การทำงานของกิเลส อุปกิเลส อาสวะกิเลส

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กล่องไม้ขีดไฟ, 11 มิถุนายน 2018.

  1. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    หลวงปู่ดลย์บอกไว้ชัดครับ
    จิตพุทธะคือจิตที่หมดอาสวะแล้ว

    ไม่เปล่งแสงอีกต่อไป
     
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    รู้อะไรขึ้นมาค่ะ

    แล้วปัญญาอบรมสมาธิ กับ สมาธิอบรมปัญญา 2 อย่างนี้ล่ะ คิดอย่างไร?
     
  3. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ผมไม่ว่างแล้วขอตัวก่อนครับ
    แล้วค่อยคุยครับ
     
  4. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ท่านเคยอ่านจิตหนึ่งคือพุทธะของหลวงปู่ดุลย์

    ตรงนี้....ท่านคิดว่าอย่างไร?

    จิตเป็นเหมือนกับความว่างซึ่งภายในนั้นย่อมไม่มีความสับสน และความไม่ดีต่างๆ ดังจะเห็นได้
    ในเมื่อดวงอาทิตย์ผ่านไปในที่ว่างนั้น ย่อมส่องแสงไปได้ทั้งสี่มุมโลก เพราะว่าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น
    ย่อมให้ความสว่างทั่วพื้นโลก ความว่างที่แท้จริงนั้น มันก็ไม่ได้สว่างขึ้น และเมื่อดวงอาทิตย์ตก
    ความว่างก็ไม่ได้มืดลง ปรากฏการณ์ของความสว่าง และความมืดย่อมสับเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
    แต่ธรรมชาติของความว่างนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่นั่นเอง จิตของพุทธะและของสัตว์โลกทั้ง
    หลายก็เป็นเช่นนั้น
     
  5. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    จิตที่เด่นดวงบริสุทธิ เป็นธรรมเอก สติบริสุทธิ
    ไร้การปรุงแต่ง คือจิตที่ทรงอารมณ์ฌาน 4

    กับอีกจิตหนึ่ง คือจิตที่สัมผัสโลกกุตระธรรม

    นอกเหนือจากนี้ คืออาการหลงทางหมด
    ไม่ว่ามันจะวิเศษแค่ไหน คือเป็นการปรุงแต่ง
    คิดเองทั้งหมด
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195

    ธรรมชาติที่รู้แจ้ง ไม่มีใครชี้ได้ ไม่มีที่สุด แจ่มใส โดยประการทั้งปวง
    ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมชาตินี้.

    อุปาทายรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมชาตินี้.
    นามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้.
    เพราะวิญญาณดับ นามและรูปนั้นย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ ดังนี้.
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว. เกวัฏฏ์ คฤหบดีบุตรมีใจชื่นชม เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.
     
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ค่ะขอบคุณ แต่เหมือนเรากำลังหาคำตอบว่าแท้ที่จริง คืออะไรกันแน่ตามคำสอนค่ะ จากนั้นก็คือ หนทางไปสู่เป้าหมาย

    แสงสว่างที่เรากำลังกล่าวถึง แท้จริงแล้วเป็นเช่นไร?
     
  8. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    คุงจิยิ้ม
    แสงสว่างไม่ใช่เป็นลำแสง แสงสีต่างๆ

    ถ้าเป็นอาสวะ จะเป็นสติบริสุทธิ เด่นดวง
    หาความสุขที่จะเทียบได้จากการเสพแบบนั้นยากยิ่ง
    ถ้าอุปมาเป็นแสง ก็จะเหมือนแสงส่องปัญญา
    ว่ามีความสุขที่ละเอียด ที่เหนือขั้นความสุขในขั้นกาม
    หรือความสุขใน ฌาน ในระดับก่อนหน้านั้น ก็ไม่สามารถเทียบได้
    เป็นความสขที่ปราณีต ทวีคูณพันเท่า แสนเท่า จากขั้นก่อนหน้านั้น
    เมื่อมีความละเอียดสูง มีความบริสุทธิสูง
    จิตก็น้อมไปสู่อภิญญา เป็นของแถมติดมือมา
    อภิญญาเกิดได้ เพราะจิตนั้นบริสุทธิแล้ว ใสแล้ว
    สงัดจากกามแล้ว
    นี่ว่ากันเรื่องอาสวะ

