การเฝ้าดู"จิต"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 3 สิงหาคม 2011.

  1. เลขโนนสูง

    เลขโนนสูง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +825

    สาธุครับ

    ถ้าตามรู้ แต่ก็ชอบที่จะเข้าไปพิจารณา

    ก็เท่ากับว่ามันยังให้ความสำคัญมั่นหมายอยู่

    แบบนี้เรียกว่า มีสติ แต่ขาด สมาธิตั้งมั่น เช่นนั้นหรือเปล่าครับ
     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    มันก็ขึ้นกับว่าเรากำลังทำอะไรนะครับ ถ้าเราจะดูจิตโดยไม่ปรุงแต่งเราก็ดูมันไป การปรุงแต่งหรือสังขารมันมี 3 อย่าง ความคิดเกี่ยวกับสภาวะธรรมที่แสดง การตอบสนองต่อสภาวะธรรมที่แสดง ที่กระทำที่เนื่องด้วยสถาวะธรรมที่แสดง ถ้าเราคิดแล้วเราไปคิดซ้อนอย่างนี้ก็เป็นการปรุงแต่ง เห็นอะไรแล้วพยายามกำจัดก็เป็นการปรุงแต่ง แม้แต่พยายามทำอะไร พยายามมีสตินี่ก็เป็นการปรุงแต่ง พยายามไม่ให้พยายามมีสติก็เป็นการปรุงแต่ง อย่าไปบังคับก็ปรุงอีก เราก็ดูมันให้หมด
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ขอโอกาส พีชลุ่มต่ำ

    หากเห็น สำคัญมั่นหมายมีอยู่ ไม่เรียกว่า มีสติ

    หากเห็น สำคัญมั่นหมายปรากฏแล้วระลึกได้ว่ากำลังสำคัญมั่นหมาย เรียกว่า มีสติ

    เทียบกับ การพิจารณา ตามสติปัฏฐาน คือ

    หากเห็น เวทนามีอยู่ ไม่เรียกว่า มีสติ

    หากเห็น เวทนาปรากฏแล้วระลึกเห็น จึงเรียกว่า มีสติ และ เป็น
    การเห็น เวทนาในเวทนา

    เช่น การรู้ลมหายใจเข้าออก หากเห็นลมหายใจเข้าปรากฏ ทั้งที่เป็นจังหวะ
    ลมหายใจออก หรือ สลับกัน นี่คือ เวทนาปรากฏ ถือว่า ไม่มีสติ

    แต่หาก ตามเห็นว่า นี่ลมหายใจออก แต่กลับไปเห็นเป็นลมหายใจเข้า ระลึก
    ได้ว่าเห็นผิด เพราะเวทนาปรากฏ ตัณหายังอยู่ แบบนี้เรียกว่า เจริญสติ

    แม้แต่ ลมหายใจเข้ายังเห็นเป็นลมหายใจเข้า แล้วลมหายใจออกเห็นเป็นลม
    หายใจออก ลมหายใจเข้าออกยังมีสภาพแตกต่างไม่เป็นหนึ่ง นี่ก็มีเวทนา
    ปรากฏ ตัณหายังอยู่ ยังยึดบัญยัติอยู่ ยังสำคัญมั่นหมายอยู่ ถือว่า
    ขาดสติ

    แต่ถ้า ลมหายใจเป็นหนึ่ง มีรู้ มีสติ รู้ว่ารู้อยู่ที่ลมแต่เป็นหนึ่ง แบบนี้เรียก
    ว่า มีสติบริสุทธิเพราะอุเบกขา จิตกับกาย(ลม)แยกจากกัน มาตรงนี้ถึงจะ
    เรียกว่า มีจิตตั้งมั่น(ถึงฐาน) ธรรมเอกจะปรากฏ การหมุนธัมจักรจะปรากฏเมื่อถอย
    ออกมาไม่มากก็น้อย

    * * * *

    สังเกตนะว่า กายอยู่ส่วนกาย ยังหายใจปรกติ เหมือนคนธรรมดาๆ ภาวนาอยู่ในภูมิมนุษย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2011
  4. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนาครับ หยุดตัวเดียวเท่านั้น

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  5. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนาครับ ควรน้อมเข้ามาหาตนครับ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  6. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    มีสติรู้แล้วพิจารณา ใส่ใจในสภาพธรรมที่กิดขึ้นในขณะนั้นนั่นน่ะ ถูกแล้วครับ

