การดูจิตโดยปฏิบัติสัมมาสมาธิ ย่อมไม่คิดไปเองว่าจิตเป็นอนัตตา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 12 มิถุนายน 2010.

  1. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    ธรรมมะคือ ธรรมชาติ ... เสียเวลาวิจัย หุหุ(k)

    อยากรู้หรอ ก็อยากบอกเหมือนกันนะ แต่คิดถึงนิสัย แถแถดๆ พลิ้กลิ้นของนิวรณ์ที่เจอกับตัวเอง
    แล้วเซ็งเป็ด


    ขอตัว หัวด้วย หุหุ
     
  2. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    เฮ้ยคุณ นี่คุณคิดจริงๆหรือว่า ผมอยากรู้ชื่อพระ หรือ คำสอนอะไรนั่น

    ที่ผมเย้วๆ ถามจากคุณนี่ ก็เพื่อต้องการดูอาการ

    เซ็งเป็ด อาการกลัวๆไม่กล้า และ การแอบคิดถึงผม นี่แหละ

    น่ารักดี

    <EMBED height=300 type=application/x-shockwave-flash width=300 src=http://embed.pleng.com/flash/player_song_emb.swf quality="high" flashvars="type=SongID&id=024098&autoPlay=true&from=emb" wmode="transparent"></EMBED>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2010
  3. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านธรรมภูติครับ ผมว่าไว้เราค่อยเจอกันกระทู้อื่นดีกว่าครับ
    กระทู้นี้ ความเห็นมันมากแล้ว เวลาจะหาหลักฐานมาอ้างอิง
    มันหาลำบากครับ ผมจำเป็นต้องใช้หลักฐานครับ

    แล้วยิ่งถ้าเป็นท่านpopฯกับท่านเตชด้วยแล้ว ต้องอาศัยหลักฐาน
    ไม่งันไม่ยอมจน ประเภทข้างๆคูๆ
    นี้ท่านpopฯ เล่นเอาความเห็นผมไปแปลงมั่วไปหมด..เฮ่อ!
     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>เล่าปัง*, poppykun, บุญพิชิต </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เอ้าว่าไงคุณ สาโท นั่นใช่คุณสาโท ผู้รักษาโต๊ะของผมหรือเปล่า

    อ่านซ้ำอีกทีเอานะ เนียะ สอนให้ภาวนาพุทโธๆ จนจิตรวมนะ ใครจะทำสมาธิ
    ท่านบอกชัดเจนนะว่าอย่าพึ่ง ให้พักการทำสมาธิไว้ก่อน มาทำสมถะให้จิตรวม
    ตัวนี้ก่อน

    ห้ามทำสมาธิ พักการทำสมาธิไว้ก่อน เข้าจายไหม ไม่งั้น มันไม่ 100% นะ

    สมถะไม่ 100%นี่ ก็จะอดเห็น จิตโง่

    แต่ถ้าไม่ต้องการพิสูจน์ จิตโง่ หน้าตามันเป็นอย่างไรนะ ก็จะหยุดบังคับ
    แล้วมาเริ่มฝึก สมาธิ ก็ไม่ว่ากันนะ ของแบบนี้มันอยู่ทีนิสัย หากชอบท้าทาย
    ครู ท้าทายคำสอนครู ต้องการพิสูจน์ ก็ทำไป ไม่มีใครเขาขัดหรอก
     
  5. poppykun

    poppykun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +82
    อ้าวคุณบุญฯเฉไฉ โดนจับโกหกพุทโธแล้ว จะย้ายหนีเลยหรือครับ
    แนะนำให้เปลี่ยนชื่อเป็นเล่าปี่ด้วย จะได้โกหกเป็นนิจเหมือน นิวรณ์-เล่าปังได้
    ..
    ..
    "ต้องอาศัยหลักฐาน ไม่งั้นไม่ยอมจน"

    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง จึงนำหลักฐานโกหก และล้อเล่นกับพุทโธมาแสดงยังไงเล่าครับ
    พุทโธ นี่ล้อเล่น "พุทโถ่" ได้หรือครับ พุทธานุสตินะครับ กรรมฐานสี่สิบนะครับ
    เช่นเดียวกับ เทศน์หลวงตามหาบัว เอามากล่าวว่า "คำพระเฒ่าพระชรา"
    ล้อเล่นได้หรือครับ!?!
     