    หากเป็นอนาสวะ จิตย่อมน้อมไปสู่อัปปมัญญา
    ถ้าอุปมาเป็นแสง ก็เปรียบเสมือนความฉลาดที่ได้ออกจากเปลือกไข่
    จิตสัมผัสได้ถึงความโง่ของสัตว์โลก ที่ยังหลงวงเวียนอยู่ในวัฏฏะ
    ช่างเป็นความโง่งม แสนบัดซบ
    จิตจึงน้อมไปที่อัปปมัญญา สงสารสัตว์โลก ที่ยังมืดบอด
    หลงทางอยู่แบบนั้น

    เปรียบเสมือนยังอยู่ในกะลา ที่ไม่มีวันเห็นแสงเดือน แสงตะวัน

    คุงจิยิ้มลองพิจารณาดูเนอะ
     
  9. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    บทสวดมนต์เมตตาไม่มีประมาณ
    (อัปปมัญญา)

    คือการบรรยายออกมาเป็นภาษาสมมุติ
    ของดวงจิตที่เข้าถึงอัปปมัญญาไปแล้ว
    ว่าวิมุติจิต นั้นๆ รู้สึกเช่นไร
    ตอนที่แจ้งวิมุตติ

    คุงจิยิ้ม ลองอ่านบทสวดนั้นดู
    จะเห็นว่า กล่าวไปถึงดวงจิต ทั่วภพภูมิ
    ทั่วทั้งวัฏฏะ เป็นการเมตตา สงสารที่ไม่มีประมาณ

    ไม่เลือกดวงจิต ไม่ว่าจะสูง หรือต่ำ

    บทสวดมนต์นี้ จึงมีที่มาแบบนี้
     
  10. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    นั้นขออนุญาติถามคุณจิตยิ้มบ้างนะครับ

    คุณมีจิตพุทธะหรือจิตอรหันต์หรือยังครับ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2018
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    เพื่ออะไรค่ะ
     
  12. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    อยากรู้ความจริงครับ
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    สองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไรนะค่ะ
     
  14. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    Okครับ ผ่านครับ โชคดีครับ
     
  15. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    จิตพุทธะมันไม่เปิดเผยตัวมันออกมาหลอกครับ
    เพราะอาสวะกิเลสมันหุ้มหอเอาไว้

    เหมือนลูกไก่ที่มีเปลือกไข่ห่อหุ้มเอาไว้
    มองไม่เห็นลูกเจียบที่อยู่ข้างในเปลือกไข่

    ไปศึกษาประวัติการภาวนาของหลวงปู่ดุลย์
    ท่านภาวนามาอย่างไร?มีหลวงปู่มั่น
    คอยแนะนำตลอด

    จิตอวิชชาหรืจิตที่มีอาสวะมันปรุงแต่งตลอด
    ปรุงแต่งเป็นสังขารต่างๆมากมาย
    แม้แต่ความว่างหรือจิตว่าง
    มันก็ปรุ่งแต่งขึ้นเพื่อหลอกเจ้าของ

    ส่วนพวกเราพออ่านก็ตีความไปเองทั้งนั้น
     
  16. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เทศน์เช้า วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

    ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี​



    อ้าว! ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ เวลาฟังธรรมะ ธรรมะชี้ให้ถึงทางโลกและทางธรรม ทางโลกคือให้เราอยู่กับโลกด้วยความร่มเย็นเป็นสุข เราเกิดมาเป็นอริยทรัพย์ เกิดเป็นมนุษย์นี้แสนยาก ทีนี้การเกิดเป็นมนุษย์มีกายกับใจๆ ร่างกายนี้ต้องหาอยู่หากินหาเลี้ยงมัน แต่จิตใจนี้ต้องการธรรมะเป็นที่พึ่งอาศัย ให้ธรรมะจรรโลงหัวใจ

