การเกิดดับของจิตมีสภาพเป็นสันตติใช่หรือเปล่าครับ

อ้างจากหัวข้อกระทู้ครับ

จิตเกิดดับแต่เห็นความเกิดดับไม่ได้
เพราะการเกิดดับของจิตมีสภาพเป็นสันตติ
ใช่หรือเปล่าครับ

และถ้าทำให้สติเป็นสันตติละครับ
จะเป็นไปได้มั้ย แล้วจะเกิดอะไรขึ้นครับ

เชิญร่วมสนทนาธรรมครับ
ไม่มีการล๊อกสเปคเลือกสนทนาเฉพาะคนครับ
สนทนากับทุกท่านแลกเปลี่ยนธรรมะ
เพื่อประโยชน์แก่การเจริญในธรรมร่วมกันครับ

 

วัตถุประสงค์ทางการตลาด
- สร้างความตะหนักรู้ และทดลองใช้ผลิตภัณฑ์
- สร้างส่วนแบ่งตลาดให้มากที่สุด
- สร้างกำไรสูงสุด
- ปกป้องส่วนแบ่งตลาดไว้ ลดรายจ่ายและเลี้ยงตราผลิตภัณฑ์ไว้

 

ที่ผมยกมาผิดถูกยังไง ท่านใดคิดเห็นอย่างไร กรุณาแสดงความเห็นด้วยครับ

 

ยินดีครับ
ไม่ล๊อคสเปค จำกัดทั้งผู้ร่วมสนทนาและเนื้อหาในการสนทนา ครับ

 

โดยเบื้องต้น ได้กำหนดอานาปัสสติ ได้คล่องหรือยัง

หากยัง การคุย เป็นเพียงอาศัยสัญญา

 

ความหมายของ สันตติ เพิ่มเติมครับ

 

แล้วเป็นปัญญา นั้นเป็นยังไงครับ

 

ยังไม่มีปัญญาหรอก ธรรมนี้เป็นของวิปัสสนาล้วนๆ ไม่ได้เกิดจาการพิจารณา

ใครบอกว่าได้ วาจานั้นจะต้องเป็นอริยะบุคคล อริยะบุคล วาจา กาย ใจต้องเป็นปกติ

 

การสนทนาธรรม เป็นการแลกเปลี่ยน
เพื่อการเจริญในธรรมร่วมกัน

หากต้องมากำหนดว่าต้องผ่านตรงนั้นก่อนตรงนี้ก่อน
แล้วจะมีผู้ร่วมสนทนาได้ซักกี่คนกันล่ะครับ
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไ่ม่ต่างจากการล๊อกสเปค
จำกัดผู้สนทนาให้อยู่ในวงจำกัดน่ะสิครับ

ถึงแม้จะยังปฏิบัติไปไม่ถึง
แต่รู้จักเข็มทิศทางเดิน จากการสนทนาร่วมกัน
มันก็ไม่มีโทษ ไม่ใช่เหรอครับ

 

คุณยังไม่มีปัญญา
แต่บอกว่าที่มาคุยกันนี้มันเป็นแค่สัญญา
นี้มันถูกต้องเหรอครับ

คุณเอาอะไรมาตัดสินว่าเป็นแค่สัญญาล่ะครับ

 

คิดแบบนั้น กล่าวแบบนั้น แต่กิเลส หาลดลง ไม่ได้เลย

แต่ก็ยังอุตสาห์ภูมิใจสัญญา บอกว่านี้ละคือหลักของการปฏิบัติ

 

พูดเรื่องการฝึกจิต ฝึกสตินี่ ไม่ใช่หลักของการปฏิบัิติเหรอครับ

 

