การทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ตาย บุญนั้นจะถึงผู้ตายหรือไม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย นพณัฐ, 23 ตุลาคม 2012.

  1. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    [​IMG]


    ปัญหาที่คาใจท่านพุทธศาสนิกส่วนใหญ่อยู่ข้อหนึ่ง ปัญหานั้นก็คือ
    การทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ตาย บุญนั้นจะถึงผู้ตายหรือไม่ ?
    คัดลอก จาก พระสุตตันตปิฎก ทสกนิบาต อังคุตตรนิกาย (องฺ.ทสก. 24/166/290)
    จึงขอถอดความมาเล่าดังต่อไปนี้


    มีพราหมณ์คนหนึ่งชื่อชาณุสโสณีเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นกล่าวคำปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันแล้ว นั่ง ณ ที่สมควรทูลถามพระพุทธเจ้าว่า”ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! พวกข้าพเจ้าเป็นพราหมณ์ มีความเชื่อว่า ทานที่แล้วย่อมมีผลแก่ญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วหลังทำทานจึงอุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับ ทานนั้นจะถึงแก่ญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับหรือไม่ ?”
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า “พราหมณ์ ทานที่ให้จะสำเร็จแก่ผู้ที่ล่วงลับหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้รับ ถ้าผู้รับอยู่ใน “ฐานะ” (โอกาส) ก็จะได้รับ ถ้าอยู่ใน “อฐานะ” (ที่มิใช่โอกาส) ก็ไม่ได้รับ”



    พราหมณ์ทูลถามต่อว่าที่ว่าอยู่ในฐานะและอฐานะนั้นคืออย่างไร”
    พระพุทธเจ้าตรัสสรุปไว้ว่า “ถ้าผู้ตายทำกรรมที่เป็นอกุศลไว้ และไปเกิดในภูมิที่ไม่เจริญ คือ นรก เดรัจฉาน เป็นต้น หรือ สร้างกุศลไว้แล้วไปเกิดในภูมิที่เจริญ เช่น มนุษย์สวรรค์ เป็นต้น ชื่อว่าเกิดในที่เป็น “อฐานะ” คือ มิใช่สถานที่ที่จะได้รับส่วนบุญ เพราะอาหารของผู้ที่เกิดในที่นั้นๆ มิใช่ส่วนบุญที่บุคคลอุทิศไปให้ แต่ถ้าทำอกุศลไว้ แล้วไปเกิดในปิตติวิสัย คือ ภูมิแห่งเปรต และเฉพาะเปรตที่มีชื่อว่า “ปรทัตตูปชีวี” คือเปรตประเภทที่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศไปให้เป็นอาหารเท่านั้นจึงจะได้รับ แต่ต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการ คือ ด้วยการอนุโมทนาด้วยตนเองของเปรตทั้งหลาย 1 ด้วยการอุทิศของทายกทั้งหลาย 1 ด้วยการถึงพร้อมด้วยทักขิเณยยบุคคล คือ ผู้รับไทยธรรมต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ 1.
    ส่วนเปรตอีก 3 ประเภทคือ อันตาสิกเปรต (เปรตที่มีอาเจียนเป็นอาหาร) ขุปปิปาสิกเปรต (เปรตที่มีความหิวกระหายเป็นประจำ) และ นิชฌามตัณหิกเปรต (เปรตที่มีไฟเผาตัวตลอดเวลา) ซึ่งแต่ละประเภทมีอาหารที่ไม่ใช่ส่วนบุญที่ญาติสาโลหิตอุทิศไปให้ ก็อยู่ใน “อฐานะ” คือ ไม่ได้รับส่วนกุศลที่อุทิศไปให้

    พราหมณ์ทูลถามต่อไปว่า “ถ้าญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไม่เข้าถึงฐานะนั้น ใครจะได้บริโภคส่วนบุญนั้นเล่า ?”
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า “พราหมณ์ ถ้าญาติสาโลหิตที่ล่วงลับไปไม่เข้าถึงฐานะนั้น ญาติสาโลหิตแม้เหล่าอื่นของทายกที่เข้าถึงฐานะนั้นมีอยู่ ญาติเหล่านั้นย่อมบริโภคทานนั้น”


