การเพ่งกสิณ?????

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย mayl8e, 25 มีนาคม 2009.

  1. mayl8e

    mayl8e Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2005
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +55
    การเพ่งกสิณ ตามที่ได้ฟังใน กสิณ10-1 ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อบอกว่า ให้ลืมตาเพ่ง แล้ว คิดว่าจำได้ก็หลับตา แล้วนึกถึงภาพนั้น ไม่ใช่ภาพที่ลอยมาทางตา


    ผมสงสัยว่า นึกถึงภาพนั้นแล้วจะเห็นภาพนั้นได้อย่างไรว่ามีลักษณะอย่างไรสีอย่าง แล้วปกติเพ่งจนเป็นภาพติดตา แล้วหลับตาไป ให้ดูที่ภาพติดตา ? อย่างหลายๆท่านบอก ถ้าจะเพ่งดวงอาทิตย์ เหลียวขึ้นไปมองแป้บเดียว ก็จะได้ภาพติดตา มาทันที แล้วภาพติดตานี่เหรอใช้ไปทำสมาธิ ตกลงยังไงกันแน่ครับยังมีความสงสัยว่า ถ้าใช้จิตนึกคิดถึงภาพนั้น เราจะเห็นจะรู้ได้อย่างไรว่าภาพนั้นเป็นอย่างไร จะเป็นอุคหนิมิตได้อย่างไรในเมื่อเรานึกคิดขึ้นมา?????


    ขอคำชี้แนะด้วยครับ
     
  2. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    ลองไปอ่านที่นี่ดูครับ ::นิมิต 3 ประการ:: เกี่ยวกับนิมิตที่เกิดจากการเพ่งกสิณ หรือนิมิตจากการฝึกกสินกรรมฐาน
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เอางี้นะครับ...แนะนำไปฟังหลวงพ่ออีกรอบ....แล้วฟังต่อหน้า 2 ด้วยนะครับ.....

    ภาพติดตาก็คือภาพติดใจ............เอางี้ถ้าคุณมีคนรู้จักคนหนึ่ง...คุณคิดถึงหน้าคนๆนั้นคุณ..คุณคิดออกไม......ลักษณะแบบเดียวกัน.....แต่ให้ทรงถาพนั้นไวนะ........

    ไม่ใช่ทรงภาพให้ติดตา........จะให้มันติดตาได้ไง...หลับตามันก็ไม่เห็นแล้ว.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มีนาคม 2009
  4. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    อนุโมทนาค่ะ ดีแล้ว สาธุ
     
  5. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ...ใช้ภาพติดใจ.....จำให้ขึ้นใจ....นึกถึงเมื่อไร เห็นชัดเจน...เช่นจำหน้าของแม่ อย่างขึ้นใจ นึกถึงเมื่อไร เห็นชัดทุกที.....

    ...จากนั้น ใช้ใจจดจ่อ ภาพนั้น จะเปลี่ยนไปเองตามกำลังสมาธิ............
     
  6. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    ฟังธรรมะของหลวงพ่อฤาษีให้มากๆ อ่านเยอะๆ ศึกษาให้มากๆแล้วปฏิบัติไป
    อย่าสงสัยมากนักเลยคะ มันเป็นนิวรณ์5 นิวรณ์5ทำให้สมาธิไม่เกิดซักทีค่ะ
    ลองทำดูก่อนแล้วจะรู้เอง ถ้ามีศรัทธาในการปฏิบัติจะดีกว่านี้ค่ะ
     
  7. freedom_nco544

    freedom_nco544 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +2
    เวลาเพ่งต้องให้ติดตาจริงๆนะคับ และระวังอุปาทานไว้ให้มากๆ ครับ
     
  8. mayl8e

    mayl8e Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2005
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +55
    ติดตาที่ท่านว่า เป็นแบบไหนครับ มองโดยตาเนื้อไปที่หนังตาเหรอครับ????
     
  9. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ไม่ใช่...ไอ่น้อง....หลวงพ่อสอนอย่างนั้นเหรอ.....
     
  10. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    ลองอยู่ในห้องมืดๆนะ เปิดแค่ทีวีพอ
    ดูทีวีไปแบบธรรมดานั่นแหละ ซักพักปิดทีวีซะ จะเห็นในความมืดหลังจากหลับตา
    จะมองเห็นเป็นกรอบสีเหลี่ยม แต่ไม่เห็นรายละเอียดหรอก..ประมาณนั้นใช่ไม๊ครับ คุณ Phanudet ?
     