  6. poppykun

    poppykun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +82
    แล้วสติระดับไหน ไม่ต้องบังคับเล่าครับ??? ช่วยแสดงให้ดูหน่อยสิ

    ผมเห็นมีอยู่ สติเดียว
    ก็ของอาจารย์ท่านนั่นแหละ เผลอๆ อยู่ เมาๆ อยู่ เดี๋ยวสติมาเอง
    เหรอครับ???
     
  7. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านเตชกรุณา ดูคห.อ้างอิง ของท่านpopฯนะครับ
    ท่านpopฯก็บอกเองว่า อาจารย์ผมใช้หรือพูดอยู่คนเดียว
    ก็แสดงว่า อาจารย์ผมเป็นคนบัญญัติคำใหม่ขึ้นมา ฉะนั้น
    คำแปลหรือความหมาย ต้องเป็นความหมายที่อาจารย์ผมกำหนดครับ
    ถ้าไปเชื่อก็ลองไปถามอ.กาญจนา หรืออ.แม่ที่จุฬาดูก็ได้..ฮิ ฮิ ฮิ

    เล่นกาลามสูตรแล้วว่อย เอาอีกๆเอามาที่เดียวเลย จะได้เอาลงหม้อ
    เป็นจับฉ่าย แกงโฮ๊ะซะเลย
     
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    เรื่องบริกรรม พุทโธ นี่ ผมว่าไม่ใช่ พุทธานุสติ หลอก

    เพราะพวกคุณเน้นกันที่ การออกเสียง ออกแรงให้จิตปรุงวจีสังขาร/มโนสังขาร แล้วก็ให้
    มันออกแรงปรุง(ส่งจิตออกนอก) วจีสังขาร/มโนสังขาร เพียงตัวเดียว ไม่ให้จิตแส่ส่ายไปอารมณ์อื่น ดังนั้น
    อารมณ์ที่น้อมนึกในพุทธคุณทั้งหลายนั้น ย่อมไม่มีในตัวบทการปฏิบัติ หากมีคุณ
    ก็ปัดทิ้งแล้วออกแรงสร้างวจีสังขาร/มโนสังขาร ในคำว่า พุทโธ อย่างเดียว

    ดังนั้น ไม่ใช่การน้อมนึก พิจารณาถึงพุทธคุณเพื่อให้เกิดปิติ เกิดสุข เกิดสมาธิ

    ผมขอลองเสนอว่า การบริกรรมพูดๆ คิดๆ เพียงคำเดียวเป็นเพียง ธรรมานุสติ
    เพราะเวลาคุณเรียน คุณก็แค่ฟังๆ แล้วต้องให้ครูย้ำๆให้ทำ เข้าลักษณะเอหิปสิโก
    แล้วก็น้อมไปทำแบบท้าทายกันพิสูจน์กัน โอปนยิโก

    ตามด้วยการไปเห็น ฐีติจิต คือ การสิ้นสงสัย รู้ได้เฉพาะตน และถ้า
    น้อมเอาจิตนั้นไปดูกายใจตนเมื่อไหร่ ก็ค่อยเกิดเป็นปัญญาต่อยอด

    พิสูจน์เสร็จสรรพ รู้ได้แล้วค่อยออกมา ทราบซึ้งในพุทธคุณ เกิดพุทธานุสติเอาตอนท้าย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2010
  9. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ใครจะหนีไปไหน ผมคุยกับท่านธรรมภูติ ผู้ใหญ่เขาคุยกัน
    เด็กห้ามสอดรู้มั้ยมันไม่ดี

    เอาแล้วๆ....เล่นเรื่องธรรมไม่ได้ จะเล่นแผนอุบาทแล้วงัย
    จะโยงให้เราเจอข้อหา ปรามาสพระแล้วงัย

