การเปลี่ยนศาสนาพุทธโดย ไม่รู้ตัว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปราบเทวดา, 28 พฤษภาคม 2020.

  1. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    เกร็ดธรรม

    หลวงปู่พุธ ฐานิโย

    วัดป่าสาละวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา




    มันมีวินัยข้อหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติ ไว้ว่า
    ภิกษุอวดอุตริมุษยธรรมที่ไม่มีในตน ต้องอาบัติ ปาราชิก
    เพราะฉะนั้น เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องของสมาธินี่
    อาตมะชอบใช้คำว่า ฝันไป
    ฝันนี่ คนธรรมดาสามัญนี่ก็ฝันได้
    ถ้าเราไปบอกว่า เออนี่เป็นความรู้เป็นฌานเป็นญาณซึ่งเกิดขึ้นในสมาธิ
    แต่ถ้าหากว่ามันไม่เป็นจริง เผลอไปต้องอาบัติปาราชิกไม่รู้ตัว
    แต่ใช้คำว่าฝันไปเนี๊ยะ มันป้องกัน อาบัติได้ ปลอดภัย เพราะคนธรรมดาก็ฝันได้

    เพราะฉะนั้น ในขณะที่เราทำสมาธินี่ จะทำด้วยวิธีใดก็ตาม ให้ระวังอย่างหนึ่ง
    เมื่อทำสมาธิจิตสว่าง กระแสจิตส่งออกไปข้างนอก
    บางทีไปเห็นภาพนิมิตต่างๆ
    บางทีก็เห็นพระสงฆ์ที่ทรงจีวร สวยงามอร่าม ไปเข้าใจว่าเป็นผู้วิเศษ
    แล้วจิตมันก้จะโกหกเราว่า นี่เป็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดเรา
    นี่คือโมคคัลลา สารีบุตร มาโปรดเรา

    แล้วเราเผลอ ไปน้อมเอานิมิตที่เราฝันขึ้นมานั้น เข้ามาในตัว
    พอนิมิตนั้นเข้ามาถึงตัวปั๊ป มันจะกลายเป็นการประทับทรงวิญญาญ

    พอเสร็จแล้วเราจะเปลี่ยนศาสนาพุธ ให้เป็นศาสนาอื่น อย่างไม่รู้สึกตัว

    เช่น

    อย่างบางท่านที่เข้าใจผิด ทำสมาธิแล้ว อืม
    พอเห็นภาพ ท่านโมคคัลลาเข้ามา ก็เอ๊า เอาเข้ามาในจิตในใจเอ้า ฉันเป็นพระโมคคัลลา
    พระสารีบุตรเข้ามา ก็ เอ๊า ฉันเป็นพระสารีบุตร
    พระพุทธเจ้าเข้ามา ก็ เอ๊า ฉันเป็นพระพุทธเจ้า

    บางทีเห็นผู้ยิ่งใหญ่ พระศิวะ พระอะไรออกมา
    ก็เข้าใจว่า ท่านผู้วิเศษ จะมาช่วยญาณ ช่วยฌาน ให้เราแก่กล้าขึ้น
    แล้วเสร็จแล้ว ก็เข้าใจผิด น้อมเอาเข้ามาในตัว ก็กลายเป็นทรงวิญญาณ
    เปลี่ยนศาสนาไม่รู้ตัว

    เพราะฉะนั้น

    หลักที่เราจะควรสังเกตุ การทำสมาธิเนี๊ยะ
    คือ ทำจิตให้สงบ ให้รู้ความจริง ของกาย ของใจ ของเราเอง
    ว่าสภาพจิตของเรามีแนวโน้วไปในทางไหน

    ทางบาปหรือทางบุญ
    ทางดีหรือทางชั่ว
    ทางผิดหรือทางถูก

    ในเมื่อมันมีแนวโน้วไปในทางไหน เราจะแก้ไขหรือไม่
    ถ้าเราจะแก้ไข ก็อาศัยหลัก 5 ประการ
    คือ ศีล5
    งดเว้นตามนั้น

    แล้วก็สร้าง สมรรถภาพทางจิตให้มีความมั่นคง
    ให้มี ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ประชุมพร้อมที่จิต
    ทำจิตให้เป็นปกติตลอดเวลา แล้วเราจะได้ผล เกิดจากการปฏิบัติ

    การปฏิบัติสมาธิเนี๊ยะ ถ้ารู้สึกว่า ปฏิบัติไปแล้วรู้สึกเบื่องาน ใช้ไม่ได้

    ปฏิบัติไปแล้วต้องรักงาน มีครอบครัวรักครอบครัวยิ่งขึ้น
    มีเพื่อนฝูงรักเพื่อนฝูงยิ่งขึ้น
    แต่ความรัก มันจะกลายป็นความ เมตตา ปราณี

    มีความหมั่นขยัน ในหน้าที่การงาน มีความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมาดียิ่งขึ้น
    นี่ จึงจะถือว่า ปฏิบัติสมาธิแล้วได้ผล

    ทีนี้ เมื่อปฏิบัติสมาธิแล้ว
    เบื่องาน เบื่อการ อยากจะลาออกไปบวช นั้น ใช้ไม่ได้ ยังไม่พูด

    อ่านต่อที่นี่ http://palungjit.org/threads/วิถีจิต-พระราชสังวรญาณ-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.546312/
     
  2. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ :
    อ่านว่า
    สาธุ ปาเปนะ ทุกกะรัง


    แปลว่า
    ความดี อันคนชั่วทำยาก
     
  3. ❤️ปราวตี

    ❤️ปราวตี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +75
    นานาเขาเป็นไรรู้มั๊ยครับคุณปราบ เขาบล๊อคเฟสผมเฉยเลย
     
  4. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ
     
  5. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    260879.jpg

    iToey
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    คล้ายเรื่องผีหลอกในสมาธิ
    เป็นกันเยอะ ในระดับกำลังสมาธิปฐมฌาน
    ในบุคคลที่จิตทำงานได้แบบมีแสงนำ
    จริงๆมันแค่สมาธิระดับพื้นฐาน
    แต่ขาดปัญญาทางธรรม เลยยึดนิมิต
    เป็นตุเป็นตะ

    อาการคล้ายสกดจิตตัวเอง
    เมื่อน้อมนิมิตเข้ามา
    ยิ่งมีใจชอบสิ่งที่เห็นเป็นทุน ยิ่งเสร็จ
    บ้างก็หลงว่าตนเองบรรลุธรรมก็มี

    ถ้ามาถูกทาง ต้องเป็นตามประโยค
    ท้ายๆที่ท่านได้กล่าวไว้นั่นแระครับ

    มีเยอะแยะนักปฏิบัติแนวนี้
    กลายเป็นหมอดู ร่างทรง องค์เทพ
    มีท่านโน้นนี้นั้นคอยดูแล สุดท้ายอุปโลกน์
    ตนเองเป็นผู้วิเศษ คิดว่าตนเหนือใคร พวกที่หนักคือ หากินกับความไม่มั่นคง
    ความไม่แน่นอน
    ทางจิตวิญญาณของคนไปเรื่อยเปื่อย

    ชอบเอาบุญมาอ้าง เอาท่านมาอ้าง
    เอาความดี อ้าง ใครเห็นต่างก็อ้างเรื่องเวรเรื่องกรรม

    และมักจะอ้างแต่ครูบาร์อาจารย์
    หรือ เทพพรหม ที่ท่านที่มีชื่อเสียง
    เรียกว่า เป็นธีมปกติไปแล้ว

    ส่วนตัวมองว่า ตลกดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...