การบริจาคอวัยวะ
---------------------
การบริจาคอวัยวะเป็นเรื่องที่คนไทยยังไม่คุ้นเคยเท่าไรนัก และมีคำถามมากมายที่ทำให้ผู้คิดจะบริจาคยังมีความลังเลอยู่ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย จึงต้องประสบกับปัญหาต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะความเชื่อที่ยังอาจมีหลงเหลืออยู่บ้าง เช่น ถ้าบริจาคอวัยวะให้เขาไปแล้ว เกิดมาชาติหน้าจะมีอวัยวะไม่ครบ
ดังนั้น เพื่อให้เกิดความกระจ่างต่อสาธารณชนทั่วไป น.พ. วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนายการศูนย์รับบริจาคอวัยวะ ฯ จึงได้เข้านมัสการเรียนถามพระคุณเจ้าพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตโต) เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน ต.บางกระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งได้รับคำตอบที่เป็นประโยชน์และไขข้อข้องใจได้เป็นอย่างดี
น.พ.วิศิษฏ์ มีข้อห้ามในศาสนาพุทธหรือไม่เกี่ยวกับเรื่อง "การบริจาคอวัยวะ"
พระ ธรรมปิฎก ตามปกติแล้วไม่มีข้อห้าม มีแต่จะสนับสนุน เพราะการบริจาคอวัยวะเป็นการเสียสละเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นต้องการให้ผู้ อื่นพ้นจากความทุกข์ และมีการบริจาคจึงเป็นหลักธรรมที่สำคัญของศาสนา ไม่ว่าจะเป็น "ทศพิธราชธรรม"ก็ดี การบำเพ็ญ "บารมี" ของพระพุทธเจ้า เมื่อยังเป็นพระโพธิสัตว์ก็ดี ก็มีการบริจาคเป็นคุณธรรมข้อแรก เรียกว่า " ทาน" และ "ทานบารมี" คือการให้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น
โดยเฉพาะในการบำเพ็ญของพระโพธิสัตว์นั้น การบริจาคอวัยวะเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เป็นความคิดที่จำเป็นเลยที่เดียวที่ต้องทำ เพราะการก้าวไปสู่โพธิญาณ ต้องมีความเข้มแข็งของจิตใจ ในการเสียสละเพื่อความดี ทั้งนี้ทานที่เป็นบารมี จะแบ่งเป็น ๓ ขั้น เช่นเดียวกับบารมีอื่นๆ คือ
ทานบารมีระดับสามัญ คือการบริจาคทรัพย์สินเงินทองถึงจะมากมายแค่ไหนก็จะอยู่ในระดับนี้
ทานระดับรอง หรือจวนสูงสุด เรียกชื่อเฉพาะว่า "ทานอุปบารมี" ได้แก่ ความเสียสละทำความดี ถึงขั้นสามารถบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้ เพื่อรักษาธรรม
แน่นอนว่า การบริจาคอวัยวะนั้นเป็นบุญธรรมสำคัญและเป็นบุญมาก ตามหลักพระพุทธศาสนานอกจากเป็นบารมีขั้นทานอุปบารมีแล้ว ยังโยงไปหาหลักสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า "มหาบริจาค" คือการบริจาคใหญ่ ซึ่งพระโพธิสัตว์จะต้องปฏิบัติอีก ๕ ประการ คือ บริจาคทรัพย์ บริจาคราชสมบัติ บริจาคอวัยวะ และนัยน์ตา บริจาคตัวเองหรือบริจาคชีวิต และบริจาคบุตรและภรรยา
น.พ.วิศิษฏ์ ถ้าถามว่าการบริจาคอวัยวะนั้นได้บุญหรือเปล่าและใครเป็นคนได้ อย่างเช่น คนหนึ่งแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะได้ แต่เสียชีวิตในภาวะที่ไม่สามารถบริจาคได้ กับอีกคนหนึ่งไม่ได้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะไว้ แต่เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตาย แล้วญาติได้ตัดสินใจบริจาค อันนี้ไม่ทราบว่าใครจะเป็นคนได้บุญ หรือได้บุญมากน้อยอย่างไร