    เวลาทางโลกเขาถ้าหาอยู่หากิน แรงงานทาสๆ เวลาแรงงานทาสเขาโดนบังคับขู่เข็ญนะ แต่เราดูสิ คนที่มีความขยันหมั่นเพียร คนที่เขามีสติปัญญาของเขา เขาทำงานมากกว่าแรงงานทาสอีก ทำงานด้วยความพอใจของเขา ด้วยความขยัน ด้วยความหมั่นเพียร ด้วยความวิริยะ ความอุตสาหะของเขา

    แต่เวลาแรงงานทาสๆ เขาโดนบังคับขู่เข็ญนะ เขาโดนบังคับขู่เข็ญ เขาทำของเขา เขาทำด้วยความทุกข์ระทมในใจของเขา แล้วถ้าเกิดแรงงานทาสเขาโดนบังคับ เขามีแต่ความทุกข์เลย แต่คนถ้ามีสติปัญญา เขาขยันหมั่นเพียรของเขา ความขยันหมั่นเพียรนั้นเขาพอใจ เขาอบอุ่นของเขา เขาทำเพื่อประโยชน์กับเขาไง นั่นพูดถึงทางโลก เราเห็นแล้วมันสลดสังเวชนะ แต่เรามาคิดถึงในหัวใจเราสิ เราเป็นทาสกิเลส

    เวลามันเป็นทาสกิเลส กิเลสมันปิดบังหัวใจ เรามองไม่เห็นเลยล่ะ เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพ้นจากกิเลสๆ พ้นจากกิเลสเป็นพระอรหันต์ นี่พ้นจากกิเลส มีความสุข มีวิมุตติสุข สุขในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่เวลามันพ้นกิเลสๆ

    เราก็มาคิดของเรา เวลาคนเราทำความผิดโดนจองจำ พอโดนจองจำก็เห็นติดคุก เวลาพ้นจากโทษก็พ้นออกมาจากโทษ เขาพ้นจากคุก เขามีเครื่องจองจำไง แต่หัวใจของเราอะไรมันจองจำ มันจองจำในใจนะ ใจเรามันบีบคั้นอยู่ด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก

    ดูทางโลกเขา ทางโลกเขาถ้าเขามีสติมีปัญญาของเขา เขามีความเพียรของเขา เขามีความวิริยะ ความอุตสาหะของเขา เขาทำคุณงามความดีของเขา เวลาคนที่เป็นแรงงานทาสเขาโดนบังคับขู่เข็ญของเขา ไอ้นี่ก็เหมือนกัน แต่เราไม่รู้ไม่เห็นในหัวใจของเราไง กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันต้องการของมัน แต่เวลามันต้องการของมัน มันพยายามแสวงหาของมัน นี่เวลาเป็นทาสของกิเลสไง เวลากิเลสมันปิดหูปิดตา มันกระเสือกกระสนของมันไปด้วยความทุกข์ความยากไง แต่เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราต้องอดนอนผ่อนอาหาร เราต้องเร่งความเพียรของเรา เราต้องมีความวิริยะ ความอุตสาหะของเรา มันยิ่งกว่าแรงงานทาสนะ

    เวลาหลวงตาท่านพูดถึงความเพียรของท่าน ท่านระลึกถึงเวลาท่านเคยปฏิบัติมา ท่านย้อนไปถึงการกระทำของท่าน ท่านบอกว่ามันทำมาได้อย่างไร มันทำมาได้อย่างไร เพราะอะไร เพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันบีบคั้นหัวใจไง เราพยายามต่อสู้กับมันไง ถ้าเราพยายามต่อสู้กับมัน ต่อสู้กับมันด้วยความเพียรชอบไง ด้วยความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ

    หัวใจดวงหนึ่งมันโดนบีบคั้น โดนกิเลสตัณหาความทะยานอยากครอบงำมันอยู่ หัวใจดวงหนึ่งมีความคิดความจะหลุดพ้น หัวใจดวงหนึ่งต้องสร้างศีล สมาธิ ปัญญาขึ้นมาในหัวใจดวงนั้นเอง หัวใจดวงนั้นต้องมีความเข้มข้น หัวใจดวงนั้นต้องมีการกระทำ หัวใจดวงนั้นต้องพยายามฝืนทนมันออกไปให้ได้ ถ้าฝืนทนออกไปให้ได้ มันทำของมันอย่างไรล่ะ

