การบริจาคอวัยวะ ในทัศนะพระคุณเจ้าพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตโต) วัดญาณเวศกวัน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย KK1234, 24 เมษายน 2010.

  1. KK1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,515
    การบริจาคอวัยวะ
    ---------------------

    การบริจาคอวัยวะเป็นเรื่องที่คนไทยยังไม่คุ้นเคยเท่าไรนัก และมีคำถามมากมายที่ทำให้ผู้คิดจะบริจาคยังมีความลังเลอยู่ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย จึงต้องประสบกับปัญหาต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะความเชื่อที่ยังอาจมีหลงเหลืออยู่บ้าง เช่น ถ้าบริจาคอวัยวะให้เขาไปแล้ว เกิดมาชาติหน้าจะมีอวัยวะไม่ครบ

    ดังนั้น เพื่อให้เกิดความกระจ่างต่อสาธารณชนทั่วไป น.พ. วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนายการศูนย์รับบริจาคอวัยวะ ฯ จึงได้เข้านมัสการเรียนถามพระคุณเจ้าพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตโต) เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน ต.บางกระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งได้รับคำตอบที่เป็นประโยชน์และไขข้อข้องใจได้เป็นอย่างดี

    น.พ.วิศิษฏ์ มีข้อห้ามในศาสนาพุทธหรือไม่เกี่ยวกับเรื่อง "การบริจาคอวัยวะ"

    พระ ธรรมปิฎก ตามปกติแล้วไม่มีข้อห้าม มีแต่จะสนับสนุน เพราะการบริจาคอวัยวะเป็นการเสียสละเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นต้องการให้ผู้ อื่นพ้นจากความทุกข์ และมีการบริจาคจึงเป็นหลักธรรมที่สำคัญของศาสนา ไม่ว่าจะเป็น "ทศพิธราชธรรม"ก็ดี การบำเพ็ญ "บารมี" ของพระพุทธเจ้า เมื่อยังเป็นพระโพธิสัตว์ก็ดี ก็มีการบริจาคเป็นคุณธรรมข้อแรก เรียกว่า " ทาน" และ "ทานบารมี" คือการให้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น

    โดยเฉพาะในการบำเพ็ญของพระโพธิสัตว์นั้น การบริจาคอวัยวะเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เป็นความคิดที่จำเป็นเลยที่เดียวที่ต้องทำ เพราะการก้าวไปสู่โพธิญาณ ต้องมีความเข้มแข็งของจิตใจ ในการเสียสละเพื่อความดี ทั้งนี้ทานที่เป็นบารมี จะแบ่งเป็น ๓ ขั้น เช่นเดียวกับบารมีอื่นๆ คือ

    ทานบารมีระดับสามัญ คือการบริจาคทรัพย์สินเงินทองถึงจะมากมายแค่ไหนก็จะอยู่ในระดับนี้

    ทานระดับรอง หรือจวนสูงสุด เรียกชื่อเฉพาะว่า "ทานอุปบารมี" ได้แก่ ความเสียสละทำความดี ถึงขั้นสามารถบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้ เพื่อรักษาธรรม

    แน่นอนว่า การบริจาคอวัยวะนั้นเป็นบุญธรรมสำคัญและเป็นบุญมาก ตามหลักพระพุทธศาสนานอกจากเป็นบารมีขั้นทานอุปบารมีแล้ว ยังโยงไปหาหลักสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า "มหาบริจาค" คือการบริจาคใหญ่ ซึ่งพระโพธิสัตว์จะต้องปฏิบัติอีก ๕ ประการ คือ บริจาคทรัพย์ บริจาคราชสมบัติ บริจาคอวัยวะ และนัยน์ตา บริจาคตัวเองหรือบริจาคชีวิต และบริจาคบุตรและภรรยา