    เพราะอะไร เพราะว่าขณะที่เสพอารมณ์นั้น เกิดจากอัตตา
    ไม่เข้าใจว่าสภาพธรรมนั้นๆวิปริตเป็นกู กูคิด กูเห็น กูเป็น

    มีสติพิจารณาสภาพธรรม หมายถึง เห็นตามความเป็นจริง
    ว่าสภาพธรรมที่เกิดนั้น ไม่มีอะไรที่เป็นกู
    อันก็ต้องอาศัยการพิจารณาในขณะนั้น เพื่อดับความเห็นผิด ดับความสงสัยในคำว่ากู

    ส่วนในขณะพิจารณานั้น องค์ธรรมเกิด มีสังมาสังกัปปะ คือตรึกในชอบ
    องค์สมาธิมันมีอยู่แล้วในขณะนั้น
     
  7. เลขโนนสูง

    เลขโนนสูง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +825
    สาธุ ครับ

    เมื่อเราดู เรารู้มันให้หมด คือ รู้แล้วไม่สนใจ ดังว่าชำเลืองเห็นอะไรสักอย่าง
    ถึงแม้ว่ายังรู้สึกเหมือนสิ่งที่ถูกรู้ปรากกฏชัดเจนอยู่ หรือลางๆ ก็ช่างมันเถอะ
    (แต่ถ้าช่างไม่ดีตาชั่งก็เอียงได้เหมือนกันครับ) เช่นนั้นหรือเปล่าครับ
     
  8. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ธรรมดา คนทั่วไป เวลามองเห็นหรือรับอารมณ์
    จิตจะตัดสินเป็นบัญญัติสมมุตติ ไปตามที่เห็นเสมอ
    เห็นเป็น คนสัตว์ สิ่งของ ของๆกู กูเห็นอยู่ กูหิว กูโกรธ
    หากมีสติ ก้เป็นสติแบบ กูรู้ กูรู้โกรธ กูรู้เห็น ทั้นนั้น

    ไม่ได้พิจารณาไปตามจริงที่เกิดขณะนั้น
    ว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นเป็นรูปที่กระทบเกิดจากตาเห็น สติรู้ในกิจของตาในขณะนั้นคือ เห็น
    เวทนาเกิด ก็ไปมีสติรู้กันที่สุข ทุกข์ เฉย ไม่ได้ใส่ใจในอารมณ์ที่เวทนาเกิด
    ว่าสุขในขณะนั้น มีลักษณะเช่นใด เป็นขันธ์กองใดที่ทำกิจเสพอารมณ์ที่ดีหรือไม่ดีอยู่ในขณะนี้
    ขณะนั้นใช่กูสุข จริงหรือ
    จิตที่เสพอารมณ์อยู่ก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่ไปอยู่กันที่ นี่โกรธ กูรู้โกรธ เป็นกูที่รู้โกรธ
    หรือ ขณะที่จิตทำกิจรู้สภาพธรรมนั้น ใช่เราไหมที่รู้สภาพธรรมนั้น
    หรือเป็นกิจของ วิญญาณขันธ์ ที่กำลังทำกิจ หน้าที่อยู่ในขณะนี้

    เมื่อไม่ใส่ใจพิจารณา แล้วไปคิดว่าไม่ใช่กูไม่ใช่ตัวตน
    จิตมันก็ติดข้องไง ติดข้องที่ อ๊ะแล้วที่รู้อยู่นี่กูรู้อยู่นี่หว่า
    ไม่ได้ดับความเห็นผิดด้วยการพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น

    ทรัพยากรพวกนี้ไม่เคยขาดแคลน มีมาให้พิจารณาได้เรื่อยๆตลอดตื่น ตลอดชีวิต
     
  9. เลขโนนสูง

    เลขโนนสูง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +825
    อนุโมทนากลับทุกคำแนะนำครับ


    ธรรมดา คนทั่วไป เวลามองเห็นหรือรับอารมณ์
    จิตจะตัดสินเป็นบัญญัติสมมุตติ ไปตามที่เห็นเสมอ
    เห็นเป็น คนสัตว์ สิ่งของ ของๆกู กูเห็นอยู่ กูหิว กูโกรธ
    หากมีสติ ก้เป็นสติแบบ กูรู้ กูรู้โกรธ กูรู้เห็น ทั้นนั้น


