การทำงานของกิเลส อุปกิเลส อาสวะกิเลส

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กล่องไม้ขีดไฟ, 11 มิถุนายน 2018.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เอาง่ายๆ นะครับ ลองอ่านที่ผมพิมพ์อันนี้ดูครับ ถ้าไม่เข้าใจ ก็ตามสะดวกครับ

    แสงสว่าง คืออะไร

    เวลาคุณเข้าสมาธิ ทำไมคุณรู้ว่า แสง รู้ว่า แสงสว่าง

    คุณถูกรู้ ได้อย่างไร ว่า มันมีแสง แสงสว่าง

    ผมตอบให้ก็ได้ ก็เพราะว่า จิตเรา ไปรับรู้ รู้ว่าแสงสว่าง

    ตัวเราจิตเรา ไม่ใช่แสงสว่าง ครับ

    แต่ตัวเรา คือ จิต จิตคือ ผู้รู้ ไปรับรู้ รู้ สิ่งที่สมมุติบัญญัติที่เรียกว่า แสงสว่าง ยังไงครับ

    ดังนั้น แสงสว่าง มันไม่ใช่ตัวจิต แต่ ถูกรู้ รับรู้ว่าแสงสว่าง โดย จิต จิตที่เป็นผู้รู้

    ถ้าไม่เข้าใจก็ตามสะดวก ครับ

    จิตเราคือ ผู้รู้

    เราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม เราปฏิบัติเข้าไปให้จิตจิตสงบ จนจิตเป็นสมาธิ จิตเป็นผู้รู้ ทีนี้เมื่อจิตคุณไปรับรู้ รู้แสงสว่าง ก็ให้รับรู้ว่ามันคือ แสงสว่าง แล้วก็ปล่อยวางซะ มันไม่ใช่ว่า แสงสว่างคือ จิต ครับ แต่มันคือ จิต ของเรา ที่ไปรับรู้ รู้แสงสว่าง ว่ากำลังของสมาธิ ฌาน มีแสงสว่าง ไม่ใช่ตัวจิตคือแสงสว่าง ครับ

    ถ้าจิตเราคือแสงสว่าง ลองถามตัวเองครับ แสงสว่างดับไป จิตมืดไม่มีแสงสว่าง ทำไมคุณไม่คิดว่า ความมืดนั้นคือจิต ต่อละครับ แต่พอจิตสว่าง ไปยึดว่าแสงสว่างคือ จิต

    หรือไม่สงสัยว่าทำไม มืดบอด มืดสนิดไม่มีแสงใดๆ ทำไมคุณยังรับรู้ได้ ได้อย่างไร ในเมื่อมันมืด ถ้าจิตคือแสงสว่าง ไม่มีแสงสว่างแล้วมีจิตได้อย่างไร แล้วรับรู้ รู้ได้ยังไง ละว่ามันมืด ในเมื่อมันไม่มีแสงมีสว่าง

    จิตเราเป็นผู้รู้ ไปรับรู้ แสง แสงสว่าง และ รับรู้ความ มืด ครับ

    แสงสว่าง ถูกรู้ รู้โดย จิต จิตก็คือตัวเรา เราคือผู้รู้ รับรุ้แสงสว่าง

    หวังว่าคงจะเข้าใจนะครับ ถ้าไม่เข้าใจก็ตามสะดวก ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2018
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    แป่ว !!!

    จะไป บัญญัติสภาวะ"....." ว่าเป็น จิต ขึ้นมาอีกทำไม หละฮับ

    พอไป บัญญัติสภาวะ"......" ว่า จิต มันก็ต้อง อาศัยขันธ์5 เพื่อการ บัญญัติ

    พออาศัย ขันธ์5 เพื่อการ บัญญัติ เขาเรียกว่า มันเคลื่อนออกจากฐาน "รู้"ไม่ถึงฐาน

    สติหาย มรรคหาย สามัญผล หด เหลือแต่ ตด ให้กำไว้ดม อื้อ จิตไม่เกิด ไม่ดับ
    จิตเป็น ครรภ์ ฮีโคพ่อโคแม่ ขึ้นมา !!!

