การที่ชายโสดเที่ยวโสเภณีบาปเท่าแย่งภรรยาเขาไหมแล้วระดับความบาปเยอะถึงขนาดไหน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Sir-Pai, 24 มกราคม 2014.

  1. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    การที่ผู้ชายโสดไปเที่ยวโสเภณี ซึ่งพ่อแม่เขายินยอม และเขาอาจมีสามีแล้วแต่ให้ทำ นี่คือตัวอย่างนะครับ อยากถามว่าบาปไหมครับ แล้วถ้าพ่อแม่ไม่รู้ระดับความบาปจะเพิ่มมากขึ้นแค่ไหนยังไง รบกวนอธิบายและยกตัวอย่างทีครับ สงสัยมาก ซึ่งคนที่ไปเที่ยวแล้วคิดว่าไม่บาปหนิ่เราไม่ได้แย่งใครและผู้หญิงยินยอมสามีเขาก็ยินยอมแบบนี้แต่พ่อแม่ไม่รู้ระดับความบาปล่ะ จะมากไหม

    เคยอ่านเจอครับ
    ศีล ๕ นั้นล้วนเป็นเรื่องของการไม่ละเมิด หรือทำร้ายผู้อื่น หรือเบียดเบียดตนเอง การมีความสัมพันธ์ทางเพศ หากไม่เป็นการเบียดเบียนผู้ที่เกี่ยวข้อง ย่อมไม่ถือว่าผิดศีลข้อ ๓ คงเพราะเหตุนี้พระพุทธองค์จึงไม่ทรงตำหนิหรือประณามหญิงคณิกาหรือผู้ซื้อบริการจากเธอ ฯลฯ
    โดยท่านพระไพศาล วิศาโล


    ลองแสดงความคิดเห็นกันดูนะครับ
     
  2. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358

    จริง ๆ ประเด็นนี้น่าสนใจ
    ว่าจะเรียบเรียงประเด็น และร่วมสนทนาด้วย
    แต่ช่วงนี้มีภารกิจ ทำให้หาเวลาประมวลเรื่องนี้โดยละเอียดไม่ได้
    เพราะประเด็นค่อนข้างจะมีรายละเอียดเยอะพอควร
    อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น
    ขอทิ้งประเด็นให้ช่วยกันขบคิดต่อว่า ข้อความที่อรรถกถาจารย์ท่านอธิบายไว้ต่อไปนี้ มีนัยยะอย่างไร

    (๑) สตรี ๘ จำพวกมีสตรีที่มารดารักษาเป็นต้น ชื่อว่าไม่เป็นมิจฉาจารในเพราะถึงบุรุษอื่น เพราะตัวยังไม่มีสามี อีกอย่างหนึ่ง สตรีเหล่านั้นไม่เป็นมิจฉาจาร เพราะตนมีผัสสะอันใคร ๆ หวงห้ามมิได้ เพราะตนเป็นเจ้าของผัสสะเอง
    (๒) ผู้ปกครองทั้งหลายมีมารดาเป็นต้น ย่อมรักษาสตรีเหล่านั้นไว้ เพื่อชมเชยผัสสะของสตรีเหล่านั้นเองก็หามิได้ ผู้ปกครองเหล่านั้นย่อมป้องกันอนาจารอย่างเดียว จึงห้ามการถึงบุรุษแห่งสตรีเหล่านั้นเสีย เพราะฉะนั้น ผู้ปกครองทั้งหลายมีมารดาเป็นต้น จึงหาได้ชื่อว่าเป็นใหญ่ในผัสสะของสตรีเหล่านั้นไม่
    (๓) ในเวลาที่สตรีทำหน้าที่บุรุษ แม้บุรุษก็ไม่เป็นมิจฉาจาร เพราะไม่มีความพยายามในอันจะเสพ
    (๔) มิจฉาจารที่เป็นไปตามใจชอบของตนมีองค์ ๓ โดยพลการก็มีองค์ ๓

    ข้อความเหล่านี้ อาตมาคัดมาจากคัมภีร์มังคลัตถทีปนี ซึ่งวินิจฉัยเรื่องนี้โดยตรง แต่สำนวนภาษาอาจจะเข้าใจยากสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นกับสำนวนแปล ถ้ายังไง ลองพยายามดู
     
