การฝึกญาณ 8 (ถามตอบ ครู-ศิษย์)

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย dhamaskidjai, 14 สิงหาคม 2009.

  1. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,727
    การฝึกทิพจักขุญาณ

    [​IMG]

    คุณพรนุช คืนคงดี - ครูฝึก

    ครู : “ขณะนี้ขอให้ทุกคนตัดสินใจให้แน่นอนอีกครั้ง ว่าเราไม่ต้องการเกิดอีกต่อไป จะเป็นคน เป็นเทวดาเป็นพรหม ไม่ต้องการ ต้องการอย่างเดียวไปพระนิพพาน แม้ว่าร่างกายจะเป็นอย่างไรก็ช่าง มันจะขาดใจตายเดี๋ยวนี้เราก็พร้อมมุ่งไปนิพพานแห่งเดียว ตัดสินใจได้ไหมคะ....?”

    ศิษย์ : “ได้”

    ครู :“เมื่อตัดสินใจได้แล้วให้ตั้งใจนึกถึงบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอบารมีพระพุทธองค์ช่วยให้อารมณ์จิตสอาดถึงที่สุด สามารถรู้สิ่งต่าง ๆ เวลานี้ได้ชัดเจนแจ่มใสตรงตามความเป็นจริงทุกประการ....เวลานี้มีใครอยู้ข้างหน้าบ้างไหมคะ ...?”

    ศิษย์ :“มี”

    ครู :“ใครคะ..?”

    ศิษย์ :“พระพุทธเจ้า”

    ครู :“กราบนมัสการท่าน ขณะที่นึกกราบ ขอเห็นอทิสสมานกายของเราด้วยค่ะ มีไหมคะ...?”

    ศิษย์ :“มี”

    ครู :“แต่งตัวเหมือนเดิมไหมคะ...?”

    ศิษย์ :“ไม่เหมือน”

    ครู :“แต่งยังไงคะ...?”

    ศิษย์ :“สวย เหมือนเทวดา”

    ครู :“ใช้ได้คะ ถูกต้อง นอกจากพระพุทธเจ้าแล้ว ดูรอบ ๆ ซิคะ มีใครมาอีกไหม...?”

    ศิษย์ :“มี”

    ครู :“มามากหรือน้อยคะ...?”

    ศิษย์ :“มากมาย เต็มไปหมด”

    ครู :“แต่งตัวยังไงคะ...คะ...?”

    ศิษย์ :“ใส่ชฏาเหมือนเทวดา”

    ครู : “ใช้ได้ ใจรู้สึกว่าท่านที่มาเป็นใครค่ะ...?”

    ศิษย์ :“เคยเป็นพ่อ เป็นแม่ มาก่อน”

    ครู :“ดีแล้ว เวลานี้เห็นอทิสสมานกายของเราอยู่ใช่ไหมคะ นึกให้อทิสสมานกายของเรานี้มากเท่ากับจำนวนท่านที่มา แล้วกราบท่านบนตัก ทำได้ไหมค่ะ...?”

    ศิษย์ :“ทำได้แล้ว เห็นหลวงพ่อมาด้วย ”

    ครู :“ดีใจไหมคะที่หลวงพ่อมาช่วยเรา...?”

    ศิษย์ :“ดีใจมาก”

    ครู :“กราบท่านที่พระบาท ดูซิคะ มีใครมาอีกไหมที่สว่างมาก เท่า ๆ กับหลวงพ่อ...?”

    ศิษย์ :“มี ยืนอยู่ใกล้ ๆ กัน”

    ครู :“กราบท่าน ท่านเป็นใครคะ...?”

    ศิษย์ :“ท่านแม่”

    ครู :“ดีมาก ท่านแม่ช่วยเราแล้ว ขอท่านไปกับเราด้วย ท่านจะไปไหมคะ...?” ศิษย์ :“ไป” ครู :“ขอบารมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ขอท่านพ่อท่านแม่ผู้มีพระคุณทั้งหมดช่วยพาไปนิพพาน ไปวิมานสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน.....ถึงหรือยังคะ...?”

    ศิษย์ :“ถึงแล้ว”

    ครู :“พบอะไรบ้างคะ...?”

    ศิษย์ :“เห็นวิมานใหญ่ สว่างดี”

    ครู :“เข้าไปเลยค่ะ ท่านพ่อ ท่านแม่มาด้วยหรือเปล่าคะ...?”

    ศิษย์ : “มาด้วย เข้าได้แล้ว”

    ครู :“เจอใครบ้างคะ ในวิมานพระพุทธองค์...?”

    ศิษย์ :“เห็นพระพุทธเจ้านั่งอยู่บนแท่น กลางวิมาน”

    ครู :“เข้าไปใกล้ ๆ ท่าน กราบนมัสการใกล้ ๆ พระบาทแล้วดูซิคะ พระพุทธองค์ แต่งองค์ยังไง...?”

    ศิษย์ :“เหมือนเทวดา”

    ครู :“นี่แหละค่ะ พระพุทธองค์อยู่ที่นิพพานจะแต่งองค์แบบนี้เรียกว่า ภาพพระนิพพาน จำให้ติดใจ นึกถึงพระพุทธเจ้าคราวใดนึกถึงภาพนี้นะคะ เห็นตัวเราไหมคะ....?”

    ศิษย์ : “เห็น อยู่ตรงหน้า ตัวเล็กนิดเดียว”

    ครู :“ ใช่ พระพุทธเจ้าท่านมีพระวรกายใหญ่กว่าเรามาก เพราะท่านมีบารมีมาก ตัวเราเล็กขนาดไหนคะ...?”

    ศิษย์ :“นิดเดียว”

    ครู :“นอกจากพระพุทธเจ้า และท่านพ่อท่านแม่ที่พาเรามาแล้ว ในวิมานยังมีใครอีกไหมคะ ดูซิ”

    ศิษย์ :“นั่งเต็มไปหมดครับ แต่งตัวเหมือนเทวดาหมด”

    ครู :“ความรู้สึกของใจ ท่านเป็นใครคะ...?”

    ศิษย์ : “สาวก”

    ครู :“ถูกแล้วท่านเป็นพระอรหันต์ สาวกของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า นึกให้อทิสสมานกายของเราที่นั้นมีจำนวนมากเท่ากับพระอรหันต์ แล้วกราบท่านบนตัก”

    ศิษย์ :“กราบแล้วครับ”

    ครู :“ตั้งใจขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้การฝึกความรู้ในด้านญาณ ๘ ประการ ซึ่งเป็นความรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันนี้ขอบารมีท่านช่วยให้ข้าพเจ้ารู้ได้ชัดเจนเเจ่มใสและถูกต้องตามความเป็นจริงทุกประการนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอองค์สมเด็จพระจอมไตรช่วยให้ข้าพระพุทธเจ้าเห็นสภาพของเดนพระนิพพานว่ามีอาณาเขตแค่ไหน ความสว่างไสวมีเพียงใด มีอะไรอยู่บ้าง ขอดูภาพตามความเป็นจริงพระพุทธเจ้าข้า”

    ศิษย์ :“กว้างขวางสุดตาก็ยังไม่สิ้นอาณาเขต”

    ศิษย์ :“สว่างมากครับ”

    ศิษย์ : “มีวิมานยอดเเหลมอยู่มากมายเต็มเนื้อที่เลย”

    ครู :“วิมานสว่างไหม....ทำด้วยอะไรคะ...?”

    ศิษย์ : “ทำด้วยแก้ว สว่างในตัวเอง สวยครับ”

    ครู :“ที่ให้ดูภาพนี้เพราะต้องการให้ท่านทราบตามความเป็นจริงว่า พระนิพพานเป็นดินแดนที่มีอยู่จริง ๆ เราสามารถพบได้ ถ้าสลัดกิเลสทิ้งให้หมดใจโดยสิ้งเชิง แม้แต่ละอองกิเลสก็ไม่เหลือติดใจ อย่างเวลานี้นี่แหละ เราจะพบพระนิพพานได้ ต่อไปให้ทุกคนกราบขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้ข้าพระพุทธเจ้าเห็นเป็นภาพเนรมิตว่ามีท่านผู้ใดบ้างที่สามารถอยู่พระนิพพานได้และมีวิมานอยู่ทั่วไปตามที่เห็นอยู่ขณะนี้...?”

    ศิษย์ :“มีพระพุทธเจ้ามากมายนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นครับ”

    ครู :“ถูกต้อง นึกให้อทิสสมานกายเรามีจำนวนเท่ากับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด แม้จะเป็นภาพเนรมิตก็ตั้งใจนึกกราบนมัสการพระพุทธองค์ที่ใกล้ ๆ พระบาท”

    ครู :“นอกจากพระพุทธเจ้าแล้ว ที่นิพพานยังมีพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์อีกเป็นปริมาณเท่าใด ขององค์สมเด็จพระจอมไตรช่วยให้เห็นภาพทั้งหมดเลยพระพุทธเจ้าข้า.....ใครเห็นอะไรบ้างตอบมา”

    ศิษย์ :“โอ้โฮ้?! มากมายอะไรยังงั้น เต็มสุดตาทั่วไปหมด แต่งองค์ยังกะเทวดาทั้งนั้นเลยครับ” ครู :“มีใครยังเห็นไม่เต็มที่มีไหมคะ....? ถ้ามีให้ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วย ขอท่านพ่อ ท่านแม่ช่วย ให้เห็นให้เต็มที่...เป็นไง เต็มที่หรือยังคะ...?”