พระ ธรรมปิฎก ในแง่นี้ต้องแยกออกเป็น ๒ ประเด็น ประเด็นที่หนึ่งก็คือว่า "เป็นบุญหรือไม่?" ซึ่งตอบได้เลยว่าเป็นบุญอยู่แล้ว ดังที่พระโพธิสัตว์ท่านบริจาค และเป็นบุญชั้นสูงถึงขั้นเรียกว่าบารมีเลยทีเดียว แต่สำหรับคนทั่วไปจะมีความตั้งใจที่จะบรรลุโพธิญาณหรือไม่เป็นอีกเรื่อง หนึ่ง ถ้าเราไม่มีความตั้งใจไม่ได้ตั้งปณิธานอย่างนี้ ก็ไม่เรียกว่าเป็นบารมี แต่เป็นบุญซึ่งจัดว่าเป็นบุญอันยิ่งใหญ่เลยทีเดียว เพราะเป็นบุญที่ทำได้ยาก ต้องมีความเสียสละจริงๆ เป็นอันว่าได้บุญแน่นอน เพราะเกิดจากเจตนาที่เสียสละให้ด้วยความกรุณาปราถนาดีต่อผู้อื่นอันใหญ่หลวง
ในส่วนที่ว่า "ใครจะเป็นผู้ได้บุญ?" นั้น ตอบง่ายๆ ว่าใครเป็นผู้บริจาคคนนั้นก็ได้ เพราะมันอยู่ที่เจตนาของผู้นั้น ในกรณีที่เป็นคนตายไปแล้วและญาติบริจาค ก็เลยกลายเป็นว่าคนที่ตายไปแล้วไม่ได้รับ เพราะว่าไม่ได้ตั้งเจตนา ในแง่นี้ต้องพูดอีกขั้นหนึ่ง คือญาติที่บริจาคนั้นต้องอุทิศกุศลไปให้เขาอีกทีหนึ่ง ในทางธรรมถือว่า ถ้าบริจาคในขณะที่ตัวยังเป็นอยู่ ก็จะเป็นบุญขั้นสูง
น.พ.วิศิษฏ์ คนที่ได้รับอวัยวะไปแล้ว ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เจ้าของอวัยวะจะได้รับผลบุญนั้นหรือไม่ เพราะทางศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ไม่ได้บอกชื่อของคนที่บริจาค ผู้ที่รับอวัยวะไปจะอธิฐานอย่างไรดี
พระธรรมปิฎก แม้จะไม่ระบุชื่อผู้ที่เราอุทิศส่วนกุศลให้ เพียงแต่ตั้งใจว่าอุทิศให้แก่เจ้าของอวัยวะที่บริจาคให้เรา ก็ถือว่าเราก็ได้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับท่านเจ้าของที่บริจาคอวัยวะให้ เราแล้ว
น.พ.วิศษฏ์ ปัญหาที่เราเจอในการทำการประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไป แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะคือ บางคนยังเชื่อว่าถ้าให้อวัยวะเขาไปแล้วในชาตินี้ เกิดมาชาติหน้าจะมีอวัยวะไม่ครบ
พระธรรมปิฎก อันนี้ไม่จริงเลย โดยมีแง่พิจารณา ๒ อย่างคือ
๑. ในแง่หลักฐานทางคัมภีร์แสดงว่า พระพุทธเจ้าเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์ทรงบริจาคนัยน์ตา ก็เป็นเหตุให้พระองค์ทางได้สมันตจักษุ คือมีพระเนตรหรือดวงตาที่เป็นพิเศษสุดของพระพุทธเจ้า ซึ่งเราแปลว่าเป็นดวงตาที่มองเห็นโดยรอบ ไม่ได้หมายถึงดวงตาที่เป็นวัตถุอย่างเดียว แต่หมายถึงดวงตาทางปัญญาด้วย ในแง่พระคัมภีร์ก็สนับสนุนชัดเจนว่าในชาติหน้ามีแต่ผลดี
๒. ในแง่เหตุผลที่เข้าใจกันว่าบริจาคอวัยวะไปแล้ว เกิดมาอวัยวะจะบกพร่อง เหตุผลที่ถูกต้องมันไม่ใช่อย่างนั้น เราต้องมองว่าชีวิตที่เกิดมานี้ จิตใจเป็นส่วนสำคัญในการปรุงแต่งสร้างสรรค์ ถ้าเรามีเมตตาคิดดีปรารถนาดีต่อผู้อื่น ยิ้มแย้มแจ่มใส ต่อไปตาเราจะถูกปรุงแต่งให้แจ่มใสเบิกบาน
