การฝันร้าย

#การฝันร้าย ในบางครั้ง
ก็เป็นการชดใช้กรรมในความฝัน

-----

แม่ชี : หลวงตาคะ การเปิดบทสวดแผ่เมตตากับสวดมนต์ก่อนนอน แต่เราไม่ได้ท่องเองนะคะ มันสามารถแผ่บุญได้เอง ได้ไหมคะ?

หลวงตา : ถ้าเราไม่นึกไปด้วย มันก็ไม่ได้หรอกฮะ นั่นมันเป็นอดีต แต่ถ้าเราเปิดแล้วเรานึกตาม นั้นเป็นปัจจุบัน

แม่ชี : แสดงว่าคนที่ไม่ฝันร้ายแปลว่าเป็นคนที่น้อมจิตดีๆก่อนสวดมนต์ไป

หลวงตา : คนที่ไม่ฝันร้าย
คือคนที่ตอนนอนไม่นึกไปในทางที่ไม่ดี
ถ้าเราสังเกตตัวเราเองนะ

เพราะปกติคน เวลานอนเนี่ย
ไม่รู้ว่าหลับเมื่อไหร่หรอก
ถ้าคนสวดมนต์แล้วหลับ
จะรู้นะว่าฝันร้ายมันมาจากอะไร
จากสิ่งที่เราคิดสุดท้ายที่มันหลับ
มันก็เลยยังฝันร้ายอยู่ โดยกรรมด้วยนะ

เพราะหลวงตาเป็นประจำ
ตอนสมัยเป็นฆราวาส สมัยบวช ประจำเลย
บางทีฝันว่าไปชกมวยอะ
โดดข้ามหัวเขาบ้าง เตะเขาบ้าง
เยอะแยะไปหมดเลย

พอรุ่นหลัง รุ่นหลังนี่นะ พอเริ่มสวด สวดจนหลับ นานๆจะได้ฝันครั้ง

นานๆทีแล้วฝัน หลวงพ่อท่านว่า
"นั่นแหละคือกรรมที่เองจะต้องได้รับในอนาคต"

เพราะตอนนี้จ่อในบทสวดมนต์อยู่
เราหลับ แล้วยังฝันร้ายเนี่ย
"นั่นแหละคือการชดใช้กรรมในความฝัน"

แต่ตอนที่เราไม่ได้สวดมนต์
ไม่ได้ภาวนาอะไรเนี่ย
เรานอนเราก็ไม่ได้สวด
มันฝันน่ะเรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง

บางทีฝันมันเกิดจากอดีต
เกิดจากปัจจุบันและอนาคตที่เราคิดไว้
มันก็ฝันเหมือนกัน

ทีนี่เราเริ่มสวดมนต์เนี่ย
เริ่มสวดหลับ ซักพักมันหาย
มันจะฝันในทางที่ดี

ทีนี้วันไหนฝันไม่ดี แสดงว่าโอเครแล้วล่ะ
กรรมนะฮะ ตอนที่หลับมันจะคิดไป
แสดงว่ากรรมที่มันจะต้องเจอในอนาคต
แต่มันไปแล้ว

-----

โอวาทธรรม : พระอาทิตย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า)
ถอดบทความเป็นตัวหนังสือ : ภัคกิ
ที่มา : เทปหลวงตาตอบปัญหาธรรม วันที่ 9 กรกฎาคม 2015