    ศิษย์ : “มีภาพมากขึ้นอีกค่ะ”

    ครู :“เอาละให้นึกถึงพระพุทธเจ้าไว้แล้วให้กายของเรามีจำนวนมากเท่าท่านที่ปรากฏทั้งหมดแล้วกราบท่านนะคะ ต่อไปขอบารมีสมเด็จพระชินศรีทุก ๆ พระองค์ช่วยให้เห็นภาพพรหมและเทวดาทั้งที่เป็นพระอริยเจ้าและไม่ใช่ มีเท่าใดขอเห็นทั้งหมดพระเจ้าข้า”

    ศิษย์ :“มาเต็มเลยครับ”

    ศิษย์ :“แสงสว่างน้อยลงไปถนัดเลยค่ะ”

    ครู :“ก็เทวดาหรือพรหม จะเทียบกับพระอรหันต์หรือพระพุทธเจ้ายังไงล่ะ ก็ต้องกราบท่านในฐานะท่านเป็นผู้ประเสร็ฐ เราเป็นคนจะยังไง ๆ ก็เอาดีไม่ได้เพราะยังมีร่างกายอยู่ ท่านทั้งหมดไม่มีร่างกายอย่างเรา ท่านก็สบาย ไม่มีความทุกข์ เท่าที่ท่านเห็นภาพต่าง ๆ มาทั้งหมดนี้ ท่านใช้ลูกตาหรือเปล่าคะ....?”

    ศิษย์ :“เปล่าครับ ใช้ใจครับ”

    ครู :“เมื่อจิตหรืออทิสสมานกายของท่านสะอาดก็พบกับสิ่งที่เป็นทิพย์ได้ เราเห็นพระพุทธเจ้าได้ พรหม เทวดา ก็เห็นได้ เห็นนรก เปรต อสุรกายได้ อย่างนี้ท่านเรียกว่าทิพจักขุญาณ


    larnbuddhism.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2009
  2. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,727
    ฝึกปุพเพนิวาสานุสสติญาณ

    [​IMG]

    คุณพรนุช คืนคงดี - ครูฝึก

    ครู “ต่อไปเราจะใช้ทิพจักขุญาณที่เราได้แล้วนี้ ไปรู้เรื่องอื่นต่อไป คือการระลึกชาติ คราวที่แล้วเราไปเที่ยว พรหม สวรรค์ นรก เปรต อสุรกาย เราถอยหลังชาติการเกิดของเราได้ว่าเราเคยเกิดเป็นอะไรมาบ้างกี่ชาติ ตอนขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และท่านพ่อท่านแม่ ท่านผู้มีพระคุณทั้งหมดช่วยให้เห็นภาพในอดีต คือก่อนที่ข้าพระพุทธเจ้าจะมาเกิดเป็นคนในชาตินี้ ข้าพระพุทธเจ้ามาจากไหนขอดูภาพตามความเป็นจริง ....มีภาพเกิดขึ้นหรือยังคะ....?”

    ศิษย์ :“มีอยู่ตรงหน้า”

    ครู :“รูปร่างเป็นยังไงคะ...?”

    ศิษย์ :“สวยดี มีชฏาใส่ด้วย”

    ครู :“ดูให้ทั่วตัวซิ แต่งตัวเหมือนอะไร...?”

    ศิษย์ : “ เทวดาครับ”

    ครู :“เป็นเทวดาอยู่สวรรค์ชื่ออะไร เข้าไปถามท่านแม่ ความรู้สึกของจิตตอนนี้คือคำตอบค่ะ”

    ศิษย์ :“ดาวดึงส์ครับ”

    ครู :“ถูกต้องแล้ว คุณมาจากเทวดา ถอยหลังไปอีกสักชาติซิคะ ว่าก่อนจะไปเกิดเป็นเทวดาคุณเป็นอะไรมาก่อนคะ ว่าก่อนจะไปเกิดเป็นเทวดาคุณเป็นอะไรมาก่อน ขอบารมีสมเด็จพระชินวรช่วยให้เห็นภาพชัดเจนตามความเป็นจริง”

    ศิษย์ :“เป็นคนครับ”

    ครู :“ขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ ช่วยให้เห็นภาพสมัยที่เกิดเป็นคนตั้งแต่เกิดมาจนตายทำอะไรไว้บ้าง โดยเฉพาะตอนตายใจนึกถึงอะไร ขอพระพุทธองค์ช่วยให้เห็นภาพชัด ๆ พระเจ้าข้า”

    ศิษย์ :“ตอนเป็นเด็กก็ยังงั้นแหละครับ ยิงนก ตกปลา ไปเรื่อยก็บาปละ โตมาหน่อยก็มีโอกาสทำบุญกับพระองค์หนึ่ง ถวายทานท่าน แต่ผมก็ยังกินเหล้าอยู่นี่ เอ...ตอนตายนี่มันกระทันหันจริง ๆ หัวใจมันตีบอึดอัด ก็นึกถึงพระที่เคยถวายทานท่าน รักท่านมาก อยากให้ท่านช่วย ก็เลยขาดใจตายลอยไปเป็นเทวดา”

    ครู :“อาศัยนึกถึงพระนะคะจึงไปเป็นเทวดาได้ เป็นอันว่าการนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์แค่นิดเดียวก็ไปเป็นเทวดาได้ เกินคุ้มจริง ๆ โชคดี

    ถ้าเราจะถอยหลังชาติการเกิดของเราไปเรื่อย ๆ ก็ไม่มีที่สิ้นสุด เราจึงรวบยอดการเกิดเป็นพรหมเท่าไร เทวดาเท่าไร คนเท่าไร สัตว์เดรัจฉาน อสุรกาย เปรต และสัตว์นรก เราเคยเกิดมาแล้วทั้งนั้น เพราะกรรมอะไรเป็นต้นเหตุ จำได้ไหมคะ ทำดีอะไรไว้จึงไปเป็นเทวดาเป็นพรหมได้ หรือว่าทำชั่วอะไรบ้างที่ทำให้เราไปเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน กรรมชั่วส่วนนี้ไม่น่าทำต่อไป กฏของกรรมที่ทำให้เราได้รับผลเป็นความสุข เช่น ไปเป็นเทวดา เป็น พรหม หรือกฏของกรรมที่ทำให้เราได้รับผลเป็นความทุกข์แสนสาหัสเช่นไปเกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานนี้ พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า ยถากรรมมุตาญาณ เวลานี้จิตเราสะอาดดูภาพไปเลยว่าเราเคยเกิดเป็นพรหมมากี่ชาติ เทวดากี่ชาติ คนเท่าไร สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน แต่ละอย่างมีปริมาณเท่าใด...?”

    ศิษย์ :“มากมายนับไม่ไหวแล้วครับ ”

    ครู :“เรื่องการระลึกชาตินี้ทุกท่านอาจไปซ้อมดูของท่านเองได้แต่ละอย่างไป เช่นเรารังเกียจไส้เดือน กิ้งกือ ก็ขอดูภาพถอยหลังไปว่าเราเคยเกิดเป็นไส้เดือน กิ้งกือบ้างไหม ดูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ หลวงพี่ว่าไงคะมีภาพไหม”

    ศิษย์ (พระ) : “เยอะเลยครับ ”

    ครู :“เห็นแล้วรู้สึกเป็นไงบ้างคะ...?”

    ศิษย์ :“สลดใจครับ”

    ครู :“อยากเกิดอีกไหมคะ...?”