    พราหมณ์ทูลถามต่อว่า “ถ้าญาติสาโลหิตที่ล่วงลับไม่เข้าถึงฐานะนั้น ทั้งญาติเหล่าอื่นก็ไม่เข้าถึงฐานะนั้น ทั้งญาติเหล่าอื่นก็ไม่เข้าถึงฐานะนั้น ใครเล่าจะบริโภคทานนั้น ?”
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า “พราหมณ์ ! เวลาสังสารวัฏล่วงมาช้านาน โอกาสที่ญาติสาโลหิตของแต่ละคนไม่ตกอยู่ในฐานนั้นบ้าง เป็นไปได้ยาก แต่ถึงอย่างไร ผู้ให้ก็ย่อมไม่ไร้ผล”

    พราหมณ์ค้านว่า “ถ้าเช่นนั้น พระองค์ก็ทรงตรัสแม้ในอฐานะหรือ ?”
    พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า “ใช่ เรากล่าวกำหนดแม้ใน “อฐานะ” คือ บุคคลบางคนในโลกประพฤติในอกุศลกรรมบถมีฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น แต่ได้ทำบุญ ให้ข้าว น้ำ ยามาลา และของหอมเป็นต้น เมื่อตายไปเกิดในกำเนิดเดรัจฉาน เช่น ช้าง ม้า เป็นต้น เขาย่อมได้ข้าว น้ำ และเครื่องประดับในกำเนิดที่เกิดนั้นๆ
    อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกเว้นจากอกุศลกรรมบถ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ทั้งทำทานด้วยข้าว น้ำ ของหอม ที่นอน ที่พัก เป็นต้น เมื่อตายไปแล้วกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ เขาย่อมได้กามคุณอันเป็นของมนุษย์ในมนุษยโลกด้วยกรรมนั้น แต่ถ้าด้วยอำนาจบุญที่ทำไว้ในโลกมนุษย์มีผลให้เกิดเป็นเทวดา เขาย่อมได้รับเบญจกามคุณ อันเป็นทิพย์ในเทวโลกนั้นด้วยกรรมนั้น
    พราหมณ์ ! แม้ทายกก็เป็นผู้ไม่ไร้ผลด้วยประการฉะนี้”

    ข้อความข้างต้นนี้ถอดความมาจาก “ชาณุโสณีสูตร”ท่านที่มีความประสงค์จะอ่านโดยความพิสดาร โปรดหาอ่านได้ในพระไตรปิฎกที่อ้างถึง พระสูตรนี้น่าจะช่วยแก้ปัญหาคาใจดังกล่าวข้างต้นและทำให้มั่นใจในการทำบุญอุทิศแด่ผู้ล่วงลับได้ว่า เป็นสิ่งไม่ไร้ผลอย่างแน่นอน


    ที่มา [​IMG] FB ธรรมทาน
     
  2. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    การอุทิศบุญจะสำเร็จประโยชน์สมดั่งตามที่เจตนาไว้หรือไม่ย่อมต้องอาศัยเหตุ3ประการดังนี้คือ

    1อาศัยเหตุแห่งผู้รับหรือผู้ที่เราจะอุทิศให้ ว่าอยู่ในฐานะ หรืออฐานะ ซึ่งมีรายละเอียดตามที่เจ้าของกระทู้ได้แสดงไว้ดีงามแล้วครับสาธุ

    2อาศัยเหตุจากผู้อุทิศ กล่าวคือย่อมจะต้องเป็นผู้ที่ได้กระทำไว้ซึ่งบุญกุศลอันพร้อมแล้วที่จะอุทิศส่งให้ผู้รับอันบุญกุศลจะเป็นในปัจจุบันก็ดี หรืออดีตก็ดีย่อมนำมาอุทิศแผ่ให้ได้เสมอไม่จำกัดกาล หากแต่บุญในอดีตนั้นจักต้องอาศัยบารมีแห้งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เปิดบุญและบิกบุญเพื่อให้แสงทิพย์แห่งบุญไหลเคลื่อนออกมากสู่เราและผู้ที่เราจะแผ่ให้เขา