  3. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    กระทู้นี้ผมไม่ได้เอาไว้ขุดบ่อล่อปลา หรือทำร้ายหน้าใครนะครับ แค่อยากทราบความคิดเห็นกันจริงๆ เพราะดูเหมือนคนโบราณอาชีพโสเภณีดูเหมือนนิยมกันด้วยทั้งคนเคยเที่ยวและคนเป็นโสเภณีขึ้นสวรรค์และบรรลุธรรมก็มีนะครับผม แค่ไม่อยากให้ปล่อยไว้คาใจตัวเอง อยากทราบความคิดเห็นของท่านๆครับ :cool:

    ปล.ทุกความคิดเห็นไม่มีผิด เสรีภาพเท่ากันหมด ใครด่ากันแจ้งลบโพสครับ !!!
     
  4. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    คนแถวบ้านได้ภรรยาที่เคยมีอาชีพเป็นผู้หญิงอย่างว่า
    อันนี้คิดว่าน่ะจะเกิดจากกรรมที่ตอนสมัยเป็นวัยรุ่นชอบไปเที่ยวผู้หญิงอย่างว่า
     
  5. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ใช้ความพยายามทำบาปมากกว่า ก็จะบาปมากกว่า
     
  6. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ไม่บาป ถือเป็นงานบริการอย่างหนึ่ง ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    แถวถนนเพชรบุรี มีเปิดเพียบ
     
  7. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    985
    ค่าพลัง:
    +2,951
    แหม...........กฎหมายกะกฎแห่งกรรมมันคนละเรื่องนิ

    ความเห็นไม่น่าจะบาปเท่าไหรนะ แต่ทำให้หมกหมุ่นอยู่กับกิเลส
    หรือบาปจริงๆก็ไม่รู้ เพราะในเวปมี ผช.เยอะ มากกว่าผญ.
    ฝ่ายหญิงก็ไม่ใช่ว่าจะเต็มใจกันทุกคน อาจจะทำเพราะความจำเป็น พ่อแม่อนุญาตเพราะขายลูกสาวตัวเอง ฯลฯ


    ถ้าคิดอีกแง่ ผญ ขายบริการเหล่านั้นไม่เต็มใจเลย (แต่ตัวเราไม่รู้ เพราะจ่ายเงิน) จะบาปหรือเปล่า สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้เธอโดยไม่รู้ตัวก็ได้ น่าจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันในอนาคตก็ได้นะ ก็น่าจะบาปมากๆก็เป็นได้

    เช่นกรณี
    -ลูกสาวถูกพ่อแท้ๆข่มขืน แม่ก็ยินยอมเช่นกัน ดู-ทำอยู่ด้วยกัน แต่ลูกสาวนั้นได้รับอนุญาตทั่งพ่อและแม่แท้ บาปหรือเปล่า เพราะทั้งพ่อและแม่ ยิ่งกว่าอนุญาต แต่เป็นผู้กระทำเสียเองด้วย ไม่ถือว่าไปเอาของใครมาด้วย


    การขายบริการก็มีหลายรูปแบบ ขายเสียง ฯลฯ จะแค่ไหนถึงเรียกกว่า บาป เพราะเดวนี้สังคมพลิกแพลงเลี่ยงข้อกฎหมาย (หรือกฎแห่งกรรม) มากขึ้น รูปแบบไหนถึงเรียกว่าไม่บาปเลย
     
  8. Paranormal Lady

    Paranormal Lady Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +52

    เคยคุยกับ เจ๊แขก Dr./PHD มุสลิมที่มาอยู่ฮอลแลนด์
    ดิฉันบอกว่า ที่ฮอลแลนด์ อนุญาตให้มีหญิงขายบริการ
    จดทะเบียนเป็นอาชีพถูกกฏหมายก็ดีนะ เพราะรัฐ
    ตำรวจคุมได้ และ ลด อาชญากรรมข่มขืน
    เจ๊แขกตุรกีก็สวนดิฉันกลับคืน (จนต้องสะอึก)