    น.พ.วิศิษฏ์ ถ้าถามว่าการบริจาคอวัยวะนั้นได้บุญหรือเปล่าและใครเป็นคนได้ อย่างเช่น คนหนึ่งแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะได้ แต่เสียชีวิตในภาวะที่ไม่สามารถบริจาคได้ กับอีกคนหนึ่งไม่ได้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะไว้ แต่เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตาย แล้วญาติได้ตัดสินใจบริจาค อันนี้ไม่ทราบว่าใครจะเป็นคนได้บุญ หรือได้บุญมากน้อยอย่างไร

    พระ ธรรมปิฎก ในแง่นี้ต้องแยกออกเป็น ๒ ประเด็น ประเด็นที่หนึ่งก็คือว่า "เป็นบุญหรือไม่?" ซึ่งตอบได้เลยว่าเป็นบุญอยู่แล้ว ดังที่พระโพธิสัตว์ท่านบริจาค และเป็นบุญชั้นสูงถึงขั้นเรียกว่าบารมีเลยทีเดียว แต่สำหรับคนทั่วไปจะมีความตั้งใจที่จะบรรลุโพธิญาณหรือไม่เป็นอีกเรื่อง หนึ่ง ถ้าเราไม่มีความตั้งใจไม่ได้ตั้งปณิธานอย่างนี้ ก็ไม่เรียกว่าเป็นบารมี แต่เป็นบุญซึ่งจัดว่าเป็นบุญอันยิ่งใหญ่เลยทีเดียว เพราะเป็นบุญที่ทำได้ยาก ต้องมีความเสียสละจริงๆ เป็นอันว่าได้บุญแน่นอน เพราะเกิดจากเจตนาที่เสียสละให้ด้วยความกรุณาปราถนาดีต่อผู้อื่นอันใหญ่หลวง

    ในส่วนที่ว่า "ใครจะเป็นผู้ได้บุญ?" นั้น ตอบง่ายๆ ว่าใครเป็นผู้บริจาคคนนั้นก็ได้ เพราะมันอยู่ที่เจตนาของผู้นั้น ในกรณีที่เป็นคนตายไปแล้วและญาติบริจาค ก็เลยกลายเป็นว่าคนที่ตายไปแล้วไม่ได้รับ เพราะว่าไม่ได้ตั้งเจตนา ในแง่นี้ต้องพูดอีกขั้นหนึ่ง คือญาติที่บริจาคนั้นต้องอุทิศกุศลไปให้เขาอีกทีหนึ่ง ในทางธรรมถือว่า ถ้าบริจาคในขณะที่ตัวยังเป็นอยู่ ก็จะเป็นบุญขั้นสูง

    น.พ.วิศิษฏ์ คนที่ได้รับอวัยวะไปแล้ว ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เจ้าของอวัยวะจะได้รับผลบุญนั้นหรือไม่ เพราะทางศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ไม่ได้บอกชื่อของคนที่บริจาค ผู้ที่รับอวัยวะไปจะอธิฐานอย่างไรดี

    พระธรรมปิฎก แม้จะไม่ระบุชื่อผู้ที่เราอุทิศส่วนกุศลให้ เพียงแต่ตั้งใจว่าอุทิศให้แก่เจ้าของอวัยวะที่บริจาคให้เรา ก็ถือว่าเราก็ได้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับท่านเจ้าของที่บริจาคอวัยวะให้ เราแล้ว

    น.พ.วิศษฏ์ ปัญหาที่เราเจอในการทำการประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไป แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะคือ บางคนยังเชื่อว่าถ้าให้อวัยวะเขาไปแล้วในชาตินี้ เกิดมาชาติหน้าจะมีอวัยวะไม่ครบ