    ครับผม นึกถึงคนทั่วไป หรือแม้กระทั้งตนเอง แล้วรู้สึกสงสาร ไม่ใช่มีใครมาหลอกลวงตัวเราเลย ตัวเราเองต่างหากที่ถูกหลอก จากอะไรก็ไม่รู้ ที่เป็นกลไกของธรรมชาติ แต่หลงไปยึดติด เพราะมีสัญญาหรือบัญญัติสมมุติ ความจำว่าแบบนี้สุข แบบนี้เคยได้รับสัมผัสที่เป็นสุข แบบนี้ที่ไม่ชอบ แบบนี้ที่ไม่อยากได้

    ดังนั้น ผมจึง แทนที่จะไปละสิ่งภายนอก ก็กลับมาล่ะโดยการไม่สนใจ การปรุ่งแต่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของตนเองแทนครับ

    การรู้สึกแบบสั้นๆ (ไม่หลงเข้าไป ไม่ต้องพิจารณา ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น) แล้วดีดกลับมาตั้งมั่น(สมาธิ) จึงเดาว่า เป็นการสอนให้จิตรู้ว่า ยังไงมันก็ต้องดับหายไปอย่างแน่นอน แล้วจะไปยึดมั่นกับมันทำไม ไปหลงตามกับมันไปทำไม เดาเลาๆ ว่า จิตมันต้องเบื่อหน่าย หรือเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ จนจิตต้องปล่อยวางแบบตัดขาดเข้าสักวันนึง เช่นนั้นหรือเปล่าครับ
     
  10. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    รู้ให้หมดหมายถึงดูการปรุงแต่งจิตครับ การที่เราไม่ปรุงแต่งมันต้อง
    เริ่มจากการปรุงแต่งก่อน มันจะเริ่มจากการไปบังคับให้มันไม่ปรุงแต่ง
    ไม่ได้ เพราะมันเป็นของที่มีอยู่พร้อมกัน การจะรู้ว่าไม่ปรุงแต่งก็ต้อง
    ไปดูการปรุงแต่ง จิตมีความโลภ โกรธ หลง เราก็ดูไปรู้ให้หมดก็
    จะเห็นการปรุงแต่ง รู้เท่าทันการปรุงแต่ง เมื่อคลายสิ่งที่เรายึดมันก็
    วางเองโดยไม่ต้องไปบังคับนี่คือเราดูจิต แต่ถ้าจะดูธรรมคือสิ่งที่เห็น
    ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย นี่เราก็ดูสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริง ถ้ามัน
    เห็นตามความเป็นจริงเราจะเห็นมันไม่มีความหมายอะไรเลย สัพเพ
    ธัมมา อนัตตตา นี่คือธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา เราจะเห็นว่ามัน
    ไม่มีความหมาย ไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดมุ่งหมาย แต่ถ้าเราไม่เห็น
    ตามนั้นก็แสดงว่ายังติดข้องกับสภาวะธรรมนั้นอยู่ การที่เราเห็นอะไร
    มันขึ้นกับสภาวะธรรมของเรามันแสดงอะไรออกมา ถ้าเราไม่สนใจมัน
    นี่เป็นสภาวะธรรมภายในมันจะปรากฏออกมาภายนอก แล้วถ้าเรายิ่ง
    ไม่สนใจมันมากขึ้นจะกลายเป็นสภาวะธรรมภายในมากขึ้นและจะ
    ปรากฏเป็นสภาวะธรรมภายนอกมากขึ้น เป็นวัฏจักรแบบนี้เรื่อย ดัง
    นั้นถ้าเราไม่สนใจเราก็จะยิ่งไม่สนใจ ถ้าเราสนใจเราก็จะยิ่งสนใจ
    ถ้าเราพยายามมันก็จะยิ่งพยายาม ถ้ายิ่งอยากได้มันจะยิ่งอยากได้
    เมื่อเราเห็นสภาวะธรรมภายนอกมันปรากฏแล้วเราไม่อยากสนในเราก็
    ดูจนความไม่อยากสนใจมันดับ ดับแล้วมันก็ไม่เป็นสภาวะธรรมของ
    เรา เราก็จะเห็นมันตามความจริงว่ามันเป็นอนัตตา เหนือความอยาก
     