    อนึ่งหากผู้อุทิศมีกำลังแห่ง ศีล สมาธิ ดีพร้อมแล้วก็จะยิ่งดีมากเพื่อเป็นกำลังหนุนให้การส่งบุญหรืออุทิศบุญมีกำลังมากย่อมง่ายในการส่งบุญหรือแผ่อุทิศบุญออกไปครับ

    3วิธีการอุทิศหรือวิธีการส่งบุญอันเป็นทิพย์ของเรา อันมีหลากหลายวิธีการ
    เช่นจะแบบกรวดน้ำก็ดีแบบแผ่อำนาจจิตก็ดี แบบแผ่เมตตาจิตก็ดี แต่ทุกวิธีต้องอาศัยสมาธิจิต หรือความแน่วแน่ ของจิต
    การกรวดน้ำนั้นมีส่วนดีที่ว่าแม้ในขณะที่สวดบทกรวดน้ำอยู่จิตอาจจะไม่เป็นสมาธิบ้าง แต่ด้วยเจตนาในการอุทิศนั้นเราตั้งไว้ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว ครั้นเมื่อเราหลั่งน้ำลงสู่พื้นธรณี
    ด้วยอำนาจบุญกุศล ยังผลให้พระแม่ธรณี พระแม่คงคารับทราบในบุญกุศลที่เราอุทิศ
    หากเราขอให้ท่านช่วยนำบุญไปส่งถึงผู้ที่เราจะให้ ท่านก็จะช่วยอนุเคราะห์แก่เราได้สำเร็จอย่างแน่นอน ดังนั้นผู้รับที่อยู่ที่ใดก็ดีอยู่ในฐานะก็ดี และหากยิ่งตกนรกอยู่หรือไม่อยู่ในฐานะพร้อมที่จะรับบุญกุศลนี้หากกรวดน้ำจะได้รับแน่นอน

    ส่วนการแผ่อุทิศด้วยสมาธิหรือการอธิฐานจิต ผู้ให้ต้องจิตทรงสมาธิหรือทรงฌาณ ย่อมส่งหรืออุทิศบุญให้ได้ทั่วทุกจิตทุกภพ หากกำลังจิตสมาธิไม่ถึงพร้อม ผู้รับที่ไม่อยู่ในฐานะเช่นตกนรกอยู่ก็ดี ย่อมไม่สามารถส่งอุทิศบุญไปให้ขาหรือถึงเขาได้

    อนึ่ง การแผ่อุทิศและส่งบุญควรอุทิศให้เทพเทวดาทั้งหลายด้วยเพราะเทวดาทั้งหลาย ต่างมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่กับญาติ เจ้ากรรมนายเวรเราหรือผู้รับที่เราจะอุทิศให้ ให้เทวดาเหล่านั้นเขาได้รับด้วยก็จะเป็นการสงเคราะห์ท่านและให้ท่านเมตตาช่วยเหลือแก่ผู้ที่เราอุทิศให้ด้วย
    ยกตัวอย่างเช่น การอุทิศให้ญาติเราที่เขาตกนรก เวลาเราอุทิศให้เขาต้องอุทิศให้ท่านพยายมบาล พยายมราช พยายมทูต นายนิริยบาลด้วยเสมอ การที่เราอุทิศให้ ทางนรกภูมิจะหยุดการทำโทษชั่วขณะเพื่อให้ญาติของเราได้สติเพื่อจะได้อนุโมทนาบุญรับบุญกุศลที่เราอุทิศไปให้เขาได้ครับ

    ความจริงแล้วเรื่องการอุทิศบุญแผ่บุญกุศลมีมากมายนานาวิธีแต่สุดท้ายแล้ว ก็อาศัยกำลังบุญของผู้ส่ง กำลังของการส่ง กำลังของผู้รับ หากเราทั้งหลายมีปัญญาถึงพร้อมแล้วการแผ่อุทิศบุญกุศลทั้งหลายย่อมสำเร็จประโยชน์ตามที่ท่านปราถนาครับ

