การเกิดดับของจิตมีสภาพเป็นสันตติใช่หรือเปล่าครับ

แต่ถ้า โกมีนัม มั่นอกมั่นใจว่า ธรรมที่ชื่อ "ความไม่ประมาท" นี้โกมีนัม
มีบริบูรณ์ดีอยู่ ไม่เลือนหายไปไหน ก็ว่ากันไป

ตัวใครตัวมัน แต่ โดยสถิติ คนที่เขาไม่ประมาทแบบใช่เลยเนี่ยะ เขาไม่
มาอยู่แถวนี้แน่

ดังนั้น อาศัยอำนาจของ CAT Telecom และ THCOM3 ช่องที่ 9
ปรักปรำว่า โกมีนัม ยังมีความ ประมาทเลอะเลือนอยู่

 

ใจลึกๆมีนัมก็รอวันนั้นอยู่ สารภาพแบบนี้ศาลจะลดโทษให้ซักกึ่งนึงมั๊ยนะพี่

 

..........เกิด จาก อวิชชา ปัจจัย สังขารา สังขาราปัจจัยวิญญานัง วิญญานังปัจจัย นามรูปัง..

 

น่าเห็นใจเนาะ

มันต้อง รอ รอ แล้วจะมาหรือเปล่า

หากไม่มา ไม่รอเก้อหรอกหรือ

ไม่ประมาท นั่นแหละ พึ่งได้

 

โกมีนัม อาศัย ตัวนี้ก็ได้ เคยเจอมันแว็บๆ เหมือนกัน

ลอง พิจารณาดูว่า

เคยเล็งเห็นว่า "สัทธรรมมีส่วนอื่นที่ไม่ได้กล่าว" ที่รู้
เฉพาะโกมีนัมเอง แบบนี้ มีหรือเปล่า มันจะแว็บไป
แว็บมา ถ้ามีนะ อย่าว่าแต่ ขั้นสุดท้ายเลย ขั้นแรกก็ไม่มี

 

อนุโมทนานะครับที่เห็นได้ขนาดนั้น

ส่วนตัวคงเห็นแค่จิตและเจตสิก ทำกิจแค่นั้น

 

................อย่ายกให้ผมเห็นสิครับ พระท่าน ชี้ เราก็พิจารณาตาม..

 

ก็ไม่เห็นมีกำกับว่าเป็นพระวจนะ

เข้าใจเอาเองว่าแพททริกรู้ โทษที

 

มีนัมเองก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่คิดถึงบางคนที่ตอนนี้ไม่เจอกันแล้ว
เข้ามาทำความเข้าใจ ไม่ใช่แค่ประมาทในบางเรื่องที่ไม่เข้าใจหรอก บางครั้งเล๊อะเท๊อะมากเลยสำหรับตัวเอง พี่ดูสิ อย่างน้อย กิ้งก่ามันก็เหมือนไดโนเสาร์นะ

ตอนนี้ก็แค่เด็กติดเน็ตคนนึง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น มีคนคุยด้วยก็ดีใจบ้าง แต่บางเรื่องก็ถ่อมตัวเองไปไม่ได้หรอก เพราะจะเป็นการสบประมาทธรรมนั้น

ส่วนเรื่องอื่นก็อาจจะบ้าๆบอๆไปได้เรื่อยๆ ^_^

 

เอาภาพรวมไปอ่านก่อนจะได้เข้าใจ แล้วเดินได้ตรง

ฟัง เอกวีร์มากพาเข้ารกเข้าพงหมด อ่านเป้าหมายข้างต้น ทำความเข้าใจให้ดี

 

ลุงออกจากพงแล้วหรอ ^^

 

นี่ข้าแจ้งหมดจดอยู่ไม่กี่วันนี่แล้ว นี่รั้งเอาไว้หรอก จิตมันเต็มที่แล้ว รู้มันรอบหมด แต่ รอม้วนเดียวจบ ไม่ใช่ชาตินี้ กั๊กๆๆ ไปหละ

 

มีพยากรณ์ล่วงหน้าด้วยว่าจะแจ้งเมื่อไหร่ ไม่ธรรมดานะเนี่ย ^^

 

มีคนคุยด้วยก็ดีใจบ้าง ( 1 )

แต่บางเรื่องก็ถ่อมตัวเองไปไม่ได้หรอก ( 2 )

เพราะจะเป็นการสบประมาทธรรมนั้น ( 3 )