    ศิษย์ :“ไม่เอาแล้วครับ เบื่อเต็มที”

    ครู :“ก็ดีที่เบื่อ การถอยหลังชาติการเกิดของเราทำให้เกิดอารมณ์เบื่อไปเอง เห็นไหมว่าพระพุทธเจ้าสอนปุพเพนิวาสานุสสติญาณไว้เพื่อให้เราเบื่อในการเกิด”<O></O>

    larnbuddhism.com
    </O>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2009
  3. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,727
    [FONT=&quot]ฝึกจุตูปปาตญาณ[/FONT]

    [​IMG]

    [FONT=&quot]คุณพรนุช คืนคงดี – ครูฝึก[/FONT]

    [FONT=&quot]ครู[/FONT][FONT=&quot] :“ต่อไปเป็นจุตูปปาตญาณ เป็นการใช้ทิพจักขุญาณรู้เรื่องของบุคคลหรือสัตว์อื่นว่า ก่อนที่เขาจะมาเกิดน่ะมาจากไหน และตายแล้วไปไหน ถ้าเราทำจนคล่องตัวดีแล้ว ได้ยินชื่อคนบอกได้เลยว่าก่อนเกิดมาจากไหน หรือได้ข่าวคนตายตามดูได้เลยว่า อทิสสมานกายออกจากร่างไปไหน” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู : “เวลานี้ขอให้ทุกคนกราบนมัสการสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำใจให้สบาย ๆ เอ้า ! พิณทิพย์ขอดูดวงแขว่าก่อนจะมาเกิดเป็นคนชาตินี้เธอมาจากไหน ดูภาพที่อยู่ข้างหน้ามีลักษณะเป็นยังไง...?”[/FONT]

    [FONT=&quot]( พิณทิพย์ และดวงแข เป็นชื่อของผู้รับการฝึก)[/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์[/FONT][FONT=&quot] :“พรหม ค่ะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ตรงกันใช่ไหม ต่อไป แม่ชีคะดูหลวงพี่ที่มาจากเชียงใหม่องค์นี้ซิคะ ว่าก่อนจะมาเกิดเป็นคนชาตินี้ท่านมาจากไหน....?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์[/FONT][FONT=&quot] : “พรหมค่ะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“หลวงพี่ดูซิคะ ใช่ไหม...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ (พระ)[/FONT][FONT=&quot] :[/FONT][FONT=&quot] “ใช่ครับ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ต่อไปหลวงพ่อดูคุณลุงคงซิคะว่าก่อนมาเกิดชาตินี้มากจากไหน...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ (พระ)[/FONT][FONT=&quot] : “เทวดาครับ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“คุณลุงคง ใช่หรือเปล่าค่ะ...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์[/FONT][FONT=&quot] :“ใช่ครับ ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ต่อไปขอให้ทุกคนขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริงว่าคนหรือสัตว์ที่ตายไปแล้วไปไหน คำว่า ตาย คือ อทิสสมานกายออกจากร่างไปไหน เรารู้จักแล้วใช่ไหมคะว่า รูปร่างของสัตว์นรกเป็นยังไง เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน คน เทวดา พรหม หรือพระที่เข้าพระนิพพานไปแล้ว มีลักษณะเป็นเช่นไร ดังนั้นเพื่อขอดูภาพอทิสสมานกายที่ออกไปแล้ว เรารู้จักทันทีว่าอยู่ที่ไหน” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“หลวงพี่คะบอกคนที่รู้จักและตายไปแล้วมาสักคนซิคะ ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ผู้ฝึก[/FONT][FONT=&quot] : “เป็นพระครูอยู่ที่วัด .....ครับ เพิ่งตายไม่นานมานี่เอง ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“เวลานี้เห็นพระพุทธเจ้าไหมคะ...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์[/FONT][FONT=&quot] :“เห็น” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ดูภาพพระพุทธเจ้าให้ชัด แล้วขอบารมีพระพุทธองค์ช่วย ขอดูภาพ พระครู ....ที่มรณภาพไปแล้วนี้ เวลานี้อยู่ที่ไหนขอองค์สมเด็จพระจอมไตรและท่านพ่อท่านแม่ช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริงพระพุทธเจ้าข้า” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์[/FONT][FONT=&quot] :“เทวดาค่ะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์(พระ)[/FONT][FONT=&quot] :“ครับ แต่งตัวเหมือนเทวดา” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“คนอื่น ๆ เห็นเป็นยังไงคะ...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ [/FONT][FONT=&quot]:“เทวดาครับ ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ถามพระครู....ซิคะว่าก่อนตายทำใจยังไงจึงมาเกิดเป็นเทวดาได้” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ [/FONT][FONT=&quot]:“ท่านบอกว่า ใจสบายนึกถึงการก่อสร้างบูรณะวัดให้ดีขึ้น ใจก็เป็นสุข” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ก็ต้องจำเอาไว้นะคะว่า การทำความดีมีผลอย่างนี้ การรู้เรื่องการเกิดและการตายของบุคคลอื่นอย่างนี้เขาเรียกว่า จุตูปปาตญาณ[/FONT]


    larnbuddhism.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2009
  4. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,727
    [FONT=&quot]ฝึกเจโตปริยญาณ[/FONT]


    [FONT=&quot][​IMG][/FONT]

    [FONT=&quot]คุณพรนุช คืนคงดี - ครูฝึก[/FONT][FONT=&quot]<O>[/FONT]

    [FONT=&quot]ครู[/FONT][FONT=&quot] “ต่อไปเป็นเจโตปริยญาณ การใช้ทิพจักขุญาณรู้กำลังใจของตัวเองและบุคคลอื่น เวลานี้เห็นอทิสสมานกายของเราเองไหมคะ แต่งตัวยังไง...? ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เห็นแล้ว แต่งตัวเหมือนเทวดา” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“และอทิสสมานกายของเพื่อนที่ไปด้วยกันล่ะมีไหม...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“มีแต่งตัวเหมือนกัน” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ อทิสสมานกายที่เราเห็นนั้น จะซ้อนอยู่ในกายเนื้อของแต่ละบุคคลที่ยังไม่ตาย อาศัยเราได้ทิพจักขุญาณจะเห็นอทิสสมานกายได้ [/FONT]