พูดมากี่ปีแล้ว ความโกธรมันลดลงไหม ความเมตตามันเพิ่มบ้างไหม

ศีลมันดีขึ้นบ้างไหม โดนแหย่ยังโกธรไหม โดนหาว่าโง่ยังร้อนรนไหม

คุยๆๆๆ แล้วก็คุยเรื่องสติ.......ใครเอาสติกูไปไหนวะ มันจะเป็นแบบนี้สักพักใหญ่

เป็นตำนาน ...เล่าขานให้ น้ำหมากกระจาย

เออ..คุยเพลินเรื่อยเปื่อยเลย..วุ้ย วันนี้

 

ในอภิธรรมกล่าวไว้ว่า สิ่งที่ปิดบังไตรลักษณ์ คือ สันตติ อิริยาบถ ฆนสัญญา
"สันตติ ปิดบัง อนิจจัง
อิริยาบถ ปิดบังทุกข์
ฆนสัญญา ปิดบังอนัตตา"

จะหาที่ลง ในความเป็นสันติ ธรรมได้
เพราะหากเมื่อประจักษ์ เห็นความผันเปลี่ยน ที่เกิดจาก ภาวนามยปัญญา
ซึ่งความจริงย่อมมลายความจำได้(จุดนี้คงทราบกันดีอยู่แล้ว)

สู้กันต่อไป

 

แล้วเวบบอร์ดนี้เค้าตั้งกันมากี่ปีแล้วคุณทราหรือเปล่าครับ
เค้าตั้งกระทู้ คุยกันมากี่กระทู้แล้ว ทราบมั้ยครับ
แล้วมันเป็นยังไง คุณคิดยังไงครับ

 

นั่นแสดงว่า สันตติ คือ ความสืบเนื่อง
ที่ทำไม่ให้เห็นการเกิดดับ ใช่มั้ยครับ

 

คุยแต่เรื่องนอกตัว ทำมาคุยเรื่องการเกิดดับ

โม้ขั้นเทพ (เทพไหนไม่รู้)

 

คุยเรื่องจิตนี่เหรอครับ เรื่องนอกตัว
แน่ะ...หาว่าผมโม้อีก

 

จิตมีสภาพรู้ เดี๋ยวรู้ เดี๋ยวไม่รู้ หมายถึง รู้สิ่งหนึ่งแล้วไปรู้อีกสิ่งหนึ่ง

จนสำคัญว่าขณะนั้นเป็นเราที่รู้ขึ้นมา นี้เป็นเพราะอำนาจสันตติ

ถ้าเคยพิจารณา อายตนะ๖มาบ้าง จะเห็นว่าเดี๋ยวรู้เกิดทางตา รู้ทางใจ

รู้ทางหู รู้ทางใจ รู้ทางสัมผัส รู้ทางใจ เกิดดับสลับกัน เป็นสมมุติ อุปทานขึ้นมา

ในอายตนะก็ยังแยกย่อยด้วยปัญญา เห็นรูป และ นาม หมายถึงขณะเห็น และ รูปที่กระทบ

ซึ่งรูปเกิด นามเกิด จักขุวิญญาณเกิดไปรู้อารมณืทางตา แล้งส่งต่อลง ชวนะจิต

ซึ่งขณะนั้นขันธ์ ๕เกิดประชุมกัน รวดเร็ว สืบเรนื่อง

วิธีแยก สันตติ ก็คือใส่ใจตรงอารมณืกระทบบ่อยๆ ก็จะเห็นอนิจจัง

และการใส่ใจนี้ไม่ใช่ไปยึดอนุพยัญชนะว่า นี้สิ่งของ ตนสัตว์ นี้เราเห็น

แต่ให้สำรวมอินทรีย์ รู้ที่ความเป็นใหญ่ของอินทรีย์ในขณะนั้น



ส่วนสตินั้น เป็นเจตสิกธรรม เป็นสังขารขันธ์ มีแล้วไม่มี ไม่มีแล้วมีเช่นกัน ^^

 

อนุโมทนาครับ
แล้วจิตใช่วิญญาณขันธ์หรือเปล่าครับ