คนอารมณ์ไม่ดีด้วย เหมือนกับว่าผมไปรับอารมณ์เค้ามาอย่างนั้นแหละ
    เลยชอบอยู่คนเดียวซะมากกว่า มีวิธีแก้มั้ยครับ หรือว่าผมวิตกจริตไปเอง
    (ถ้าสิ่งใดที่เขียนไปไม่ถูกต้องข้าพเจ้าขอขมากรรมไว้ ณ ที่นี้ด้วย)
     
  19. ผู้เดินทาง

    ผู้เดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +407
    ที่คุณ wit กล่าวมาก็ถูกครับ โมทนาครับ แต่อย่างที่ผมพยายามอธิบายคือว่าเราไม่จำเป็นต้องแผ่พลังจิตออกไปครับ แค่นึกถึง อธิฐานถึง ด้วยกำลังสมาธิ โดยมีจิตมีสติอยู่กับตัว พลังนั้นก็ไปถึงบุคคลได้ครับ แต่เขาจะรับได้หรือไม่ก็สุดแล้วแต่เขาเอง การชาร์จพลังกลับเข้าตัวแบบที่ผมกล่าวเป็นการ recycle พลังที่ผลิตไ้ด้ ไม่ให้กระจายออกไปโดยเปล่าประโยชน์ครับ

    คุณศุกร์กล่าวได้ดีมากครับ โมทนาครับ การมีสติอยู่กับตัวและรู้จิตรู้อารมณ์จะช่วยป้องกันการดูดพลังจากพวกอวิชาได้ครับ

    คุณสุเมธครับ เป็นธรรมดา เมื่ออยู่ใกล้ใครหรือสถานที่ใดเราจะ 'กิน' หรือซึมซาบ อารมณ์ของบุคคลนั้น หรือสถานที่นั้น ไปโดยที่อาจไม่รู้ตัว พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงแนะให้ภิกษุผู้ปฏิบัติใหม่ ปลีกวิเวก ไปอยู่ตามโคนไม้บ้าง ในป่าบ้าง ในเรือนว่างบ้าง และทรงแนะให้คบหากัลยาณมิตร เลี่ยงคนพาล แต่สำหรับผู้ชำนาญในวิปัสสนาญาณแล้ว สามารถแยกแยะได้ว่า อะไรคือจิตผู้รู้และอะไรคืออารมณ์ผู้ถูกรู้ สามารถจะเลือกเสพอารมณ์ที่ควรเสพได้ และสามารถวางหรือเขี่ยทิ้งอารมณ์ที่ไม่ควรเสพก็ได้ และถ้าผู้นั้นมีฌาณสมาบัติด้วยแล้ว อาจจะ 'เล่น' เลือกเสพอารมณ์ที่ปราถนาเอาตามใจชอบก็ได้
     
  20. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,587
    หากเราโดนเขาดูดพลัง ให้กำหนดจิต ระลึกถึงบุญที่เราได้กระทำมา(พลังที่ดี) ตั้งเป็นตาข่ายแก้ว และระลึกถึงความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ(พลังที่ไม่ดี) ให้เป็นละอองธุลี ไหลผ่านตาข่ายแก้วไปให้เขา พลิก วิกฤตให้เป็นโอกาส การรับพลังจากสิ่งต่างๆก็เช่นกัน ต้องเลือกที่จะรับเฉพาะพลังที่ดีงามเท่านั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...