    [FONT=&quot]ขณะนี้เรารู้จักแล้วใช่ไหมคะว่า สัตว์นรกรูปร่างยังไง เปรต อสุรกาย มีรูปร่างเป็นยังไง สัตว์เดรัจฉาน คนเราก็รู้แล้ว เทวดา พรหม เราก็พบมาแล้วว่ามีรูปร่างเป็นยังไง แม้กระทั้งพระอริยเจ้าที่เข้าพระนิพพานแล้วเราก็เคยพบมาแล้ว ดังนั้นถ้าเรามองคน ตาก็กระทบกายเนื้อ แต่ถ้าอาศัยทิพจักขุญาณก็จะเห็นอทิสสมานกายของบุคคลนั้นภายในได้ภาพที่ปรากฏบอกลักษณะชัด อันแสดงถึงคุณธรรมของเขาได้” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ขณะนี้ขอให้ทุกคนมองภาพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ชัด ขอบารมีสมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริง เมื่อข้าพระพุทธเจ้ามองคน ถ้าบุคคลนั้นเขาตายเดี๋ยวนั้นจะไปเกิดในนรก อทิสสมานกายของเขาที่ปรากฏกับใจของข้าพระพุทธเจ้าจะมีรูปร่างเช่นไรพระพุทธเจ้าข้า ขอดูภาพ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เป็นรูปคนผอม ทรุดโทรม ไม่มีผ้านุ่ง ผ้าห่มซีดเซียว ดำ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“เหมือนอะไรที่เราเคยพบมาแล้ว เมื่อวานนี้” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“สัตว์นรก” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ใช่ ต่อไปขอดูอีกครั้งถ้าบุคคลบางคนที่มองดูถ้าภาพอทิสสมานกายปรากฏแก่เราเป็นแบบเทวดา แสดงว่าบุคคลนั้นเขาตายเดี๋ยวนั้นจะไปไหน กราบทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความรู้สึกของอารมณ์ใจแรกคือคำตอบ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ไปสวรรค์” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“คุณลุงล่ะคะ เห็นเป็นยังไง ไปทางไหน...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ไปเป็นเทวดาครับ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“คนอื่น ๆ รู้สึกว่ายังไงคะ...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เหมือนกันค่ะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ถูกแล้ว ภาพอทิสสมานกายที่ซ้อนอยู่ในกายเนื้อของแต่ละคนบ่งบอกถึงความดีความชั่วของคนนั้นได้เลย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ต่อไปสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าท่านสอนไว้อีกอย่างหนึ่ง นั้นก็คือ นอกจากจะเห็นอทิสสมานกายของเราหรือใครแล้ว ก็สามารถเห็นกำลังใจหรือกระแสจิตเป็นดวงกลม ๆ แล้วดูสีของจิตในขณะนั้นได้ด้วย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ให้ขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงโปรดเนรมิตให้เห็นจิตของข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า เห็นภาพหรือยัง...? ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เห็นแล้ว ขาวสว่างดี มีแสงออกด้วย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ใช่ เราอยู่ที่วิมานพระพุทธเจ้านี่ จิตสะอาดที่สุดก็จะมีลักษณะแบบนี้แหละ [/FONT]
    [FONT=&quot]ตอนนี้ให้ขอบารมีพระพุทธองค์และท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านผู้มีพระคุณทั้งหมดช่วย ขอดูภาพกระแสจิตของข้าพระพุทธเจ้าเอง ในสมัยที่เป็นปถถุชนคนธรรมดายังมีอารมณ์หนาแน่นด้วยกิเลสยามที่มีความทุกข์ใจ กลุ้มใจ กำลังใจจะมีสีอะไรพระพุทธเจ้าข้า ขอพระพุทธองค์ช่วย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เห็นเป็นวงกลมทึบ สีดำ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ [/FONT][FONT=&quot]:“ทึบ สีเทา ๆ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“คนอื่น ๆ เห็นเป็นยังไงคะ...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“สีดำ มืด มัว” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ถูกแล้ว ยามกลุ้มใจ กังวลใจ มีความทุกข์จิตจะมีสีอย่างที่เห็นนี่ ถ้าดำมากก็กลุ้มมาก ถ้าสีเทา ๆ ก็กลุ้มน้อยหน่อย” [/FONT]
    [FONT=&quot]ต่อไปยามที่ปุถุชนดีใจ เพราะได้ลาภ ได้ของขวัญที่เป็นวัตถุ สีของจิตจะมีสีเป็นอย่างไร ขอดูภาพ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“แดง ทึบ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ : “สีเลือดหมู สีเหมือนน้ำล้างเนื้อ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“สีชมภู” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ใช้ได้ เวลาดีใจ จะมีสีแดง ถ้าดีใจน้อยก็จะชมภู ถ้าขณะที่ปุถุชนอารมณ์เฉย ๆ สบาย ๆ ไม่ได้กลุ้มใจและไม่ทุกข์ใจอะไร กำลังใจจะมีสีอะไร...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“สีขาว” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ถูกต้อง สีขาวเหมือนผ้าขาว” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ต่อไปขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพกระแสจิตของข้าพระพุทธเจ้าสมัยที่มีศีลบริสุทธิ์ดูซิ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“สีขาวขุ่น แต่ขอบ ๆ เริ่มมีสีใส ๆ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ สีใส ๆ คืออะไรคะ ความรู้สึกของจิตว่าเป็นอะไร” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ ใสเหมือนแก้ว นิดหน่อย บาง ๆ ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ตกลงมีแก้วเคลือบอยู่นะคะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ถ้าเริ่มเจริญสมาธิถึงอุปจารสมาธิล่ะคะ...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ก็ใสมากขึ้นอีกหน่อย ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ ถ้าจิตเข้าถึงฌานที่ ๑ ล่ะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เป็นแก้วลึกเข้าไปอีกหน่อย ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ถึงครึ่งดวงได้หรือยัง...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ยัง ครึ่งของครึ่งดวงได้” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ ถูกต้อง ถ้าจิตเข้าถึงฌานที่ ๒ จะมีลักษณะเป็นยังไงขอดูภาพต่อไปซิคะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ แก้วใสถึงครึ่งดวงแล้ว ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“คนอื่นเห็นเป็นยังไงคะ...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เหมือนกัน” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ถ้าจิตเข้าฌานที่ ๓ ล่ะคะ สภาพอารมณ์จิตจะเป็นเช่นไร ขอบารมีสมเด็จพระจอมไตรช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริง” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เป็นแก้วลึกเข้าไปอีก เลยครั่งแล้ว” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ถ้าจิตเข้าถึงฌานที่ ๔ ซึ่งเป็นฌานโลกีย์” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เป็นแก้วใสหมดดวง” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ต่อไปขอทุกคนเข้าไปกราบนมัสการสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขอบารมีพระพุทธองค์ช่วยให้เห็นสีของจิตของข้าพระพุทธเจ้าเมื่อเป็นพระโสดาบันพระเจ้าข้า... ข้างหน้า แล้วดูภาพที่ปรากฏข้างหน้า” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ สว่างมากขึ้นจากเดิม มีแสงออกรอบ ๆ ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“แสงที่ออกมารอบ ๆ เป็นประกายนั้นแหละค่ะ แสดงถึงความเป็นพระอริยเจ้า ที่กำลังเห็นอยู่ในเวลานี้เป็นพระโสดาบัน มีประกายแค่ไหนคะ ดูภาพ” [/FONT]
    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ไม่ถึงครึ่งดวง” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ สัก ๑ ใน ๔ ของดวงได้ไหมคะ...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ [/FONT][FONT=&quot]:“ได้ครับ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ดูไว้ให้ติดใจว่า ความเป็นพระอริยเจ้า เขาดูกันที่จิตมีประกายหรือไม่ เขาไม่ได้ดูที่การแต่งกาย ไม่ได้ดูที่ความรู้ ฐานะ จริยา ซึ่งเป็นสิ่งภายนอก ถ้าเราไม่ได้เจโตปริยญาณก็ดูกันที่จิต หรืออทิสสมานกายนี่ละ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ต่อไปขอบารมีสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงโปรดให้ข้าพระพุทธเจ้าเห็นกระแสจิตของข้าพระพุทธเจ้าเองเมื่อเป็นพระสกิทาคามี [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“สว่างมากขึ้นจากเดิม มีประกายมากขึ้น” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ถึงครึ่งได้หรือยังคะ...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ : “ได้แล้วค่ะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“นี่เป็นพระสกิทาคามี ต่อไปขอองค์สมเด็จพระชินสีห์ช่วยให้เห็นกระแสจิตของข้าพระพุทธเจ้าเองเมื่อเป็นพระอนาคามีพระพุทธเจ้าข้า” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ : “มีประกายเพิ่มขึ้นอีก” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“มีประกายหมดดวงหรือยังคะ..?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ยังค่ะ ยังเหลืออีกนิดหน่อยตรงกลางดวง” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ใช้ได้นะคะ ต่อไปขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้ข้าพระพุทธเจ้าเห็นกำลังจิตของข้าพระพุทธเจ้ายามเมื่อตัดกิเลสเป็น สมุจเฉทปหาน มีกำลังใจเข้าถึงความเป็นพระอรหันต์ ขอดูกำลังใจขณะนั้นชัด ๆ พระพุทธเจ้าข้า” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ [/FONT][FONT=&quot]:“สว่างหมดทั้งดวง เหมือนดวงประกายพรึกแล้ว” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“คนอื่น ๆ เห็นเป็นยังไงบ้างคะ...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“สว่างหมดดวง มีประกายออกมากที่สุดครับ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“จำภาพไว้นะคะ หลวงพ่อท่านแนะนำพวกเราให้ดูกำลังจิตของเรา ตื่นเช้าขึ้นมาดูว่าสว่างเท่านี้หรือยัง ถ้ายังไม่เท่าก็ขับกำลังใจ ตัดสินใจว่าเราไม่ต้องการเกิดอีกต่อไปแล้ว ตัดจริง ๆ นะ การเกิดเป็นคน เป็นเทวดา เป็นพรหม ไม่เอา ขอไปพระนิพพานแห่งเดียว แล้วดูกระแสจิตของตัวเองว่าสว่างถึงที่สุดแบบนี้หรือยัง ถ้าได้แล้วก็ทรงกำลังใจแบบนี้สักครู่ จิตจะสะอาดทีละน้อย ๆ ทุกวันก็จะทรงตัว สังเกตใจของตัวเราเวลานี้ รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ...?”[/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ [/FONT][FONT=&quot]:“สบาย เบา โปร่ง ไม่ห่วงอะไรทั้งนั้น” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ถ้าร่างกายที่นั่งอยู่ข้างล่าง มันเกิดตายเดี๋ยวนี้ล่ะ...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ [/FONT][FONT=&quot]:“เฉย ๆ มันจะตายก็ช่างมัน ไม่เสียดาย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“เป็นอารมณ์ที่จะต้องทำให้เกิดขึ้นบ่อย ๆ นะคะ วันละ ๑ นาที ก็ยังดี [/FONT]
    [FONT=&quot]ต่อไปนึกถึงบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และท่านผู้มีพระคุณช่วยให้เห็นภาพกำลังใจของข้าพระพุทธเจ้าเมื่อยามที่ลงไปอยู่ในร่างกายตามปกติ กำลังใจจะเป็นอย่างไรขอดูภาพตามความเป็นจริงพระเจ้าข้า” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ (พระ) :“ พอจะมีประกายอยู่บ้าง” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ : “แสงสว่างเรือง ๆ น้อย ๆ พอสว่าง ๆ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู : “แต่ละคนดูกระแสจิตของตัวเอง แล้วเทียบกับที่เราดูภาพผ่านมาสักครู่นี้ กระแสจิตของเราเทียบได้กับปุถุชน หรือผู้ทรงฌานโลกีย์ หรือพระอริยเจ้าดูเอาเอง และก็ควรจะขับกำลังใจให้สว่างถึงที่สุดไว้ทุกวัน วันละเล็กละน้อยก็ยังดี” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ตอนนี้ทุกคน ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้เห็นอทิสสมานกายของข้าพระพุทธเจ้าอีกครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าข้า” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เห็นแล้ว” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“สวยเท่าเดิมหรือยัง...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เกือบเท่า” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“เข้าไปกราบนมัสการองค์สมเด็จพระพิชิตมาร ขอบารมีพระพุทธองค์ช่วยให้อทิสสมานกายของข้าพระพุทธเจ้าสว่างไสว เทียบเท่ากับพระอรหันต์ด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า แล้วดูซิสว่างขึ้นไหม..?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“สว่างมากขึ้นแล้ว สวยกว่าคนเดิม” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“นี่เราอาศัยบารมีพระพุทธเจ้าช่วยนะคะ จำเอาไว้เลยว่า ยามที่เรามีปัญหาขัดข้องอันใด ก็ขึ้นมากราบขอบารมีพระพุทธองค์ช่วย ขอบารมีท่านพ่อ ท่านแม่ช่วย ถ้าเราทำจนคล่องคนเดิมผ่านไปหรือได้ยินชื่อก็ดูที่จิตได้เลย เป็นการดูเพื่อซ้อมอารมณ์เท่านั้น ส่วนใหญ่เขาดูจิตตัวเองมากกว่า”[/FONT]


    larnbuddhism.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2009
  5. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,727
    [FONT=&quot]ฝึกอดีตตังญาณ[/FONT]

