การปรารถนาพุทธภูมิ บำเพ็ญพระโพธิสัตว์ จำเป็นหรือไม่ ต้องงดเว้นเนื้อสัตว์

ถามท่านผู้รู้ และผู้รู้จริง ทั้งหลาย

การปรารถนาพุทธภูมิก็ดี การบำเพ็ญพระโพธิสัตว์ก็ดี จำเป็นหรือไม่ ต้องงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์

และท่านๆ ทั้งหลาย ที่ปรารถนาพุทธภูมิอยู่นั้น บำเพ็ญพระโพธิสัตว์อยู่นั้น ท่านบริโภคเนื้อสัตว์หรือไม่ครับ

ขอบคุณครับ

คิดดี พูดดี ทำดี ปรารถนาพุทธภูมิ(Facebook)

 

ผมอยู่ทางสายกลางตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
1. เราไม่ได้เห็นในการฆ่าเพื่อให้เราทาน
2. เราไม่ได้ยินในการฆ่าเพื่อให้เราทาน
3. เราไม่สงสัยว่าเขาเจตนาฆ่ามาเพื่อให้เราทาน

3 ข้อนี้ผมปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า ซึ่งผลที่ได้คือสบายกาย สบายใจ ลดเจตนาการทำร้าย และเบียดเบียนผู้อื่นลงบ้าง เมื่อกาย ใจ สุขดีแล้ว ผมจึงมีสมาธิตั้งมั่นในธรรมได้อย่างสมบูรณ์ ไม่เคร่ง และไม่หย่อนจนกินไป อยู่บนความพอดี คือทางสายกลาง

ส่วนใครทานเจได้ก็ดีครับ แต่ทานแล้วทุกข์กาย ก็ทำให้เข้าถึงธรรมได้ยาก เพราะ กายไม่อิ่มเลยไม่มีสมาธิในการเรียนรู้ธรรม ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่จริตของคนว่าจะพิจารณาปฏิบัติอย่างไรให้อยู่บนความถูกต้อง และไปถึงที่สุดแห่งธรรม ดังนั้นธรรมะจึงมีทางเข้ารอบด้านครับ

 

.....ผมว่ากินเจหรือไม่กินเจไม่เกี่ยวกับการบำเพ็ญบารมี ๑๐ หรอก ดูพระพุทธเจ้าของเราเป็นตัวอย่างท่านก็ฉันเนื้อสัตว์เหมือนกัน อย่าทำเกินคำสอนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าให้ฝึกกำลังใจนี่ให้เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ไม่ใช่ฝึกร่างกาย จะเอาอะไรนักหนากับการกิน จะเอาอะไรนักหนากับร่างกายนี้ ไม่นานร่างกายนี้ก็แก่ ไม่นานร่างกายนี้ก็ป่วย ไม่นานร่างกายนี้ก็ตาย กินอะไรก็กินไปเถอะ ขอแค่อย่าผิดศีล ๕ กรรมบถ ๑๐ และไม่ใช่มังสะ ๑๐ ประการก็พอแล้ว ถ้ากินเจแต่ฆ่ามด ฆ่าแมลงหรือทำสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่นี่มันก็ยังไงๆอยู่นา อีกอย่างเราจะกินหรือไม่กินเนี้อสัตว์ เขาก็ฆ่ากันอยู่แล้วมันเป็นกรรมของสัตว์ตัวนั้นๆที่จะต้องชดใช้กรรมที่ตัวเองทำเอาไว้
..... ซุนวูกล่าวไว้ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง โจมตีศัตรูนี่อันดับแรกตีกองสเบียงก่อนนะท่าน ท้องหิวท้องกิ่วก็ตายพอดี กินมันเข้าไปเถอะจะได้มีแรงปฏิบัติธรรมไปพระนิพพานกัน ขออย่างเดียว อย่าเผลอกินเด็กครับท่าน เดี๋ยวเขาจะเชิญไปทัวร์ห้องกรงงงงง...

 

หนึ่งในการประพฤติ ปฏิบัติ ของข้าพเจ้า คือ การละเว้น การบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด

แต่ประพฤติ ปฏิบัติ ตามเหตุปัยจัย ไม่ใช่ถึงกับเคร่งเครียด จนทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ เป็นโทษ หาความสุข ความพอดีไม่ได้

เหตุที่ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้ที่มีเงินทองมากมายนัก ก็เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนคนทั่วๆไปในสังคม การอยู่การกินก็เหมือนคนปกติทั่วๆไป

ดังนั้น การงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด จะออกมาเป็นลักษณะที่เขาเรียกว่า “เจเขี่ย”
คือ เลือกเอาเนื้อสัตว์ออกเสีย ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ หรือ พยายามเลือกทานแต่ผัก
แต่ก็ยังพอหาอาหารที่ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ปรุงมา และมีหลายครั้งที่สั่งทำอาหารเป็นพิเศษโดยไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์