ในทางกลับกัน ถ้าเราคิดร้ายต่อผู้อื่น มักโกรธ อยากจะทำร้ายรังแกเขาอยู่เรื่อย หน้าตาก็จะบึ้งตึงเครียด หรือถึงกับดูโหดเหี้ยมนี้เป็นผลมาจากสภาพจิตที่เคยชินในชีวิตประจำวัน แม้แต่ในชาติปัจจุบันนี้เอง
ทีนี้ชีวิตที่จะเกิดต่อไปก็จะต้องอาศัยจิต ที่มีความสามารถในการปรุงแต่ง ขอให้คิดง่ายๆ ว่า คนที่จะบริจาคอวัยวะให้คนอื่น ก็คือ ปราถนาดีต่อเขา อยากให้เขาเป็นสุข อยากให้เขาพ้นทุกข์ หายเจ็บป่วย จิตอย่างนี้ในตอนคิดก็เป็นจิตที่ดี คือจิตใจที่ยินดีเบิกบาน คิดถึงความสุขความดีงามความเจริญ จิตก็จะสะสมความโน้มเอียงและพัฒนาความสามารถในด้านนี้ ถ้าคิดบ่อยๆ จิตก็จะยิ่งมีความสามารถและมีความโน้มเอียงไปในทางที่จะปรุงแต่งให้ดี และคุณสมบัตินี้ก็จะฝังอยู่เป็นสมรรถภาพของจิต
เพราะฉะนั้นในการบริจาคเราจึงต้องทำจิตใจให้ผ่องใส ให้ประกอบด้วยคุณธรรม มีเมตตาปราถนาดี และอันนี้แหละที่จะทำให้เราได้บุญมาก
น.พ.วิศษฏ์ แพทย์ควรปฏิบัติตัวอย่างไรกับผู้บริจาคอวัยวะ
พระธรรมปิฎก เขาบริจาค เขาเป็นผู้เสียสละเป็นผู้มีคุณธรรม เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมองว่าเราต้องยกย่องให้เกียรติ และถือว่าเขาเป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์ให้สังคม ช่วยให้เพื่อนมนุษย์อยู่ดีหายโรค หายภัย และเป็นอยู่ดีขึ้น นั่นก็ควรแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่ง ในการยอมรับหรือเห็นคุณค่า ซาบซึ้งในประโยชน์ที่เขาได้ทำไปแล้ว การปฏิบัติต่อกันก็ธรรมดา แต่หากว่าเรามีจิตดีแล้วการปฏิบัติการแสดงออกก็จะดีจริงๆ
--------------------------------------------
คัด ลอกจาก: ธรรมเพื่อชีวิต
เล่มที่ ๒๕ ฉบับวันเข้าพรรษา ๒๕๔๓
มูลนิธิ พุทธศาสนาศึกษา
วัดบุรณศิริมาตยาราม
++++++++++++++++++++++
การบริจาคเห็นแยกไว้ 2 แบบครับ คือ
1.บริจาคดวงตา
2.บริจาค อวัยวะ
แต่ถ้าประสงค์จะบริจาคทั้งสองแบบก็ได้
สำหรับบริจาคอวัยวะ โทรไปที่ ศูนย์บริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย โทร.1666
เขาจะส่งเอกสารมาให้ กรอกแล้วส่งกลับ จากนั้นจะส่งบัตรกลับมาให้เราเก็บไว้ หรือสะดวกไปติดต่อเองได้ตามที่อยู่ข้างล่างครับ
อาคารเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระญาณสังวร ( เจริญ สุวฑฒโน) ชั้น 5
ถ.อังรีดูนังต์ ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
สำหรับบริจาคดวงตาที่เดียวกันครับ แต่ชั้น 7
หรือ โทร 02-256-4039,02-256-4040 ต่อศูนย์ดวงตา ( ตลอด 24 ชม.)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บริจาค ไปหมดหละ ตอนนี้เหลือแต่บริจาคร่างกายไปเป็นอาจารย์ใหญ่ หุหุ
ตาย ทั้งที ขอให้มีประโขชน์นิดนึ่งก็ยังดี
ส่วนการบริจาคเลือด ทำทุกๆ ๓ เดือน อยู่แล้ว
-----------------------------------------------------
นำมาจาก
Thekop Room - การบริจาคอวัยวะ
การบริจาคอวัยวะ ในทัศนะพระคุณเจ้าพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตโต) วัดญาณเวศกวัน
ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย KK1234, 24 เมษายน 2010.