    "แล้วจะให้การข่มขืนสตรีกลายเป็นเรื่องที่ถูกกระทำ
    ขึ้นทุกวันอย่างถูกต้องตามกฏหมาย อย่างนั้นหรือ?
    ไม่มีผู้หญิงที่ไหนเต็มใจจะมาเป็นโสเภณีหรอก
    หลายคนเพราะจนจึงต้องมาทำงานพวกนั้น
    ใจจริงเขาไม่ได้อยากทำหรอก คนที่มีศักยภาพ
    ช่วยได้ก็เปิดโอกาส สร้างงาน ที่ถูกต้องตาม
    ศีลธรรมให้หญิงเหล่านั้นดีกว่าจะไปทับถมเขา
    ด้วยการออกกฏหมายสนับสนุน การข่มขืนสตรี"



    p.s เคยดูในรายการทีวี เห็นเขาว่า สตรีที่ทำอาชีพดังกล่าว
    แต่ละคน ฝืนใจจำทำกันทั้งนั้นถึงกับต้องใช้ยาเสพติด ยานอนหลับ
    บ้าง กินกล่อมประสาทให้มันทนๆทำงานนั้นไปได้แต่ละวัน
    ฟังแลวน่าสลดดหู่ คงจะโซมน่าดู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2014
  9. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ต้องอ่านเรื่องนี้คับ .. คาถาหัวใจสัตว์นรก ผู้กล่าวอักษร ทุ. สะ. นะ. โส.

    สมัยที่องค์สมเด็จพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงประกาศพระสัทธรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนาอยู่ในโลกนั้น คราวหนึ่งพระองค์พร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกอรหันต์ขีณาสพประมาณ ๒๐,๐๐๐ องค์ ได้เสด็จมาถึงพระนครพาราณสี

    ชาวเมืองทั้งหลายครั้นได้เห็นสมเด็จพระพุทธองค์พร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐมากมายเช่นนั้น ต่างก็พากันตื่นเต้นดีใจด้วยความเลื่อมใสเป็นอันมาก ชักชวนกันบริจาคทรัพย์ถวายอาคันตุกทานเป็นการใหญ่ ประชาชนทั้งหลาย ๒ คนบ้าง ๓ คนบ้าง หลายคนบ้าง ได้สามัคคีร่วมใจกันเป็นเจ้าภาพจัดอาหารบิณฑบาตถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ซึ่งมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นประธาน นับเป็นเวลานานหลายวัน

    ครั้งนั้นยังมีลูกเศรษฐี ๔ คน ซึ่งพ่อแม่ของแต่ละคนต่างก็มีทรัพย์มากมายถึงคนละ ๔๐ โกฏิ ลูกชายของเศรษฐีทั้ง ๔ นั้นกำลังรุ่นดรุณวัยเป็นสหายรักกันมาก เมื่อเห็นคนทั้งหลายพากันบริจาคทาน ถวายอาหารเลี้ยงพระสงฆ์เป็นการใหญ่เช่นนั้น แทนที่จะเกิดความเลื่อมใสร่วมใจกันทำบุญทำทานกับเขา กลับมีใจดูหมิ่นดูเบา โดยคิดเห็นไปว่าคนทั้งหลายเป็นคนโง่เขลาเพราะบ้าศรัทธา

    “ทำไปทำไมกันเว้ย..... บุญทาน ทำแล้วก็ไม่เห็นได้ประโยชน์อะไร มีแต่สิ้นเปลืองทรัพย์สมบัติไปเปล่า ๆ การบูชาพระพุทธเจ้าและการรักษาศีลก็เหมือนกัน จะทำไปทำไม? คิดไปเท่าไหร่ ๆ ก็มองไม่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ เสียเวลาเปล่า ๆ” นี่คือมติร่วมกันเอกฉันท์ของเขาทั้ง ๔ ในขณะที่เขาร่วมประชุมกันในวันหนึ่ง

    “แล้วเราจักทำอย่างไรดีเล่า พ่อแม่ของเราท่านได้สร้างทรัพย์สมบัติไว้ให้เรามากมาย ลำพังจะกินจะใช้อีกกี่สิบชาติก็คงจะไม่หมดไปง่าย ๆ พวกเราจะจัดการกับทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอย่างไรดี?” คนหนึ่งถามขึ้น