    ผลิก ศาสนาไปเป็น ศาสนาเฮีย !! อยู่เท้าหน้าขวาสฟิงค์ ศาสนาเฮีย!!รัตนยาโน
    ศาสนาเฮียๆโคพ่อโคแม่มันอยู่ดาวพฤหัส !!
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ๑๘. จิตคือพุทธะ
    ในหมู่ผู้ปฏิบัติธรรมสายพระกรรมฐาน ทั้งพระภิกษุและฆราวาสให้การยอมรับว่า "หลวงปู่ดูลย์ อตุโล นับเป็นองค์เดียวที่มีความรู้ลึกซึ้งในเรื่องของจิต จนกระทั่งได้รับสมญาว่าเป็น บิดาแห่งการภาวนาจิต"

    "จิต คือ พุทธะ"

    "พระพุทธเจ้าทั้งปวง และสัตว์โลกทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากเป็นเพียงจิตหนึ่ง นอกจากจิตหนึ่งนี้แล้ว ไม่มีอะไรตั้งอยู่เลย"

    "จิตหนึ่ง ซึ่งปราศจากการตั้งต้นนี้ เป็นสิ่งที่มิได้เกิดขึ้นและไม่อาจถูกทำลายได้เลย"

    "จิตหนึ่งเท่านั้นที่เป็นพระพุทธะ ดังคำตรัสที่ว่า :-

    ผู้ใดเห็นจิต ผู้นั้นเห็นเรา

    ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นเห็นธรรม

    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต"
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    แค่ทำ
    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

    ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๙
    ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี​

    แต่ถ้าเราภาวนาของเรา ถ้ามันพุทโธๆ แล้วมันสว่างขึ้นมา นั่นก็เป็นอาการเหมือนกัน จิตเห็นแสง จิตเห็นความสว่างไสว นี่คือนิมิตทั้งนั้นน่ะ เพราะจิตสงบแล้วมันเห็นไง ไอ้ที่ว่ามันสว่างเป็นโพลง ไอ้ที่มันเป็นแสงสว่าง ใครเป็นคนเห็น ใครเป็นคนเห็น ถ้าจิตมันไม่สงบ จิตมันจะเห็นหรือ จิตมันสงบ จิตมันก็เห็นใช่ไหม เห็นแสงสว่าง เห็นอะไร ความเห็นอันนั้นมันก็เป็นนิมิต ถ้าจริงๆ แล้วมันต้องย้อนดึงกลับมาให้มันสงบในตัวมันเอง ไม่ต้องรู้ต้องเห็นสิ่งใด นั่นคือตัวจริง ตัวจริงมันเป็นแบบนั้น
     
  5. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ตำราบอกว่า จิตเดิม เป็น พรหม ไม่ใช่หรอ
    แต่ถ้าเรียนจนจบแล้ว ผมก็เชื่อคำหลวงปู่

    ส่วนจิตระหว่างทาง ก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา ตามความพอใจ ไม่พอใจ ความชอบ ไม่ชอบ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    มั่วอีกแระ ชื่อ jityim. นี้
    มีความสามารถยำรวม
    ความคิดความเข้าใจผิดๆของตนเอง
    เข้าหลักทาง
    พุทธศาสนาได้ทุกเรื่อง
    เรียกว่าแอบเนียนมาตลอด
    โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง
    มาเป็นช่วงๆ หายไปพักๆ

    ทะลึ่งไม่เข้าเรื่อง
    เอาคำของหลวงปู่ชื่อย่อ ด มีชื่อมาอ้าง
    เพื่อเสริมความเข้าใจและสัญญา
    ที่จะเริ่มวิปลาสของตนเอง

    หลวงปู่ชื่อย่อ ด ท่านกล่าวถึงสภาวะจิตเดิม
    ตอนที่จิตมันยังไม่มีร่างกายนี้นะครับ
    หรือไม่มีรูปกายนี้ หรือก่อนที่จิตจะไม่รู้
    แล้วจึงสร้างรูปกายขึ้นมา สภาวะที่สว่างไสวมันเกิดจาก จิตที่ไม่มีการก่อตัวหรือ
    ไม่มีการเกิดใดๆ แสงสว่าง
    ที่ออกจากจิตที่ไร้รูปร่างนี้
    ไม่ก่อตัวนี้บ้างเรียก
    ว่าบารมีนั่นเอง สามารถเกิดได้
    ชั่วคราวในกายที่ไม่ยึดใดๆแล้ว
    ไม่ว่ารูปธรรมก็ดี นามธรรมก็ดี
    ซึ่งมันเป็นผลมาจากเรื่องปัญญา
    หรือปัญญาญานมาส่งเสริม
    ซึ่งหมายความว่าไม่มีอะไรมากระทำ
    มันจึงคล้ายกับสภาวะจิตเดิม
    ตอนที่ยังไม่มีร่างกายเหมือนที่
    หลวงปู่ชื่อย่อ ด ท่านกล่าวได้ครับ