    [FONT=&quot][​IMG][/FONT]

    [FONT=&quot]คุณพรนุช คืนคงดี - ครูฝึก[/FONT]

    [FONT=&quot]ครู[/FONT][FONT=&quot] :ต่อไปเป็น อตีตังสญาณ ดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีตที่ผ่านมาแล้วจะกี่อสงไขยกัปก็ได้ เราก็สามารถรู้ได้ โดยอาศัยบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้กำลังทิพจักขุญาณของเราแจ่มใส เราก็พบเหตุการณ์ต่าง ๆ แม้ประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของบุคคลหรือของสถานที่ ก็สามารถรู้ได้ ไหนลองบอกมาซิ อยากดูเหตุการณ์ตอนไหน เรื่องอะไรดีคะ... หลวงพี่ว่ายังไงคะอยากดู[/FONT]
    [FONT=&quot]เหตุการณ์ตอนไหนดี..?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ (พระ) :“อยุธยา” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ตอนไหนดีคะ..?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์(พระ) :“ ตอนพระนเรศวรรบกับพม่า” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“รู้สึกคนชอบดูตอนนี้กันมาก เพราะเป็นตอนที่ไทยเป็นเอกราช คนไทยมีอิสรภาพและมีความภาคภูมิใจมาก เอ้า ! ทุกคนทำอารมณ์ในสบาย ๆ เห็นพระพุทธเจ้าชัดไหมคะ..กราบนมัสการพระพุทธองค์” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เห็นชัด กราบแล้ว เห็นตัวเราด้วย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพเหตุการณ์ตอนที่พระนเรศวรกระทำยุทธหัตถี ชนช้างกับพระมหาอุปราชกษัตริย์พม่า เหตุการณ์ตอนนั้นเป็นที่ประทับใจของคนไทยทั้งชาติ เป็นความภาคภูมิใจที่ได้รับชัยชนะ ขอดูภาพเหตุการณ์ตอนนั้นพระพุทธเจ้าข้า” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ (แม่ชี) [/FONT][FONT=&quot]: “เห็นคนมากมาย มีช้างหลายเชือก” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ หลวงตาเห็นอะไรบ้างคะ..?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ (พระ) :“เห็นพระนเรศวรอยู่บนคอช้าง” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ขอดูรูปร่างหน้าตาท่านได้ไหมคะ ขอดูซิคะว่าท่านหน้าตาเป็นไง..? ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“หน้าหนุ่มอ่อน ๆ ผิวก็ไม่ดำนี่คะ รูปหน้ารี ๆ รูปไข่” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ (พระ) :“หน้าคล้ายผู้หญิง สวย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ขอดูภาพตอนชนช้างเลยทีเดียว” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ช้างพม่าขาหน้ามันไม่ถึงดินนี่ครับ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ทำไมล่ะคะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ถูกงัดให้ลอยขึ้นแล้วหันด้านข้างมาทางพระนเรศวรแล้ว พระนเรศวรก็ฟันซีครับ ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“เอาอะไรฟันคะ...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ใช้มีดยาว ๆ ฟัน” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“เขาเรียกง้าวนะคะ และพระมหาอุปราชเป็นยังไง เมื่อถูกฟัน ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ฟุบไปแล้ว คนฮือเข้ามาล้อม เลยตอนนี้เกิดชุลมุนกันใหญ่ มีช้างอีกเชือกหนึ่งเข้าไปช่วยกันเอาพระนเรศวรออกมา ทหารที่พื้นดินฟันกันใหญ่เลย พักใหญ่แหละครับ หลังจากนั้นก็ถอยทัพกลับไป” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ดูพื้นที่ตอนที่รบกันซิคะ อยู่ตรงที่เขาทำอนุสาวรีย์พระวเรศวรที่ดอนเจดีย์ ตรงนั้นใช่ไหมคะ..?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ [/FONT][FONT=&quot]:“ไม่ใช่ครับ มันเลยไปทางเขตแดนด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือเล็กน้อย บริเวณนั้นไม่มีบ้านคนเลย มีต้นไม้เป็นทิวแถว มีบริเวณกว้างขวาง” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ถ้าเราจะใช้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ดูว่าเราเองเคยเกิดสมัยนั้นหรือไม่ ก็ดูได้ โดยขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“มีภาพคนผู้ชายครับ เป็นทหารรบกับเขาด้วย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ตัวคุณละนั้น คุณละคะ..?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ไม่มีภาพเลยค่ะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ก็แสดงว่าไม่ลงมาเกิด” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ครูครับ อยากดูภาพชาวบ้านบางระจันรบกับพม่า” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“เอาซิ ทุกคนทำใจให้สบาย ๆ จับภาพสมเด็จพระพุทธเจ้าไว้ก่อน ดูท่านจนชัดเจนดีแล้ว ขอบารมีพระพุทธองค์ช่วยให้เห็นภาพ ชาวบ้านบางระจัน เริ่มตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาใกล้แตก อย่าลืมขอบารมีท่านปู่ ท่านย่า ท่านแม่ช่วยด้วยนะคะ ขอเห็นภาพตามความเป็นจริง” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“มีคนเป็นกลุ่มย่อย ๆ หนีออกจากกรุงศรีอยุธยากลุ่มหนึ่ง ขี่ม้าออกมา ส่วนหนึ่งออกทางน้ำเห็นภาพลอยน้ำชัดเจนครับ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ขอดูภาพกลุ่มคนที่ลอยน้ำออกมาซิคะว่าเป็นกลุ่มของใครเป็นหัวหน้า ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“นายจันหนวดเขี้ยว” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ขอดูหน้าท่านซิคะ หน้าตานายจันหนวดเขี้ยวเป็นยังไง” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“หน้าก็สวย ยิ้มนี่ กินหมากด้วย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ [/FONT][FONT=&quot](พระ)[/FONT][FONT=&quot] : “หน้าเหมือนรัชการที่ ๑ ครับ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ถามท่านซิคะว่า ท่านคือบุคคลคนเดียวกันหรือเปล่า?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ (พระ) :“ท่านยกมือ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ท่านรับรองนะ เป็นอันว่า ที่ว่าชาวบ้านบางระจันนั้น ความจริงก็เป็นกลุ่มทหารหนีออกมาจากกรุงศรีอยุธยา เพราะเห็นว่าท่าเราต้องยับเยินแน่คราวนี้ ก็ออกมาสู้กับพม่าอยู่ภายนอก ก็ชักชวนชาวบ้านบางระจันร่วมด้วย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นทหารโดยเฉพาะ หัวหน้าคือ นายจันหนวดเขี้ยว ขอดูภาพซิคะว่าท่านเป็นอะไรในกรุงศรีอยุธยา...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“นักรบ แต่งตัวนายทหารครับ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“นั้นแหละ ไม่อย่างนั้น รวมคนไม่ได้ถึงขนาดนี้” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ทุกท่านขอให้ใช้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณซิคะว่า เราเคยเกิดสมัยนี้ด้วยหรือไม่...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“โอ้โฮ รบอยู่ที่บางระจันแน่ะ มีภาพรบกันใหญ่เลย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ ใช้อาวุธอะไรคะ..?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ดาบ ๒ มือ ดูฮึกเหิม ว่องไว” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ ครูครับ ผมตายในสนามรบครับ ถูกแทงตาย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“นับเป็นวีรบุรุษแห่งค่ายบางระจันได้ เพราะคุณยอมสละชีวิตเพื่อดำรงความเป็นไทเอาไว้ น่าสรรเสริญ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ [/FONT][FONT=&quot]:“เสียดายครับ ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ทำไมคะ..?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ [/FONT][FONT=&quot]:“ฆ่าพม่าได้ไม่กี่คน ตายซะได้” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ก็ดีแล้วไม่บาปมากกว่านี้ ถ้าเราจะดูกันต่อไปก็จะเสียเวลามาก ขอตัดแค่นี้นะคะ”[/FONT]


    larnbuddhism.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2009
  6. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,727
    [FONT=&quot]ฝึกปัจจุปันนังสญาณ[/FONT][FONT=&quot]<O>[/FONT]