    คนเรามันเป็นอย่างนี้นี่เอง ตัวเองชอบทำอะไร ก็จะใช้แผนนั้นกับคนอื่น
    เหมือนนักการเมืองสมัยนี้เดี๊ยะเลย

    มิน่าเล่า! ชอบอ้างคนโน้นคนนี้ ไอ้เราหรือรู้ทัน พยายามขอร้อง
    ว่าอย่าเอาหลวงตา หลวงปู่มาอ้างจะคุยก็คุยเอง

    ถามจริงเราจะคุยกันต่อมั้ยครับ ขอร้องเลยอย่าใช้วิธีนี้ ผมเซ้นซิทีบ
    ผมไม่ชอบให้ใครมาว่าพระ แล้วผมก็ไม่กล้าว่าพระด้วย
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    แค่ คำว่า พุทโธ ได้ยินก็ เป็น ทั้ง พุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ ไปในตัว

    เพราะ เวลาที่ คนที่ศรัทธา่ ได้ยิน ก็ระลึกถึง พระพุทธเจ้า ระลึกถึงพระธรรม ระลึกถึงพระสงฆ์ ผู้เป็นครูบาอาจารย์ไปในตัว

    ทีนี้ ในเบื้องต้นนี้ ทุกคนรู้สึก และมีศรัทธาเกิดขึ้นกับคำว่า พุทโธ ก็จะทำให้จิตน้อมเข้ามา จ่อกับคำบริกรรม ละอกุศลที่คอยจะเกิดขึ้นได้ ก็จะกลายเป็น วิตก วิจารณ์ ไปในตัว
     
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    คุณเล่าปังครับ

    ผมว่าคุณมีนิสัยถาวรอยู่อย่างหนึ่งนะครับ

    คือคุณชอบให้ร้ายคนอื่นที่มีความเชื่อไม่ตรงกับคุณไว้ก่อนโดยที่ไม่คำนึงถึงเหตุผล

    แถมตีความคำพูดของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านใช้เฉพาะคนๆไปในขณะนั้น

    ที่คุณยกว่ามานั้น ประโยคแรกก็ชัดเจนสุดๆแล้วนะครับว่า "ถ้ายังหวังสมาธินะ"

    ชัดเจนนะครับ ถ้ายังคาดหวังสมาธิอยู่จิตก็จะไม่รวมลงป็นสมาธิ

    แต่คุณกลับแต่งเติมเองว่าห้ามทำสมาธิ ตรงไหนครับที่บอกว่าห้ามทำสมาธิ

    มีแต่บอกว่าถ้ายังหวังสมาธิอยู่นะ ให้จิตจดจ่ออยู่กลับคำภาวนา๑๐๐ อย่าหวัง


    อีกอย่างหนึ่ง ผมขอเถอะครับ พยายามใช้คำที่ควรใช้จะดีกว่านะครับ

    เวลาคุณใช้กับคนอื่นไม่เป็นไร เวลาคนอื่นใช้กับคุณบ้าง คุณกลับชอบฟ้องทีมงาน

    อย่าบอกนะครับว่าไม่เคยทำ ให้จูงพระประธานมาพูดผมก็ไม่เชื่อ

    ;aa24
     
  12. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
  13. Mikas

    Mikas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +342
    สติแบบนี้ครับ

    เมื่อพิจารณาไปพอสมควรแล้ว บางครั้งจิตอาจจะสงบลงในท่ามกลางแห่งภาวนา แล้วก็หยุดพิจารณา เมื่อมันหยุดพิจารณา ไปนิ่ง รู้เฉยอยู่ ให้กำหนดตัวผู้รู้ ในขณะกำหนดตัวผู้รู้ จิตจะหยุด นิ่งอยู่ ก็กำหนดรู้อยู่อย่างนั้นแหละ อย่าไปรบกวน น้ำใจกำลังจะนิ่ง ในเมื่อน้ำใจนิ่ง ไม่มีคลื่นไม่มีฟอง ไม่มีอารมณ์มารบกวน เราก็จะสามารถเห็นจิตเห็นใจของเราได้ทะลุปรุโปร่ง เหมือนๆ กับน้ำทะเลที่มันนิ่ง เราสามารถมองเห็น เต่า ปลา กรวด ทราย สาหร่าย อยู่ใต้น้ำได้ถนัด ฉันใด ในเมื่อจิตของเรานิ่ง รู้ ตื่น เบิกบาน เราก็สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ในจิตของเราได้อย่างชัดเจน อะไรผุดขึ้นมา จิตจะกำหนดรู้เองโดยอัตโนมัติ