  11. THEFOOL23

    THEFOOL23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +136
    สติปัฏฐาน ๔ ปลอม คือเป็นวิปัสสนึก

    จิตสงบเป็นสมาธิ

    สติปัฏฐาน ๔ ถ้าไม่มีความสงบของใจก่อน มันเป็นสติปัฏฐาน ๔ ปลอม คือเป็นวิปัสสนึก




    สติปัฏฐานสี่มีผล

    www.sa-ngob.com/media.php?id=2943&con=1



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2011
  12. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ทำไมวันนี้ไม่เหมือนเลขโนนสูงคนเดิม ผู้เชื่อในเหตุเกิด และเหตุดับหนอ
    พระธรรมพุทธองค์ตรัสรู้มาดีแล้ว
    หากย่อลง เหลือไม่ต้องไปหลง ไม่ต้องใส่ใจ ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวมันก็ดับไปเอง
    ก็ไม่ต้องไปเสียเวลาศึกษาธรรม
    ไม่ต้องเสียเวลารู้อริยะสัจ เพราะอยู่เฉยๆมันก็ดับของมันเอง แค่ทำสมาธิมันลูกเดียวก็พอ

    ถ้าเข้าใจอย่างนี้ ทุกข์ควรกำหนดรู้ เหตุทุกข์ควรกำหนดละ ก็ดูจะไม่มีความหมาย
    เพราะไปเข้าใจกันว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นลอยๆ ดับก้ดับลอยๆ

    สมาธิอย่างนี้ มันมีมาก่อนพุทธกาล
    มันก้เป็นเช่นนั้นเอง เช่นนั้นเอง แล้วก้นั่งๆไป ไม่ต้องไปพิจารณาอะไร
    ซักวันนึงปัญญามันจะเกิดเอง

    สุดท้าย กลายเป็นนั่งหลับตา เพราะด้วยโมหะนำไป เรียกว่าเจริญอกุศล
    นั่งแบบนี้ สวดมนต์เฉยๆยังเสมอตัวกว่า
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    คนมันโง่ ฟังธรรมเท่าไหร่ ก็โง่ เพราะ ฟังเพื่ออวดโง่ ไม่ได้ฟังเพื่อธรรม

    ดูสิ พุทโธๆ พระบอกว่า เป็น สติปัฏฐาน4 เหมือนกัน

    แปลว่าอะไร

    แปลว่า มึงพุทโธ ไปทีละคำ มันก็เริ่ม เก็บสติปัฏฐาน

    มีใครในโลกบ้าง พุทโธ ปั๊ป แน่นเป็นอัปปนาไปเลย มีไหม

    ก็เห็ย พุทโธๆ ไปทีละนิด ทีละหน่อย ทำสติปัฏฐาน4 ไปทั้งๆ ที่ยังไม่อัปปนา

    สมาธิยังไม่เกิดเลย ก็ต้อง พุทโธๆ ไปอยู่นั่น

    แล้วไหนหละ สมาธิต้องมีก่อนทำ สติปัฏฐาน4

    มึงไปทำสมาธิชนิดไหน มาก่อน จะบริกรรม พุทโธ หรือ !!

    ถ้ามึงต้องมี สมาธิก่อน ทำสติปัฏฐาน4

    มึงอย่า พุทโธ นะ เพราะ พุทโธ เมื่อไหร่ มึงเริ่มสติปัฏฐาน4แล้ว

    ของปลอมหมด

    เห้ย!!

    จริงหรือ !!?

    ดังนั้น

    อย่าฟัง ธรรมอย่างคนโง่ เพื่อไปเที่ยวอวดโง่ ทำตัวโง่เก่งกว่าใคร

    ภาวนาพุทโธๆในฐานะ สติปัฏฐาน4 ไปเลย ไม่ต้องไปพูดว่า สมาธิ ต้องมีก่อน

    เรือหายกันพอดี จะพุทโธทั้งที ต้องไปทำสมาธิมาให้ดีก่อน แล้ว เมื่อไหร่จะได้ทำสมาธิ ว๊ะ
     