    ซึ่งมันเป็นคนละสภาวะ
    กับการที่ทำสมาธิ และเกิดกิริยาของสมาธิ
    ซึ่งมีสมาธิเป็นตัวกระทำจิตอยู่
    และกระทำในขณะที่มีกายเน่าๆนี้นะครับ

    และไม่ใช่สภาวะ กิริยาแสงกะโหลกะลา
    ไร้ประโยชน์ที่มักทำให้คนหลงตัวเอง
    หลงสภาวะได้อย่างไม่น่าเชื่อ
    อย่างที่ตำรากล่าวไว้ว่า
    โอภาส หรือเป็น
    วิปัสสนูกิเลสอย่างหนึ่งนะครับ

    ตำราก็มีบอกภาษาไทยแท้ๆ
    คนคอยแย้งคอยเตือนก็มีเรื่อยๆ
    ทำไมเข้าใจอะไรยากแท้

    นี่หละเข้าเรียกว่า หลงตัวเอง
    หลงสภาวะอย่างไม่น่าเชื่อ
    เพราะยึดในรูปธรรมและนามธรรม

    ปล สัญญาวิปลาสเป็นจุดเริ่มต้น
    ของจิตที่จะวิกลจริตในอนาคตนะครับ
    แล้วจะหาว่าไม่เตือนกันมาก่อนนะครับ

    จิตเดิมเป็นพรหม แล้วจะได้มาเวียนว่าย
    ตายเกิดได้อย่างไรหละครับ?
    ฝากพิจารณาอ่านตำราให้ดีๆ
    หรือเปลี่ยนตำราที่บอกว่า
    จิตเดิมเป็นพรหมซะ

     
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ช่างเถอะค่ะ แล้วจะตีความหมายไปตามใจตน ต้นธาตุ ธรรมธาตุ มีอยู่
     
  8. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    อืม จริงๆ ไม่ได้อ่านนานเลยลืม
    กลับไปอ่าน อัคคัญญสูตร ก็ไม่ได้แจ้งว่าจิตเริ่มต้นเป็นอย่างไร
    เพียงแต่บอกว่า ส่วนมากอยู่ในชั้น อาภัสสรพรหม เลยเข้าใจผิด
     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เทศน์เช้า วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙
    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

    ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี​

    ดูสิ เวลาหลวงปู่มั่นท่านพูดกับหลวงปู่เจี๊ยะนะ “มันจะมีพระหนุ่มๆ อยู่องค์หนึ่งจะมาหาเรา ถ้าพระองค์นั้นต่อไปจะเป็นประโยชน์” นี่ท่านรู้ตั้งแต่ต้น ท่านรู้ตั้งแต่ต้น เวลาหลวงตาเข้าไปหาท่าน เวลาหลวงปู่เจี๊ยะว่าพอพระองค์ไหนเข้ามา “ใช่องค์นี้ไหม”

    “ไม่ใช่”

    “ใช่องค์นี้ไหม”

    “ไม่ใช่”

    เวลาหลวงตาเข้าไป “ใช่องค์นี้ไหม”

    เงียบเลย เงียบเลย แล้วก็ฝึกฝนมาๆ ดูสิ คนเหมือนไม้ดิบๆ หลวงตาเวลาท่านพูดถึงชีวิตของท่านนะ ชีวิตของท่าน คนประสบการณ์ทำสิ่งใดมันจะรู้ของมัน ท่านจบมหามา ท่านจบมหามาแล้ว คาบคัมภีร์กันมาทั้งนั้นน่ะ แล้วพอคาบคัมภีร์กันมา นิพพานมันจะมีจริงหรือเปล่า

    เวลาศึกษา เวลาศึกษาเป็นทางวิชาการ ทุกคนก็วิชาการมันอยู่ข้างนอก มันวิเคราะห์วิจัยได้หมดแหละ เวลาเราต้องเป็น เอ๋อๆๆ เอ๋อทันทีเชียว