    “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พวกเราพากันไปหาซื้อสุราอย่างดีที่สุดเอามาดื่ม โดยมีเนื้อที่มีรสที่ดีที่สุดเป็นกับแกล้มเป็นประจำ อย่างนี้เข้าใจว่าจะทำให้ชีวิตพวกเรามีรสชาติขึ้น เพื่อนเห็นด้วยกับเราหรือไม่?” เศรษฐีบุตรผู้หนึ่งเสนอขึ้น

    “ดีเหมือนกันเพื่อน แต่เราขอเสนอเพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่ง คือว่านอกจากพวกเราจะดื่มสุราที่มีรสดีที่สุดเท่าที่จักหาได้ในเมืองนี้แล้ว เราควรให้เขาปรุงอาหารรสเลิศต่าง ๆ มาให้เราบริโภคเป็นประจำตลอดไปเห็นจะเป็นการดี” คนหนึ่งเสนอต่อไป

    “เพื่อนเราลืมนึกถึงสิ่งสำคัญไปอย่างหนึ่ง กินเหล้าเมายาบริโภคอาหารดี ๆ หากว่าขาดนารีสวย ๆ มันจะไปเป็นท่าอะไร ฉะนั้นเราจักใช้ทรัพย์อันมากมายมหาศาลเป็นเครื่องล่อ ก็อิสตรีทั้งหลายที่จะได้ชื่อว่าไม่ปรารถนาทรัพย์เป็นอันไม่มี เราประเล้าประโลมด้วยทรัพย์แล้ว คงจักได้ตัวหล่อนมาเป็นสมบัติของเราสมความปรารถนา ไม่ว่าหล่อนจักเป็นใครก็ตาม” ลูกชายเศรษฐีคนสุดท้ายกล่าวขึ้น ตามวิสัยของคนที่มีสันดานเสีย

    ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ลูกชายเศรษฐีทั้ง ๔ ผู้ไร้ศีลธรรม ต่างก็ตั้งหน้าประกอบอกุศลธรรมทำความชั่ว เสพสุรายาเมาเป็นอาจิณ ผิดศีลข้อที่ ๕ นอกจากนั้นยังกล้าประพฤติปรทาริกกรรม (การประพฤติผิดในภรรยาของผู้อื่น) คือเห็นอิสตรีทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นลูกเขาเมียใคร ถ้าหากตนพอใจแล้ว เป็นต้องหาอุบายเอามาเป็นเครื่องบำเรอความสุขแห่งตน โดยใช้ทรัพย์มหาศาลเป็นเครื่องล่อ ซึ่งเป็นการประพฤติผิดศีลข้อกาเมสุมิฉาจาร พวกเขาพากันเฝ้าล้างผลาญทรัพย์สมบัติที่บิดามารดาสั่งสมไว้ให้ ไปในทางที่ชั่วช้าลามกอยู่อย่างนี้เป็นเนืองนิตย์

    เมื่อเขาเหล่านั้นสิ้นชีวิตไปแล้ว กรรมชั่วทั้งหลายที่เขาได้พากันกระทำไว้นั้น ก็พลันกลับกลายเป็นชนกกรรม แล้วฉุดกระชากชักนำพวกเขาทั้ง ๔ ตรงดิ่งไปปฏิสนธิ ณ อเวจีมหานรกแดนนิรยภูมิ เกิดกายเป็นสัตว์นรกตัวใหญ่ ๔ ตน ทนทุกขเวทนาแสนสาหัสสุดที่จะประมาณ ต้องถูกไฟในอเวจีมหานรกอันแรงร้ายเผาไหม้กายตนอยู่ตลอดเวลาไม่ว่างเว้นเลยแม้แต่วินาทีเดียว

    สัตว์นรกเหล่านั้น ครั้นเสวยทุกขโทษถูกไฟในมหานรกเผาไหม้กายไม่ว่างเว้น ได้รับความปวดแสบปวดร้อนอยู่นานตลอดเวลาพุทธันดรหนึ่งแล้วก็สิ้นกรรม จึงพากันจุติจากอเวจีมหานรกนั้น แต่ว่าเศษกรรมชั่วที่ตัวทำไว้ยังไม่สิ้น