  14. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    การตรึกในธรรม จะเรียกว่าวิปัสสนนึกก็ได้
    เพราะอะไร เพราะถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิ ย่อมระลึกถูกต้อง
    การตรึก การนึกในที่นี้ เป็นโยนิโสมนสิการ
    อาการวิตกในธรรม เป็นการยกอารมณ์ขึ้นมาพิจารณา สภาพธรรมที่เป็นสัจจะ
    องค์ธรรมขณะนั้น สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ คือเข้าไปพิจารณาถูกต้อง

    ต่างกับพวกนั่งคิดชีวิตคืออะไร ฟุ้งไปวันๆ ขณะนั้นเป็นอโยนิโส เป็นการเจริญอกุศล
    เพราะไปหลงสมมุตติ เอาสมมุติมาพิจารณาก็ได้สมมุติเป็นผล
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ตรง สติปัฏฐาน4หากไม่มีสมาธิ เป็น วิปัสสนึก

    นั่น พระท่านจะชี้ให้ อย่าประมาท หากมรรคจิตผลจิตมันเกิด มันจะต้อง
    มี ฌาณจิตปรากฏ และจะต้องปรากฏพร้อมสติปัฏฐานยังปรากฏ พูดซื่อๆ
    คือ ฌาณและญาณเกิดพร้อมกัน ในขณะ มรรคสมังคี(เห็น อริยสัจจ)

    ท่านหมายเอา ตรง มรรคสมังคี

    หากไม่ได้ ถกกันตรงมรรคสมังคี ใครจะทำอะไรอยู่ ก็ทำไปเถอะ
    จะนึก จะบริกรรม มันก็ยังเป็นขั้น อบรม ทั้งนั้น

    อย่าฟังธรรมแบบ คนโง่ ไม่เกิดประโยชน์เลย

    มีแต่ ขนบาปกรรมเข้าใส่ตน
     
  16. den_siam2523

    den_siam2523 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,267
    การดูจิต แล้วทำให้เกิด การรู้ ตื่น เบิกบาน ก็โมทนาด้วยคับ

    ถ้าดูจิตแล้ว ซืม เบื่อโลก อยุ่กับคนอื่น สังคมไม่ได้ อันนี้คงจะผิดทางแล้วครับ
     
  17. เลขโนนสูง

    เลขโนนสูง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +825
    สาธุครับ

    นั้นเพราะเหตุมาจากความหลงครับ

    ทำให้ระลึกถึงคำตรัสนี้เลยครับ


    ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า
    สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    ท่านทั้งหลายจงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เลขโนนสูงดู ตัวนี้ก็ได้ ดู "จึงเดาว่า" ดูตัวนี้เป็น สภาพธรรมอย่างหนึ่งปรากฏ

    หากเมื่อไหร่ จิตเกิดสภาวะธรรม "จึงเดาว่า" พึงทราบว่า ตัณหา เกาะกุมจิตแล้ว

    พอเอา จึงเดาว่าออกเพราะเห็นตัณหา อธิษฐานแจ้งนิพพาน จะถูกแยกออก จาก สิ่งที่พิจารณาจาก
    ปัจจุบัน แล้ว สิ่งที่พิจารณาปัจจุบันนั่นแหละ ตัวบาทตัวฐานที่ค่อยๆมี ค่อยๆดูไป

    ไม่ต้องไป "จึงเดาว่า" เพื่อให้ "อธิษฐานแจ้งนิพพาน" กับ "สิ่งที่พิจารณาจาก
    ปัจจุบันมัน" มันโน้มมาใกล้กัน ไม่ซ้อนแบบบังตา หรือ ก๊อปปี้ แล้วมันจะแจ่ม
    ไม่โหนกระแส แต่เห็นไปตามกระแส
     
  19. เลขโนนสูง

    เลขโนนสูง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +825
    ไม่โหนกระแส

    ขอคำแนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ถ้า ไม่เห็นอาการโหน เขย่ง คว้า เหล่านี้

    พึง ตรวจทานว่า อธิษฐานเป้าหมายไว้ที่ไหน

    เป้าหมายนั้นสำเร็จแล้วหรือ จึงไม่เห็นว่า โหน

    เป้าหมายหากถูกต้อง ไม่ผิดเป้าหมาย และไม่
    เห็นว่า โหน ก็ว่ากันไป

    แต่อย่าประมาท ควรเข้าหาครูบาอาจารย์ดูบ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...