    นี่ก็เหมือนกัน เวลาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมาละล้าละลังเลย มันจะได้หรือไม่ มันจะมีหรือไม่มี ศึกษามา ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนเป็นมหานะ ดูสิ เวลาบวชใหม่ๆ ขึ้นมา พอพูดถึงว่าศึกษาขึ้นมา อ๋อ! คนทำบุญได้เป็นเทวดา อยากเป็นเทวดา ศึกษาต่อไป พรหมมันดีกว่าเทวดา จะไปพรหม ศึกษาถึงนิพพาน ศึกษาทางวิชาการมา แล้วสังคมไทย ๒,๐๐๐ กว่าปีขึ้นมาเขาศึกษากันมาอย่างนั้น การศึกษา การศึกษาทำให้คนมีสติปัญญาไง แต่เขาศึกษามาเพื่อปฏิบัติ แต่เวลาจะปฏิบัติขึ้นมา รูป รส กลิ่น เสียงอันวิจิตรไม่ใช่กิเลส เวลาใครจะเข้าทางจงกรม จะนั่งสมาธิภาวนา นี่แหละจะเผชิญหน้ากับมันแล้ว กลัวแล้ว หวั่นไหวแล้ว แล้วจะจริงหรือไม่จริง

    ดูสิ เวลาไปถึง หลวงปู่มั่นท่านพยากรณ์ไว้ตั้งแต่ยังไม่มานู่นน่ะ เวลามาแล้วทะนุถนอม ความทะนุถนอมของท่านนะ ดูสิ หลวงตาท่านบอกเลย ผิดหัววัดท้ายวัด มหาคนเดียว ผิดหัววัดท้ายวัดมหาคนเดียว ท่านถนอมอย่างนี้ใช่ไหม ทะนุถนอม ทั้งวัดลงมหาอยู่คนเดียว นี่ทะนุถนอมหรือ

    นี่ไง ทะนุถนอมเพื่อจะปั้นขึ้นมาไง เพื่อจะทำให้เป็นศาสนทายาทไง มันต้องมีประสบการณ์ไง แม้แต่ทางโลกก็ต้องเผชิญกับสังคม แล้วเผชิญกับในหัวใจ หัวใจที่ปฏิบัติขึ้นไป มันไปเผชิญหน้ากับกิเลส มันไม่รู้จักกิเลสไง ไปยอมจำนนกับมัน พอจิตสว่างขึ้นไป อู้ฮู! มันทะลุปรุโปร่ง จิตนี้มหัศจรรย์มาก โอ้โฮ! จิตของเราทำไมมหัศจรรย์ขนาดนี้ ทำไมมหัศจรรย์ขนาดนี้ ธรรมะจะมาเตือนเลย นี่ไง เวลาเผชิญกับมันยังไม่รู้ว่าเป็นกิเลสนะ แสงสว่างต่างๆ เกิดจากฐีติจิต เกิดจากจุดและต่อม

    งงไปหมดเลย เราเข้าไปเจอกิเลส เรายังไม่รู้จักมัน ไปยอมจำนนกับมัน ไปเฝ้ามัน ไปทะนุถนอมมัน ไปรักษามันอยู่นั่นน่ะ รักษามันเพราะอะไร เพราะเราไม่รู้จักมัน แล้วมันมหัศจรรย์ กิเลสนี้มหัศจรรย์เลย แล้วเวลาคนจะบอกให้เข้าใจได้จะทำอย่างไร จะทำอย่างไรให้คนคนนั้นเข้าใจได้ นี่ไง เวลาครูบาอาจารย์ของเราที่ท่านดูแล ท่านรักษาของเรามา เวลาดูแลรักษามา หูตากระจ่างแจ้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2018
  10. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,195
    แสดงว่าท่านนพอาจยังไม่พบสภาวะของแสงสว่างภายในสมาธิที่มองเห็นได้ เหมือนลืมตามอง ที่อธิบายลักษณะสภาวะตัวของมันเองว่า ในความว่างนั้นเป็นแสงสว่าง ไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีสิ่งใดเป็นตัวตนแม้แต่สิ่งเดียว