    ดังนั้น เขาจึงพากันมาเกิดเป็นสัตว์นรก ณ โลหกุมภีนรกร้าย ซึ่งมีความกว้างใหญ่นั้น ครั้นมะงุมมะหงาหราเวียนว่าย ณ พื้นภายในหม้อนรกเหล็กแดงโลหกุมภี สิ้นเวลานานหนักหนาแล้ว ก็พยายามกระเสือกกระสนจะว่ายขึ้นมาเบื้องบนให้ได้ พวกเขาต้องใช้ความมานะพยายามเป็นอย่างมาก โดยหวังที่จะว่ายขึ้นมาให้ถึงปากหม้อโลหกุมภีนั้น มีสภาพเหมือนกับข้าวสารที่เขาเอาใส่หม้อแล้วต้มเคี่ยวในหม้อน้ำซึ่งกำลังเดือดพล่าน มีอาการดำผุดดำว่ายโผล่ขึ้นมาแล้วก็จมลงไป และโผล่ขึ้นมาอีกแล้วก็จมลงไป เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยไปเป็นนิตย์

    ลูกชายเศรษฐีเจ้าสำราญทั้ง ๔ ที่เรากำลังพูดถึงนี้ก็เหมือนกัน ขณะนี้เขามีสภาพเหมือนกับเมล็ดข้าวสารที่กำลังถูกเคี่ยวอยู่ในหม้ออันเดือดพล่าน การที่เขาหวังจะโผล่ศีรษะขึ้นมาที่ปากหม้อจึงเป็นความหวังที่เลือนรางเต็มที แต่เขาก็หาหมดความพยายามไม่ อุตสาหะว่ายตะเกียกตะกายเรื่อยไป ในที่สุดหลังจากที่ได้ใช้ความพยายามอยู่เป็นเวลานานถึง ๖๐,๐๐๐ ปี ด้วยการนับปีมนุษย์โลกเรานี้แล้ว คราวหนึ่งเขาทั้ง ๔ ผู้ซึ่งเป็นชาวนรกโลหกุมภี ได้ผงกศีรษะขึ้นมาเจอหน้ากันอย่างพรั่งพร้อมที่ปากหม้อพอดี

    ณ สถานที่นั้น ด้วยความอัดอั้นตันใจที่ตนได้เสวยทุกขโทษอย่างสาหัสมาเป็นเวลานานหนักหนา ตั้งแต่คราที่อยู่ในอเวจีมหานรก แม้จนกระทั้งบัดนี้ มาเกิดอยู่ที่นรกโลหกุมภี ก็ยังไม่เคยได้รับความสุขสบายเลยแม้วินาทีเดียว

    สัตว์นรกตนหนึ่งซึ่งมีหน้าตาเศร้า ครั้นมาประสบหน้าเพื่อนเข้าพร้อมหน้ากันดังนั้น ก็พลันดีใจใคร่จะระบายความทุกข์อันสุมอกมานานเหลือเกิน จึงมีความประสงค์ที่จะกล่าวว่า

    “ทุชฺชีวิตมชีมฺหา.....น่าอนาถเป็นหนักหนา เพราะว่าพวกเราไม่ได้ทำบุญให้ทาน จึงต้องมาพานพบชีวิตอันแสนร้ายได้รับทุกข์ทรมานเห็นปานนี้ เมื่อทรัพย์สมบัติมีอยู่ในอดีตกาลโน้น พวกเราก็หาได้คิดที่จะทำที่พึ่งให้แก่ตนไม่”

    แต่เป็นที่น่าเศร้าเสียใจไปกับสัตว์นรกตนนั้นยิ่งนัก เพราะว่าเขาไม่อาจที่จักกล่าวประโยคคำพูดดังที่ตนประสงค์ได้หมดประโยคเพราะไม่มีเวลา พอเอ่ยปากกล่าวได้แต่เพียงครึ่งคำออกมาว่า ทุ..... กล่าวได้แต่เพียงเท่านี้แท้ ๆ ก็พลันหายวับจมลงไปในหม้อเหล็กใหญ่ที่เดือดพล่านไปอีกตามเดิม