    พระธรรมปิฎก อันนี้ไม่จริงเลย โดยมีแง่พิจารณา ๒ อย่างคือ

    ๑. ในแง่หลักฐานทางคัมภีร์แสดงว่า พระพุทธเจ้าเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์ทรงบริจาคนัยน์ตา ก็เป็นเหตุให้พระองค์ทางได้สมันตจักษุ คือมีพระเนตรหรือดวงตาที่เป็นพิเศษสุดของพระพุทธเจ้า ซึ่งเราแปลว่าเป็นดวงตาที่มองเห็นโดยรอบ ไม่ได้หมายถึงดวงตาที่เป็นวัตถุอย่างเดียว แต่หมายถึงดวงตาทางปัญญาด้วย ในแง่พระคัมภีร์ก็สนับสนุนชัดเจนว่าในชาติหน้ามีแต่ผลดี

    ๒. ในแง่เหตุผลที่เข้าใจกันว่าบริจาคอวัยวะไปแล้ว เกิดมาอวัยวะจะบกพร่อง เหตุผลที่ถูกต้องมันไม่ใช่อย่างนั้น เราต้องมองว่าชีวิตที่เกิดมานี้ จิตใจเป็นส่วนสำคัญในการปรุงแต่งสร้างสรรค์ ถ้าเรามีเมตตาคิดดีปรารถนาดีต่อผู้อื่น ยิ้มแย้มแจ่มใส ต่อไปตาเราจะถูกปรุงแต่งให้แจ่มใสเบิกบาน

    ในทางกลับกัน ถ้าเราคิดร้ายต่อผู้อื่น มักโกรธ อยากจะทำร้ายรังแกเขาอยู่เรื่อย หน้าตาก็จะบึ้งตึงเครียด หรือถึงกับดูโหดเหี้ยมนี้เป็นผลมาจากสภาพจิตที่เคยชินในชีวิตประจำวัน แม้แต่ในชาติปัจจุบันนี้เอง

    ทีนี้ชีวิตที่จะเกิดต่อไปก็จะต้องอาศัยจิต ที่มีความสามารถในการปรุงแต่ง ขอให้คิดง่ายๆ ว่า คนที่จะบริจาคอวัยวะให้คนอื่น ก็คือ ปราถนาดีต่อเขา อยากให้เขาเป็นสุข อยากให้เขาพ้นทุกข์ หายเจ็บป่วย จิตอย่างนี้ในตอนคิดก็เป็นจิตที่ดี คือจิตใจที่ยินดีเบิกบาน คิดถึงความสุขความดีงามความเจริญ จิตก็จะสะสมความโน้มเอียงและพัฒนาความสามารถในด้านนี้ ถ้าคิดบ่อยๆ จิตก็จะยิ่งมีความสามารถและมีความโน้มเอียงไปในทางที่จะปรุงแต่งให้ดี และคุณสมบัตินี้ก็จะฝังอยู่เป็นสมรรถภาพของจิต

    เพราะฉะนั้นในการบริจาคเราจึงต้องทำจิตใจให้ผ่องใส ให้ประกอบด้วยคุณธรรม มีเมตตาปราถนาดี และอันนี้แหละที่จะทำให้เราได้บุญมาก

    น.พ.วิศษฏ์ แพทย์ควรปฏิบัติตัวอย่างไรกับผู้บริจาคอวัยวะ

    พระธรรมปิฎก เขาบริจาค เขาเป็นผู้เสียสละเป็นผู้มีคุณธรรม เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมองว่าเราต้องยกย่องให้เกียรติ และถือว่าเขาเป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์ให้สังคม ช่วยให้เพื่อนมนุษย์อยู่ดีหายโรค หายภัย และเป็นอยู่ดีขึ้น นั่นก็ควรแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่ง ในการยอมรับหรือเห็นคุณค่า ซาบซึ้งในประโยชน์ที่เขาได้ทำไปแล้ว การปฏิบัติต่อกันก็ธรรมดา แต่หากว่าเรามีจิตดีแล้วการปฏิบัติการแสดงออกก็จะดีจริงๆ