สามตัวนี้ ลูบๆคลำๆ ทั้งนั้นเลย

รู้ว่าเป็น ไดโนเสาร์นี่ใช้ได้ดีอยู่ แต่ อย่าให้ไดโนขันโทโซสัต
มันหลอกรับรองธรรม เอานะ เดี๋ยวจะเป็นแกงกะโบทศาสน์ ร่วมไปกับเขา

วิญญูชน พึ่ง รู้ธรรม "ความไม่ประมาท" ได้ด้วยตนเอง

 

แก่ตายไปเถอะลุง ไม่รอดหรอก

เป็นอะไรมากไหมเนี่ยะ ฝากความหวังไว้กับ การปรารภโชวไส้ติ่ง ทุกครั้งเลย

กูรู้รอบแล้วบ้างแหละ ปรามาสกูลงนรก ปากเหม็นบ้างแหละ

แล้วนี่ ก็ มุข ที่ฮวยบอกห่วยมากที่สุดเลย

โชว อุปาธิ ล้วนๆ

แปลอีกที อุปทาน ทั้งดุ้น โชว ภพ หราเลย เนี่ยะ คำว่า ภพ ก็ยังจำแนก
แยกแยะ ชี้ให้เห็นเป็นทุกข์ไม่ได้เลย แล้ว จะเอาอะไรไปสอนเขา

ได้แต่ เอาภาพพระมาหลอก อาศัยลีลามั่นใจ เป็น ตัวชูโรง นี่ดีนะ พ่อพะโล้
เขาพูดเป็นภาษาปฏิบัติมากขึ้น เลยหมดไปอีกหนึ่ง สำนวนสัญญาดับ พูดวน
ได้ ไม่งั้น มึนเกินรับ มาสองคนนี่ งง เลย

เหลือแต่แก่กะโหลกกะลา ค่อยยังชั่ว มุขมีไม่มาก กูรู้ ปรามาสกูลงนรก เรียก
ชื่อเขาเพื่อล่วงศีล โชว ภพ ภาคหน้ากูจะรวย !! เฮ้อ

 

อินทรีย์

อินทรีย์ ของแต่ละท่าน ไม่เสมอกัน

ในคนๆเดียว อินทรีย์ ก็ ลุ่มๆดอนๆ ผมเอง ก็เหมือนกัน ทำไงดีล่ะ?

นี่เป็นความเห็น ของ ข้าพเจ้า


.

 

ผมรู้อยู่แล้วล่ะครับว่าพิมพ์ผิด
แต่รู้สึกอยากพักผ่อน ก็เลยหาเหตุไปนอนเท่านั้นแหละ
ผมเอาธรรมขององค์หลวงตามาชี้แล้วกันนะครับ
จะได้ไม่มาทึกทักว่าผมคิดเอาเอง

 

หลวงปู่สิม พุทฺธจาโร

เรื่อง"ทำจริงๆภาวนาๆจริงๆธรรมปฏิบัติ"

http://www.fungdham.com/sound/sim.html

 

^
^
ทิ้งช่วงพอให้หายอึดอัด

น้อยๆหน่อยหลานรัก เปรียบเข้าไปนั่น มันคนละเรื่องกันเลย

การอ้างสถาบัน กับการอ้างคำสั่งสอนนั้น มันคนละเรื่อง

การอ้างสถาบันนั้นก็เปรียบเหมือนการอ้างว่าเราได้ใกล้ชิด กับพระพุทธองค์ใช่หรือไม่?

ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะมีแต่ท่่านพระอาจารย์อานนท์เท่านั้น ที่อ้างแบบนั้นได้(อ้างสถาบัน)

ส่วนการอ้างคำสั่งสอนนั้น เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับนักปฏิบัติทุกๆท่านไม่มียกเว้น

ไม่ใช่เป็นการกดดัน แต่เป็นการตรวจสอบ สอบทาน เทียบเคียง เพื่ออะไร?

เพื่อค้นหาสัจธรรมความถูกต้อง เพื่อให้รู้เห็นตามความเป็นจริงใช่หรือไม่?

ที่รู้สึกอึดอัด มักเกิดจากการไม่ยอมรับเหตุผลที่ตริตรองตามได้เพราะอะไร?

เพราะยังชอบหลอกตนเองว่า ไม่ตรงกับจริตของเราที่เรียนรู้มาใช่หรือไม่?

