การสอนดูจิตตอนนี้ ไม่ต่างไปจากท่านสัญชัยปริพาชกในครั้งพุทธกาล

ไอ้พวกที่ด่า พระ โดยไม่กลัวบาปนี่มัน น่าสมเพศจริงๆ อีกอย่างเอารูปหลวงตามหาบัวมาเป็นรูปแทนตัวแต่มัวหลงอยู่ในกิเลสนี่ไม่ดีเลย ศึกษาให้ดี ก่อน ที่จะไปว่าพระปราโมทย์นะ ที่ท่านบอกว่าจิตเป็นไปเอง ท่านหมายถึงอนัตตา บังคับไม่ได้ นี่มีพระพุทธพจน์รับรองดังที่ว่า สัพเพ ธัมมา อนัตตา พระปราโมทย์ไม่ได้บอกให้ปล่อยตัวปล่อยใจตามอนัตตาอย่างนั้น ท่านให้มีสติรู้ทันและรักษาศีลไม่ให้ทำชั่วทางกายและวาจา

ฟังแบบไม่มีโยนิโสมนสิการแบบนี้ก็คือฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด

 

ธรรมะไม่ใช่ของง่ายเจ๊ นี่เจ๊หายไปนาน เมื่อไหร่จะออกสู่สังคมนี้ล่ะ...คือบางคนคิดว่าไปอ่านสังโยชน์ 10 แล้วรับรู้เข้าใจจนครบทั้ง 10 ข้อ ก้บอกว่าผม,ฉันเป็นอรหันต์แล้ว ยังไม่ถูกครับ สังโยชน์เป็นตัวเทียบ เปรียบเสมือนข้อสอบ บางคนแสวงหาธรรมะขั้นสูง ก็ทำบุญทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาไงครับ ทางอื่นผมไม่รู้ แต่ผมทางนี้ ทีนี้อย่างตอนช่วงหลังพุทธกาลน่ะ มีลัทธิเรียกอไรนะ เอ่อ อ๋อ นิกายเกิดขึ้นหลายนิกาย ผมเองผมก็ยังไม่รู้เลยว่าผมนิกายไหน แต่ก็ทำบุญและปกิบัติธรรมนะครับ *_* คืออย่าที่ว่ามีหลายอาจรย์ หลายสำนัก หลายนิกาย แต่ละฝ่ายก็บอกว่าของตัวเองนั้นถูก ก็ไม่รู้ครับ ของผมทาน ศีล ภาวนา แล้วคุณธรรมภูติล่ะครับ อันนั้นอนัตตาและเป้นมรรคครับ ถ้าแบ่งปัน ผมแบ่งปันกับเด็กช่างว่า เหล้าไม่ดี เช่น ทำให้เวียนหัว เปลืองเงิน มีผลต่อสมอง ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไป ถ้าถามผมผมว่าเอาอย่างผมนี่ไง กินเหล้าปีละ 3-4 ครั้ง นี่ผมกินแค่นี้ ที่สำคัณถ้าผมจะกินเหล้าต้องมีคนชวน และกินกับคนที่รู้ใจเท่านั้น ครับ ไม่มีอะไรคับ..........