เรื่องเด่น การเลี้ยงสุนัขและแมว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ )

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 1 ธันวาคม 2017.

แท็ก: แก้ไข
  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    2348-1.jpg

    การเลี้ยงสุนัขและแมว

    โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

    สุนัขและแมวที่ท่านเลี้ยงไว้นั้น ท่านคุยกับมันรู้เรื่องทุกตัว ดังนั้นการดูแลทุกข์สุขและอาหารการกินจึงสมบูรณ์ พอหน้าหนาวหลวงพ่อจะให้พระก่อไฟเป็นกองๆตามลานซีเมนต์ เพื่อให้สุนัขได้ผิงไฟแก้หนาวเสมอมา

    ครั้งหนึ่งหลวงพ่อลงมาสอนกรรมฐานที่กรุงเทพฯ พอกลับไปถึงกุฏิที่วัด คุณเอี่ยมคนเลี้ยงแมวก็มารายงานว่า ” พอหลวงพ่อไปกรุงเทพฯ แมวก็ไม่กินข้าว ”

    หลวงพ่อก็ย้อนทันที่ว่า ” แกเรียกมันว่าอีใช่ไหมล่ะ ”

    คุณเอี่ยมถามว่า ” หลวงพ่อรู้ได้ไง ”

    ท่านตอบว่า ” ก็มันฟ้องข้าอยู่นี่ไง ”

    กลางปี 2526 คุณฉวีวรรณ สรรพกิจ ได้ถวายสุนัขพันธ์ไทยหลังอานเพศเมีย 1 ตัวและพันธ์ไทยธรรมดา 1 ตัว ตัวผู้มาจากโคราช หลวงพ่อตั้งชื่อว่า ” นิล ” เพราะเธอมีสีดำตลอดตัว อกขาวเล็กน้อย เพศเมียตัวเล็ก เป็นลูกสุนัข ขณะที่ถวายไปมีหลังอาน สีน้ำตาล เรียกว่า หลังอานไวโอลิน เธอมาจากจังหวัดตราด หลวงพ่อตั้งชื่อว่า ” นาก ”

    โดยปกติหลวงพ่อท่านก็เลี้ยงสุนัขและแมวเป็นประจำอยู่แล้วหลายสิบตัว ทุกกุฏิที่ท่านอยู่จะต้องมีสัตว์ 2 ประเภทนี้ประจำการเสมอ เท่าที่สำคัญก็มี สิงห์ดอก โคล่า เจ้าอ้วน เจ้าดม ฯลฯ รวมทั้งสุนัขเดินหลงทาง สุนัขจรจัด ขาดที่พึ่งก็มีมาก คนไปปล่อยวัดก็มีมาก พระในวัดท่าซุงเกือบทุกองค์มีสุนัขอาศัยอยู่ด้วยทั้งสิ้น

    หลวงพ่อเลี้ยงเธออย่างอิสระไม่ขังกรง แต่มีอาณาเขตกว้างขวางในรั้วรอบขอบชิด ไม่ปนกับสุนัขภายนอก สุนัขทั้งคู่นี้เธอแสนรู้มาก หลวงพ่อพูดภาษาไทยกับเธอ เธอรู้เรื่องทุกคำ และปฏิบัติตามตลอดไม่เคยลืม คนเราเสียอีกยังมีลืมบ้าง แต่สุนัขไม่ลืม

    จาก 2 ชีวิต ขยายพันธ์กันในพวกเดียวกันนี่แหละ มิได้ปนกับสุนัขภายนอกเลย เวลานี้ถ้าไม่ตายเสียบ้างก็นับไม่ถ้วน เอาเฉพาะที่ยังอยู่ก็เกือบ 300 ชีวิต ปี 2532 หลวงพ่อย้ายที่พักจากตึกกลางน้ำไปอยู่ข้างวิหารแก้ว 100 เมตร และอยู่ที่นี่จนวาระสุดท้ายของชีวิตท่าน

    หลวงพ่อท่านบอกเสมอทุกครั้งที่สุนัขคลอดลูกออกมาใหม่ ท่านตั้งชื่อให้แล้วบอกว่าตัวนี้เป็นใคร มาจากไหน เดิมชื่ออะไร ตายเพราะอะไร ลงมาเกิดเป็นสุนัขของหลวงพ่อเพราะอะไร และวันไหนที่สุนัขตาย หลวงพ่อจะบอกว่า เธอไปอยู่ที่ไหน มารายงานตัวแล้ว ก่อนตายเธอคิดอย่างไร

    ผลสรุปก็คือ สุนัขทุกตัว เธอมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 90 เปอร์เซนต์ นอกนั้นก็มาจากพรหม และจาตุมหาราช ไม่มีมาจากอบายภูมิเลย

    ยามเย็นหลวงพ่อกลับจากทำงาน ลงจากตึกรับแขกกลับที่พัก หลวงพ่อจะลงนั่งกับพื้นปล่อยให้สุนัขเล็ก-ใหญ่ ทั้งหลายรุมเล่นท่าน งับแขน เลียมือ ดึงสายรัดเอว งับนิ้ว ดึงกุญแจ ดึงอังสะตามแต่เธอจะทำด้วยความคิดถึง แล้วหลวงพ่อก็ไปเยี่ยมสุนัขแม่ลูกอ่อนทีละห้องจนครบทุกแม่ บางแม่ก็มาตามหลวงพ่อเพราะยังไม่ถึงห้องเขาก็มาคอยรับหลวงพ่อแล้วพาไปดูลูกเขา หลวงพ่อจะเข้าไปในห้องเขา จัดที่นอนปูให้เรียบร้อย จับลูกเขามานอนตักท่าน สุนัขทุกตัวผ่านการนอนตักหลวงพ่อทั้งนั้น หลวงพ่อท่านทำประดุจเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของเธอทุกตัว ดังนั้นสุนัขทุกตัวจึงรักหลวงพ่อ แม้เพียงได้ยินเสียงหลวงพ่อเขาก็เห่าหอนต้อนรับเกรียวกราว หลวงพ่อบอกว่า ให้หมาติดผ้าเหลืองไว้ ตายแล้วไปสวรรค์ทุกตัว

    ยามค่ำคืนเมื่อเกิดฝนตก ฟ้าร้องน่ากลัว สุนัขกลัวเสียงฟ้าร้องมาก เขาจะพากันวิ่งไปรอบหน้ากุฏิหลวงพ่อ ฝ่าฝนเปียกปอนไปให้ถึงหลวงพ่อ แล้วหลวงพ่อก็ออกมานั่งกับพื้นเป็นเพื่อนปลอบใจเขามิให้กลัว จนกว่าฝนฟ้าคะนองจะหมดไป

    (จากหนังสือ ” ประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ” หน้า 427)



    ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
     
  2. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
  3. เเสงเทียน

    เเสงเทียน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2017
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +154
    สาธุครับ
     
  4. Nagamanee

    Nagamanee Manassa

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    526
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,578
    สาธุอนุโมทนามิค่ะ
    เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

    (อ่านแล้วทำไมเรายิ้มตามนะ:):):)
    ชอบคุยกับแมวกับหมาเหมือนกัน
    ตอนนี้คุยกับแมลงสาบด้วย:D มันรู้เรื่องอะo_O)
     

แชร์หน้านี้

Loading...