การประพฤติ ปฏิบัติ ของข้าพเจ้านั้น ก็ไม่เคยนึกรังเกียจผู้ที่ทานเนื้อสัตว์
บ่อยครั้งเสียด้วยที่นั่งโต๊ะรับประทานอาหารร่วมกับผู้ที่บริโภคเนื้อสัตว์ และผู้ที่นิยมบริโภคเนื้อสัตว์บางท่าน มักไม่ค่อยชอบทานผัก จึงเป็นการดีสำหรับข้าพเจ้า และเขาเหล่านั้น ที่จะได้รับประโยชน์ร่วมกัน

แต่ถ้าจะว่าไปแล้ว ถ้าจะให้บริสุทธิ์ปราศจากเลือดและเนื้อ ก็ต้องอาหารเจ ซึ่งหาซื้อรับประทานได้ง่ายในช่วงเทศกาลกินเจ หลังจากนั้นแล้วไม่ค่อยมีร้านไหนทำขาย

ตามที่ได้กล่าวมาแล้วว่า การประพฤติ ปฏิบัติ ของข้าพเจ้านั้น ตามเหตุปัยจัย ไม่ใช่ถึงกับเคร่งเครียด จนทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ เป็นโทษ หาความสุข ความพอดีไม่ได้

ด้วยผลบุญกุศลแห่งการประพฤติปฏิบัตินี้ ขอจงเป็นตบะเดชะ เป็นพลวปัจจัย ในยุคสมัยที่ข้าพเจ้าตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น ขอให้สัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียน ไม่ทำร้ายประทุษร้ายต่อกัน ไม่กัดกินกันเองเป็นอาหาร จงเป็นผู้ที่มีเมตตาจิตรักใคร่ต่อกันด้วยเทอญ สาธุ

 

.....ที่คุณทำอยู่เขาเรียกมังสวิรัติ ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ใช่กินเจ กินเจจะต้องงดกินผักบางอย่างเช่น กระเทียม คึ่นไช่ด้วย แต่ระวังตัวซีดนะครับ เพราะไม่มีโปรตีนสร้างเม็ดเลือดทดแทนเม็ดเลือดเก่าที่ใช้ไม่ได้ ไปฟอกเลือดก่อนครับ เดี๋ยวมาคุยใหม่

 

งดทานเนื้อสัตว์ได้ก็ดีครับ

เป็นการเสริมบารมีพุทธภูมิ แต่ข้อสำคัญที่สุด คือ ทาน ศีล ภาวนา ครับอย่าให้ด่างพร้อย

ใจอยากทานเนื้อก็ทาน ใจอยากทานเจก็ทาน ... เอาสะดวกครับ




.

 

ในเมื่อพระบรมศาสดาไม่ได้ทรงห้ามไว้ เราก็ทำตัวเป็นคนเลี้ยงง่ายจะดีกว่ามังครับ

 

............................................................................
เฉพาะพระโพธิสัตว์นะครับ ไม่ใช่มนุษย์ อย่างเราๆ เพราะระดับการบำเพ็ญบารมี ไม่เท่ากัน
พระไตรปิฎก พุทธวงศ์ หรือพระอภิธรรม พระโพธิสัตว์ กินผลไม้ที่หล่น ใบไม้ต้มน้ำ อาหารประเภทนี้แหละ
จะเห็นเจตนาของพระโพธิสัตว์
ต้วอย่างข้อความ ครับ
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
<span class="LineNumber"> 007 </span> <B>เรา(สมัยเป็นพระโพธิสัตว์)ละธัญชาติที่หว่านแล้วปลูกแล้ว
<span class="LineNumber"> 008 </span> โดยไม่เหลือถือเอาผลไม้ที่ตกตามแต่หาได้

 

และคำว่าพระโพธิสัตว์ในพระไตรปิฎกต้องมีคุณสมบัติ ๘ ประการนะครับ
ไม่ใช่พวกนั่งๆนึกๆก็จะเป็นพระโพธิสัตว์หรือก็คือพุทธภูมิ
เดี๋ยวนั่งๆนอนๆก็จะลาพุทธภูมิ
และโดยเฉพาะข้อ ๓ เหตุ พูดง่ายๆคือขณะปราถนาพุทธิภูมินั้น ท่านมีบารมีพร้อมจะเป็นพระอรหันต์
๒๕. โคตมพุทธวงศ์

พรรณาวงศ์พระโคดมพุทธเจ้าที่ ๒๕
เรื่องนิทานกาลไกล
เพราะเหตุที่ถึงลำดับการพรรณนาวงศ์ ของ
พระพุทธเจ้าของเราแล้ว ฉะนั้น บัดนี้จะพรรณนา
วงศ์พระพุทธเจ้าของเรานั้น ดังต่อไปนี้.
ในนิทานกาลไกลนั้น พระโพธิสัตว์ของเราทรงทำอธิการในสำนักของพระพุทธเจ้า ๒๔ พระองค์มีพระทีปังกรพุทธเจ้าเป็นต้น มาถึงสี่อสงไขยกำไรแสนกัป แต่ส่วนกาลภายหลังของพระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น เว้นแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้.
ดังนั้น พระโพธิสัตว์ผู้ได้พยากรณ์ในสำนักพระพุทธเจ้า ๒๔ พระองค์ ก็ทรงบำเพ็ญพุทธการกธรรมมีทานบารมีเป็นต้น ที่พระโพธิสัตว์ผู้รวบรวมธรรม ๘ ประการเหล่านี้ว่าอภินีหารย่อมสำเร็จได้ เพราะรวบรวมธรรม ๘ ประการ คือ
๑. มนุสสัตตะ เป็นมนุษย์
๒. ลิงคสัมปัตติ เป็นเพศบุรุษ
๓. เหตุ มีอุปนิสสยสมบัติบรรลุมรรคผลได้
๔. สัตถารทัสสนะ พบพระพุทธเจ้าขณะที่ยังทรงพระชนม์อยู่
๕. ปัพพัชชา บวชเป็นดาบสหรือภิกษุอยู่
๖. คุณสมบัติ ได้สมาบัติ ๘ และอภิญญา ๕
๗. อธิการ อาจสละชีวิตแก่พระพุทธเจ้าได้
๘. ฉันทตา มีฉันทะ อุตสาหะ บำเพ็ญพุทธการกธรรม.

 

ขอให้ทำตามจริตและเจตนาอันบริสุทธิ์ของแต่ละคนเถิด ทานเนื้อก็ดี ทานเจก็ดี ทานมังก็ดี .. กาย วาจา ใจ ที่บริสุทธิ์ เดินตามทางอันเป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว ย่อมก่อเกิดกุศล บารมี โดยมีเจตนาเป็นที่ตั้ง

บุญใด กุศลใด ที่ท่านทั้งหลายทำมาดีแล้ว ข้าพเจ้าขออนุโมทนา สาธุ ...

 

อยู่ที่การทำความเข้าใจ อบรมณย์

และขัดเกลา :z4 ที่จิตรเป็นหลักครับ

rabbit_eating การกินเพื่อยังอัตภาพให้ดำรงอยู่

ลองดูถ้าชอบแบบไหนตามสะดวกครับ.

 

จะโปรดเขาจะกล้ากินเนื้อเขาหรือ โพธิสัตว์แลไปในหมู่สรรพสัตว์ เห็นโทษของการบริโภคเนื้อสัตว์ ยกเว้นจะสำเร็จหลุดพ้นเฉพาะตนไม่ต้องเว้นเนื้อสัตว์ก็ได้

 

อ้างอิงข้อความเดิม boontar
และคำว่าพระโพธิสัตว์ในพระไตรปิฎกต้องมีคุณสมบัติ ๘ ประการนะครับ
ไม่ใช่พวกนั่งๆนึกๆก็จะเป็นพระโพธิสัตว์หรือก็คือพุทธภูมิ
เดี๋ยวนั่งๆนอนๆก็จะลาพุทธภูมิ
และโดยเฉพาะข้อ ๓ เหตุ พูดง่ายๆคือขณะปราถนาพุทธิภูมินั้น ท่านมีบารมีพร้อมจะเป็นพระอรหันต์
๒๕. โคตมพุทธวงศ์

พรรณาวงศ์พระโคดมพุทธเจ้าที่ ๒๕
เรื่องนิทานกาลไกล
เพราะเหตุที่ถึงลำดับการพรรณนาวงศ์ ของ
พระพุทธเจ้าของเราแล้ว ฉะนั้น บัดนี้จะพรรณนา
วงศ์พระพุทธเจ้าของเรานั้น ดังต่อไปนี้.
ในนิทานกาลไกลนั้น พระโพธิสัตว์ของเราทรงทำอธิการในสำนักของพระพุทธเจ้า ๒๔ พระองค์มีพระทีปังกรพุทธเจ้าเป็นต้น มาถึงสี่อสงไขยกำไรแสนกัป แต่ส่วนกาลภายหลังของพระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น เว้นแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้.
ดังนั้น พระโพธิสัตว์ผู้ได้พยากรณ์ในสำนักพระพุทธเจ้า ๒๔ พระองค์ ก็ทรงบำเพ็ญพุทธการกธรรมมีทานบารมีเป็นต้น ที่พระโพธิสัตว์ผู้รวบรวมธรรม ๘ ประการเหล่านี้ว่าอภินีหารย่อมสำเร็จได้ เพราะรวบรวมธรรม ๘ ประการ คือ
๑. มนุสสัตตะ เป็นมนุษย์
๒. ลิงคสัมปัตติ เป็นเพศบุรุษ
๓. เหตุ มีอุปนิสสยสมบัติบรรลุมรรคผลได้
๔. สัตถารทัสสนะ พบพระพุทธเจ้าขณะที่ยังทรงพระชนม์อยู่
๕. ปัพพัชชา บวชเป็นดาบสหรือภิกษุอยู่
๖. คุณสมบัติ ได้สมาบัติ ๘ และอภิญญา ๕
๗. อธิการ อาจสละชีวิตแก่พระพุทธเจ้าได้
๘. ฉันทตา มีฉันทะ อุตสาหะ บำเพ็ญพุทธการกธรรม.

.....พระไตรปิฎกกล่าวไว้ถูกต้องดีแล้ว แต่อย่าลืมว่า พระโพธิสัตว์มีอยู่ ๒ ประเภท คือ
๑.อนิยตะโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์มีคติไม่แน่นอนจะลาหรือจะไปต่อก็ได้ ประเภทนี้เป็นลูกผีลูกคนอยู่
๒.นิยตะโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้รับพระพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว เป็นผู้จะได้บรรลุพระอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแน่นอน

.....พระโพธิสัตว์นั้น แค่ตัดสินใจปรารถนาพุทธภูมิ ท่านก็เรียกพระโพธิสัตว์แล้ว สมัยที่องค์พระศากยมุนีพุทธเจ้าของเราเริ่มปรารถนาพุทธภูมิ ท่านแบกแม่ของท่านใส่บ่าลอยข้ามทะเลอยู่ ๗ วันค่อยถึงฝั่ง พอถึงฝั่งท่านก็กราบแม่ของท่านแล้วกล่าว่า " ด้วยบุญที่ลูกพาแม่ลอยน้ำมาถึงฝั่ง จงเป็นปัจจัยให้ลูกพาสัตว์ทั้งหลายข้ามโอฆะสงสารเข้าสู่พระนิพพานในอนาคตด้วยเถิด " นับตั้งแต่นั้นพระองค์ก็ค่อยๆสร้างบารมีมาจนเต็มเปี่ยมได้ตรัสเป็นพระบรมครูของเราทั้งหลายในตอนนี้ แลอีกที่หนึ่งในอนาคตวงศ์ก็ไม่เห็นมีพระโพธิสัตว์องค์ใหนมีธรรมสโมธานครบ ๘ ประการสักองค์ boontar เอ๋ย ถ้าคุณไม่ใช่ผู้ปรารถนาพุทธภูมิก็อย่ามาหาว่าท่านผู้ปรารถนาพุทธภูมิเลย มันเป็นบาปกรรมติดตัว ใครเขาจะปรารถนาพุทธภูมิหรือลาพุทธภูมิก็เรื่องของเขา พระองค์ที่ ๑๐ ท่านเคยตรัสไว้ว่า " เพราะฉะนั้นการหวังพุทธภูมิ แม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉานก็ได้ชื่อว่าสมควรที่จะกราบไหว้บูชา เพราะไม่ใช่ร่างสัตว์ธรรมดา แต่เป็นร่างของพระโพธิสัตว์ " ผมรู้ว่าคุณชอบเอาพระไตรปิฎกมาอ้าง พระไตรปิฎกผมอ่านตั้งแต่อายุ ๑๓ ปี ตั้งแต่เรียนบาลีประโยค ๑-๒ อยู่โน่น สอบผ่านแต่จนป่านนี้ผมยังไม่เข้าใจเลย หรือผมโง่เปล่าก็ไม่รู้ หรือคุณ boontar เรียนบาลีมาเหมือนกันชอบอ้างข้างๆคูๆ สุตตันตปิฎก/ขุททกะนิกาย/ชาดก อปทานฝ่ายกุศลและฝ่ายอกุศลขององค์พระปัจจุบัน และจริยาปิฎก ดูอ่านดูให้ดีๆ ไม่เข้าใจก็ไต่ถามพระมหาเถระที่ท่านเข้าใจและชำนาญในพระไตรปิฎก อย่าฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับเอามากระเดียด

 

งดได้ก็จะดีต่อสุขภาพมากเลยครับ ท่านพี่

ยอมอด...เพื่อให้ชีวิตสัตว์


หลวงพ่อชา สุภัทโท

เช้าวันหนึ่งก่อนจะออกบิณฑบาต หลวงพ่อจึงเดินไปดูปลาเพื่อช่วยชีวิตมันทุกเช้า

แต่วันนั้นไม่ทราบใครเอาเบ็ดมาตกไว้ตามริมแอ่งน้ำ

เห็นเบ็ดทุกคันมีปลาติดอยู่ หลวงพ่อจึงรำพึงว่า

เพราะมันกินเหยื่อเข้า... ไป เหยื่อนั้นมีเบ็ดด้วยปลาจึงติดเบ็ด

มองดูปลาติดเบ็ดสงสารก็สงสาร แต่ช่วยมันไม่ได้ เพราะเบ็ดมีเจ้าของ

ท่านจึงมองเห็นด้วยความสลดใจ เพราะความหิวแท้ๆเจ้าจึงหลงกินเหยื่อที่เขาล่อไว้

ดิ้นเท่าไรๆก็ไม่หลุด เป็นกรรมของเจ้าเองเพราะความไม่พิจารณาเป็นเหตุให้เตือนตนว่า...

" ฉันอาหารไม่พิจารณาจะเป็นเหมือนปลากินเหยื่อย่อมติดเบ็ด..."


ได้เวลาจึงกลับออกไปเที่ยวภิกขาจาร ครั้นกลับจากบิณฑบาตเห็นอาหารพิเศษ

มองดูเห็นต้มปลาดุกตัวโตๆทั้งนั้น หลวงพ่อนึกรู้ทันทีว่า

ต้องเป็นปลาติดเบ็ดที่เราเห็นนั้นแน่ๆ บางทีอาจจะเป็นพวกที่เราเคยช่วยชีวิตเอามันลงน้ำก็ได้

ความจริงก็อยู่ใกล้ๆแอ่งน้ำนี้เท่านั้น...และโดยปกติแล้วอาหารจะฉันก็ไม่ ค่อยจะมีอยู่แล้ว

แต่หลวงพ่อเกิดความรังเกียจขึ้นมา ถึงเขาจะเอามาประเคนก็รับวางไว้ตรงหน้าไม่ ยอมฉัน

ถึงแม้จะอดอาหารมานานก็ตาม เพราะท่านคิดว่าถ้าเราฉันของเขาในวันนี้

วันต่อๆไปปลาในแอ่งน้ำนั้นก็จะถูกฆ่าหมด เพราะเขาจะทำเป็นอาหารนำมาถวายเรา

ปลาตัวใดที่อุตส่าห์ตะเกียกตะกายขึ้นมา พบแอ่งน้ำแล้วก็ยังจะต้องพากันมาตาย

กลายเป็นอาหารของเราไปหมด ดังนั้นหลวงพ่อจึงไม่ยอมฉัน

จึงส่งให้พระทองดีซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ พระทองดีเห็นหลวงพ่อไม่ฉัน

ก็ไม่ยอมฉันเหมือนกันมีอะไรที่ไปบิณฑบาตได้มาก็แบ่งกันฉันตามมีตามได้

ส่วนโยมที่เขาต้มปลามาถวาย นั่งสังเกตอยู่ตั้งนานเมื่อเห็นพระไม่ฉันจึงเรียน ถามว่า

ท่านอาจารย์ไม่ฉันต้มปลาหรือครับ ...หลวงพ่อจึงตอบว่าสงสารมัน เท่านี้เอง

ทำเอาโยมผู้นำมาถวายถึงกับนิ่งอึ้ง...แล้วจึงพูดว่า

ถ้าเป็นผมหิวอย่างนี้คงอดไม่ได้แน่ๆ
ตั้งแต่นั้นมาปลาในแอ่งน้ำนั้นจึงไม่ถูกรบกวนพวกโยมก็พากัน เข้าใจว่าปลาของวัด...

 

dkime8;k,xik5ok การทำความปราถนาได้ ถ้าพวกท่านไม่ทำ จะสำเร็จได้ไง เมื่อทำแล้ว ได้แล้ว จึงชื่อว่าทำ ถ้ายังใช้แต่ ปากพูด อย่างเดียวนั้น มันไม่ใช่วิสัยของพุทธภูมิ อย่าใช้ แต่ปาก เพราะผมไม่ชอบ ผมได้ จึงมาพูด ถ้ายังทำไม่ได้ ก็ไม่พูดเช่นกัน ถ้าพูด ก็ต้องมีเหตุผล ของผม พุทธภูมิ แท้ผมไม่ว่า กลัวไอ้พวกประเภท พุทธภูมิ เทียม มันมีอยู่ ไม่ได้ ยะโสโอหัง เพราะ ว่า มันไม่ใช่ของเล่น มันเป็นของที่สูงส่งมากครับ แต่เรื่องบารมี ไม่ว่า กัน ว่ากันไปตามขั้น ถ้าพุทธภูมิ ที่ดี ควร ช่วยเหลือกัน ช่วยส่งเสริม แต่มันเป็นธรรมดา ของจิต ที่เป็นกุศล และอกุศล แต่พยายาม เอามันออกไป


แล้วพุทธภูมินี่ มันต้อง ทำลองทุกอย่าง ทุกประเภท ลองผิด ลองถูก และข้อสำคัญ จงใช้ ปัญญา ให้หนัก หนักแน่น ดั่งขุนเขา การ กินเจ นี้ผมทำมาเกือบ พรรษา ยังไม่ได้อะไรเลย แต่ประโยชน์ มีนะ อย่างน้อย กายเบา เมื่อกายเบา ทำให้จิต ชุ่มชื้อ ภาวนาพิจรณา แยบคายขึ้น จิตเป็นสมาธิดี แต่กิเลส เหมือนเดิม ทุกประการ ขอเอาคำพูด ของพระอรหันตื มาพูดนะที่นี้ หน่อยนะครับ หลวงปู่แหวน กว่าวไว้ว่า วัวควาย มันกินหญ้า ทั้งชีวิต ไม่เห็น มันเป็นพระอรหันต์เลย อันนี้ ของท่านนะ แต่เรา ยังพึ่งพูด เรายังเป็นปุถุชนอยู่ เอามาใช้ได้ บางคราวบางครั้ง เท่านั้นครับ


เมื่อคืนเข้ามาอ่านของแต่ละท่านแล้ว ล้วนมีเหตุ ผล ต่างกันไป แต่พุทธภูมิมันต้องผ่านหมด ไม่งั้น ไปเป็นครูเขาไม่ได้หรอก ยังมีอีกเยอะ ที่ผมจะพูด มันไม่สามารถ นำมาพูดได้หมดครับ ถึงคนอื่นพูด แต่ตนเองไม่ได้ทำ มันจะรู้ได้ไง ว่า คุณ กินเกลือหรือแกง เพราะมันต้องลองดู แต่ถ้าเป็นนักบวช มันต้องเป็นผู้เลี้ยงง่ายทำได้ แต่อย่าให้ใครเดือด ร้อน ที่ผมพูดนี่ ว่าจริงไหม แล้วไอ้พวก ที่ บอกเป็นพุทธภูมิ ไม่ต้องการ มีเมีย มีลูก นั้น ไปไกลๆยิ่งดี ถ้าลดทิฏฐิ คุยกันดีๆ มันต้องมีเยอะเสียด้วย เพราะคุณ ต้อง ช่วยเหลือสัตว์ มีบริวารมาก บางชาติมีนับร้อยนับพัน แต่ต้องสร้างมาให้พร้อม ให้เมียน้อยเมียใหญ่ เขายอมรับ เรา ในการบำเพ็ญ บารมีของเราเขาต้องยอมรับได้ มีน้ำใจกว้าง เหมือนมหาสมุทร ทั้ง ๔ แค่นี้ ยังทำกันไม่ได้ มันยากไหม พี่น้อง ยากแต่ก็ต้องทำ เพราะ ทำความปราถนามาแล้วนี่ แค่นี้ แค่ ยังไม่ใช่ เศษละออง ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทำมาแล้ว จนพวก เราได้ สดับรับ ฟังธรรมเรียนรู้ ไว้ ให้รอบด้าน ไม่มีใครผิดถูก หรอก


มีถูก มันก็มีผิด อยู่ในนั้น มีผิด มันก็มีถูก อยู่ในนั้น แต่ว่า ใครจะแยกแยะ ว่า ทำให้ถูกมากกว่ากันครับ ตาบใด ไม่ว่า พวกท่าน หรือ ผม มันยังหลงโลกกันทั้งนั้น ๆ แต่พยายาม ทำไป ด้วย ความวิริยะ อุตสาหะ จนเรามีบารมีแก่กล้า กำลังใจ เป็นหนึ่งไม่มี สอง แล้วไปให้ถึง ยังไม่ถึง ก็มาเกิดทำไปให้ถึง พุทธภูมิ มันต้องมาเกิด ระหว่างคนกับสัตว์เท่านั้น ต้องขยันเกิด ขยันตาย ให้มากๆ เพราะอะไรรู้ ไหม เป็นเทวดา กับพรหม เขาไม่คิดให้ ถ้า พวกสาวกนี่ ทำได้ บ่มีปัญหา ก็ไอ้เรานี่ อยากทำความปราถนาสูง แม้ เดินลุยไฟ ข้ามไปทั้งโลก คุณก็ต้องทำให้ได้ ถ้ายัง ยังอยู่อีกไกลครับ


โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง คุณนั้นได้ กรรมฐาน ๔๐ กับมหาสติปัฏฐาน ๔ กันหรือยัง และเรียนรู้ อารมย์พระอริยเจ้า ตั้งแต่ พระโสดาบัน ถึงอารมยพระอรหันต์ ฉนั้น พวกคุณ ที่ปราถนากันนี่ ต้องทำไปให้ถึง ชาตินี้ไม่ถึง ชาติหน้าไปเรื่อยๆ ต้องเกิดแล้ว จนว่านับชาติไม่ถ้วน เป็นอสงไขยๆกัป แล้วคุณๆท่านทั้งหลายน่ะ ทำมาด้านไหนกันล่ะ ในด้าน ปัญญา ธิกะ ศรัทธาธิกะ หรือ วิริยาธิกะ กันเล่า ว่าไปตามนั้นเลยครับ แล้วชาติ สุดท้าย พวกคุณ เตรียม ตัวเตรียมใจ ต้องไปบริจาค ลูกเมียให้เป็นทาน ผมจะได้ ไปขอไง เล่า นี่ ผมสัปยอก พวกคุณนะ มันเป็นกฎตายตัว คุณหนีไม่พ้น แน่นอน ถ้าไม่มีลูกเมีย ทำร่วมกับคุณ หรือยังไม่ได้ ยังว่า พวกคุณ ต้องแวะไปหา พระปัจเจ กะพุทธเจ้า หรือสาวกครับ ว่ากันไป เริ่มต้น อาจจะแรงไปหน่อย ขออภัยแล้วกัน ถ้าไม่ชอบใจ ถ้าแค่นี้ ยังทำกันไม่ได้ มันไปไม่ถึงหรอก ที่มาพูด กันนี่ มันพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น ยังไกลเกินเอื้อม


ผมขอให้กำลังใจ ในทุกทำความปราถนา ของพวกคุณ ทุกๆท่าน เปลี่ยนใจกายกันใหม่ มาอนุเคราะ สงเคราะ ซึ่งกันและกัน ให้อภัยกัน แล้วพวกคุณ จะไปได้ สวยกว่านี้ครับ เอา พวกท่านทุกคน จงเข้าไป อ่าน ในเรื่อง หัวข้อ ของพุทธภูมิ (วิริยาธิกะ พิเศษ บันทึก) ผมไปถกกันอยู่ ผมว่านั่นแหละ ของจริงเลย กำลังไม่ธรรมดา นั่นน่ะ ผมจะไปไม่รอด อยู่แล้ว แต่ต้องสู้ ให้หมดฤทธิ์ ตัวปัญญา ก่อน หรือกำลังก่อน ยังไม่ยอม แพ้ง่ายๆ แพ้เมื่อไหร่แล้ว จะอำลาเอง ต้องเข้าไปดู กำลังใจ ของท่านพี่ พี ที โอ และการโต้ตอบกัน ขอเชิญนะ ทุกท่าน อย่างน้อย ท่านต้อง ผ่านตามนั้นเลย

 

บางอย่างต้องปล่อยไปครับคุณให้เขาเรียนถูกเรียนผิดเอง กับใจเอง จริงๆ ครับ จริงๆบางครั้งบางชาติ เขาก็มาในลักษณะนั้นเหมือนกัน ทุกคนแหละ มีหลวงพ่อผัก องค์ หนึ่ง ที่ผมรู้จัก เขาให้ฉายาท่านว่า หลวงพ่อผัก ตอนนี้ท่าน มรณะไปแล้วครับ อยู่ วัดไปทาง ภ้ำเขาวงค์ อ.บ้านไร่ จ .อุทัยธานี ท่านฉันผัก ผลไม้มา เป็นสิบๆปี นะตรงนี้ ส่วนใหญ่ ท่านจะ กินผัก ผลไม้เป้นหลัก แล้วแต่ ชาติไหนๆบ้าง พวกพุทธภูมิ นี่ มันหนีไม่พ้นแน่นอน หรอก ถ้าขี้เกียจ ก็ ยังห่าง มาก แค่ชาตินี้ ทำมันมาทุกอย่าง ยังไม่ได้อะไรเลย พวกคุณ ย้อนไปดู พระพุทธเจ้า ของเรา ต้องเกิดเป็น ฤาษี นับชาติไม่ถ้วน ส่วนใหญ่ ท่านจะทาน ผัก ผลไม้ ที่ชาติ เกิดเป็นพระฤาษี ตอนพระชาติ พระเวส สันดร ชาดก ตอนโดนขับ ไปบวชเป็น ฤาษี อยู่พักหนึ่ง พระแม่ เจ้า ชื่ออะไรนะ จำไม่ได้ นึกไม่ออก ต้องออกไปหา ผลไม้มาให้ พระสวามีทาน กับลูกของท่าน กันหาและชาลี


แต่จะว่าไม่ได้อะไรเลย ก็ไม่ได้ กำลังใจมันแค่เบา ลงมาหน่อยเดียวเอง และกล้าพูดนะที่นี้ไว้เลยว่า โลกนี้ ที่เขาทำกันทั่วไป ผมลองทำมาแล้ว แทบทั้งสิ้น แค่ยังไม่ได้ บริจาค ลูกเมีย ให้เป็นทาน เท่านั้นแหละ นอกนั้นทำมายิ่งกว่า ชาวบ้านทั่วไป ทำได้แล้วถึงกล้าพูด ถ้ายังก็ไม่พูด แต่กรรมฐาน ๔๐ มหาสติปัฏฐาน ๔ ทำไม่เคยได้ ฌาณ ๓-๔ เลย ส่วนใหญ่แค่ อุปจาระสมาธิ เท่านั้น ทำไปๆ เหมือนมันมีอะไร มาขวางกั้นอยู่ แต่ถ้าพูดถึง อารมย์พระอริยเจ้า พอๆรู้งูๆปลาๆ ว่าทุกคน ทำได้ทุกคนแหละ แต่จะทำได้ ถึงขนาดไหน เท่านั้น แค่ แว่บๆ ก็ยังดีนะ ยังพอรู้บ้าง แค่ แว่บ เข้าไปรู้ อารมย์ อืม


แค่เราทำจิต ให้ว่างจากกิเลส ชั่วงู แลบลิ้น ไก่กระพือปีก ช้างกระดิกหู ถ้าทำได้ทุกๆวัน แค่นี้ ครูบาอารย์ และพระพุทธองค์ ทรงกว่าวไว้ว่า เรากว่าวว่า บุคคล ผู้นั้นไม่ว่าง จาก ฌาณ เลยครับ ฟังดูแล้วไม่ธรรมดานะครับ ผมน่ะ เคยกิยเจ ตามนี้ เกือบพรรษา คือ เอามะพร้าวมาขูด แล้ว มาคั่ว ให้สุกพอดี ไม่ไหม้ แล้วเอา ถั่ว คุด หรือ ถั่ว ลิสงนั่นแหละมา คั่ว แล้วตำ ให้ละเอียด พอดู แล้วเอางามาผสม คั่ว ให้เข้ากัน แล้วเอา มารวมใส่ คนให้เข้ากัน ใส่เกลือป่น พอเหมาะ เค็ม พอประมาณ แล้วเก็บใส่โหล คุณจะเอาไว้นาน ได้เป็นปีๆ ถ้าใครอยากลอง ดู เชิญได้ครับ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนด้วย


ท่านเจ้าของกระทู้ สิ่งไหน ถ้ามันการอวดกิเลส กัน หรือทำให้เดือดร้อน ผู้อื่น หรือไม่เหมาะ สมควร บางประการ ก็ งดเว้น ก็เป็นการ ดีครับ เพราะบางอย่าง บางประการ เขาหาว่าเราเอามาอวด เราเป็นพี่น้อง ร่วม ปฏิบัติธรรมแล้ว แล้วเป็นพี่น้อง ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนกันหมด ผมไม่ได้ด่าว่า แต่ติงไว้ ผมยังไม่เคย ตั้งเป็นกระทู้ ของตัวเองเลย กระทู้ ผู้อื่นมาร่วม แสดง ความคิดเห็น พี่น้อง ทีทำความปราถนา อันยิ่งใหญ่ ครูบาอาจารย์ ท่านไว้ ชัดเจน เลย ว่า คนที่ ปราถนา พุทธภูมิ ในวันนี้ จิตผู้นั้น จะเป็นพุทธภูมิ ทันที แม้พระอรหันต์ ไม่ใช่ ระดับแม่ทัพ ถ้าพระโพธิสัตว์ บวชเป็นพระ อรหันต์ ปรกติ ธรรมดา ต้องนั่ว รอง พระโพธิสัตวืเลยนะ แม้ พระพุทธองค์ ก็ทรงตรัสไว้เช่นกันครับ ไม่ใช้ อ่านอย่าง ต้องหาทางพิสูตรเอง ว่าจริงเท็จเป็นประการใด สวัสดี

 

อนุโมทนาครับด้วยพี่บุญทรง ​

ชมคนด้วยวาจา...มีค่ายิ่งกว่ามอบไข่มุกให้เป็นของขวัญ
ทำร้ายคนด้วยวาจา...สาหัสกว่าทิ่มแทงด้วยหอกดาบ

 

ผมนำพระไตรปิฎกมาเสนอ---เน้นที่พุทธพจน์ --ธัมมะสามีกลับไม่เห็นด้วยและคัดค้านแม้กับพุทธพจน์
แต่ธัมมะสามี กลับเอาสิ่งที่ไม่มีในพระไตรปิฎกมานำเสนอ---อนาคตวงศ์ที่ธัมมะสามีอ้างนั้น ไม่ใช่พระไตรปิฎก แต่ธัมมะสามีก็เอามาค้านพระไตรปิฎก
ธัมมะสามีควรไปเขียนพระไตรปิฎกฉบับของตนเอง

 

อ้างอิงข้อความเดิมพี่บุญทรง
ท่านเจ้าของกระทู้ สิ่งไหน ถ้ามันการอวดกิเลส กัน หรือทำให้เดือดร้อน ผู้อื่น หรือไม่เหมาะ สมควร บางประการ ก็ งดเว้น ก็เป็นการ ดีครับ เพราะบางอย่าง บางประการ เขาหาว่าเราเอามาอวด เราเป็นพี่น้อง ร่วม ปฏิบัติธรรมแล้ว แล้วเป็นพี่น้อง ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนกันหมด ผมไม่ได้ด่าว่า แต่ติงไว้ ผมยังไม่เคย ตั้งเป็นกระทู้ ของตัวเองเลย กระทู้ ผู้อื่นมาร่วม แสดง ความคิดเห็น พี่น้อง ที่ทำความปราถนา อันยิ่งใหญ่ ครูบาอาจารย์ ท่านไว้ ชัดเจน เลย ว่า คนที่ ปราถนา พุทธภูมิ ในวันนี้ จิตผู้นั้น จะเป็นพุทธภูมิ ทันที แม้พระอรหันต์ ไม่ใช่ ระดับแม่ทัพ ถ้าพระโพธิสัตว์ บวชเป็นพระ อรหันต์ ปรกติ ธรรมดา ต้องนั่ง รอง พระโพธิสัตว์เลยนะ แม้ พระพุทธองค์ ก็ทรงตรัสไว้เช่นกันครับ ไม่ใช่ อ่านอย่าง ต้องหาทางพิสูตรเอง ว่าจริงเท็จเป็นประการใด สวัสดี

 

กินได้ละครับ คือบางทีเราเรื่องมากในการกิน แทนที่จะละวางบ้างกลายเป็นยึดติดไปกันใหญ่ ที่บ้านผมบอกพ่อแม่ว่าถ้าซื้อปลาให้ซื้อที่ตายแล้ว ไม่สั่งฆ่า ส่วนหมูกะไก่ก็เดินซื้อเอาตามตลาดแบบปกติ

แต่ถ้าเกิดว่าเจริญเมตตามากๆแล้วคือมันจะไม่อยากกินไปเอง ไม่จำเป็นต้องนับถืออะไร ความอยากมันจะลดลงไป แต่มันก็มีกลับมาใหม่เหมือนกัน

สรุปคือถ้าหากินไม่ลำบาก ไม่เดือดร้อนคนใกล้ตัวก็ท่าไปไม่เป็นไรหรอกครับ

ปล.ความเห็นส่วนตัวนะครับ