    เวลาเราทำของเรา เราทำด้วยสติด้วยปัญญาของเรา เราก็ว่าเราเข้มข้น เราก็ทำของเรา แต่มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ มันเป็นความเห็นผิด ดูสิ เวลาหลวงตาท่านพิจารณาของท่านไป เวลาท่านเป็นอนาคามีนะ เวลาท่านมองไปมันทะลุภูเขาเลากาไปหมดเลย มันไม่มีอะไรสามารถจะปิดบังสายตาที่มีคุณธรรมในหัวใจนี้ได้เลย ท่านบอกท่านมหัศจรรย์มาก มหัศจรรย์มาก จิตมันทำไมมหัศจรรย์ได้ขนาดนี้ เพราะเราเป็นคนรู้คนเห็น

    จิตของเราเวลาเราภาวนาไปนะ เวลามันไปเห็นนิมิต มันมีความสงสัยขึ้นมา จะไปถาม “นี่อะไร นี่อะไร”

    แต่เวลาคนที่มีสติปัญญาของเขา เขากระทำของเขา เขาพิจารณาของเขา มันชำระล้างด้วยมรรคญาณ มันชำระล้างด้วยมรรคด้วยผล ด้วยสัจจะความจริง มันกังวานกลางหัวใจ แล้วมันพิจารณาของมันไป มองไปทะลุภูเขาเลากาไปหมดเลย ไม่มีอะไรจะบังสายตานี้ได้เลย ทำไมจิตมันมหัศจรรย์ขนาดนี้ ทำไมจิตมหัศจรรย์ขนาดนี้

    ท่านบอกด้วยอำนาจวาสนาของท่านนะ ธรรมะเตือนทันทีเลย แสงสว่าง แสงที่มันทะลุปรุโปร่งทั้งหมดทั้ง ๓ โลกธาตุนี้มันเกิดมาจากจุดและต่อม มันเกิดมาจากจิตนี้ มันรู้ขึ้นมาจากจิตนี้ จิตนี้เป็นผู้รู้ จิตนี้เป็นผู้ทำลายผู้ชำระล้างขึ้นมา มันมหัศจรรย์ มหัศจรรย์ของมัน มันเกิดจากจุดและต่อม แล้วจุดและต่อมมันคืออะไร

    จุดและต่อมคือภวาสวะ จุดและต่อมคือจิตเดิมแท้ เพราะมันต้องมีที่เกิดไง เวลามันมีที่เกิดนะ ดูสิ ความคิดเกิดจากไหน? ความคิดเกิดจากจิต ไม่ใช่จิต ความคิดเกิดจากจิต แต่ไม่ใช่จิต ความคิดเกิดจากความรู้สึกเรา อารมณ์ความรู้สึกเกิดจากจิต เกิดจากภวาสวะ เกิดจากภพ แต่ไม่ใช่ภวาสวะ ไม่ใช่ภพ เพราะมันเกิดจากที่นั่น มันส่งออกไป แล้วมันส่งออกไปแล้วมันก็ย่อยสลายไป มันก็ส่งออกไปอีก มันก็ส่งออก นี่ความคิดเร็วกว่าแสง คิดได้ทุกอย่าง ความคิดเกิดจากจิต แต่ไม่ใช่จิต

    สิ่งที่สว่างไสว มองไปเห็นทะลุปรุโปร่งไปหมดเลย เกิดจากจุดและต่อม เกิดจากจิต แต่ไม่ใช่จิต นี่ไง ถ้าพออย่างนั้นท่านถึงจะค้นคว้าของท่าน ท่านถึงกลับมาค้นหาของท่าน ท่านบอกถ้าหลวงปู่มั่นอยู่ ท่านจะไปหาหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นต้องชี้จุดเข้าไป ทวนกระแสกลับไปภวาสวะ กลับไปที่ภพ ท่านจะทำลายทันทีเลย แต่หลวงปู่มั่นท่านก็นิพพานไปแล้ว ท่านต้องกระเสือกกระสนหา นี่ธรรมะเตือนๆ