    ข้อมูลจาก เจริญ ปัญญากับหลวงตาบัว

    พระพุทธเจ้าสอนให้มีสติกำหนดรู้ที่จิต ทีนี้เมื่ออะไรเกิดขึ้นดับไป ก็กำหนดรู้สิ่งนั้น แต่คำว่ากำหนดนี่เป็นแต่เพียงภาษาพูดหรอกนะ แต่เมื่อมันเป็นเองแล้ว เราไม่ได้ตั้งใจจะกำหนดอะไรทั้งสิ้น มันจะปฏิวัติตัวเป็นไปเอง ทุกข์มันก็จะรู้เอง สมุทัยมันก็จะรู้เอง นิโรธมันก็จะปรากฏเอง ลักษณะของนิโรธปรากฏขึ้นนั้น จิตนิ่ง รู้ ตื่น เบิกบาน สว่างไสว ทีนี้ในลักษณะที่มรรคบังเกิดขึ้นนั้น จิตไหวตัว สามารถมีความรู้ผุดขึ้นมาเป็นระยะ ๆ จิตก็มีสติสัมปชัญญะกำหนดรู้ตลอดไป รู้สักแต่ว่ารู้ เห็นสักแต่ว่าเห็น รู้เห็นแล้วก็ปล่อยวางไป ไม่ยึดอะไรให้เป็นปัญหาที่จะทำให้ตัวเองเดือดร้อน ในขณะนั้นสมาธิก็เป็นหนึ่ง ศีลก็เป็นหนึ่ง ปัญญาก็เป็นหนึ่ง

    ข้อมูลจาก สายกลางของการปฏิบัติ โดยหลวงพ่อพุธ

    ไม่มีใครเคยสอนว่า อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร แล้วสติจะเกิดเองครับ สติจะเกิดเองได้ก็ต่อเมื่อ ผู้ปฏิบัติ ได้เจริญสติมาอย่างถูกต้องครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2010
  14. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +1,459
    [MUSIC][MUSIC][/MUSIC][/MUSIC]
    ตกลงคือหาเหตุผลมาแก้ไม่ได้ใช่มั้ย

    ว่า ถิร แปลว่า เสถียร
    แล้ว ถิรสัญญา จะแปลว่า จำได้อย่างแม่นยำ ได้อย่างไร

    พอหาเหตุผลไม่ได้
    ก็เริ่มใส่ร้ายตามนิสัยเดิมนะสิ...

    นี่แหละ จำมาเล่า.....
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    พุทโธ นี้ทำให้มาก ทำให้ฌาณเกิดขึ้น จะป้องกันมาร ทั้งหลายได้

    พูดตามตรง ถ้าไม่ทำ สมถะให้เกิด ก็จะถูกมารเล่นงานได้่ง่ายๆ

    จะดูจิต ก็ดูไป แต่อย่าไปทิ้ง พุทโธ เพราะ พุทโธ หรือใครจะถนัด ดูลมหายใจ จะทำให้

    ละนิวรณ์ได้

    นักปฏิบัติ เดี๋ยวนี้ เพราะไม่เชื่อฟัง อวดดี บอกให้ทำสมถะ ให้เจริญสติ ไม่ทำ
    สุดท้าย กรรมฐานแตก เพราะว่า จิตไม่ไปจับคำบริกรรม แต่ไปจับ ตามนิมิตอื่นๆ
    มันก็ลอยไม่มีหลัก เลยกลายเป็นคนฟุ้งซ่าน