    [FONT=&quot][​IMG][/FONT]

    [FONT=&quot]คุณพรนุช คืนคงดี - ครูฝึก[/FONT]

    [FONT=&quot]ครู[/FONT][FONT=&quot] :“ต่อไปนี้เป็นปัจจุปันนังสญาณ ดูเหตุการณ์ปัจจุบัน ใครที่เรานึกถึงเขาอยู่ เขามีความสุข ความทุกข์ มีชีวิตอยู่หรือว่าตายไปแล้ว ก็ย่อมทราบได้ แม้จะดูอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายก็ได้ ท่านที่เป็นหมอจะขอดูภาพอวัยวะภายในร่างกายแต่ละส่วน ๆ ว่าปกติของอวัยวะเป็นเช่นไร ถ้าเกิดผิดปกติขึ้นมา มีเชื่อโรค หรือทำงานผิดปกติจะมีสภาพเป็นอย่างไร และถ้าเกิดผิดปกติแล้วควรจะแก้ไขดำเนินการรักษาอย่างไร อารมณ์เราเป็นทิพย์อยู่แล้ว ถามท่านแม่ก็ได้ว่าควรจะแก้ไขรักษาอย่างไร[/FONT]

    [FONT=&quot]ตัวอย่าง คุณหมอท่านหนึ่งฝึกแบบนี้แหละที่วัดพุทธวราราม เมื่อเดนเวอร์ รัฐโคโรลาโด อเมริกา ท่านดูทุกส่วนตั้งแต่ศีรษะมาถึงเท้า อวัยวะภายในแต่ละส่วนดังกล่าวมาแล้วข้างต้น เร็วกว่าเอ๊กซเรย์และแน่นอน เพราะจิตสะอาด ย่อมรู้ได้ความความเป็นจริง แต่อย่าลืมว่า เราอาศัยบารมีพระพุทธเจ้าช่วย อาศัยบารมีท่านพ่อ ท่านแม่ ผู้มีพระคุณทั้งหมดช่วย [/FONT]

    [FONT=&quot]นอกจากนี้เราอาจดูทรัพย์สินใต้แผ่นดินได้ทันที มีตัวอย่างนักธรณีวิทยา ๒-๓ ท่าน ต้องการรู้แหล่งแร่ยูเรเนียมและได้เดินทางไปวัดท่าซุง มีโอกาสคุยกับหลวงพ่อและถามเรื่องนี้ที่ต้องการ หลวงพ่อท่านก็ให้ฝึกมโนยิทธิดูเอาเอง จะได้มั่นใจ ท่านก็ตกลง [/FONT]

    [FONT=&quot]ครั้งแรกของการฝึกก็สามารถไปได้ และก็ให้ดูแหล่งแร่ยูเรเนียมที่เมืองไทย ดูสถานที่พบแล้วดูลักษณะและปริมาณของแร่ รวมทั้งบริเวณที่มีอยู่มาก ตามภูเขา เชิงเขา แร่มีสีขาว และได้ดูที่หมาย คือต้นไม้เป็นที่สังเกต ครูก็แนะนำให้อยู่เพื่อฝึกอีกวันหนึ่งเพื่อให้มีความคล่องตัว แต่ปรากฏว่า พอวันรุ่งขึ้นก็ไปแล้ว ได้เค้าก็ไป เพราะแหล่งแร่ยูเรเนียมที่พบอยู่ในเขตจังหวัดอุทัยธานีนี่เอง คงไปดูสถานที่ และวางแผน นี่เป็นปัจจุปันนังสญาณที่เราได้รับประโยชน์ [/FONT]

    [FONT=&quot]นอกจากนี้เราจะไปดางดวงอื่น ๆ ได้ทุกแห่งหน ดาวดวงใดมีสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีก็ดูได้ หรือเราจะไปเที่ยวประเทศไหนก็ได้ ทุกประเทศในโลกไม่ต้องเสียเงินค่าพาหนะภายในโลกมนุษย์เราจะเห็นได้ชัดเจนว่าเพราะเป็นของหยาบ จะดูภายในประเทศไทยเราก็ได้ น้ำมันดิบใต้แผ่นดินไทยมีแค่ไหนบริเวณใดบ้างเป็นเรื่องเล็ก [/FONT]

    [FONT=&quot]ตัวอย่างหลวงน้าที่มาจากจังหวัดกำแพงเพชรท่านฝึกได้แล้วและใช้กำลังทิพจักขุญาณได้พอสมควร ก็ให้ดูน้ำมันดิบที่จังหวัดของท่านมีสักแค่ไหน[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ (พระ) :“มีมากครับเป็นแอ่งลึกลงไป มีปริมาณมหาศาล สีน้ำตาลเข้ม”[/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ที่เราเจาะเวลานี้ ตรงจุดใหญ่ไหม...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ก็ตรงครับ แต่เจาะลึกไม่มาก ก็ดูดขึ้นมาได้ โอ้โฮข้างล่างเป็นบริเวณกว้างมาก เราถ้าจะรวยใหญ่แล้วนี่” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“นี่แหละค่ะ ความรู้ทางด้านทิพจักขุญาณมีประโยชน์มาก ไม่เพียงแต่ไปดูสวรรค์ นิพพาน นรกเท่านั้น การทำมาหากินก็จะคล่องตัวไปด้วย สมองก็แจ่มใส ถ้าเป็นนักเรียน นักศึกษาสบายมาก จำแม่น สอบไม่ตก ถ้าคนไทยทำได้สัก ๑ ใน ๑๐ เท่านั้น ประเทศไทยจะร่มเย็นเป็นสุขกว่านี้มาก เพราะคนที่เขาทำได้เขามาศีล ๕ บริสุทธิ์ ไม่มีการเบียดเบียนกัน ความรัก ความเมตตาก็มี เพราะมีความเข้าใจตามความเป็นจริง”[/FONT]


    larnbuddhism.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2009
  7. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,727
    [FONT=&quot]ฝึกอนาคตังสญาณ[/FONT]


    [​IMG]

    [FONT=&quot]คุณพรนุช คืนคงดี - ครูฝึก[/FONT]

    [FONT=&quot]ครู[/FONT][FONT=&quot] :ต่อไปเป็นอนาคตังสญาณ เป็นการใช้ทิพจักขุญาณไปรู้เรื่องราวที่ยังไม่เกิด ไม่ว่าของตัวเราเอง หรือของบุคคลอื่น หรือของสถานที่ หรือความเป็นไปของชาติของโลก ของบุคคลตายแล้วจะไปไหนดูได้เลย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“เวลานี้ขอทุกคน ตั้งใจอาราธนาบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านผู้มีพระคุณทั้งหมดช่วย ขอดูสภาพของประเทศไทยในอีก ๑๐ - ๒๐ ปีข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ขอองค์สมเด็จพระจอมไตรช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริงพระพุทธเจ้าข้า...มีภาพเกิดขึ้นหรือยังคะ..?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“มีแล้ว เจริญมากกว่านี้มากค่ะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ขอดูกรุงเทพมหานคร อันเป็นเมืองหลวง ดูความเจริญของประเทศ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“โอ้โฮ ตึกรามบ้านช่องสูง ๆ เต็มไปหมด” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“สะพานลอยเกลื่อน ยังกะในหนังญี่ปุ่น ไขว่ไปหมด ถนนหนทางดี ผู้คนมากมาย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“มีวัดไหมมากไหมคะ...?” [/FONT]
    [FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ศิษย์ :“มากครับ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“แสดงว่าพระพุทธศาสนาเราทรงอยู่ได้แน่นอน ประเทศไทยก็เป็นเอกราชต่อไป”<O></O>[/FONT]