    --------------------------------------------
    คัด ลอกจาก: ธรรมเพื่อชีวิต
    เล่มที่ ๒๕ ฉบับวันเข้าพรรษา ๒๕๔๓
    มูลนิธิ พุทธศาสนาศึกษา
    วัดบุรณศิริมาตยาราม
    ++++++++++++++++++++++
    การบริจาคเห็นแยกไว้ 2 แบบครับ คือ
    1.บริจาคดวงตา
    2.บริจาค อวัยวะ
    แต่ถ้าประสงค์จะบริจาคทั้งสองแบบก็ได้
    สำหรับบริจาคอวัยวะ โทรไปที่ ศูนย์บริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย โทร.1666
    เขาจะส่งเอกสารมาให้ กรอกแล้วส่งกลับ จากนั้นจะส่งบัตรกลับมาให้เราเก็บไว้ หรือสะดวกไปติดต่อเองได้ตามที่อยู่ข้างล่างครับ

    อาคารเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระญาณสังวร ( เจริญ สุวฑฒโน) ชั้น 5
    ถ.อังรีดูนังต์ ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

    สำหรับบริจาคดวงตาที่เดียวกันครับ แต่ชั้น 7
    หรือ โทร 02-256-4039,02-256-4040 ต่อศูนย์ดวงตา ( ตลอด 24 ชม.)

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    บริจาค ไปหมดหละ ตอนนี้เหลือแต่บริจาคร่างกายไปเป็นอาจารย์ใหญ่ หุหุ

    ตาย ทั้งที ขอให้มีประโขชน์นิดนึ่งก็ยังดี

    ส่วนการบริจาคเลือด ทำทุกๆ ๓ เดือน อยู่แล้ว

    -----------------------------------------------------
    นำมาจาก
    Thekop Room - การบริจาคอวัยวะ
     
  2. จาริกบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +228
    อนุโมทนา สาธุ ด้วยครับ ผมก็บริจาคทุกอย่าง เกิดมาทั้งทีขอทำดีเพื่อบรรลุนิพพาน
     
  3. c486 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +300
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีค่ะ กำลังคิดจะบริจาคอยู่พอดี
     
  4. deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    ขออนุโมทนา สาธุ ๆ
    กับท่านทั้งหลายที่ได้ร่วมบริจาคอวัยวะต่าง ๆ ด้วยนะครับ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
     
  5. Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    ตั้งใจไว้เเล้วว่าจะบริจาค

    สาธุ

    "ผลที่ได้มากกว่าบุญ คือการได้ฝึกตัวเองให้รู้จักเสียสละ"
     
  6. peerayuth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,004
    พระอาจารย์ผมท่านก็สมับสนุนให้บริจาค ยิ่งถ้าช่วงไหนจะมีเคราะห์ถึงขั้นเลือดตกยางออก ท่านก็ให้ไปบริจาคเลือดแล้วอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร
     
  7. T.cha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2010
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +641
    ผมเองก็บริจาคเลือดทุกๆ 4 เดือน และบริจาคอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย สำหรับผมแล้วที่ทำอย่างนี้เพราะตอกย้ำตัวเองว่า จะมีอะไรเล่าที่เป็นของเรา แม้ร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา เมื่อเราไม่ใช้แล้ว ก็ให้คนอื่นได้ใช้ต่อไป
     
  8. เพชรแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +874
    เราบริจาคเลือดมาแล้ว 44 ครั้ง
    บริจาคร่างกายและอวัยวะทุกอย่างที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ให้สภากาชาดไทยหมดแล้ว
     
  9. magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    ขอบคุณมากครับ

    อ่านแล้ว อยากบริจาค มากๆ จะไปบริจาคละครับ
     
  10. ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260


    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ

    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p</O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p</O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com<O:p</O:p

    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา


    </O:p>
     
  11. สุภาพรกิ่งนอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +1,536
    จริงค่ะ อย่าไปยึดติดในทุกสิ่งเลย จะทำให้เราไปไม่ถึงนิพพาน
    ดิฉันก็ได้สละแล้วซึ่งร่างกายค่ะ บริจาคให้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีแล้ว แต่ถูกต่อให้กับ ม. ขอนแก่น เรียบร้อยแล้วค่ะ


