เรื่องเด่น การบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ของหลวงพ่อฤาษีฯ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 9 มกราคม 2022.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    966319.jpg

    การบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ของหลวงพ่อฤาษีฯ

    (หมายเหตุ เรื่องการบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ของหลวงพ่อฤาษีนี้ หลวงพ่อเล่าแบบอ้อมๆไว้ในหนังสือเรื่อง ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า แต่สำหรับท่านที่เป็นศิษย์หลวงพ่อก็จะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของหลวงพ่อ

    ในหนังสือเรื่อง ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า หลังจากหลวงพ่อได้ลาพุทธภูมิแล้ว ซึ่งอยู่ในตอนที่ 11สำหรับวันบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ของหลวงพ่อนั้นอยู่ในตอนที่ 26 )

    ในปฏิปทาท่านผู้เฒ่า หลวงพ่อได้ลาพุทธภูมิแล้ว ซึ่งอยู่ในตอนที่ 11สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
    หลวงพ่อฤาษีลาพุทธภูมิ

    (สัมภเกสี เป็นชื่อหลวงพ่อสมัยเป็นพรหมก่อนท่านมาเกิด)
    สัมภเกสี เธอปรารถนาพระโพธิญาณมามีเปอร์เซ็นต์เข้าไปตั้งแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ถ้าเธอจะลาทำไมไม่ลาเสียตั้งแต่เมื่อหลายร้อยชาติมาแล้ว เพราะอารมณ์สาวกภูมิของเธอเต็มมานานแล้ว เวลานี้เลยเข้ามาแล้วจนจะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ชาติที่จะพึงเกิดต่อไปเพียงเจ็ดชาติเท่านั้นทนไม่ได้หรือ
    ท่านบอกว่าพอฟังคำเท่านั้นใจก็อ่อน ปรารถนาโพธิญาณต่อไป มุ่งมั่นปฏิบัติต่อไปตามจริยาของพระโพธิสัตว์มาอีกหนึ่งปี
    ต่อมาในครั้งหลังที่สุดที่ไม่ต้องการพระโพธิญาณ นั่นก็คืองานคณะสงฆ์เกิดขึ้นในดินแดนแห่งหนึ่งที่เป็นความร้ายแรงที่สุด เพราะว่า พระที่ทรงศักดิ์เขตจังหวัดนั้นรุกรานพระผู้น้อย เข้าปล้นทรัพย์สินของวัดต่างๆ โดยใช้อำนาจของตนที่มีอยู่ยึดทรัพย์สินต่างๆ ของวัดต่างๆ ถ้าเจ้าอาวาสวัดไหนฝ่าฝืนก็สั่งถอดเสียบ้างสั่งพักบ้าง จับสึกบ้างโดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจจะสึก เมื่อโดนเข้าแบบนี้ก็เห็นว่า โอหนอ ทำไมพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาจึงมีจริยาเลวอย่างนี้
    จิตก็ตกลง กำลังใจตก คิดว่าปรารถนาพระโพธิญาณต่อไปไม่ได้แล้ว
    องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงยับยั้งนั่นเป็นความดี แต่ทว่าเพียงชีวิตนี้แต่เพียงชีวิตเดียวเราก็ประสบกับความชั่วขนาดนี้ ถ้าต้องเกิดอีกเจ็ดครั้งมันไม่ยิ่งไปกว่านี้หรือนี่ นี่ชีวิตเดียวเท่านี้คงทนไม่ไหว ในขณะนั้นจึงได้ตั้งใจลาพระโพธิญาณต่อไปอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ตัดสินใจเด็ดขาด
    ในเมื่อตั้งใจจริงๆ ท่านก็ไม่ขัด จึงได้มีพระพุทธดำรัสตรัสว่า สัมภเกสี เธอปรารถนาพระโพธิญาณมา ฉะนั้น เมื่อลาก็ต้องทำกิจของพระโพธิญาณต่อไปอีกสิบสองปี ถ้ากิจนั้นหมดเมื่อไรจบเมื่อไรแล้ว กิจส่วนตัวของเธอจบแล้วจงทำกิจของโพธิญาณต่อไปอีก ๑๒ ปี ภายใน ๑๒ ปีนี้จะตายไม่ได้
    ลาพุทธภูมิแล้วโอกาสจะบรรลุมรรคผลขั้นที่สุดมีไหม ท่านบอกว่ากระแสขององค์สมเด็จพระจอมไตรตรัสว่า เวลานี้เธอเทียบสัตตักขัตตุง คำว่าสัตตักขัตตุงก็หมายความว่าจะต้องเกิดอีก ๗ ชาติ ในที่นี้หมายความว่าพระโสดาปัตติผลเบื้องต้น พระโสดาแบ่งเป็นสามขั้น คือ เอกพีชี อันดับสูงสุด จิตละเอียดที่สุด เกิดมาเป็นมนุษย์อีกชาติเดียว โกลังโกละ จิตละเอียดระดับกลาง เกิดเป็นมนุษย์อีก ๓ ชาติ สัตตักขัตตุง เกิดเป็นมนุษย์อีก ๗ ชาติ ก็เป็นอันว่าจิตเทียบเข้าพระโสดาปัตติผลอันดับต้น