    ในขณะที่บังเอิญโผล่มาพบหน้าเพื่อนรักกันนั้น สัตว์นรกบุตรเศรษฐีผู้มีกรรมตนที่ ๒ ก็มีความประสงค์จะระบายความอัดอั้นตันใจแก่เพื่อนทั้งหลายอยู่เหมือนกัน โดยมีความประสงค์จะกล่าวเป็นเชิงปรึกษาหารือว่า

    “สุฏฐีวสฺสสหสฺสานิ..... เพื่อนเอ๋ย ตั้งแต่เราดำผุดดำว่ายอยู่ในหม้อนรกอันร้อนแรงนี้ ถ้าจะประมาณก็เป็นเวลานานถึง ๖๐,๐๐๐ ปีแล้ว เมื่อไรเล่าจึงจักพ้นนรกนี้เสียทีเล่า”

    แต่เขาไม่อาจที่จะกล่าวประโยคคำพูดดังที่ตนประสงค์ได้หมด พอเอ่ยปากกล่าวได้แต่เพียงครึ่งคำออกมาว่า ส..... กล่าวได้แต่เพียงนี้เท่านั้นแท้ ๆ ก็พลันหายวับจมลงไปในหม้อเหล็กใหญ่ที่เดือดพล่านต่อไปอีกตามเดิม

    ด้วยอาการกลุ้มอกกลุ้มใจและเหนื่อยหน่ายเป็นอย่างหนัก ตามแบบฉบับของสัตว์นรกผู้ต้องทนทุกขเวทนามาเป็นเวลานาน สัตว์นรกคนที่ ๓ พอเห็นหน้าเพื่อนกันในครึ่งเสี้ยวแห่งวินาทีนั้น ก็มีความประสงค์ใคร่จะระบายความในใจออกมาว่า

    “นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต..... ไม่มีวันพ้น วันพ้นโทษอันร้ายกาจนี้จะมีแต่ที่ไหน วันพ้นโทษอันร้ายแรงนี้ไม่มีวี่แววว่าจักปรากฏขึ้นเลยสหาย ! บาปกรรมความชั่วที่ตัวเราและท่านได้เคยกระทำไว้ในกาลก่อนได้ย้อนมาให้ผลอย่างสาสมแล้ว”

    แต่เขาไม่อาจที่จักกล่าวประโยคคำพูดดังที่ตนประสงค์นี้ได้ทั้งหมด พอเอ่ยปากกล่าวได้เพียงครึ่งอักษรแรกออก มาว่า น..... กล่าวได้แต่เพียงอักษรเดียวนี้แท้ ๆ เท่านั้น ก็พลันหายวับจมลงไปในหม้อใหญ่ที่เดือดพล่านต่อไปอีกตามเดิม

    ด้วยใบหน้าอันเศร้าหมองบอกความไม่ผ่องใส ตามลักษณาการแห่งสัตว์นรกผู้เพิ่งรู้สึกเสียใจในกรณีที่ตนไม่เคยทำความดีเอาไว้ สัตว์นรกตนที่ ๔ พอบังเอิญโผล่มาเจอหน้าเพื่อนในขณะนั้น ก็มีความประสงค์ที่จะรำพันออกมาว่า

    “โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา..... ถ้าเราพ้นจากทุกขเวทนาในแดนนรกนี้ไปได้ แล้วมีโอกาสไปเกิดเป็นมนุษย์อีก เราจักไม่ทำกิจอย่างอื่นอีกเลย นอกจากจะตั้งหน้าบริจาคทานและรักษาศีลเป็นการใหญ่ทีเดียว เรานี้จักตั้งใจประกอบกองกุศลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้”

    แต่เขาไม่อาจที่จักกล่าวประโยคคำพูดดังที่ตนประสงค์ได้ทั้งหมด พอเอ่ยปากกล่าวได้เพียงอักษรแรกครึ่งคำออกมาว่า โส..... กล่าวได้เพียงอักษรเดียวเท่านั้น ก็พลันหายวับจมลงไปในหม้อเหล็กนรกโลหกุมภีต่อไป เช่นเดียวกับเพื่อนรักทั้งหลาย ต้องดำผุดดำว่ายทนทุกขเวทนาอยู่ในหม้อเหล็กใหญ่นั้น จนป่านนี้ก็ยังไม่พ้นโทษ

