"การดื่มสุราในวงเหล้า สร้างมิตรภาพได้จริงหรือ"

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เสาวนีย์, 12 พฤศจิกายน 2004.

  1. เสาวนีย์

    เสาวนีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +251
    หลวงพ่อตอบปั_หา
    พระภาวนาวิริยคุณ

    ถาม:
    หลวงพ่อครับ คนเราชอบดื่มสุรา ทั้งๆ ที่รู้ว่าสุราเป็นของไม่ดี โดยมักจะอ้างว่า สุราเป็นน้ำกระชับมิตร เป็นน้ำประสานใจ บางคนคบหากันแล้วนำสุรามาดื่ม เปรียบเสมือน สุรานั้นเป็นน้ำสาบาน มิตรภาพที่เกิดจากการ ดื่มสุราเป็นน้ำสาบานนั้น มีความยั่งยืนหรือไม่อย่างไรครับ

    ตอบ:

    เรื่องของการดื่มสุรานั้น เรื่องหนึ่ง เรื่องของการสร้างมิตรภาพกันนั้นอีกเรื่องหนึ่ง สองเรื่องนี้มันไม่ไปด้วยกันหรอก เรื่องของสุราเป็นเรื่องมีแต่เสียกับเสีย ตั้งแต่เสียทรัพย์ เสียสติ เสียมารยาท หรือตัดรอนปั__าของตัวเอง สิ่งเหล่านี้เราก็รู้กัน แต่ว่าเกิดความเข้าใจผิดอย่างต่อเนื่องกันมานาน จนกลายเป็นค่านิยมผิดๆ ในสังคมขึ้นมา เห็นเหล้าสุรากลายเป็นของดีไป ความจริงแล้ว การดื่มเหล้า คือ การปิดปั__าแต่เปิดนรกให้ตัวเองอย่างมาก

    เพราะฉะนั้น คนที่ไปดื่มเหล้าดื่มสุราเข้าเมื่อไร เท่ากับเขากำลังแสวงหานรกอยู่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปแสวงหาน้ำมิตรหรือเพื่อนแท้ได้ ถ้าได้ก็คงจะได้เพื่อนขาดสติไร้ปั__าด้วยกัน เพื่อนประเภทนี้คบไว้ก็มีแต่จะชวนลงนรกเท่านั้น

    ส่วนในกรณีคนที่จะผูกเป็นมิตรภาพกันให้ได้ดีนั้น เป็นเรื่องของความมีสติสัมปชั__ะ มิตรภาพจะยั่งยืนอยู่ที่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ขาดความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันเมื่อไร ไม่ว่าลูกรัก ภรรยารัก เพื่อนรักก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ถ้าคุณอยากมีมิตรภาพ มีเพื่อนมาก มาสร้างความมีน้ำใจความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้แก่กันและกัน นั่นแหละคุณจะได้เพื่อนแท้

    ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของมนุษย์จะเกิดขึ้นได้อย่างไร

    คำตอบคือ เราต้องช่วยกันอุดความขาดแคลนให้กับคนที่เราคบหาอยู่ให้หมด แล้วเราก็จะรักกัน เราจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ถึงตายก็ไม่พรากจากกัน ความขาดแคลนของมนุษย์มีอยู่ ๔ เรื่องด้วยกันคือ

    ๑. ขาดแคลนในเรื่องทรัพย์
    ๒. ขาดแคลนในเรื่องของกำลังใจ
    ๓. ขาดแคลนในเรื่องของภูมิปั__า ความรู้ความสามารถ
    ๔. ขาดแคลนในเรื่องของความปลอดภัย

    เมื่อเราอุดช่องว่างทั้ง ๔ อย่างนี้ ให้กับ ผู้ที่เราคบค้าสมาคมได้เต็มที่ เมื่อนั้นเราจะได้เพื่อนแท้ แต่หลวงพ่อบอกก่อนว่าเหนื่อยแทบ ใจขาดเลย เพราะทั้ง ๔ อย่างนี้ คือธรรมชาติของคนเรา วิธีจะอุดช่องว่าง ทำได้ดังนี้

    ประการที่ ๑ มีอะไรก็ปันกันกินกันใช้ เพราะธรรมชาติของคน สมบัติมักจะขาดมืออยู่เรื่อยไป เพราะทำทานข้ามชาติมาน้อย แต่ว่าเรามีความจริงใจต่อกัน พอสมบัติของเพื่อนขาดมือ เราก็พอให้หยิบยืมกันได้ ถ้าได้อย่างนี้ก็อุ่นใจมาระดับหนึ่ง

    ประการที่ ๒ พูดให้กำลังใจกัน เวลาเราทำงานหลายๆ ครั้ง เราจะพบว่ากำลังใจไม่พอ เมื่อเจออุปสรรค สิ่งที่รอนน้ำใจคนอย่างมากเลย ก็คือคำพูดดูถูกเหยียบย่ำกัน ตรงกันข้าม สิ่งที่ให้กำลังใจคนมากที่สุด ก็คือคำพูดอีกนั่นแหละ พระพุทธองค์ก็เลยตรัสไว้ว่า ให้มีปิยวาจานะลูก ถ้ารักจะกระชับมิตรไว้ให้ดี ต้องมีคำพูดที่ประสานน้ำใจให้กำลังใจกัน สิ่งนี้แหละที่จะกระชับมิตรตัวจริง

    ประการที่ ๓ ให้ความรู้กัน ยิ่งกว่านั้น เวลาทำงานมากเท่าไร ก็เจอปั_หาอีก คือปั__ากับงานตามกันไม่ค่อยทัน ความรู้ความสามารถชักจะหย่อนลงไป แล้วจะทำอย่างไร ถ้ามีใครมาช่วยเติมปั__าตรงนี้ให้เราได้ จะเป็นเทคโนโลยีบ้าง หรือขอปั__าคุณบ้าง ได้ความรู้แล้วเราก็เอาไปแก้ปั_หากันได้ ให้ตรงนี้เราได้ รักกันจนวันตาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้คำว่า "อัตถจริยา" ทำตนให้เป็นประโยชน์แก่กัน คือให้ปั__ากันให้ได้

    ประการสุดท้าย เสมอต้นเสมอปลาย ยิ่งเราทำงานระดับชาติ ระดับโลกให_่ขึ้นไปเท่าไร ความปลอดภัยยิ่งไม่ค่อยจะมีเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความปลอดภัยจากสภาพสังคมบ้าง จากศัตรูบ้าง ใครสามารถให้ความปลอดภัยกับเราได้ คนนั้นน่ารักที่สุด

    ทั้ง ๔ ประการนี้ ภาษาพระใช้คำว่า "สังคหะ" หรือการสงเคราะห์กัน คุณธรรมนี้มีอยู่ ในตัวใคร คนนั้นจะได้เพื่อนแท้ ยิ่งมีมากเท่าไร เพื่อนแท้จะไหลมาหาเราเป็นสายทีเดียว
     

แชร์หน้านี้

Loading...