    ท่านกล่าวว่าถ้าเธอขยันหมั่นเพียรดี ทำจิตให้พอดีคือมัชฌิมาปฏิปทา ไม่ขยันเกินไปไม่ขี้เกียจเกินไป อย่างเร็วเธอจะได้บรรลุจบกิจของเธอภายในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ถ้ากำลังใจของเธอย่อหย่อน เธอก็จะจบกิจของเธอภายในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า เดือนที่ท่านบอกนั้นจวนจะถึงเดือนกรกฎาคม เป็นกลางๆ เดือนมิถุนายน
    ก่อนวันบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ของหลวงพ่อฤาษี
    วันที่ ๒ สิงหาคม. ๒๕๐๖
    พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับยืน
    มีฉัพพรรณรังสีรัศมี ๖ ประการ
    ทรงตรัสว่า.' สัมภเกษี เธอจวนจะเสร็จกิจใน
    พุทธศาสนาแล้ว. กิจอื่นของเธอจะไม่มีอีกแล้ว
    ยังเหลือนิดหน่อย. ..จงพิจารณาความตายให้
    มาก ...พิจารณาขันธ์ ๕ ไม่ใช่เราให้ละเอียด
    ต่อมา..พระมหากัจจายนะมาบอกว่า "การพิจารณา
    ขันธ์๕ให้ละเอียด...ต้องเข้าสมาธิให้ถึงที่สุด...
    จนจิตผ่องใส..เป็นเอกัคคตา..เฉยเป็นหนึ่ง...ถอยจิต
    มานิดหนึ่ง...ใช้อารมภ์คิดพิจารณาขันธ์๕...ถอยหน้า
    ถอยหลัง...ตอนนี้เหลือแต่..อวิชชา...คือฉันทะ กับ
    ราคะ....เธอจงใช้ปัญญาว่า..มนุษยโลก เทวโลก
    พรหมโลก. ไม่มีอะไรสวย. ไม่มีอะไรดี..."
    ตอนเย็น..องค์พระพุทธเจ้า ทรงตรัสว่า "อย่างช้า
    อีก ๓ วัน ..จะได้อนาคามี" ..จึงทำวิปัสสนา เข้า
    อภิญญาสมาบัติ...พระพุทธเจ้าพร้อมพระอรหันต์
    มากมาย..ทรงตรัสว่า "ขณะนี้ เธอถึงอนาคามีผล
    ตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๓. น. ให้ดำเนินต่ออย่าหยุดยั้ง
    ทำให้มันเสร็จเลย จะได้ไม่ต้องทำอีก..ให้ทำ
    วิปัสสนาให้ละเอียดต่อไป"...
    วันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๐๖
    พบพระพุทธเจ้ากัสสปะร่างกายใหญ่กว่าองค์ปัจจุบัน..ท่านตรัสว่า..
    "อวิชชายังไม่เอาไป มันยังหนา ยังหนัก"
    ๔. สิงหาคม ๒๕๐๖
    จับนิพพานเป็นอารมณ์เข้าผลสมาบัติ
    พบพระโมคคัลลานะ...พระมหากัจจายนะ
    หลวงพ่อปาน...ต่อมาพบพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า
    "จิตของเธอเหลืออวิชชาเท่านั้น. ..นอกนั้นผ่องใสบริสุทธิ์ ระหว่างนี้เป็น โคตรภูอรหันตมรรค"
    พอหัวค่ำจับอภิญาผลสมาบัติ .ยกจิตไปนิพพาน
    เห็นพระพุทธเจ้า. พระโมคคัลลา. พระสารีบุตร
    พระอนุรุทธ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
    "#เธอมาจากพุทธวิสัย_ต้องฉันช่วยเอง #คนอื่นช่วยไม่ได้"
    อาตมาเห็นห้องหนึ่ง...มีพระสารีบุตร..อยู่หน้าห้อง
    บอกว่า..." เข้าไม่ได้ เป็นเขตอรหัตผล อาจารย์ใหญ่
    บอกว่า ต่อไปให้พิจารณา...นิพพานัง สุขัง
    วันบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ของหลวงพ่อฤาษี
    ท่านบอกว่าวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๐๖ เวลา ๒.๔๕ น. ตื่นจากที่นอน เจริญสมณธรรมทันที จนถึงเวลา ๔ น. เป๋ง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จพร้อมด้วยฉัพพรรณรังสีรัศมีหกประการ ได้มาแจ้งว่า
    เจ้าเจริญธรรมให้แจ้งจนถึงไม่รักในฐานะที่ควรรัก เจ้ามีอารมณ์ไม่เกลียดในฐานะที่ควรจะเกลียด เจ้าไม่โกรธในฐานะที่ควรจะโกรธ เจ้าไม่ขัดเคืองในฐานะที่ควรจะขัดเคือง อย่างนี้ชื่อว่าได้อริยผลสมบูรณ์แล้ว
    คำว่าสมบูรณ์นี่ต้องเป็นอรหัตผล
    ฉะนั้นเจ้าจึงชื่อว่าเป็นพระขีณาสพ
    คำว่าขีณาสพ หมายความว่าเป็นผู้มีอาสวะกิเลสอันสิ้นแล้ว คืออรหันต์นั่นเอง
    เจ้าเป็นพระขีณาสพตั้งแต่เวลา ๔ น. วันนี้


    ข้อมูลจาก
    หนังสือเรื่อง ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=39343
    #รวมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์2 #หลวงพ่อฤาษี
     

แชร์หน้านี้

Loading...