การบริจาคเทียนและเติมน้ำมันตะเกียง

เนื่องจากปัจจุบัน มีการบริจาคเทียนมากมาย และ น้ำมันกะเกียงมากมายจนบางที่มีเยอะเกินไป

อยากทราบว่า ทำบุญอย่างไรเทียบเท่าการบริจาคเทียน เติมน้ำมันตะเกียง

เพื่อชะล้างสิ่งไม่ดี และ เป็นดวงตาแห่งปัญญาบ้างคะ

 

ถ้าสมัยนี้ก็บริจาคหลอดไฟนิออน หรือไฟฉาย ที่จำเป็นสำหรับวัดและพระภิกษุก็ได้ค่ะ

หากแสงสว่างทางปัญญาต้องได้มาจากการอ่าน คิดค้นวิเคราะห์พิจารณา และการนั่งสมาธิภาวนาอบรมจิตใจค่ะ ยิ่งให้ธรรมทานด้วย เช่นการถวายหนังสือธรรมะ ถวายพระไตรปิฎก และการบอกคนอื่นที่หลงผิดให้มาเห็นถูก สิ่งเหล่านี้แหละค่ะที่เป็นแสงสว่างทางปัญญา

 

มองว่าปัญญาก็ส่วนปัญญา แสงสว่างก็ส่วนแสงสว่าง
เทียนที่สำเร็จรูปอยู่แล้ว อันนั้นมันเป็นส่วนผลประโยชน์ที่ได้
แต่ในส่วนเหตุนั้น เราต้องมีสติไปสร้างวิชาหรือมีสติไปเรียนวิชาก่อน ว่าเทียนนั้นสร้างยังไง

ทำด้วยวิชาไปหาวิชา รู้วิธีสร้างและรู้ว่าสิ่งที่สร้างนี้จะนำไปใช้ประโยชน์อะไร
ทำด้วยอวิชชาไปหาวิชชา ไม่รู้ว่าสร้างอย่างไรแต่รู้ว่าสิ่งที่ให้ไปนี้จะนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร

สติอย่างไรเป็นบุญ แล้วจะนำบุญนี้ไปใช้ทำประโยชน์อะไร

คนหนึ่งนำบุญมาสาระพัดอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟตราห่านหรือถ่านไฟฉายตรากบ
แต่ตอน อธิษฐานบารมีนี้ ตั้งว่า ขอหน้าตาดีและรวย

อีกคนหนึ่ง เคยทำมาอยู่ไม่กี่อย่าง ปลาทู/น้ำพริกกับข้าวสวยร้อนๆบ้างหละ
แก้วน้ำ/พัดลม/เครื่องต้มน้ำ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแสงสว่างเท่าไหร่เลย
แต่เวลา อธิษฐานบารมี ตั้งว่า ขอเป็นปัจจัยเกื้อหนุน
เพื่อพระนิพพานหรือเพื่อสติปัญญาที่ยิ่งๆขึ้นไปทั้งทางโลกและทางธรรม

ขับรถหรูมากแต่สติที่คอยกำกับทาง ไม่ค่อยจะมีก็จะขับรถเซไปเซมา
กับ ขับรถธรรมดาแต่สติที่คอยกำกับทางนั้นทำให้ขับรถได้ตรงทางอยู่ในเลน

ตอนนั้นผมไปต่างจังหวัด มีรถขับสวนเลนมา ออร่าพี่เขานี้มาแต่ไกลเลย
เปิดไฟสูงสีขาวสาดหน้ากันมาเลยกันทีเดียว ตอนนั้นมลทินที่ตาผมนี้ไม่มีเลย มีแต่แสงไฟรถ
ที่ไม่ยอมปรับไฟต่ำลงนี้หละ ตอนนั้นสายตาผมนี้ขาวใสเจิดจ้าเลย แต่สติปัญญาผมนี้
ไม่ได้เพิ่มพูนอะไรๆไปกับแสงสว่าง ที่พี่คนนี้เขามอบให้ผมมาซักเท่าไหร่เลย ^_^

 

คุณคะนึงตอบไปแล้ว

“สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ”. แปลความว่า “การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง”