การปูพื้นฐาน"จิต"..สำคัญยิ่งในการปฏิบัติธรรม และในโลกปัจจุบัน

สังคมคนไทยป่วย เราป่วยทางจิตมากมายโดยรู้ตัว-และไม่รู้ตัวเอง..โดยเฉพาะในห้องศาสนา สาเหตุหลักๆมาจาก การเสพ ข้อมูล ข่าวสาร ที่มาจากต่างที่กัน ต่างครูอาจารย์กัน ต่างสำนักกัน จากการที่ได้รับข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ที่เป็นเท็จ-หรือจากการได้รับข้อมูลที่จริง-ปนเท็จ-(ข้อมูลจริงต่างฝ่าย ต่างอ้าง-จึงยังไม่ชี้ชัด) ยิ่งความรู้ที่เกิดจาก จารีต ประเพณี นี้ห้ามแตะ ในสังคมฐานความเชื่อนี้ (ไม่ใช่สังคมฐานความรู้-เพราะความรู้จริงยังอ้างกันทุกฝ่ายจึงยังไม่ยุติ) เพราะมันคือ เส้นประสาท ของสังคม ทีเดียว....

มีบางคนยอมรับความรู้ใหม่-บางคนไม่ยอมรับ-ตำราที่มี ที่ใช้อยู่ ก็ไม่สามารถจะฟันธงได้เลยว่า ฝ่ายไหน "ถูกต้อง"..นี่แหละสงครามศาสนาละ แต่เป็นศาสนาเดียวกัน.. ทำให้ "..จิตใจ" ของประชาชนทั่วไป ป่วย..ต่างฝ่ายต่างก็อ้าง เหตุผล-อัตตา-ของตนเอง จุดจบจะอยู่ตรงไหน..ใครวานบอกทีครับ

จิตใจของผู้เสพสื่อ ข้อมูล ตึงเครียด ฟุ้งซ่าน วิจิกิจฉา ของประชาชนทั่วไป ป่วย..ทั้งบ้านทั้งวัด โรคซึมเศร้า-ไบโพลา-การฆ่าตัวตาย- ปัจจุบัน ปาเข้าไป ชั่วโมงละ6 คน(ที่ฆ่าตัวเองสำเร็จ) จำนวนคนปีละ6หมื่นคน ที่พยายามฆ่าตัวตาย(ข่าวทีวีครับ)
..เราจะ "ปูพื้นฐาน จิต ของเราแบบไหน-ยังไง กันดี ใช้ธรรม บทไหน-หมวดไหน-ดีครับ" เชิญทุกท่านธรรมสากัจฉาครับ

 

ของมันมี เหตุ อะฮับ

คนเรา หาก ศีล ทาน ที่มีเป็นต้นทุน อยู่กับจิต ดี พอ จนไม่ลังเล
ไม่แล่นไป ตั้งกระมวู้ เพื่อ ดักตีหัวฝ่ายตรงข้าม เพื่อจะได้ทำคะแนน
ให้ฝ่ายตนยอมรับ

ศีล และ ทาน จะยังให้จิต ไม่แส่ส่าย เกิด กามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก

เอาจิต ที่ปราศจาก วิตก3 มา เจรจา พาทีทิน มันก็ นกแอร์ มีรอยเท้านก
ในอากาศ เป็นทุน

เหลือแต่ สัททาใน ตำรา สัทธรรมของ พระผู้มีพระภาค ไป ตาม สัจจ
ที่พระพุทธองค์ ทรงบัญญัติไปอย่างซื่อๆ

พระพุทธองค์ โชวดอกบัวสีแดง คนมีทาน มีศีล ก็ จิตตั้งมั่นด้วยสัททา
เห็น ดอกบัวสีแดง ตามสัจจความจริง ได้ไม่ยาก

แต่ถ้า ทาน ศีล พร่อง ก็นั่ง วิตกว่า ตนจะเห็น ดอกบัวสีแดงเพราะ สัทธา
หรือ ถูกสะกดจิต

เลย ลังเล บัญญัติสัจจธรรมตรงหน้า ฟังธรรม แล้ว หาทางไป ดัดจริตประกอบ
ท่าทางการปฏิบัติ เพื่อ รู้สัจจธรรม ตามพระพุทธองค์แสดงให้พิสูจน์ แทนที่จะ
เห็น ลงปัจจุบัน ผั๊วะ !!!

