การแก้กรรมมีจริงมั้ย ?

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 5 มิถุนายน 2006.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนเมษายน ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    [​IMG]




    ถาม : การแก้กรรมมีจริงมั้ยคะ ?

    ตอบ : การแก้กรรมมีจริง แต่บุคคลที่แก้กรรมให้ต้องรู้จริง ๆ สามารถติดต่อเจ้ากรรมนายเวรได้จริง ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเขาบอกให้ทำแบบไหนแล้ว ทำแบบนั้นสิ่งนั้นก็จะพ้นไปได้ อย่างเช่นว่า บางคนเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยกรรมอะไรบางอย่าง เขาต้องการทดแทนแบบไหน แล้วทำให้เขาไป อาการป่วยนั้นจะหายทันทีเลยไม่ต้องรักษาไม่ต้องอะไรก็ได้ แต่อย่าลืมนะคนนั้นต้องรู้จริง ๆ ถ้ารู้ไม่จริงอาจจะลำบากหน่อย โดนหลอกได้ง่าย

    ถาม : มีโฆษณาเยอะมาก ?

    ตอบ : โฆษณานั้นอย่าเพิ่งเชื่อ เรื่องกฏของกรรมนี่ถ้าเรามั่นคงในทาน ศีล ภาวนา เขาจะสนองเราได้ไม่ถึง ๒๕% อีก ๓ ส่วนนั่นโดนอานุภาพของทาน ศีล ภาวนาป้องกันไว้แล้ว

    เพราะฉะนั้นเราแก้กรรมทำด้วยตัวเองก็ได้ โดยเฉพาะทาน ศีล ภาวนามันมีผลบุญสูงสุด ทานให้ผล ๑๐๐ ส่วน ศีลให้ผล ๑๐,๐๐๐ ส่วน ภาวนาให้ผล ๑,๐๐๐,๐๐๐ ส่วน เพราะฉะนั้นภาวนาจะให้ผลสูงสุด ถ้าเราทำจนกระทั่งกำลังใจทรงตัวเป็นปกติพวกกรรมเก่ามันจะตามได้ยาก แล้วถ้าหากว่าเรายิ่งหลุดพ้นไปเลยก็เป็นอันว่าจบกันไม่ต้องตามกันเลย

    ถาม : แล้วเราอธิษฐานช่วยคนอื่นได้มั้ยคะ ?

    ตอบ : ถ้าหากว่าถึงระดับที่ว่าจบกันไปแล้วมันจะเกิดฤทธิ์อย่างหนึ่ง เขาเรียกว่า อธิษฐานฤทธิ์ กับบุญฤทธิ์ ๒ อย่างนี่สามารถช่วยคนได้

    ถาม : ถ้ายังไม่ถึงก็ไม่ควรใช่มั้ยคะ ?

    ตอบ : ถ้ายังไม่ถึงช่วยได้แต่มันก็ได้น้อย

    ถาม : เพราะว่าอย่างแม่เขาจะเป็นโรครักษาไม่หายซักที เสร็จแล้วอย่างหนูสวดมนต์หรือคนอื่นเขาจะทำบุญนี่หนู ๆ ก็จะ...(ไม่ชัด) ?

    ตอบ : ไม่เป็นไร ทุกครั้งก็บอกให้เขาโมทนาอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรเขาด้วย ทำไปเรื่อย ๆ ทีละนิดทีละหน่อยดีกว่า ถ้าหากว่าไปแก้กรรมประเภทที่ว่าไม่ถูกต้องตามศีลตามธรรมเดี๋ยวจะเสียหายกันยกใหญ่เพราะมันจะเรียกกันเยอะ ๆ

    ถาม : ก็จะมีเพื่อนแนะนำให้ไปวัดโน้นวัดนี้บ้างแต่ก็ไม่กล้าไป ?

    ตอบ : ลำบากหน่อย ถ้าหากว่าไม่มั่นใจก็ย่อง ๆ ไปดูเขาก่อนอย่าเพิ่งพาคนไข้ไป ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เข้าไปเหมือนนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ไปสังเกตการณ์ก่อนก็ได้ ถ้ายิ่งได้ทิพจักขุญาณก็ดูมันเลย ดูมันทำได้จริงหรือเปล่า ?

    ถาม : แล้วอย่างหนูทำบุญทุกวันหยอดเงินบาทหนึ่ง หยอดเงินหน้าหิ้งพระค่ะ แล้วหนูยังไม่ได้เอามาถวายถือเป็นการทำบุญหรือเปล่าคะ ?

    ตอบ : เป็นแล้ว เพราะว่าเราตั้งใจอยู่แล้วว่าเงินส่วนนี้จะทำบุญ ถ้าหากว่าเราตายตอนนั้นผลบุญอันนั้นเราได้เลย แต่พระขาดทุน เพราะยังไม่ได้รับสตางค์ (หัวเราะ) อันนี้ไม่ต้องกังวล อันนี้เป็นบุญอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าของเรานี่ เจตนามันเป็นบุญอยู่แล้ว พอเราได้ทำไปผลบุญนั้นก็เป็นอันสำเร็จแล้ว มันก็เหลืออยู่เพียงว่ามีวาระมีโอกาสก็เอาเงินนั้นมาถวายพระ เพราะฉะนั้นห้ามตายก่อน ตายก่อนพระขาดทุน