    การที่กระผมกล่าวเช่นนี้เพราะอาศัยการปฏิบัติและจริญสมาธิมาแล้วมากพอ พร้อมทั้ง เดินมโนมยิทธิจิตทำให้แจ้งในเรื่องนี้แล้ว จึงขอกล่าวไว้เช่นนี้ครับ
    อนึ่งผลแห่งการที่เขาได้อนุโมทนารับบุญกุศลอันเป็นทิพย์ที่เราอุทิศให้แล้ว ย่อมปรากฏนิมิตต่างๆ อากัปกริยาต่างๆ ให้เกิดขึ้นแก่ผู้ให้ทราบได้เสมอ และหากผู้ให้มีกำลังสมาธิจิตแก่กล้า ย่อมรู้เห็นความเป็นไปแห่งการอุทิศบุญเหล่านั้นได้ทั้งหมดไม่ยาก และจะเกิดขึ้นแก่จิตของเราได้เสมอเป็นปกติวิสัยครับ สาธุ
     
  3. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ได้เคยอ่านของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมา เลยคิดว่าน่าจะพอเข้ากับกระทู้ได้บ้างค่ะ

    ท่านก็เลยบอกว่า "เอาอย่างนี้เวลาเขาทำบุญเสร็จ อุทิศส่วนกุศลให้แก่คนตาย ถ้ายังไม่มั่นใจให้บอกว่า..."
    "ถ้าบุคคลนี้ยังไม่มีโอกาสโมทนาเพียงใด ขอพยายมเป็นพยานด้วย ถ้าหากว่าพบเธอเมื่อใด ขอให้บอกเธอโมทนาเมื่อนั้น"
    ท่านบอกว่า "เพียงแค่เท่านั้นแหละ ! ผมก็ไม่ต้องสอบสวน มันโผล่หน้าเข้าไปผมก็บอกว่า เฮ้ย! ข้าทำบุญอย่างโน้น มึงโมทนาเว้ย มันก็ไปสวรรค์เลย แค่นี้แหละ ผมก็ไม่ต้องเหนื่อย.."
    (คัดลอกบางตอนที่หลวงพ่อ สนทนากับพยายม)
    http://palungjit.org/threads/ของฝากจากพญายม.318304/
     
  4. Ton_PB

    Ton_PB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4,464
    ค่าพลัง:
    +2,005
    คำว่า " ญาติสาโลหิต" ใช่ สายโลหิตหรือเปล่าครับแล้วคำว่า" ทายก " แปลว่าอะไรครับ (ญาติสาโลหิตแม้เหล่าอื่นของทายก)
     
  5. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    สายโลหิต มีอุปมาได้หลายแบบ

    หลวงพ่อรูปหนึ่งกล่าวว่า ไม่ใช่เลือด ใช่เนื้อก็เหมือนเนื้ออาตมา

    ผมชอบคำกล่าวนี้ ความจริงอาหารที่เรากินไปฉันไป ก็ถูกย่อยกลายเป็นสารอาหารเป็นลือดหล่อเลื้ยงชีวิตเรา

    คนที่ดีมีจิตใจที่สูงย่อมรู้จักเคารพผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณมากเป็นที่สุดไม่โอ้อวดอหังการ พร้อมต้องมีจิตใจเอื้อเฟื้อเมตตาต่อสรรพสัตว์ครับ สาธุ
     
  6. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    อนุโมทนา สาธุ ครับท่าน TPC
    ที่อธิบายรายละเอียดไว้ข้างต้น ชัดเจนและเป็นประโยชน์อันยิ่งแล้วครับ
     
  7. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    กระผมเองขออนุโมทนาในทุก บุญและทุกการอนุโมทนา เพราะทุกครั้งที่เรามีการอนุโมทนาหรือได้เห็นการอนุโมทนา นั้นคือความสุขที่เห็นผู้อื่นมีจิตใจเอื้อเฟื้อเมตตาแก่กันและกัน นี่แหละคือความงดงามแบบชาวไทย แบบชาวพุทธอย่างหนึ่งครับ ขอให้เรารักษาสิ่งดีๆเหล่านี้ไปให้ยั่งยืนสืบไปครับ สาธุ
     