    สภาวะธรรม มีทั้งภายนอกและภายใน และสภาวะธรรมภายนอกนั้นจริง ๆ คือ แสงสว่างที่เป็นความว่าง ที่เห็นมีสิ่งต่าง ๆ ดำรงอยู่นี้เป็นสสารที่ไร้แก่นสาร ไม่ใช่ตัวตนให้ยึดถือหรือเที่ยงแท้เลย
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    หึยยยยยย อ่านแล้ว ขำ
    หลงตัวเองเหลือเกินเนาะ

    สภาวะแบบเด็กอนุบาลทางสมถะ ทำมาพูดเหมือนว่า
    มันวิเศษวิโส. พอมีคนเห็นแย้ง พูดแถยังว่า คนอื่นๆ
    ไม่สามารถเข้าถึงได้...มีคนแย้งคุณหลายคนแล้วนะครับ

    และขอร้องเหอะ...
    อย่ามั่วและอย่าเดาอีกนะครับ
    อย่าพยามดำน้ำอีกเลยนะครับ
    อนาคตจะวิกลจริตได้อย่างคาดไม่ถึงนะครับ
    คุณไม่สังเกตุรอบๆตัวคุณที่คุณได้รู้จักบ้างหรือ
    ว่าผลเป็นอย่างไรบ้าง...
    และคิดว่าเห็นผมอย่างนี้คิดว่าผมจะดู
    อะไรๆไม่ออกหรือครับ..

    เพราะสภาวะที่คุณยึดแล้วก็ยึดอีก
    มันเป็นแค่สภาวะกิริยากระโหลกกะลา ปัญญาอ่อน
    ทางปฏิบัติได้เค้าเรียกว่า ไอ้พวกขี้เท่อ
    ที่คุณเข้าใจนั้น มันเป็นสภาวะกิริยาการรับรู้แบบ
    ภายในที่เป็นผลของทางสมถะแค่ระดับ
    เด็กพึ่งเริ่มคลอดยังเดินไม่ได้เลย ไม่ใช่สภาวะที่
    วิเศษวิโสอะไรอย่างที่คุณเข้าใจหรอกครับ....

    บอกไปแล้ว คนที่ไปยึดกับสภาวะแบบนี้
    จะหลงตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าไม่มี
    กำลังจิตใดๆ คุณกล้าเถียงผมไหม
    ว่าคุณไม่มีกำลังจิตเพียงพอที่จะต้าน
    ทานพลังงานภายนอกอะไรได้...คือไร้กำลังจิต
    มีแต่สัมผัสแบบยึดติดนามธรรมแบบ
    ที่ไปยึดสิ่งที่ไม่ใช่ทางพุทธศาสนา

    ไอ้ลำพังสัมผัสภายในแบบยึดติดนามธรรมแบบนี้
    มันไม่ใช่เครื่องรู้ เครื่องวิเศษอะไรหลอกครับ
    มันเป็นเพียงกิริยาที่ไปยึด กิริยาส่งออก
    แล้วยึดไปตามสิ่งที่จิตมันส่งออกไปกระทบ
    มันไม่ใช่ตัวที่จะหนุน หรือมีกำลังมากพอ
    เหมือนที่คุณเข้าใจ แล้วก็มั่วเอามายำรวม
    กับคำสอนของพุทธศาสนาได้หรอกนะครับ

    สภาวะแบบที่คุณพูด
    มันแค่ใช้กำลังจิตระดับพื้นๆ.
    ก็ทำให้เกิดกับใคร ที่เจริญสติมาบ้าง
    นั่งสมาธิมาบ้าง และพอมีสัมผัสมาบ้าง
    ก็สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติครับ..
    เห็นได้แบบลืมตานี่หละครับ ไม่ต้องหลับตา
    เข้าอุปจารสมาธิหรือหลับๆตื่นๆก็เกิดได้ครับ