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ไม่ใช่ครับ...คุณบอย....
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อันนี้ถึงจะถูกต้องครับ.......
     
  13. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    [music]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=299[/music]

    อ่ะนะ....ฟังดูให้ชัดนะ.....แล้วไปปฏิบัติได้....ถ้ายังไม่แน่ใจ....ฟังใหม่....

    http://audio.palungjit.org/showthread.php?t=78 ....นี่ยังมีอีก 2

    เอ็งไม่ต้องไปถามใครให้มันมากความ....หน้าปวดหัว....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2009
  14. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ประสบการในสมาทิไม่ทำไม่รู้คับ ยิ่งประสบการของฌาณในกสินยิ่งแตกกต่าง
    คำอทิบายในตำราบอกไว้ถูกแล้วแต่อารมที่เราจาได้สัมผัสมากกว่า

    ลองทำอย่างนี้ครับ นึกถึงน้ำบนใบบัว ที่มันจะกลิ้งได้ไปมาโดยไม่ติดใบบัว
    หยดน้ำมีลักษณะกลมใส ใส มีประกายแสง คราวนี้เอาใบบัวออกครับเหลือแต่หยดน้ำใส มองหยดน้ำไว้ครับ แล้วขยายหยดน้ำให้ไหย่พอประมานเท่าที่เราสดวกที่จะมอง มองดูไปเรื่อยๆๆ นี่เป็นการจับภาพ

    ท่าต้องการเพ่งอะไรให้ไปมองสิ่งนั้นครับ มองแล้ว ลองหลับตาดู ใช้สติ+ความจำเมื่อกี้เรามองอะไรภาพจะปรากด เช่นเรานึกถึงว่าเมื่อวานเราทำอาไรวันก่อนทำอาไร เราไม่ได้เห็นจริงๆด้วยตาเนื้อแต่เราจำได้ว่าคนนั้นเป้นอย่างนั้นอย่างนี้และลักษณะรุปร่างและอารมที่เราได้สัมผัส
    เช่น มองภาพดวงอาทิตจากโพสการ์ดต้องเคยเห็นภาพพระอาทิดจากโพสการ์ดแน่ๆ มันก้มีภาพรุปร่างแต่ไม่มีแสงออกมาและไม่ร้อนไม่รู้สึก
    งั้นลองไปยืนดุพระอาทิดมีทั้งแสงแสบตาทั้งความร้อนเราได้รับอารมทุกอย่างเลย เห็นพระอาทิดเหมือนกันแต่ต่างกัน เราก้เอาทั้งภาพทั้งอารมนั้นแหละเป็นกสิน