    อย่าประมาท กับ กิเลส พิษมันร้ายลึก
     
  16. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +1,459
    อาจารย์คุณไม่ได้บัญญัติหรอก
    เอ้า..นี่จะบอกให้ว่ามาจากไหน

    มาจาก คัมภีร์พระอภิธัมมัตถสังคหะ
    รจนาโดย พระอนุรุทธาจารย์
    หลังพุทธกาลประมาณ 1000 ปี

    ok นะ อาจารย์คุณไม่ได้บัญญัติ
    ไม่ต้องไปจดลิขสิทธิ์ หรือ สิทธิบัตร อะไรหรอก
    อายเค้า.....
     
  17. poppykun

    poppykun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +82
    โถ่ถัง ... สติคือสติ อยู่ดีๆ คราวนี้เอามาปนเป็น สติคือปัญญา ยังงั้นหรือ???
    สติคือสติ ปัญญาคือปัญญา ใช่หรือไม่ครับ
    สติคือสติ สมาธิคือสมาธิ สติและสมาธิ ไม่ใช่ปัญญา ใช่หรือไม่ครับ

    http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1131&CatID=2
    ".....ดังที่ท่านแสดงไว้ในปัญญา ๓ ประเภท คือ สุตมยปัญญา ปัญญาเกิดขึ้นจากการได้ยินได้ฟัง ๑
    จินตามยปัญญา ปัญญาเกิดขึ้นจากการพินิจพิจารณาไตร่ตรองของสามัญชนทั่วๆ ไป ๑
    ภาวนามยปัญญา ๑
    ส่วนภาวนามยปัญญานี้เกิดขึ้นโดยหลักธรรมชาติของตัวเอง นี้แลที่ท่านว่าปัญญาเกิด
    ภาวนามยปัญญานี่เป็นปัญญาเกิดขึ้นโดยหลักธรรมชาติ ท่านเรียกว่าอัตโนมัติ
    ปัญญาขั้นนี้แลเป็นปัญญาที่จะฆ่ากิเลส เป็นปัญญาที่เห็นมรรคเห็นผลโดยลำดับ..."
    ..
    ..
    ..

    "ไม่มีใครเคยสอนว่า อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร แล้วสติจะเกิดเองครับ
    สติจะเกิดเองได้ก็ต่อเมื่อ ผู้ปฏิบัติ ได้เจริญสติมาอย่างถูกต้องครับ"

    ทำแบบนี้ใช่มั้ยครับ สติถึงจะเกิด???
    "สติคืออะไร :-ทำอย่างไรสติจึงเกิดได้บ่อย?"
    สติคืออะไร: ทำอย่างไรสติจึงเกิดได้บ่อย? | Dhammada.net หลวงพ่อปราโมทย์ : ธรรมะ คือ ธรรมดา
    เน้นเลยนะครับว่าเค้าบอกว่า สติเกิด ไม่ใช่ทำสติ
    แล้วต้องฝึกทำสัญญาบ่อยๆ สติจะเกิดเอง
    ถึงต้องมีคนบอกไงครับว่า สติคือสติ สัญญาคือสัญญา
    เอา สัญญามาทำสติ??? เวรกรรม

    แล้วก็เพราะสอนว่า
    "ถ้าเราจงใจให้สติเกิด มีโลภะเจตนา จะไม่เกิดสติแท้ ๆ"
    http://www.dhammada.net/2010/06/03/2439/
    เลยมีปัญหา ไปบัญญัติ สติจริง สติปลอม
    ต้องมาตามเช็ดตามบิด ให้มันเป็นไปตามที่พูด

    โอ้โห สอนนักปฏิบัติขั้นต้น ยกมหาสติมาหปัญญาของหลวงตามาเลยนะ
    เค้าถึงว่าไง ไปเปิดตำรามหาลัยมาสอนเด็กประถม
    เด็กประถมงง??? ตัวเค้าเองยืด ... แต่ขอโทษ ตำรานั่นตัวเองเคยผ่านมามั้ย???