    เพราะแต่มันเป็นแค่ผลของสมถะ ที่ใช้งานได้
    ในกำลังไม่เกินปฐมฌานเท่านั้น มันเป็นเรื่องของเด็กๆ
    และมันไม่ใช่จะเอาแสงสว่าง ปัญญาอ่อนพวกนี้
    ไปพิจารณา จนไปปัญญาญานได้ มันไม่มีทางเป็นไปได้
    หรอกครับ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนๆ เพราะมันเป็น
    วิปัสสนูกิเลสตัวหนึ่ง ในตำราก็มีเขียนบอกไว้แล้ว
    ประเด็นหลักคืออย่าไปสนใจมัน
    หรือจะมายำรวมเข้าสภาวะธรรมแบบ
    ทางพุทธที่คุณเข้าใจหรอกครับ...
    มีแต่พวกปัญญาอ่อน ไร้กำลังจิต ยึดติดสัมผัสภายใน
    ทางนามธรรมต่างๆเท่านั้นหละครับ
    ที่จะไปยึดว่ามันเป็นอะไรที่วิเศษวิโสครับ
    คิดว่าเป็นสภาวะบรรลุธรรม
    บางดวงจิตปัญญาอ่อนยิ่งกว่า คิดว่าได้เห็น
    ระดับสูงๆมาบอกมากล่าวว่าตนเองวิเศษอย่างโน้นอย่างนี้
    พวกนี้เค้าเรียกว่า ผีหลอกในสมาธิครับ....

    ถ้ามันวิเศษจริง ทำไมจิตคุณไร้กำลังต้านทาน
    พลังงานนอกหละครับ และทำไมพอสัมผัสรับรู้
    นามธรรมอะไรได้ ถึงได้คิดว่ามันวิเศษไปหมดหละครับ
    แถมยังคิดว่า เป็นการรับรู้ที่เหนือชาวบ้านชาวช่อง
    ทั้งที่มันเป็นแค่ผลของสมถะระดับกระโหลกกระลาครับ
    และสังเกตุไหมว่า ทำไมคุณถึงฝึกสร้างกำลังจิตไม่ได้
    ทั้งๆที่มีการรับรู้นามธรรมต่างๆเหล่านั้น เคยคิดบ้างไหมครับ

    และ
    ถ้ามันเป็นสภาวะที่วิเศษจริง ทำไมความเข้าใจทางนามธรรม
    ของคุณถึงได้ ผสมยำมั่วไปเรื่อยหละครับ ไม่ว่าเรื่องจักรวาล
    เรื่องพลังงาน เรื่องจักระอะไรต่างๆ ที่ไม่ใช่พุทธฯ
    เอามารวมกับหลักการสูงๆทางพุทธศาสนาได้อย่างไร...
    แต่เรื่องสติทางธรรมพื้นๆ เรื่องการเดินปัญญา
    กลับไม่เคยสนใจ ทั้งๆที่มันเป็นพื้นฐานสำคัญ

    ฝากไว้พิจารณา
    ปล. ถ้าส่วนตัวพูดตรงไหนไม่ถูกบอกด้วยนะครับ
    เด่วจะพิสูจน์ให้ดู.....เมื่อก่อนที่ไม่อ้างอิง
    เพราะยังพอเห็นว่าเป็นกัลยานมิตรอยู่นะครับ
    แต่ถ้าคุณยังเพ้อเจ้อ ยำปนกับพุทธศาสนาไปเรื่อยๆแบบนี้ในห้องนี้อีก
    ต่อไปนี้ จะพูดไม่เกรงใจ
    คุณอีกแล้วนะครับ....
     
  12. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ก็แล้วแต่คุณ นิสัยของคุณเอง คุณจะทำอะไรพูดไม่เกรงใจ ก็แล้วแต่คุณ นี้เป็นการแลกเปลี่ยนธรรมะ คุณก็มิได้มีสัพพัญญุตญาณ อย่าตัดสินคนอืน ผิดถูกอย่างไรเหตุผลมี ให้เป็นลูกผู้ชายก็พอ คำพูด อย่าดูถูกคนนัก จะไม่มีใครเข้ามาเล่นแล้ว รู้ไว้บ้าง
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เห็นโม้บอกว่าผมไม่เคยพบ
    เจอสภาวะแบบคุณ
    ผมเลยบอกว่ามัน
    แค่สภาวะอนุบาลทางสมถะ
    ทำเป็นพูดวิเศษวิโสไปได้
    ทำไมหรือครับ
    กล้าพิสูจน์ไหมหละครับ ๕๕๕

    อ่านดูก็รู้ว่าคุณเข้าใจผิดอยู่แล้วครับ
    ถ้าไม่รู้ก็กระบือเต็มทีหละครับ
    แห๋มๆๆ บอกซิว่าพูดผิดตรงไหน ๕๕๕


    ทำเป็นเล่นศัพท์สูง ใช้ศัพท์ระดับ
    วิถีดวงจิตพระพุทธเจ้า
    ความสามารถแค่กะโหลกกะลา
    สัมผัสแบบเด็กน้อยอย่างนี้
    คนปฎิบัติมาเล็กน้อย
    หรือไม่ต้องปฎิบัติก็ดูออกหรอกครับ