  8. danetkung

    danetkung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,063
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +15,273
    ผมคือยัง งงอยู่ครับ

    เพราะว่าจากที่เคยฟังธรรมมา สามารถอุทิศบุญให้แก่เทวดาได้ แล้วเทวดาก็อนุโมทนาบุญแล้วได้ทิพยสมบัติเพิ่มขึ้น แต่ในธรรมนี้กล่าวว่า พระพุทธเจ้าตรัสสรุปไว้ว่า “ถ้าผู้ตายทำกรรมที่เป็นอกุศลไว้ และไปเกิดในภูมิที่ไม่เจริญ คือ นรก เดรัจฉาน เป็นต้น หรือ สร้างกุศลไว้แล้วไปเกิดในภูมิที่เจริญ เช่น มนุษย์สวรรค์ เป็นต้น ชื่อว่าเกิดในที่เป็น “อฐานะ” คือ มิใช่สถานที่ที่จะได้รับส่วนบุญ

    คือตรงนี้ผมไม่เข้าใจครับ ใครก็ได้ช่วยขยายความหน่อยครับผม
    สรุปสามารถอุทิศบุญให้แก่เทวดาได้หรือเปล่า?
     
  9. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,612
    อุทิศบุญให้เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองตัวเรา เทวดาประจำตัวของเราให้ท่านมีบารมีสูงยิ่ง ๆ ขึ้นเพื่อปกปักรักษาเราด้วย
     
  10. danetkung

    danetkung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,063
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +15,273
    ถ้าอุทิศบุญแล้วเทวดาจะได้รับและอนุโมทนาบุญกับเราได้หรือเปล่าครับที่สงสัย ช่วยขยายความทีครับ
     
  11. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    ฐานะ ในส่วนนี้ กล่าวถึง ปรทัตตูปชีวิกเปรต เป็นเปรตที่มีการเลี้ยงชีวิตอยู่
    โดยอาศัยอาหารที่ญาติหรือผู้ใดอุทิศให้ และ อยู่ในสถานที่ที่จะได้รับส่วนบุญนั้น ๆ

    อฐานะ ในส่วนนี้ ขออุปมาเช่นว่า
    ผู้ที่ทำบุญและอุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว แต่ผู้นั้นไปเกิดในภพภูมิต่างๆ
    เช่น มาเกิดเป็นมนุษย์หรือ เกิดเป็น เทพ เทวดา ที่กำลังเพลิดเพลินอยู่ด้วยกามคุณ
    อันเป็นทิพย์สมบัติ เสวยแต่อาหารทิพย์
    หรือ เกิดเป็นพรหม อรูปพรหม และ ด้วยเหตุที่ช่วงเวลานั้นแตกต่าง
    ไม่เท่ากันกับโลกมนุษย์ กว่าจะนึกถึงญาติสักทีหนึ่งก็ช่างแสนนาน
    จึงอาจจะเป็นเหตุ ที่ไม่ทราบว่าญาติได้ทำบุญอุทิศให้ไปให้แล้ว
    และ ไม่ได้กระทำการอนุโมทนาร่วมด้วย
    หรือ ทราบ แต่ว่าบุญนั้นอาจเป็นบุญที่หยาบเกินกว่าที่ท่านจะรับก็เป็นได้
    แต่ทว่า... ถ้าท่านเป็นสัมมาทิฏฐิ
    ท่านก็อาจจะยินดีรับ และ ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยได้เช่นกัน

    ซึ่งการอนุโมทนาของเปรตกับเทวดานั้นต่างกันครับ
    เทวดา อนุโมทนาแล้วบุญก็เกิดกับเทวดาเท่านั้น
    แต่สำหรับ เปรต เมื่อเปรตอนุโมทนาแล้ว นอกจากบุญจะเกิดแก่เปรตแล้ว
    เปรตยังได้รับข้าวของอันสมควรแก่ฐานะของเปรต และ ตรงตามที่ผู้อุทิศไปให้ด้วย
    บุญและวัตถุทานที่เราอุทิศให้ ก็จะเกิดแก่เปรตนั้นตามสมควรแก่ฐานะและภพภูมิของเขา
     
  12. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    กรณียเมตตสูตร  (บทเมตตัญจะ) บทนี้คับ ผมเป็นพระใช้บ่อยเวลาเจอเปรต และบรรพบุรุษสายเลือดเดียวกันมาขอบุญ ตั้งจิตนิ่งๆเป็นกุศล สวดแผ่บุญไปก็หายไปคับ
     
  13. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    =====

    คุณกล่าวเสริมได้ดีแล้วครับ

    เรื่องเทวดาที่เราอุทิศให้ท่าน มีสามส่วนคือ
    1เทวดาที่อยู่ใกล้ชิดติดตามเราและคอยรักษาเรานี้ ท่านจะได้รับทันทีง่ายมากสำหรับท่าน
    2เทวดาที่อยู่ห่างไกลกับเรา จะไกลมากหรือไม่ได้อยู่ณ ที่ที่เราอุทิศบุญ การที่ท่านจะทราบได้ว่าเราได้อุทิศบูญให้ท่านนี้นั้น เป็นสิ่งสำคัญเพราะหากท่านไม่ทราบท่านก็ไม่สามารถอนุโมทนาบุญได้ครับ ต้องส่งสมาธิจิตไปหรือให้เทวดาด้วยกันช่วยบอกกล่าวถึงกันได้ ก็ย่อมถึงครับ
    3เทวดาที่เข้าฌาณและนิโรธิสมาบัติ อันนี้ท่านจะไม่ได้รับเพราะจิตท่านตั้งอยู่ในฌาณสมาบัติ ไม่รับไม่ข้องแวะในเครื่องปรุงแต่งกระทบจากภายนอกทั้งหมดครับ

    ดังนั้นขอให้ผู้ที่จะอุทิศบุญจึงควรทำค่วามเข้าใจให้ถูกต้องและฝึกฝนตนเองให้ทำการอุทิศบุญให้เก่งขึ้นและชำนาญขึ้น จะด้วยวิธีใดก็ตามแต่ต้องอาศัยสมาธิจิตในการอุทิศจึงจะสำเร็จสมดังปราถนาทุกประการครับ ทำให้เป็นทำให้คล่องนะครับ สาธุ
     
  14. danetkung

    danetkung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,063
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +15,273
    สาธุครับ สามารถอุทิศให้เทวดาได้ ขอบคุณครับ
     
  15. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    อุทิศให้กับเปรตต่างจากการที่เทวดาอนุโมทนามาก ลองเปรียบเทียบดู เหมือนยาจกอดอยากหิวโหยมานาน เราให้อาหารก็จะบริโภคทันที เหมือนเปรตที่จะใช้บุญเพื่อระงับความอดอยากโดยตรง ต่างจากพระเจ้าแผ่นดิน ที่เมื่อเรานำของไปถวาย แต่ท่านจะไม่ได้เอาของที่ให้ไปใช้สอย เพราะท่านมีของท่านอยู่แล้ว อย่างมากก็จะปลื้มใจในความรักที่ประชาชนมีให้ เหมือนเทวดาจะไม่ได้ใช้สอยบุญที่เราให้ แต่จะปลื้มใจที่มีการทำความดีเกิดขึ้น
     
  16. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    ======

    ถูกต้องแล้วครับ ท่านอิ่มในบุญที่เราอุทิศให้ ขอเสริมอีกนิดครับ ว่า

    ด้วยเรื่องการถวายเครื่องสังเวย แก่วิญญาณ แก่ผีแก่เจ้าที่หรือ แก่เทวดานี่ก็คล้ายๆกันครับ คือหากเป็นวิญญาณชั้นต่ำลำบาก การรับเครื่องสังเวยและดื่มกินหรือใช่ก็จะเหมือนกัน คือถวายอะไรก็ได้อย่างนั้นและก็กินเหมือนคนที่อดอยาก หรือคนที่มีทุกข์ ทรมานมาก มารับของสังเวยไปกิน คนที่มีสื่อด้านนี้เขาจะรู้และทราบได้ทันทีเพราะมีกลิ่นของผีเหล่านั้นตามมาด้วยจะได้กลิ่นและรู้ทันที