    คำโอดครวญของสัตว์นรก ๔ ตนที่กล่าวครั้งนั้น คือคำว่า ทุ. ส. น. โส. นี้เป็นที่เลื่องลือมานาน และเป็นที่ทราบกันอย่างกว้างขวางทั่วไปในหมู่มนุษย์ชาวพุทธบริษัท ถึงกับเกจิอาจารย์บางท่านพากันบัญญัติให้รู้กันว่า คำ ๔ คำนี้เป็นหัวใจเปรต ! เหตุไฉนจึงกล่าวพลาดไพล่ไปว่าเป็นหัวใจเปรตก็สุดจะเดาได้ เพราะความจริงนั้นควรจะบัญญัติเป็นหัวใจสัตว์นรกจะเหมาะกว่าเป็นไหน ๆ ทั้งนี้ก็เพราะคำ ๔ คำนี้ เป็นคำที่ชาวนรกโลหกุมภีทั้ง ๔ กล่าวเอาไว้

    แต่ไม่ว่าจะเป็นหัวใจเปรตหรือหัวใจสัตว์นรกก็ตามที ปัญหาที่เราควรคำนึงนึกจากการที่ได้ติดตามเรื่องนี้มาก็คือว่า ลูกชายเศรษฐีทั้ง ๔ แต่เดิมทีนั้นเป็นผู้มีทรัพย์สมบัติมาก แต่มีความประมาทและโง่เขล่า ทั้ง ๆ ที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสในโลก และเสด็จมาโปรดประชาชนจนถึงบ้านเมืองของตน แทนที่เขาจะมีใจเลื่อมใสรีบขวนขวายประกอบกองการกุศลเช่นคนทั้งหลายอื่น กลับมีน้ำใจโหดหื่นคิดดูหมิ่นในบุญกุศล ประกอบแต่อกุศลกรรมความชั่วช้าลามก ครั้นตายไป จึงต้องตกนรกอเวจีและโลหกุมภีนรก ด้วยอำนาจแห่งกรรมชั่วนั้นมันกลายเป็นชนกกรรมนำให้เขาไปเกิด ครั้นไปเกิดเป็นสัตว์นรกได้รับความทุกข์ทรมานหนัก ๆ เข้า จึงได้รู้สำนึกตน แต่การที่พวกเขาเพิ่งมาสำนึกตน จึงได้แต่พร่ำบ่นอยู่ในนรกนั้น

    มันเป็นการสายเสียแล้ว แต่พวกเราเวลานี้น่ะยังไม่สาย คือพวกเราที่ยังเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาอยู่ในขณะนี้ ขอจงมีใจเลื่อมใสในพระโอวาทานุสาสนี แล้วรีบเร่งประกอบคุณงามความดีอันเป็นบุญเป็นกุศลเข้าให้จงได้มากเถิด เพราะกุศลกรรมความดีที่เราทำไว้ในขณะนี้ จักเป็นเครื่องปิดกั้นชนกกรรมฝ่ายอกุศลเมื่อเวลาตาย

    แต่ถ้ามีใจชั่วเกิดความมัวเมาประมาทพลาดพลั้งกระทำอกุศลกรรมอยู่เนือง ๆ โดยไม่นึกถึงวันตาย อกุศลกรรมที่ทำไว้เสมอนั้นก็พลันกลายเป็นชนกกรรม ชักนำไปปฏิสนธิในอบายภูมิ และบางทีอาจจะถึงกับต้องรำพันโอดครวญออกมาดังเช่นชาวโลหกุมภีนรก ๔ ตนนั้นก็เป็นได้ ด้วยประการฉะนี้.
     
  10. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    ลองอันนี้ดู

    การที่โสเภณี นี่สุขหรือทุกข์
    ไม่รู้ว่าบาปไม่บาป
    กับ
    ไม่รู้ว่าทุกข์ไม่ทุกข์
    มันเป็นทางเลือก เป็นผู้ถูกเลือก ใช่เหรอ
     
  11. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    เมื่ออ่านชาดกเรื่องนี้แล้ว .. ยังคิดว่าใช้เงินแลกบริการอย่างว่ามา(แม้ผู้หญิงเต็มใจแต่เป็นกรณีผิดลูกผิดเมียชาวบ้าน) จะเป็นเรื่องไม่บาปอยู่อีกหรือ?