ใครๆก็คุยโม้ได้ทั้งนั้นแหละว่าปฏิบัติมาแล้วทั้งนั้น

ขอให้ได้อ่านมาจากตำราการปฏิบัติธรรมที่รจนาขึ้นมาในภายหลังมาบ้าง

ล้วนโอ้อวดได้ทั้งนั้น แต่มักหาหลักเกณฑ์ของการปฏิบัติธรรมจริงๆไม่เจอ

ล้วนมีแต่การกระทำ แต่หาผู้กระทำไม่ได้ ว่าเข้าไปนั่น ทั้งๆที่ขาดเหตุผลชัดๆ

มีแต่การปฏิบัติได้มาเพราะสัญญาอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของตนเองเท่านั้น

ไม่ใช่เกิดจากผลของการปฏิบัติภาวนาที่ได้มาอย่างแท้จริง

มักเป็นผลที่เกิดจากการอือออห่อหมกไปตามตำราที่ว่าไว้อย่างนั้น

ยกตัวอย่างง่ายๆไม่ต้องไปไกล เอาแค่เรื่องอานาปานสติที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้ว กับตำราที่มีขึ้นมาในภายหลัง

จะเห็นความขัดแย้งได้ชัดเจน ทั้งๆที่ของแบบนี้ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ค้นหาความจริงได้ โดยไม่ต้องไปเชื่อใครเลยทั้งสิ้น

พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ชัดๆว่า พวกเธอจงมีสติระลึกรู้อยู่ทุกลมหายใจเข้า-ออก

เราผู้ปฏิบัติ ย่อมต้องเอาจิตของตนเอง ที่มีสติระลึกรู้อยู่ทุกลมหายใจเข้า-ออกใช่หรือไม่?

แสดงว่าจิตรู้อยู่ตลอดของการหายใจเข้า-ออกไม่ว่าสั้นหรือยาว หยาบหรือละเอียดใช่หรือไม่?

แล้วที่ชอบโม้ๆกันตามตำราว่าจิตเกิด-ดับเร็วมาก ชั่วลัดนิ้วมือเดียวเกิดดับตั้งแสนโกฏครั้งหนะ ว่าเข้าไปนั่น

แล้วจิตไปเกิด-ดับตอนไหนมิทราบ จึงได้ระลึกรู้อยู่ตลอดของทุกลมหายใจเข้า-ออกหละ

โอปนยิโก จงน้อมเข้ามาใส่ตน นั่นอะไร จงลงมือพิสูจน์ใช่หรือไม่? แต่ไม่ยอมทำกันเอง

จะเอาแต่ธรรมะสบายๆ ง่ายๆ ลัดสั้น เพียงแค่อ่าน จำ นึกคิดไหลไปตามความคิดจนตกผลึกแค่นั้นก็พอ คุยได้แล้วว่า เรารู้แล้ว ถึงแล้ว

จะเอาแต่โม้ในสิ่งที่ตนเองอยากโม้ เพื่อให้คนอื่นได้รู้และเชื่อตามเท่านั้น ห้ามสงสัย สงสัยให้เก็บไว้

โดยที่ไม่สนใจจะเอาผลการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังของตนมาสอบสวน เทียบเคียงกับพระพุทธพจน์ เลยใช่หรือไม่?

นักปฏิบัติทั้งหลาย ตั้งแต่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ในสายปฏิบัติทุกๆท่านๆล้วนได้ลงมือพิสูจน์ทราบจนรู้เห็นตามความเป็นจริงแล้วทั้งนั้น

จึงได้เคารพนบนอบในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนิพพานมีอยู่จริง เข้าถึงได้จริง

ไม่ใช่มีแต่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระนิพพานที่มีอยู่จริง แต่ผู้เข้าถึงกลับไม่มีอยู่จริง นั่นตำราว่าไว้

จำไว้ให้ดีๆนะหลานรัก ใครที่สามารถเข้าถึงพระพุทธพจน์ได้ และอยู่ในจิตในใจหรือทุกลมหายใจเข้า-ออก

เชื่อได้ว่าผู้นั้น น่าจะเอาตัวรอดได้แล้วพอสมควรแก่พระพุทธพจน์นั้นๆ

ส่วนผู้ที่อึดอัด ดักดาน ในพระพุทธพจน์นั้นเพราะกำลังทางเข้ารกเข้าพงอยู่นั่นเองนะจ๊ะจะบอกให้

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

เข้ามาเพราะคำนี้หล่ะครับ แบบว่าไม่เคยได้ยินขอรับ หุหุ