    พอเราหลับตาเราก้นึกถึงตอนที่เราไปมองดวงอาทิดมาท่าจำไม่ได้ก้ดูไหม่ แต่ตรงนี้ขอบอกเลยในสมาทิตอนต้นอย่าไปคิดเลยครับว่าจาจับภาพได้ตลอดท่าเรามือไหม่ให้ใช้ตัวช่วยครับ กำหนดภาพสิ่งที่ต้องการเพ่งเช่นดวงอาทิด ท่ายังงงอยุ่ภาพเป็นอย่างไรทามไมไม่เห็นก้อย่าเพิ่งตกใจ นั้งหลับตาซักพักสบายๆๆ
    อย่าบังคับว่าจะต้องเห็น จะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้จะได้ตรงที่ฟังมา ลองนึกภาพที่เราจะเพ่งขึ้นมาตรงนี้มันจาต่างจากความนึกคิดของเราอย่างอื่นคือเวลาเรานึกเรื่องนู้นเรื่องนี้มันไม่ได้เห็นเพียงภาพนั้นภาพเดียว คราวนี้เราเอาภาพนั้นเพียงภาพเดียว ส่วนจะถูกกับตัวไหนนั้นไม่ต้องไปคิดคับทำเลย ท่าเราถูกกับมันเราจะเพ่งมันได้สบายๆๆ เราเลือกที่เราทำแล้วสบายที่สุด เช่นภาพพระอาทิด ท่าเราหลับตาแล้วก้ไม่เห็นแสงไม่รู้สึกถึงความร้อน แต่เราจำได้ว่ามันกลมๆเราก้จำว่ามันกลมๆ สว่างๆๆ ท่าใจเราจำได้อย่างอื่นว่ามันร้อนๆๆ สว่างๆๆ ก้จำอย่างนั้น แต่อย่าไห้เรื่องอื่นเข้ามาเพราะการเพ่งคือเพ่งสิ่งๆๆเดียว ท่าเรื่องอื่นยังเข้ามาก้คือเรายังจับภาพไม่ได้ เราก้อย่าฝืน ปล่อยเลยให้อารมอื่นเข้ามา
    นั่งสบายๆซักพัก เด่วซักพักเราลองท่องคำภาวนา อาโลกสินนัง ๆๆท่าท่องแล้วไม่เป็นสมาทิท่องคำว่าอะไรก้ได้ที่ถนัด ท่องไปพร้อมกับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าก้รู้ว่าหายใจเข้า หายใจออกก้รู้ว่าหายใจออก พอหายใจเข้าก้ อาดลกสินนัง พอหายใจออกก้ อาโลกสินนัง ไม่ต้องบังคับลมหายใจแค่รู้อย่างเดียวเข้าแล้วออกแล้ว ไม่ต้องอยากเห๋นอะไรนึกซะว่านั่งหลับตาสบายๆๆ ตรงนี้อาการง่วงจะไม่เกิดท่าจับลมหายใจพร้อมภาวนาด้วยจริงๆแล้วลองนับดู 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ก้พอท่ามีครั้งไหนขาดก้นับไหม่ ไม่ต้องถึง10ก้ไม่เป้นไร คราวนี้มันจะสงบลง เราลองนึกภาพดวงอาทิดไหม่ คราวนี้เริ่มเห็นแล้วดวงอาทิดเมื่อกี้ยังงงอยู่เป็นยังไงตอนนี้เป็นดวงกลมๆๆมีแสงแล้ว หายไปอีกคราวนี้ก้ปล่อยมันนั่งภาวนาไปเรื่อยๆๆ รู้ว่าพอลมหายใจมันเข้าก้อาโลกสินนัง หายใจออกก้อาดลกสินนัง นึกไหม่คราวนี้ภาพมาอีก แต่ท่าทำตามนี้จริงๆๆภาพจะไม่หายไปง่ายๆๆแล้ว เราก้ดูไว้รู้ว่าหายใจเข้าออก มันจะตื่นตัวไม่ง่วง เราสนใจแค่นี้ภาพลมหายใจคำภาวนา อาการอย่างอื่นจะไม่มีผลท่าเราไปสนใจหลับตาอยู่มืด สนร่างกาย ทุขเวทนาจะชัดเพราะเราไปดูมัน เราจะทรมานในการทำสมาทิ
    เราก้จับเฉพาะภาพคำบริกรรมลมหายใจตรงนี้ดดยปกติจิตจะเบาลงจะเหมือนมีแสง จะไม่เบื่อกับคำภาวนาและภาพจะชัด เราเพียงแต่ดูไว้และทำเช่นเดิม
    ท่าเป็นประสบการ จริง ณ ตรงนี้อารมอื่นจะไม่เข้ามาแทรกแล้ว เราจะอยู่กับภาพกับคำภาวนากับลมหายใจ เราทำอยู่อย่างนี้ เราจะรุ้ได้ทันทีว่าเราแค่ดูอยุ่ส่วนรูปต่างๆๆคำภาวนาและลมหายใจมันเป็นส่วนๆไป คือจะเห็นรุปเละจิตแยกกัน แต่เรายังคงทำเช่นเดิมไม่ต้องมากไปน้อยไปทามอยุ่อย่างเดิมหายใจเข้าก้รู้ว่าหายใขจเข้าพร้อมคำภาวนา อาดลกสินนัง ตรงนี้จะมีอารมสุขพร้องภาพพร้อมคำภาวนาพร้อมอารมที่เป็นปิติ เช่นอารมพองดต รู้สึกโล่งสบาย เราทำไปอย่างนี้เรื่อยๆๆทุกอย่างจะค่อยๆๆหายไปเองแต่เราจะรู้ว่าเราทำเหมือนเดิม
    แต่คำภาวนาหายไปเองมันไม่ได้หายแต่เหมือนหาย ลมหายใจที่รู้ว่าเข้าว่าออกก้ยังรุ้เหมือนเดิมแต่จะเหมือนไม่มี มัยนจะเป็นไปเองนะตรงนี้จะเหลือภาพที่ชัดเจน เละอารมความรู้สึกสบายๆๆๆ อันนั้นเป็นแค่ ฌาณ ในอานาปานสติ
    คราวนี้ภาพกสินจะขัดพร้อมคำภาวนาพร้อมลมหายใจแต่เหมือนไม่มี เราจะรู้สึกแต่เพียงมี ภาพและอารมสบาย ดูอย่างเดิมทำอย่างเดินตรงนี้เราจะรุ้เลยว่าเราดูจริง เพราะสติเราจะชัดเจนมาก สติจะมีตลอดอยู่กับตัวรุ้ ทำดูพูดไปอารมในฌาณไม่สามารถรับรู้ได้ท่าเข้าไม่ถึง คราวนี้จะเหมือน มีภาพและความสบายอย่างอื่นแค่เหมือนหายไปแต่เราจะรู้ตัวพร้อมว่ามันมีท่าเรายังคิดอยู่เลยว่ามีไม่มีแล้วมาตกใจอันนั้นยังไม่ใช่แสดงว่าไม่มีสติ
    ต่อไปภาพจะเริ่มเปลี่ยนเอง เราจับภาพได้ชัดแล้วคราวนี้พิจารนาภาพ ภาพจะเริ่มเปลี่ยนไปเองดดยที่เราจับภาพเช่นเดิม เปลี่ยนไปๆๆตรงนี้ต้องลองทำอทิบายไม่ถุกจนภาพเสมือนไม่มีแต่ยังมีอยู่แต่เป็นประกายพรึก ประกายพรึกเป็นยังไง ภาพดวงอาทิดที่มองมีก้เหมือนไม่มี แต่มันจะส่องแสงออกมามากๆๆๆๆ รวมออกมาจากตัว ณ ตรงนี้ตามประสบการจะมีแสงเกิดขึ้นในที่ๆเราทำการภาวนา
    อรูป ฌาณ ไปฝึกเอาเอง แต่แค่นี้เราก้จะได้เห็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นแล้วแต่ท่าเราไม่ปารถหนามันเราก้ไม่ต้องไปใส่ใจอยากดุอะไรเราแค่ต้องการทำให้เกิดสมาทิเฉยๆ แต่การเห็นย่อมเลี่ยงไม่ได้ ตรงนี้ไปลองประสบเอาเองครับ ท่ามาทางแสง