แป่ว แหว่ว แหว่ว แหว่ว ........

 

นิสัยคล้ายๆกันมันจะเข้าใจกัน

สติคือการเห็นกายใจ ตอนผมยังไม่ได้ปฏิบัติธรรม ผมก็สะสมอกุศลกรรมมาเยอะเหมือนกัน ชีวิตมีแต่ปัญหาตั้งแต่เด็ก เห็นความโกรธต้องแบกใว้ตลอดเวลา ทิฏฐิมานะในทางที่ผิดกล้าแข็ง ร่างกายมีความเร้าร้อนเหมือนจะเป็นไข้ เมื่อไม่ถูกใจโทสะเกิดก็จะวิ่งไปหาราคะ
และตอนนี้ นิสัยเดิมก็มีอยู่ ก็ขึ้นแต่ละคนของการเห็นกายใจครับ

 

โลกเสื่อมเพราะคนเสื่อม
คนเสื่อมเพราะอกุศลธรรมความชั่วช้า
ลามกมัน
แผ่ขยายทะลุทลวงวิ่งแรงแซงหน้า
กุศลธรรมความดีงาม
คนมีบุญน้อยใจมืดบอดมองไม่รู้ทางไหนมืดทางไหนสว่าง หรืออาจรู้แต่พอใจเดินตามกัน
เข้าอุโมงค์มืดเข้าใจว่าเมื่อเข้าไปถึงใจกลาง
อุโมงค์แล้วจะพบความสุขสมหวัง
ทั้งที่ไม่รู้ที่มาที่ไปของอุโมงค์มาก่อนเลย

ฝ่ายคนมีบุญวาสนาเห็นว่าทางสว่างที่สัตบุรุษ
ชึ้ไว้ให้เดิน สัตตบุรุษนั้นได้พิสูจน์ค้นพบ
ด้วยโพธิญาณอันลุ่มลึกแล้วนำมาเผื่อแผ่
ต่อสัตว์โลก เป็นเหมือนแสงสว่างนำทางไป
สู่ดินแดนแห่งความปลอดภัยไร้ทุกข์
พร้อมด้วยขั้นตอน ในการปฏิบัติเพื่อถึงเป้าหมาย
คือ **** ศีล สมาธิ ปัญญา *****
อย่างมีลำดับจากเบื้องต้น ท่ามกลางและขั้นสุด
ท้ายจนบรรลุและรู้แจ้ง
ความจริงของชีวิตและ
สรรพสิ่ง และหมดอารมย์กับโลกอย่างาิ้นเชิง
พร้อมมีไทม์ไลน์กรอบเวลา
กำกับมาให้ด้วยนานสุดไม่เกิน 7 ปีต
เร็วสุด 7 วัน
ดังนั้น วิญญูชนควรสนใจ
ศึกษาและปฏิบัติตามที่กล่าวมาเพื่อความสุข
ความเจริญในภพนี้และสัมปรายภพฮับ

 

กระผมใช้ เมตตา และ ปัญญาที่มี พยายามเข้าใจคนอื่น.. แล้วแลกเปลี่ยนศึกษาธรรมกัน ตามโอกาส โดยอาศัยสิ่งที่เราเคยมีประสบการณ์ผ่านมา..ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ตามกำลังครับ..ตัวท่านล่ะ ท่าน5 ห่วง..ยังไม่ได้ตอบเลย มาตั้งคำถามย้อนแย้ง-ซะแล้ว.

 

อาจารย์..ท่อนตรงนี้ใช้ปูพื้นฐานจิต ได้สงบดีมากจริง ครับ เป็นกำเนิด มูลจิต..

...ศีล และ ทาน จะยังให้จิต ไม่แส่ส่าย เกิด กามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก
เอาจิต ที่ปราศจาก วิตก3 มา เจรจา พาทีทิน มันก็ นกแอร์ มีรอยเท้านก
ในอากาศ เป็นทุน..
(ต้องใคร่ครวญก่อนให้ด้วยใช่นะครับ)

 

เคารพนับถือซึ่งกันและกัน
แต่อย่ายึดถือ ยึดมั่นถือมั่นตัวตน