    [FONT=&quot]( ครูถามเด็กชายอายุ ๙ ขวบ และ ๑๑ ขวบ)[/FONT]<O></O>​

    [FONT=&quot]ครู[/FONT][FONT=&quot] :“เอ้าหนู หนูขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพอาชีพของหนูเมื่อโตขึ้น ควรจะประกอบอาชีพอะไรดี จึงจะมีความคล่องตัว ร่ำรวย ขอท่านดูภาพนะจ๊ะ เห็นอะไรบอกมา” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ (อายุ ๙ ขวบ) :“เห็นเป็นหมอทำฟันครับ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ (อายุ ๑๑ ขวบ) :“เห็นภาพนั่งโต๊ะทำงานเป็นบริษัทครับ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“หนูต้องเลือกเรียนตามอาชีพที่เหมาะสมกับหนูตามที่เห็นในภาพนะจ๊ะ หนูชอบอาชีพที่ปรากฏในภาพไหมจ๊ะ..?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ชอบครับ” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“ตั้งใจเรียนนะจ๊ะ ถ้าขัดข้องขึ้นมากราบขอพรจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้หนูตัดสินใจถูกแล้วทุกอย่างจะราบรื่น คล่องตัวดี หรื่อถามท่านพ่อ ท่านแม่ก็ได้ แต่อย่าถามองค์อื่น ๆ พร่ำเพรื่อนะจ๊ะ องค์ไหนเป็นองค์นั้น ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านไม่หรอกลูกนะจ๊ะ ท่านจะช่วยหนู” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“บั้นปลายชีวิตของทุกคน เราตายแน่ ฉะนั้นเวลานี้ขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริงว่าข้าพระพุทธเจ้าจะตายเมื่ออายุเท่าไร เป็นโรคอะไรตาย ก่อนตายมีอารมณ์ใจเป็นอย่างไร ขอองค์สมเด็จพระจอมไตรช่วยให้เห็นภาพชัด ๆ พระพุทธเจ้าข้า....เอ้า!ต่างคนต่างดูนะคะ จะถามทีละคนไป ของคุณมีภาพหรือยังคะ...?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“มีแล้วครับ นอนอยู่” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“ถามท่านซิคะว่า เป็นโรคอะไรตาย...?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ เอามือจับท้อง คงเป็นทางท้อง” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“ ความรู้สึกของใจโรคอะไรคะ...?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“โรคกระเพาะครับ” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“อายุเท่าไร...?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“๗๐ ปีเศษ ครับ” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“สถานที่ตายที่บ้าน หรือที่โรงพยาบาล หรือที่อื่น ๆ คะ..?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“บ้านครับ” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“เวลานี้ความรู้สึกเราเป็นทิพย์จะบอกได้ว่า อารมณ์ตอนใกล้ตายหมดลมหายใจเล็กน้อยนั้น เราตัดสินใจยังไงคะ...?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ร่างกายเป็นทุกข์ โลกนี้ไม่มีอะไรดี ขอไปนิพพาน” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“เมื่อตัดสินใจอย่างนั้นแล้ว ดูรอบ ๆ ตัวเราซิคะ มีใครมาบ้างไหม ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพชัด ๆ” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“มากันมากมายเต็มสถานที่” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“ดูในภาพซิคะ ท่านผู้ใดที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด...?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“พระพุทธเจ้าประทับยืนอยู่ที่หัว ท่านแม่ หลวงพ่อมารับ พ่อแม่ข้างบน พรหม เทวดา มารับกันมากครับ” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“ เมื่อคุณเห็นท่านมา คุณออกไปกราบท่านได้ไหมคะ...?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ออกไปได้แล้วครับ ก็ไปกราบท่าน” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“เมื่ออกไปแล้ว กราบพระท่านแล้ว เหลียวมาดูร่างกายเราที่นอนอยู่ซิคะ มันน่ารักไหม อยากจะอยู่ในร่างกายอย่างนี้อีกไหม..?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ไม่เอาแล้ว” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะว่าร่างกายที่นอนตายอยู่นั่นแก่ก็เท่านั้น เหี่ยวก็เท่านั้น ทรุดโทรม ไม่มีอะไรน่ารักตรงไหนเลย คุณดูภาพต่อไปเลยว่าค่ะว่า เมื่ออทิสสมานกายออกไปแล้วไปไหนต่อ..?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ตามพระพุทะธเจ้าไป พอเคลื่อนขบวน ก็มีรถทิพย์มารับเป็นแก้วขาวสวย มีเทวดาล้อมรถ ไปนิพพาน[/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“ดีใจไหมคะ ถ้าคุณทรงกำลังอย่างวันนี้ได้เรื่อย ๆ ไม่ทิ้งอารมณ์พระนิพพาน ภาพที่เกิดวันนี้ก็เป็นที่พอใจใช่ไหมคะ” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“คนอื่น ๆ เป็นยังไงคะ ขณะที่ถามคนหนึ่งคุณดูภาพของคุณได้วยหรือเปล่าคะ...?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ดูค่ะ แต่ของดิฉันเป็นโรคลม เป็นลมตาย” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“ของใครก่อนตายทรมานมาก ๆ มีไหมคะ...?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิ[/FONT][FONT=&quot]ษย์ :“มีค่ะ” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“ถ้าอย่างนั้น ให้ขอบารมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วย ขอท่านปู่ ท่านย่า ท่านพญายมราชช่วย ท่านพ่อ ท่านแม่ ขอท่านโปรดสงเคราะห์ด้วย ขออย่าให้มีความทุกขเวทนาตอนใกล้จะตาย เพื่อจะได้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ จะได้นึกถึงพระนิพพาน และนึกถึงพระพุทธเจ้าได้ เมื่อขอท่านแล้ว ดูภาพซิคะว่า ก่อนตายภาพที่เคยทรมาน บัดนี้มีการเปลี่ยนแปลงหรือยัง...?” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เปลี่ยนไปแล้วครับ ไม่ทรมานมาก จะมีก็นิดหน่อย พอทนได้” [/FONT]​

    [FONT=&quot]ครู :“ก็ดี กราบขอบพระคุณสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านพญายมราชที่สงเคราะห์เราในครั้งนี้”[/FONT][FONT=&quot]<O></O>[/FONT]


    [FONT=&quot]larnbuddhism.com<O></O>[/FONT]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2009
  8. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,727
    [FONT=&quot]ฝึกยถากรรมมุตาญาณ[/FONT] [FONT=&quot]<O></O>[/FONT][FONT=&quot]<O>[/FONT]​


    [​IMG]


    [FONT=&quot]คุณพรนุช คืนคงดี - ครูฝึก[/FONT]

    [FONT=&quot]ครู[/FONT][FONT=&quot] :“ ต่อไปเป็นยถากรรมมุตาญาณ ดูกฏของกรรมที่ทำให้เราได้รับผลเป็นสุข หรือเป็นทุกข์ จากคราวที่แล้วเราทราบว่า เราทำความดีอย่างไรจึงได้เป็นเทวดา เป็นพรหมได้ และในการเกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานนั้นเพราะเราทำความชั่วอะไรไว้ โดยเฉพาะที่เราเกิดเป็นคนแต่ละชาติก็ไม่เหมือนกัน บางชาติเราเกิดเป็นคนรวย เพราะผลของทาน และบางชาติ เราก็ยากจน เพราะความขี้เหนียว บางชาติเราก็เกิดเป็นคนมียศใหญ่ บางชาติก็เกิดเป็นคนสวย เพราะอานิสงส์ของศีล มีเมตตา แต่บางชาติเราก็เกิดเป็นคนขี้ริ้วขี้เหร่ ไม่สวย เพราะมีใจโหดร้าย ไม่รักษาศีล ขาดเมตตา นี่แตกต่างกันไป แล้วแต่ผลของกรรมที่เราทำไว้ส่วนไหนจะให้ผล ชาตินี้เราเกิดเป็นคนตั้งแต่เล็กจนจำความได้มาจนโต เราต้องพบกับความทุกข์จากการมีร่างกาย เช่น ความป่วยไข้ไม่สบาย นี้เป็นเพราะผลของกรรมอะไร ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริงพระพุทธเจ้าข้า” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ฆ่าสัตว์” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ใช่แล้ว ฆ่าสัตว์ ฆ่าคน ทรมานสัตว์ กรรมประเภทนี้ต้องไปใช้หนี้กันในนรกก่อน พ้นมาก็เป็นเปรต อสรุกาย สัตว์เดรัจฉาน มาถึงคนก็รับผลเป็นเศษเล็กน้อยแล้ว” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ในบางขณะเคยบ้างไหมที่เราถูกคนเขาด่า เขานินทาว่าร้าย ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ด่าเขา บางทีไม่มีเรื่องกันด้วยซ้ำไป ก็ถูกกล่าวหาว่าร้าย” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เคยค่ะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ขอดูภาพซิคะว่า เป็นเพราะผลของกรรมเรื่องอะไร...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เราเคยด่าเขาไว้ก่อน” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“นั้น ดูภาพซิคะ ทำปากยุบยิบ ๆ เราด่าเขาไว้ก่อน พอเขาด่าเราบ้างเป็นการใช้หนี้ คิดว่าหนี้ใช้กันไป” ดังนั้นถ้าเราถูกเขาด่า เขานินทา ก็อย่าเพิ่งรีบไปด่าตอบเขา รวบรวมกำลังใจไปหาพระพุทธเจ้า ขอดูภาพในอดีตว่าเราเคยด่าเขาไว้ก่อนหรือเปล่า ถ้าเคยก็ใช้หนี้กันไป ใจเราก็สบาย ถ้าไม่เคยก็คิดว่า คนที่เขาด่าเรา นินทาว่าร้ายเราโดยไม่มีเหตุไม่มีผลอย่างนี้ ตายแล้วเขาจะไปไหน ถ้าเขาต้องไปนรก คุณจะไปโกรธเขาไหมคะ...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ไม่โกรธค่ะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ดีแล้ว เพราะถ้าเราโกรธเขา ก็ไปนรกกับเขาด้วยเอาไหมล่ะ..?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ไม่เอา” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ต่อไปดูภาพกฎของกรรมส่วนดีบ้าง เรามีปัญญามองเห็นผิดชอบชั่วดี และรู้ว่าการให้ทานดี รักษาศีลดี เจริญพระกรรมฐานดี เรามาฝึกมโนมยิทธิได้ เราไปนิพพานได้โดยเฉพาะเราต้องการนิพพาน ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ยากมาก คนทั่ว ๆ ไปน้อยคนนักที่จะตัดสินใจอย่างเราได้ การตัดสินใจได้อย่างนี้ แสดงว่ามีความดีมาในกาลก่อนจึงให้ผลดลจิตใจให้ใฝ่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความดีที่ส่งผลในโอกาสนี้นั้นเป็นความดีในด้านใดพระพุทธเจ้าข้า ขอดูภาพนะคะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“มีภาพการให้ทาน สร้างโบสถ์ วิหาร” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :"สร้างพระ" [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“ถือศีล เจริญภาวนา” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“สงเคราะห์บุคคลยากจน” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ขอดูภาพต่อไปเลยนะคะว่าการทำความดีดังกล่าวแล้ว แต่ละชาติ จะเป็นการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาก็ดี เราได้เคยตั้งใจไว้เป็นคำอธิษฐานบ้างไหมว่าการทำบุญคราวนี้ต้องการอะไร ขอบารมีพระพุทธเจ้าช่วยให้เห็นภาพ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“เคยค่ะ อธิษฐานขอไปนิพพาน” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“นี่แหละ ความตั้งใจอีกทีว่าเราทำความดีอย่างนี้ ๆ เราต้องการนิพพาน เป็นกำลังส่งผลให้เราต้องการพระนิพพานในชาตินี้” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“ขอดูภาพอีกทีว่าเคยอธิษฐานแบบนี้มากี่ชาติแล้ว...?” [/FONT]