    เพราะมัวแต่โม้ คิดว่าวิเศษ
    ในสิ่งที่ตนสัมผัสได้ว่าวิเศษกว่าใคร
    ถึงมีคำพูดที่กล่าวว่าคนอื่น
    จะไม่พบไม่เจอเหมือนตน
    ประหนึ่งว่าไม่เข้าใจที่ตนพูด
    ทั้งที่สภาวะแค่ระดับ
    สมถะอนุบาลยังไม่คลาน
    แต่มั่นใจว่าวิเศษเหลือเกิน ๕๕๕


    พอมีคนทักท้วง พูดตรงๆ
    เลยหาเค้าดูถูก ก็คุณมันโม้ไง
    กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ยังไม่รู้ตัวหรือครับ ๕๕๕
    ที่พูดผมก็ไม่ได้ว่าตัวเองเก่ง
    แต่ขำ กิริยาอนุบาลที่เอ้ามาโม้ ๕๕๕


    ตำราก็มีบอก. ก็ ยังแถแล้วแถอีก
    คนค้านด้วยเหตุและผลก็ยังแถแล้วแถอีก
    แถมยังไปอ้างคำครูบาร์อาจารย์มาหนุน
    ความคิดตน ทั้งๆที่คนละเรื่อง
    คนละสภาวะกัน ๕๕๕


    ในสภาวะกิริยาขี้เท่อ ไร้ประโยชน์
    แถมเอามายำรวม กับหลักคำสอนของ
    พระพุทธศาสนา ตามที่ตนยึดอีก
    ยังเสนอหน้ามาใช้คำว่าเหตุผล ๕๕๕
    อย่าตัดสินผิดถูก ๕๕๕

    ธรรมดาคนขี้โม้ มีภาพ พอเจอแย้ง
    เจอเหตุและผล เจอท้าทายให้แสดง
    ย่อมจะหน้าแหก หนีหายไป
    คนปกติธรรมดา ก็จะสนทนา
    กันได้เรื่อยๆ ถึงแย้งก็มีเหตุมีผล

    จริงๆคนที่ไม่ควรเข้ามาเสนอหน้า
    ควรเป็นคุณมากกว่า
    คือพวกที่มักเอาเรื่อง มิติ จักรวาล
    พลังงาน จักระที่ไม่ใช่ทางตรงพุทธฯ
    ทั้งหลายมาอ้าง โฆษณา แล้วนำรวมแถ
    แต่งเติมผสมกับหลักคำสอนทางพุทธฯ
    มันเป็นวถีของพวกภูมิจิตอสูรกาย
    ที่เค้าใช้เพื่อยกให้ตัวเองดูดี
    มักใช้กันเป็นประจำนะครับ

    ปล เชิญไสหัวออกไปจากห้อง อภิญญาสมาธิไปเลยครับ และจะไปตามวิถีของตนก็ตามแต่ชอบ แต่ขอร้องว่าอย่าเอาหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนา มายำรวมกับความคิดตนเองด้วยเพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ตนสัมผัสและรู้วิเศษวิโส และยกตนเองเลยครับ

    แค่สภาวะสมถะระดับอนุบาล
    เซิญไปที่ชอบที่ชอบของคุณ
    กับพวกที่ชอบยึดนามธรรมเป็นจริงเป็นจัง
    และชอบโฆษณาว่าตนเองวิเศษ
    ทั้งหลายเถอะครับ.

    ขอพูดตรงๆครับ แบบไม่เกรงใจ
    พวกเหลือบแอบเป็นมารศาสนา
    ในคราบผู้ดีนักบุญทั้งหลาย
    ที่ชอบอ้างโน้นอ้างนี่
    ชัดเจนไหมครับ จบ

     
  14. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ใจเย็นนะครับคุณจิตยิ้ม
    คุณเจอสภาวะแบบนี้ใช่ไหมครับ
    แล้วเข้าใจว่าเป็นการสัมผัสโลกุตรธรรม

    สภาวะนี้มันไม่ใช่ครับมันเป็นรังของกิเลสนะครับ

    ปัญหามันอยู่ที่ความเข้าใจผิด
    พอเข้าใจผิดมันจะหลอกเจ้าของ
    อีกหลายสภาวะครับ