    สรุปแล้ว ทั้งคุณทั้งอาจารย์คุณ
    จับเอา สติมาเป็นปัญญา สติมาเป็นสัญญา
    มันถึงได้มั่วแบบไม่มีทางเยียวยาเลยไง

    ปล.
    พยายามกันมาตลอดเลยนะครับ
    ยกกัณฑ์เทศน์ครูจารย์มาเพื่อบิดให้เข้ากับคำสอนของอาจารย์ตน
    บิดมากๆมันหักเลยนะครับ ... ของอาจารย์ตนน่ะครับ หัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2010
  18. Mikas

    Mikas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +342
    ผมไม่ได้พิมพ์ว่า สติ คือปัญญาเลยนะครับ ท่านไปเอาข้อความนี้มาจากไหน???
    คำว่า จิตกำหนดรู้เอง ที่หลวงตาเทศนี้เป็น "สติ" ล้วนๆครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับปัญญาเลย...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2010
  19. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +1,459
    นี่พอไปแปล ถิรสัญญา ว่า จำได้อย่างแม่นยำ
    แล้วทำให้การปฏิบัติผิดเพี้ยน ไปจนเป็ฯมิจฉาทิฏฐิยังไงรู้มั้ย

    เพราะในพระอภิธัมมัตถสังคหะ
    ท่านว่าจิตเกิดดับ 89 ดวง
    หลวงปู่คำดีท่านว่า คือ จรณจิต
    เกิดจากจิตแท้ที่ไม่เกิดดับ มีจิตแท้เป็นปทัฏฐาน

    เห็นมั้ยพอมีทัศนะว่าจิตเกิดดับ
    โดยไม่สนใจเรื่องจิตแท้ที่ไม่เกิดดับเลย

    ก็เลยสรุปเอาว่า สติ ก็ต้องเกิดดับด้วย
    เพราะ สติ เป็น เจตสิค เป็นอาการของจิต
    จิตเกิดดับแบบถี่ยิบ สติ ก็ต้องเกิดดับแบบถี่ยิบ

    เมื่อมาแปลว่า ถิรสัญญา หมายถึงจำได้อย่างแม่นยำ
    ก็เข้ากันพอดี

    คือเมื่อสติจำอารมณ์ได้แม่นยำแล้ว
    สติ เกิดขึ้น แล้ว สติ ก็จะดับไป
    เมื่อจำอารมณ์ได้อีก
    ก็มีสติอีก แล้ว สติก็ดับไปอีก

    เห็นมั้ยมันคล้องจองไม่หมด
    สติ เลย ไม่ต้องทำอะไร
    ให้อยู่เฉย ให้หัดจำอารมณ์ เอาเท่านั้น
    เมื่อจำอารมณ์ได้สติ จะเกิดเอง แล้วดับไปเอง
    เข้ากันไปหมด

    เมื่อจำอารมณ์ได้ดีขึ้น
    สติก็จะเกิดบ่อยครั้งขึ้นตามอารมณ์
    เพราะจำอารมณ์ได้ทุกครั้ง
    สติ จะเกิด และ ดับ ไปด้วย

    เห็นมั้ยเข้ากันกับ จิต เกิด ดับ
    สติ ก็ เกิด ดับ
    วิธีปฏิบัติ ก็คือให้จำอารณ์อย่างเดียว
    จำได้ สติ ก็เกิด แล้วดับไปเอง

    ยิ่งจำได้แม่นยำมากเท่าไร
    สติยิ่งเกิดมากเท่านั้น
    เพราะจำได้ทุกอารมณ์ที่เกิด
    ไม่มีอารมณ์ไหนหลุดรอดไปได้

    เห็นมั้ยเมื่อมีทิฏฐิแบบนี้
    ก็เลยไม่สนใจเลยสมาธิ
    ทำแต่สติอย่างเดียว
    ก็เห็นการเกิดดับแล้ว
    เพราะสติเกิดดับ แล้ว
    อะไร อะไร ก็ตาม ก็เกิดดับไปหมด
    ก็เลยคิดกันว่าจะรู้ธรรมกันได้แบบนี้