    อย่าว่าแต่ใช้เงินหรือทรัพย์ลวงเลย แม้พอใจกันสองฝ่ายมีชู้กันยังบาปเลย

    ส่วนกรณีคู่สามียินยอมนั้น เอาเป็นว่าอย่าไปคิดพิเรนเลย
    มันมีแต่ตั้งแง้อยากทำผิดแบบไม่โดนรับโทษ
    อันที่จริงหากทำไปแม้ไม่ผิด แต่ตัณหามันเพิ่ม
    แต่คราวหน้าชาติหน้าอาจไม่รอด

    มันก็เหมือนกับที่เค้าว่า โจรลักขโมยทำแรกๆ ยังไม่โดยจับ
    แต่เป็นที่ความอยากทำชั่วอีก จึงติดกับตัวเองจนถูกจับได้สักวันหนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2014
  12. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,728
    ค่าพลัง:
    +3,243
    เปลี่ยนคำว่าที่ ความเห็นก่อนหน้านี่
    เป็นเที่ยว ขออภัยโทรศัพท์ที่ใช่จอเล็กมาก
    และแก็คำผิดยากมาก เลยจงใจปล่อยใหผิด
     
  13. vcc2aaa

    vcc2aaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +1,770
    ได้อ่านแล้ว ทำให้ฉุกคิดอะไร ขึ้นมาได้หลายๆอย่างเลยครับ สาธุ
     
  14. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระเจ้าพิมพิสาร ท่านเป็นพระโสดาบัน แต่ท่านก็ยังเที่ยวหญิงบริการอยู่นะครับ แบบนี้แสดงว่าไม่บาป ชิมิ
     
  15. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    แนะนำให้หาเมียคับ .. ตั้งใจเล่าเรียน ทำงานทำการ มีอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้ในอนาคต
    แล้วก็เริ่มมองๆ หาคนที่ใช่แล้วจีบไว้คับ
     
  16. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ดัดเช็ดสู้ ๆ เอากระทู้นี้ไปลงหลุมให้ดูหน่อย
     
  17. misu

    misu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,502
    ค่าพลัง:
    +3,172
    การเที่ยวโสเภนีไม่บาปครับ.100%.เพราะเป็นอาชีพของเขาเขาขาย..บริการคนซื้อจ่ายเงิน..นางบริการมีมาตั้งแต่สมัยโ้น้น..คำเตือน.แต่การเทียวโสเภณีจะทำให้ติดใจ..และอาจติดเอดส์ได้
     
  18. misu

    misu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,502
    ค่าพลัง:
    +3,172
    แต่การผิดลูกเมียบาปแน่นอน..เช่นหนุ่มสาวรักกันมีเซ็กกัน..บาปทุกครั้งครับ....เพราพ่อแม่ไม่ได้อนญาต...เป็นบาปสะสมจนกระทั้งวันแต่งงาน....หลังจากนั้นไม่บาป วิธีแก้คือขออแม่ฝ่ายสาว..ว่าผมจะนอนกะลูกสาวพ่อละนะ...55 หรือแก้เคล็ดโดย..จ่ายเงินให้ผู้หญิงทุกครั้ง...แต่คงโดนตบแน่ๆเลย...ทางที่ดีรักกันชอบกันก็แต่งงานอย่าชิงสุกก่อนห่ามครับ
     
  19. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ได้ข้อคิดรอบตัวทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการทำความดีไม่ประมาท ฯลฯ ซึ่งเยอะไปหมดขอบคุณที่เอามาเล่าให้ฟังนะครับเป็นธรรมทานที่ดีมากจริงๆ สาธุครับ -/\-

    ปล.ขออนุญาต ก็อปข้อความทั้งหมดไปเผยแผ่ในเฟสบุคนะขอรับ ท่านTheVisionMind
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2014
  20. rukmac

    rukmac เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +377
    หากสนใจไผ่หาธรรมะแล้ว ก็ละไผ่หาในกิเลสเป็นดีที่สุด
     

แชร์หน้านี้

Loading...