    แต่ที่สำคันฝึกสมาทิมาขนาดนี้ที่ย่อมเกิดแน่นอนคือความสงบ จะสงบมากและมีอารมเณอยู่ตลอด ตรงนี้แรกๆๆแทบจะไม่รู้ตัวเลยเพราะเราจะติดอยุ่กับอารมฌาณกับภาพตลอดจะทำให้เรารุ้สึกสงบเละสุขมีสติด้วยจนอาจคิดว่านี่แหละสำเร็ดแล้วแต่ยังไม่ใช่ต้องรู้จักฝึกเข้าและออกฌาณด้วย คราวนี้เอาวิปัสสนามาช่วย พิจารนาอารมตัวเองรู้ว่าขณะนี้เป็นอย่างไรมันจะชัดมากคราวนี้วิทีจะทำไห้เราหลุดออกจากอารมที่มันสงบมันนิ่งตรงนั้นอ่ะมันติดในฌาณ ให้เราเลิกซะของพวกนี้ให้คิดว่ามีได้มีเสื่อมไม่ใช่ของคงทนไม่ใช่นิพพาน ก้ปล่อยวางมันลงซะ แล้วเราจะรู้กับตัวเอง ยังต้องเจอประสบการในวิปัสนาอีกเยอะเยะ คราวนี้พอเลิกเละละแล้วเราจะไม่สงบแบบติดในฌาณแต่เราจะรู้ แทน และจะเข้าฌาณเมื่อไหร่ก้ได้โดยที่ไม่ได้ไปสงบอยุ่ อารมแม้จะปรานีตเละสุขแต่ยังไม่ใช้ คราวนี้ลองคิดไตร่ตรองดุพอเราพิจารนาอารมมากๆๆ มันก้เกิดขั้นตอน 1 2 3 4 ....เหมือนในประสบการสมาทิไม่ทำไม่รุ้ จนสุดท้ายจะ รู้เองไม่สงสัยไม่ต้องถามไม่ต้องคิดรู้เองเลย แต่มันก้ยังไม่ใช่ต้องทำต่อไปท่ายังไม่เห้นทางก้เริ่มไหม่เลยแต่คราวนี้เราก้เริ่มจริงแต่มันรู้ รู้มากกว่าเก่าแต่มันก้คือเริ่มไหม่ กำตรงนี้ต้องลองบอกกันไม่เคยเจอก้ไม่รู้หรอก แต่เราจะเห็นเป้าแล้ว ว่ามันเป็นอย่างไร
     

แชร์หน้านี้

Loading...