    ฟังธรรมๆ ธรรมเวลามันเตือนขึ้นมา สิ่งที่มันจะเป็นอิสรภาพ ความที่เป็นอิสรภาพ พอเป็นพระอนาคามี อยู่ในเรือนว่าง เรือนนี้ว่างหมดเลย แต่เรายืนขวางอยู่ไง มันสว่างไสว มันผ่องใส มันทะลุปรุโปร่งไปหมดเลย แต่มันยังมีจิตอยู่ มีพญามารอยู่ ถ้ามีพญามารอยู่แล้วพญามารมันคืออะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่ใครชี้ ไม่มีใครปฏิบัติ มันจะค้นหาของมันได้อย่างไร นี่ไง ถ้ามันเป็นแรงงานทาสๆ เขาโดนบังคับขู่เข็ญของมันไป

    ไอ้นี่ก็เหมือนกัน แรงงานของเรา เราทำของเรา แต่ถ้ามันโดนกิเลสตัณหาความทะยานอยากครอบงำ ครอบงำตั้งแต่ต้น โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล

    อนาคามิมรรค อนาคามิมรรคทำลายแล้วเป็นอนาคามิผล พออนาคามิผลมันก็ว่างหมด พอว่างหมดขึ้นมาแล้ว ถ้ายกขึ้น มันยกขึ้นอย่างไร ถ้ามันจะเป็นอิสรภาพ มันจะพ้นจากความเป็นทาส มันพ้นจากการครอบงำ ถ้าความครอบงำ ถ้าย้อนกลับมาเห็นจุดและต่อม ย้อนกลับมา ย้อนกลับมาถึงจิตเดิมแท้ ถ้าจิตเดิมแท้เป็นอย่างไร

    เพราะเรามีความคิดใช่ไหม มีจิต มีความรู้สึกมันถึงคิดได้ ถ้ามันมีจิตอยู่ มันก็มีความสว่างไสว มันก็มีความผ่องใส มันกระทบได้ แล้วถ้าตัวมันเองมันเป็นหนึ่งเดียวในตัวมันเองที่มันไม่มีอะไรไปกระทบ ในตัวมันเองจับตัวมันเอง มันทำอย่างไร

    ถ้ามันทำของมัน คนจะพ้นจากความเป็นทาสๆ มันต้องพ้นจากความเป็นทาสจากภายในหัวใจ ถ้ามันพ้นจากความเป็นทาส มันย้อนกลับมา ถ้าย้อนกลับมา ย้อนกลับมาที่ภวาสวะ ย้อนกลับมาที่ภพ พอทำลายภพ ทำลายภพ มันทำลายภพที่นี่ ภพชาติจะเกิดจากไหน ถ้ามันมีภพที่นี่ มันมีตัวตนที่นี่ ภพชาติมันมีไหม เพราะพระอนาคามียังเกิดบนพรหม มันยังมีอยู่ มันต้องเคลื่อนไหวของมันไปถ้ามันยังมี

    ถ้ามันไม่มีล่ะ ถ้ามันไม่มี ทำให้มันไม่มีทำอย่างไรถึงทำให้มันไม่มี นี่ไง ถ้ามันไม่มี ทำลายมาแล้วทำโดยอรหัตตมรรค ถ้าอรหัตตมรรค พอเป็นเป็นอรหัตตผล มรรค ๔ ผล ๔ มรรค ๔ ผล ๔ คือกิริยา คือการกระทำ คือการกระทบ มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ มันพ้นออกไป ออกไประหว่างอรหัตตมรรค อรหัตตผล มันพ้นออกไป พ้นออกไปอย่างไร

    ถ้าจะเป็นอิสรภาพ ความเป็นอิสรภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากระทำมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมและวินัยนี้ไว้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธัมมจักฯ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงอนัตตลักขณสูตร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงอาทิตตปริยายสูตร เป็นพระอรหันต์ เป็นพระอรหันต์กันมาหมด นี่พ้นจากความเป็นทาสๆ นี่ไง มนุษย์ประเสริฐ ประเสริฐตรงนี้

    http://www.sa-ngob.com/content_show.php?content=4398
     

แชร์หน้านี้

Loading...