    ยิ่งเราไปอ่านคำสอนแล้วเราตีความเข้าข้างตัวเอง
    มันก็ยิ่งหลอกเราไปเรื่อย

    จนสุดท้ายเชื่อฝังใจ และไม่ยอมฟังใคร

    แต่มันก็เป็นธรรมดาของนักภาวนา
    มันต้องโดนหลอกก่อนเสมอ

    ผมโชคดีเข้าหาหลวงตา ท่านอธิบายให้ฟัง
    ตลอดสายแห่งการภาวนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2018
  15. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,195
    แสงสว่างที่ว่านี้ คือ แสงสว่างแห่งปัญญา

    พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗
    สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
    [​IMG]
    นัตถิปุตตสมสูตรที่ ๓
    [๒๘] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
    ความรักเสมอด้วยความรักบุตรไม่มี ทรัพย์เสมอด้วยโคย่อมไม่มี แสงสว่างเสมอด้วยดวงอาทิตย์ย่อมไม่มี สระทั้งหลายมีทะเลเป็นอย่างยิ่ง ฯ
    [๒๙] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
    ความรักเสมอด้วยความรักตนไม่มี ทรัพย์เสมอด้วยข้าวเปลือกย่อมไม่มี แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาย่อมไม่มี ฝนต่างหากเป็นสระยอดเยี่ยม ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2018
  16. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ท่านเคยเข้าไปสัมผัสธรรมโลกุตระแล้วหรือยังค่ะ ทั้งภายนอกและภายในนะค่ะ ถ้าสัมผัสแล้วช่วยเล่าเป็นวิทยาทานบ้างค่ะ แต่ถ้ายังไม่เคยอย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรเลยนะ
     
  17. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,195
    “ดูก่อนอนุรุทธะ เรานั้นได้มีความรู้ดังนี้ว่า สมัยใด เรามีสมาธินิดหน่อย สมัยนั้น เราก็มีจักษุนิดหน่อย ด้วยจักษุนิดหน่อย เรานั้นจึงรู้สึกแสงสว่างเพียงนิดหน่อย เห็นรูปได้นิดหน่อย ส่วนสมัยใด เรามีสมาธิหาประมาณมิได้ สมัยนั้น เราก็มีจักษุหาประมาณมิได้ ด้วยจักษุหาประมาณมิได้เรานั้นจึงรู้สึกแสงสว่างหาประมาณมิได้ แลเห็นรูปหาประมาณมิได้ตลอดกลางคืนบ้างตลอดกลางวันบ้างตลอดทั้งกลางคืนและกลางวันบ้าง”
     
  18. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    จิตโลกุตระยังไม่สัมผัสครับ
    แต่เคยอ่านจิตพุทธหลวงปู่ดุลย์

    แต่จิตที่มีอาสวะหอหุ้มจิตบริสุทธ์ไว้นะ
    เจอครับ
     
  19. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    จิตบริสุทธ์หรือจิตพุทธหรือจิตอรหันต์
    หลวงปู่ดุลย์อธิบายไว้ชัดเจนแล้วครับ

    ส่วนจิตที่มีอาสวะมันทำดวงสว่างขึ้น
    แล้วส่องแสงไปทั่วโลกธาตุ
    มันไปสัมผัสอะไรเข้าก็เกิดนิมิตรู้ชึ้นมา
     
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,195
    “ราหุล ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ทั้งภายในและภายนอก เป็นสักแต่ว่า
    ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุเท่านั้น พึงเห็นธรรมชาตินั้นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริง อย่างนี้ว่า “นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่ได้เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา”
    สํ.ข.(บาลี) ๑๗/๑๖/๔๔


    จากรายละเอียดดังกล่าวมา แสดงให้เห็นว่า ธาตุทั้ง ๔ คือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดเบญจขันธ์ เพราะเบญจขันธ์เป็นที่ประชุมกันเข้าของธาตุทั้ง ๔ เมื่อเบญจขันธ์มารวมกันเข้า การสมมติว่าสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา สมมติว่าเป็นรูป, เวทนา, สัญญา, สังขารและวิญญาณ ก็เกิดมีขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่อัตตา ตัวตนที่เที่ยงแท้ถาวร เป็นเพียงตัวตนที่สมมติขึ้นในชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...