    [FONT=&quot]ศิษย์ :“มากมายนับไมถ้วนค่ะ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“เห็นไหมว่า การทำความดีมีการสะสมกันมาทุกชาติจนกว่ากำลังใจ ของเราจะเต็ม ก็ถึงพระนิพพานได้” [/FONT]

    [FONT=&quot]ครู :“เป็นอันว่าถ้าอะไรก็ตามมันเกิดขึ้นกับเราก็อย่ากังวลใจ ดูต้นเหตุว่าเป็นผลของกรรมด้านใดที่เราทำเอาไว้ ยามนี้เรามีชีวิตอยู่เราต้องรับผลของกรรมทั้งดีและเลว ยามที่เราสบายใจจิตเป็นสุข นั่นแสดงว่าผลกรรมดีในกาลก่อน กำลังให้ผล เวลาไหนที่เราเกิดกลุ้ม อึดอัด จิตใจไม่สบายทรมาน ความรู้สึกบางครั้งทนแทบไม่ไหวในการทรงชีวิตอยู่ นั่นแสดงว่าขณะนั้นกรรมชั่วในการก่อนกำลังให้ผลอยู่ ตราบใดที่เรายังมีร่างกายอยู่ มันหนีกฏของกรรมไม่พ้นแน่นอน ก็ต้องถือว่า...[/FONT]

    [FONT=&quot]ช่างมัน ให้ผลประเดี๋ยวเดียวก็สลายตัวไป กรรมดีบ้าง ชั่วบ้าง แล้วแต่จังหวะของกรรมที่เราทำมาใจเราก็สบาย ถ้าเรายอมรับความสุข ความทุกข์ว่าเป็นธรรมดาได้จิตใจก็สบาย เป็นอันว่าญาณ ๘ ประการก็จบเท่านี้ อย่าลืมว่า เราอาศัย[/FONT]


    [FONT=&quot]ทิพจักขุญาณตัวเดียวเท่านั้นในการรู้เรื่องราวต่าง ๆ ดังกล่าวมาแล้วโดยสังเขปและท่านที่ฝึกได้แล้วก็จงจำไว้ว่า [/FONT][FONT=&quot]เรารู้อดีต ปัจจุบัน อนาตคต ของเราและของบุคคลอื่นได้นี้ พระท่านห้ามนำไปเป็นหมอดูนะคะ ท่านให้ไว้เพื่อเป็นเครื่องช่วยในการตัดกิเลสเท่านั้น[/FONT][FONT=&quot]นอกจากเราจะซ้อมอารมณ์ทิพจักขุญาณกับเพื่อนนักปฎิบัติด้วยกันเพื่อความถูกต้องเท่านั้น สำหรับการฝึกญาณ ๘ ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้นะคะ”<O> [/FONT]


    [FONT=&quot]</O>[/FONT]
    [FONT=&quot]larnbuddhism.com<O></O>[/FONT]



    [FONT=&quot]<O></O>[/FONT]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2009
  9. picmy_aui

    picmy_aui Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +47
    ผมต้องเร่งทำให้ได้ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จคงไม่ไกล
    อนุโมทนาครับ
     
  10. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
     
  11. สุภาพรกิ่งนอก

    สุภาพรกิ่งนอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +1,536
    ขออนุโมทนาสาธุค่ะ เย็นวันศุกร์นี้จะไปฝึกมโนมยิทธิที่สำนักแถวตรอกจันทน์ โคราช อาจารย์จะพาไปค่ะ จะเป็นครั้งแรกในชีวิตหลังจากที่ได้ศึกษาด้านนี้มาพอสมควร แต่ยังไม่เคยไปปฏิบัติสักที แต่ว่าอ่านธรรมมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาเกือบปีแล้วค่ะ
     
  12. ธรรมทัศ

    ธรรมทัศ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +62
    ขออนุโมทนาครับ ได้กำลังใจขึ้นมากเลยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  13. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    โมทนาค่ะ ขอบคุณ จขกท. สำหรับธรรมทานดี ๆ ที่นำมาฝากกัน
     
  14. TANAKORN17

    TANAKORN17 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +17
    อนุโมทนาครับ ผมได้ฝึกขั้นที่ 1 ที่บ้านซอยสายลมมาแล้วกำลังจะไปฝึกขั้นที่ 2 พอดี
    ขอบพระคุณครับที่ได้แสดงมา
     
  15. Chart072

    Chart072 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +258
    อนุโมทนาสาธุ กับคุณhura ที่นำเรื่องการฝึกมโน ฯ มาให้อ่านให้เห็นจริง ว่าคนที่ตั้งใจจริง สามารถฝึกได้ ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาก ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์พีรนุช ครูฝึกอยู่ที่ไหน อยากมีฌอกาสไปขอฝึกด้วยครับ ผมไม่ได้ติดตามมาตั้งแต่ต้น จึงไม่ทราบจริงๆ ครับ ไม่ทราบว่าทางเชียงราย จะมีครูบาอาจารย์ท่านใดที่ใดสอนมโน ได้บ้าง ผมอยู่เชียงรายไกลจากวัดท่าซุงหรือกรุงเทพฯมากเกินไปครับ คงไม่สะดวก ท่านใดพอแนะนำได้บ้าง ช่วบแนะนำด้วยนะครับ
     
  16. paul1234

    paul1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +634
    <TABLE style="WIDTH: 174pt; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=232 border=0><COLGROUP><COL style="WIDTH: 23pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 1133" width=31><COL style="WIDTH: 48pt" width=64><COL style="WIDTH: 55pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 2669" width=73><COL style="WIDTH: 48pt" width=64><TBODY><TR style="HEIGHT: 15pt" height=20><TD class=xl65 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 23pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 15pt; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8" width=31 height=20> </TD><TD class=xl65 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 48pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8" width=64> </TD><TD class=xl65 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 55pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8" width=73> </TD><TD class=xl65 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 48pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8" width=64> </TD></TR><TR style="HEIGHT: 15.75pt" height=21><TD class=xl65 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 15.75pt; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8" height=21> </TD><TD class=xl66 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8; mso-ignore: colspan" align=left colSpan=3>อนุโมทนา... สาธุ...</TD></TR><TR style="HEIGHT: 15.75pt" height=21><TD class=xl67 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #002060 2pt double; HEIGHT: 15.75pt; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8" height=21> </TD><TD class=xl67 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #002060 2pt double; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8"> </TD><TD class=xl67 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #002060 2pt double; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8"> </TD><TD class=xl67 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #002060 2pt double; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8"> </TD></TR><TR style="HEIGHT: 15.75pt" height=21><TD class=xl65 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 15.75pt; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8" height=21> </TD><TD class=xl68 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8; mso-ignore: colspan" align=left colSpan=3>ทาน ศิล สมาธิ ปัญญา</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. tamm16

    tamm16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +466
    อนุโมทนาครับ ของผมคงได้แต่ฝึกนั่งสมาธิแล้วก็ดูศึกษาในเว็ปเองเสียกระมั้ง เพราะไม่รู้จะฝึกกับใคร -*-
     

แชร์หน้านี้

Loading...