-
-
อนุโมทนา สาธุ ด้วยครับ ผมก็บริจาคทุกอย่าง เกิดมาทั้งทีขอทำดีเพื่อบรรลุนิพพาน
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีค่ะ กำลังคิดจะบริจาคอยู่พอดี
-
ขออนุโมทนา สาธุ ๆ
กับท่านทั้งหลายที่ได้ร่วมบริจาคอวัยวะต่าง ๆ ด้วยนะครับ
นิพพานัง ปัจจโย โหตุ -
ตั้งใจไว้เเล้วว่าจะบริจาค
สาธุ
"ผลที่ได้มากกว่าบุญ คือการได้ฝึกตัวเองให้รู้จักเสียสละ" -
พระอาจารย์ผมท่านก็สมับสนุนให้บริจาค ยิ่งถ้าช่วงไหนจะมีเคราะห์ถึงขั้นเลือดตกยางออก ท่านก็ให้ไปบริจาคเลือดแล้วอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร
-
ผมเองก็บริจาคเลือดทุกๆ 4 เดือน และบริจาคอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย สำหรับผมแล้วที่ทำอย่างนี้เพราะตอกย้ำตัวเองว่า จะมีอะไรเล่าที่เป็นของเรา แม้ร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา เมื่อเราไม่ใช้แล้ว ก็ให้คนอื่นได้ใช้ต่อไป
-
เราบริจาคเลือดมาแล้ว 44 ครั้ง
บริจาคร่างกายและอวัยวะทุกอย่างที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ให้สภากาชาดไทยหมดแล้ว -
ขอบคุณมากครับ
อ่านแล้ว อยากบริจาค มากๆ จะไปบริจาคละครับ -
ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p</O:p
ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p</O:p
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com<O:p</O:p
<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา
</O:p> -
จริงค่ะ อย่าไปยึดติดในทุกสิ่งเลย จะทำให้เราไปไม่ถึงนิพพาน
ดิฉันก็ได้สละแล้วซึ่งร่างกายค่ะ บริจาคให้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีแล้ว แต่ถูกต่อให้กับ ม. ขอนแก่น เรียบร้อยแล้วค่ะ
ตอนนี้ยังมีลมหายใจอยู่นี้ก็ต้องดูแลร่างกายนี้ให้ดี ให้สมกับที่จิตนี้ ได้อาศัยร่างนี้อยู่ค่ะ -
โมทนาสาธุครับ ผมก็เคยบริจาคโลหิตหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่วัดท่าซุง และได้บริจาคดวงตาให้สภากาชาดไทย บริจาคร่างกายให้ร.พ.ศิริราช เพราะคิดว่าเมื่อเราไม่ได้ใช้แล้วก็ควรบริจาคให้คนอื่นที่เขาต้องการนำไปใช้ เพื่อที่เขาจะได้ทำความดีต่อไป ดีกว่าที่จะปล่อยให้สูญสลายไปเปล่าๆ
-
-
อนุโมทนากับคุณเจ้าของกระทู้ด้วยครับ ร่างกายนี้เป็นเหตุแห่งทุกข์อยู่แล้ว และก็ได้เป็นประโยชน์ให้กับคนข้างหลังต่อไป
-
ผมมีความตั้งใจจะบริจาคร่างกายเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับนักศึกษาแพทย์ และบริจาคอวัยวะส่วนอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้พิการหรือทุพลภาพให้เขาอยู่ได้อย่างปกติสุข เช่น ลูกตา ปอด หัวใจ ฯ ... ด้วยเหตุที่ว่า บุคคลทั้งหลายเมื่อตายแล้วร่างกายก็จะเน่าเปื่อยพุพังสลายกลายเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ หาประโยชน์มิได้ ไฉนเลยเราจะห่วงหวงร่ายกายนี้ไปทำไม เราควรจะมอบร่างเรานี้ได้เกิดประโยชน์แก่บุคคลที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งยังจะก็ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนกันครับ
พร้อมกันนี้ก็ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ กับท่านทั้งหลายที่ได้ร่วมบริจาคหรือคิดจะร่วมบริจาคอวัยวะต่าง ๆ ด้วยนะครับ นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
---------------------------------------------------------ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ<!-- google_ad_section_end --> บริจาคร่างกายและอวัยวะทุกอย่างที่สามารถใช้
ประโยชน์ได้ใหหมดแล้ว<!-- google_ad_section_end --> อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
<!-- google_ad_section_end --> -
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ<!-- google_ad_section_end --> บริจาคร่างกายและอวัยวะทุกอย่างที่สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้วค่ะ ทั้งในและต่างประเทค่ะ
-
บริจาคหมดแล้วเช่นกัน ทั้งโลหิต อวัยวะ และร่างกาย ยังมีอีก 1 ประเภทค่ะ แต่ไม่ค่อยจะมีใครทราบนะค่ะ คือบริจาคเนื้อเยื่อ ในพระอุปถัมถ์ของพระเจ้าพี่นางเธอกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ครั้งพระองค์ท่านยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ค่ะ บริจาคได้ที่ศูนย์เนื้อเยื่อโรงพยาบาลศิริราชค่ะ ทางโรงพยาบาลจะนำไปใช้ก็ต่อเมื่อเราได้สิ้นชีพไปแล้วค่ะ ขอเชิญชวนด้วยเลยแล้วกัน เพราะโดยส่วนตัวบริจาคแล้วเช่นกันค่ะ และขออนุโมทนากับทุกท่านด้วย สาธุ...สาธุ...สาธุ :) :VO