    นี่ล่ะมิจฉาทิฏฐิเต็ม ๆ

    ทั้งที่หลักการปฏิบัติพื้นฐานของพระพุทธองค์
    ท่านให้ศึกษา และ ปฏิบัติ ใน ศีล สมาธิ ปัญญา

    แต่นี่สอนไม่ให้สนใจอะไร
    คือปล่อยชีวิตไปเรื่อย ๆ สติจะเกิดเองเมื่อจำแม่น

    สติ ที่ เกิด ๆ ดับ ๆ อย่างนี้เหรอจะไปฆ่ากิเลสได้

    นี่...มันส่อให้เห็นถึงภูมิธรรมของผู้สอนอย่างชัดเจนเลยนะ
    ว่ามีภูมิธรรมจริงอย่างที่ตนเองอยากแสดงต่อโลกหรือเปล่า

    มันเลยเป็นการหลอกลวงโลกไปเลยนะ....
     
  20. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +1,459
    นี่แสดงว่าไม่รู้จักสมาธิจริง ๆ พูดเป็นคุ้งเป็นแควแต่หาความถูกต้องไม่ได้

    จิตรวมหลายครั้งหลายหนจะสร้างฐานของสมาธิขึ้นมา
    ตรงจุดแห่งความรู้นั่นล่ะ จะเป็นฐานของสมาธิที่แน่นหนามั่นคง
    ถึงแม้จะคิดเรื่องอะไรอยู่ก็ตาม
    เมื่อชำเลืองดูจุดแห่งความรู้ ก็ยังแน่นหนามั่นคงเช่นเดิม
    นี่เรียกว่าจิตเป็นสมาธิอย่างแท้จริง

    ส่วนที่ว่าจิตรวม แล้วเรียกว่าเป็นสมาธิ
    นักปฏิบัติบางท่าน อาจอนุโลมเรียกว่าเป็นสมาธิก็ได้
    เพราะเป็นขั้นของการสร้างเพื่อให้ เป็นสมาธิอย่างแท้จริง
    แต่ถ้าถามว่าแค่จิตรวมนี่เป็นสมาธิอย่างแท้จริงหรือยัง
    ก็ต้องตอบว่า ยังไม่เป็นสมาธิอย่างแท้จริง

    นี่สมาธิแท้จริงเป็นอย่างนี้
    เป็นสันทิฏฐิโกนะ
    ต้องรู้เองเห็นเอง
    ถึงจะตอบได้พูดได้
    มันไม่มีตัวอย่างให้เห็นนี่สิ่งที่เป็นนามธรรม
    พอใครเอามาพูด แล้วไม่รู้จริงเห็นจริง
    มันก็ส่อให้เห็นอยู่นั่นล่ะ ว่าเป็นยังไง รู้จริงหรือเปล่า....

    ธรรมะของพระพุทธองค์ละเอียดลึกซึ้งนะ
    ถ้าไม่รู้จริงเห็นจริงนี่พูดไม่ได้เลยว่างั้น
    ถึงได้รู้ไงว่า....ใครรู้จริงไม่รู้จริง

    เมื่อไม่รู้จริงก็มาโจมตี พุทโธ
    พุทโธ ก็พระพุทธเจ้านี่ล่ะ
    พุทธานุสสติ ก็คือ ระลึกถึงชื่อพระพุทธเจ้า
    มีคนกำลังโจมตีพระพุทธเจ้า
    โจมตีพุทโธ ก็คือโจมตีพระพุทธเจ้านั่นล่ะ

    เห็นมั้ยหลวงปู่ดูลย์
    องค์ท่านพูดไม่มีผิดเพี้ยนเลย
    ท่านบอกใครนะ แล้วตอนนี้คนนั้นกำลังทำอะไร
    บริษัทบริวารของคนนั้นกำลังทำอะไร
    เห็นมั้ยคำพูดพระอรหันต์ ไม่มีผิดจากความจริง ไปได้นะ
    ดูเอานะ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...