    ตอนนี้ยังมีลมหายใจอยู่นี้ก็ต้องดูแลร่างกายนี้ให้ดี ให้สมกับที่จิตนี้ ได้อาศัยร่างนี้อยู่ค่ะ
     
  12. supphakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +178
    โมทนาสาธุครับ ผมก็เคยบริจาคโลหิตหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่วัดท่าซุง และได้บริจาคดวงตาให้สภากาชาดไทย บริจาคร่างกายให้ร.พ.ศิริราช เพราะคิดว่าเมื่อเราไม่ได้ใช้แล้วก็ควรบริจาคให้คนอื่นที่เขาต้องการนำไปใช้ เพื่อที่เขาจะได้ทำความดีต่อไป ดีกว่าที่จะปล่อยให้สูญสลายไปเปล่าๆ
     
  13. ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    อยากบริจาค ไส้ติ่งครับ
     
  14. Attila 333 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +716
    อนุโมทนากับคุณเจ้าของกระทู้ด้วยครับ ร่างกายนี้เป็นเหตุแห่งทุกข์อยู่แล้ว และก็ได้เป็นประโยชน์ให้กับคนข้างหลังต่อไป
     
  15. somkiatdhana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +619
    ผมมีความตั้งใจจะบริจาคร่างกายเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับนักศึกษาแพทย์ และบริจาคอวัยวะส่วนอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้พิการหรือทุพลภาพให้เขาอยู่ได้อย่างปกติสุข เช่น ลูกตา ปอด หัวใจ ฯ ... ด้วยเหตุที่ว่า บุคคลทั้งหลายเมื่อตายแล้วร่างกายก็จะเน่าเปื่อยพุพังสลายกลายเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ หาประโยชน์มิได้ ไฉนเลยเราจะห่วงหวงร่ายกายนี้ไปทำไม เราควรจะมอบร่างเรานี้ได้เกิดประโยชน์แก่บุคคลที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งยังจะก็ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนกันครับ

    พร้อมกันนี้ก็ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ กับท่านทั้งหลายที่ได้ร่วมบริจาคหรือคิดจะร่วมบริจาคอวัยวะต่าง ๆ ด้วยนะครับ นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
    ---------------------------------------------------------
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. kanyaratsrimane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +570
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ<!-- google_ad_section_end --> บริจาคร่างกายและอวัยวะทุกอย่างที่สามารถใช้
    ประโยชน์ได้ใหหมดแล้ว<!-- google_ad_section_end --> อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  17. kanyaratsrimane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +570
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ<!-- google_ad_section_end --> บริจาคร่างกายและอวัยวะทุกอย่างที่สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้วค่ะ ทั้งในและต่างประเทค่ะ
     
  18. nao7310 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +931
    บริจาคหมดแล้วเช่นกัน ทั้งโลหิต อวัยวะ และร่างกาย ยังมีอีก 1 ประเภทค่ะ แต่ไม่ค่อยจะมีใครทราบนะค่ะ คือบริจาคเนื้อเยื่อ ในพระอุปถัมถ์ของพระเจ้าพี่นางเธอกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ครั้งพระองค์ท่านยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ค่ะ บริจาคได้ที่ศูนย์เนื้อเยื่อโรงพยาบาลศิริราชค่ะ ทางโรงพยาบาลจะนำไปใช้ก็ต่อเมื่อเราได้สิ้นชีพไปแล้วค่ะ ขอเชิญชวนด้วยเลยแล้วกัน เพราะโดยส่วนตัวบริจาคแล้วเช่นกันค่ะ และขออนุโมทนากับทุกท่านด้วย สาธุ...สาธุ...สาธุ :) :VO
     

แชร์หน้านี้