    ส่วนของสังเวยให้เทพเทวดา นี้แค่เราจุดธุปอธิฐานบอกท่าน แค่ท่านเห็นเครื่องสังเวยที่เราจัดเตรียมจัดวางถวายไว้อย่างดี ท่านก็อิ่มแล้วครับคืออิ่มเอมใจที่มนุษย์มีจิตศรัทธาและเคารพนอบน้อมต่อท่าน ส่วนเทพเมื่ออิ่มเอมใจแล้วท่านจะฉัน จะดื่มจะกินจะใช้สอย ก็แล้วแต่ท่าครับ แต่ส่วนมากพออิ่มเอมใจแล้วก็ไม่ได้ดื่มกินอะไร ท่านจะให้พรเรา ประสิทธิให้เราครับ จะคล้ายๆกับการอุทิศบุญ ขณะที่อนุโมทนาบุญของเทพเทวดาครับ สาธุ
     
  17. super car

    super car เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +200
    อนุโมทนา สาธุค่ะ คุณ TPC
    ขอถามอย่างนึงค่ะ ถ้าเราจะอุทิศบุญให้แก่ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น เราต้องขออโหสิกรรมกับเค้าก่อนและเราต้องอโหสิกรรมให้เค้าด้วย และในขณะที่เราอุทิศนั้น เรามีศีลพร้อม มีกำลังในการส่งพร้อมและตั้งจิตที่อุนาโลมแล้วอุทิศให้เค้าเลย แบบนี้ถูกต้องหรือไม่คะ และการที่เราอุทิศบุญให้กับเค้านั้นเค้าจะมีเมตตาจิตเกิดขึ้นกับเราหรือไม่คะ
     
  18. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    ถ้าเราจะอุทิศบุญให้แก่ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น

    หากเราได้กระทำทั้งสามข้อพร้อมแล้ว เราควรตั้งจิตอธิฐานอุทิศส่วนบุญกุศลแผ่ให้ถึงเขาผู้นั้น ซึ่งมีหลักอยู่ว่า

    1ควรแผ่และอุทิศให้ถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรของเขาให้เขาได้รับด้วย อันเพื่อเจ้ากรรมนายเวรเขาจะได้ลดการเบียดเบียนพยาบาทเขา เขาจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น

    2ควรแผ่และอุทิศให้ถึงแก่เทวดาที่รักษาเขาให้เทวดาเขาได้รับด้วย อันเทวดาที่รักษาเขาอนุโมทนารับแล้วย่อมมีบุญฤทธิ์เพิ่มขึ้นสามารถช่วยปกปักรักษาคุ้มครองเขาผู้นั้นได้มากยิ่งขึ้นพร้อมกับจะช่วยดลจิตดลใจเขามีเมตตาแก่เราและละกรรมที่ไม่ดีต่อเราได้ แต่ก็ต้องทำบ่อยๆจนเทวดายอมรับและผลบุญเกื้อหนุนเราให้กลายเป็นที่รักเคารพของเขา

    3ก่อนที่เราจะแผ่อุทิศบุญให้เขาที่ยังมีชีวิตอยู่ ควรอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน บอกกล่าวให้สิ่งศักดิ์เทวดาครูอาจารย์เราและเขารับทราบและให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน เป็นกัลยานมิตรต่อกัน

    กรณีที่เป็นอริกันมาหลายภพชาติมีเวรกรรมเกี่ยวข้องกันมา ต้องแผ่อุทิศให้เขาและทำแบบนี้บ่อยๆ ด้วยแรงบุญและความดีของเราตลอดจนเทวดาสิ่งศักดิ์จะเมตตาและช่วยเหลือในที่สุดก็จะบังเกิดแต่สิ่งดีๆครับ
     
  19. super car

    super car เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +200
    อนุโมทามิ สาธุๆๆๆๆๆ กับคำตอบค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...