    อธิษฐานบารมีนี่สำคัญนะ เป็นบารมีที่สำคัญมาก คนที่ไม่ถึงระดับปรมัตถบารมีใช้อธิษฐานไม่เป็นด้วยซ้ำไป บางคนก็เข้าใจผิดว่า อธิษฐานบารมี อย่างเช่นว่า ทำบุญแล้วขอให้เป็นนั่นขอให้เป็นนี่ ขอให้ได้นั่นขอให้ได้นี่ปรากฏว่าเป็นการโลภเขาไปคิดอย่างนั้น อันนั้นไม่ใช่ อธิษฐานบารมีเป็นการเจาะจงว่าผลบุญที่เราทำจะให้มันเกิดอะไร จะให้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ สำหรับตัวเราเป็นการเจาะจงเวลา ถ้าหากว่าเราต้องการของอย่างหนึ่งตอนนี้ ถ้าเราไม่ตั้งใจไว่กอนมันมาอีกโน่นปี ๒ ปี ข้างหน้า ซึ่งไม่มีประโยชน์กับเราแล้ว

    อธิษฐานบารมีเป็นการยิงปืนเล็งเป้าเพื่อให้ถูกต้องเป้าหมาย ถ้าหากยิงเหวี่ยงแหส่งเดชไปมันอาจจะไม่ถูกเป้าหมายเลยก็ได้ สิ่งที่เราทำไม่ว่าจะดีหรือชั่วเขาส่งผลอยู่แล้ว
    อธิษฐานบารมีนี่เป็นการจำกัดว่าจะให้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ เกิดผลอย่างไร มันไม่ได้โลภอะไรเลย เพียงแต่กำหนดให้มันแน่นอนลงไปเท่านั้น เรื่องของอธิษฐานบารมีนี่ถ้าหากว่าเราสร้างสาเหตุได้เพียงพอ ผลมันก็จะเกิด ทีนี้ถ้าหากว่าเหตุมันยังไม่พอผลมันก็ยังไม่เกิดหรอก
    อย่างเช่นว่าน้ำขวดนี้ ยกตัวอย่างน้ำนี่ง่ายดี ถ้าหากว่าโยมสร้างเหตุเพียงพอก็คือ น้ำมันจะเต็มขวดแล้ว โยมตั้งใจอธิษฐานขอน้ำขวดหนึ่งโยมได้แน่นอน แต่ถ้าหากว่าน้ำมันแค่นี้ แล้วโยมตั้งใจขอน้ำขวดหนึ่งโยมได้แน่นอน แต่ถ้าหากว่าน้ำมันแค่นี้ แล้วโยมตั้งใจขอน้ำเต็มขวด เขาก็ให้เราไม่ได้เพราะว่ายังไม่เต็ม
    เพราะฉะนั้นเราต้องทำเหตุให้เพียงพอ ผลถึงจะได้ เรื่องของธรรมะเป็นเรื่องตรงไปตรงมา

    ที่หลวงพ่อโตวัดระฆัง ท่านบอกว่า ถ้าเจ้าไม่สร้างเอาไว้แล้ว เที่ยวไปขอร้องขอต่อคนอื่นเมื่อไหร่เจ้าจะได้ เพราะฉะนั้นก็เลยจำเป็นอยู่ตรงนี้ว่า เราต้องทำให้เพียงพอ ถึงเวลาอธิษฐานว่าเราต้องการอย่างไรมันถึงจะเป็นอย่างนั้น

    ถาม : การสวดมนต์นี่ถือเป็นภาวนาอย่างหนึ่งมั้ยครับ ?

    ตอบ : เป็นแน่นอน เมื่อกี้อธิบายไปแล้วว่ากันได้ยันนิพพานไปเลย สวดมนต์อย่างเดียวแท้ ๆ

    ถาม : มีอานิสงส์เท่ากับการนั่งสมาธิมั้ย ?

    ตอบ : ถ้าหากาว่านั่งสมาธิแล้วจิตใจไม่มีคุณภาพ กับสวดมนต์แล้วแล้วจิตใจทรงตัวมากกว่า ก็มีอานิสงส์มากกว่าซะด้วยซ้ำไป มันก็ต้องดูว่าคนทำ ๆ ได้แค่ไหน

    ถาม : ที่บอกว่าจิตมีคุณภาพหมายความว่ายังไงครับ ?

    ตอบ : จิตมันไม่ฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ถ้าหากว่ามันทรงตัวแน่นอนไปเลยก็สบาย

    ถาม : ถ้าเปิดเทปธรรมะนี่แทนที่ตาจะดูหนังสือแล้วสวดตามนี่หลับตาสวดตามได้มั้ยครับ ?

    ตอบ : ได้เหมือนกัน อย่างน้อย ๆ ถ้าหากว่าไม่มีสมาธิมันจะสวดผิด สมาธิขั้นต้นมันต้องได้อยู่แล้ว

    ถาม : (ถามเรื่องคนเอาเงินจั๊ตมาถวาย)

    ตอบ : พวกนี้ไปพม่ามาแล้วเขาเห็นอาตมาไปสร้างวัดไว้ที่พม่า ไปเที่ยวพม่ากลับมาเงินเหลือเขาก็เอามาถวาย เงินพม่าตั้งเยอะตั้งแยะ แลกเป็นเงินไทยได้นิดเดียว ของพม่าเองจริง ๆ เขาอยากถือดอลลาร์มากกว่า ใครเข้าไปนี่เขาบังคับให้แลกดอลลาร์

    ถ้าเข้าไปถูกต้องตามพิธีกรรมของเขา นี่จ่ายอานเลย เพราะเขาจะบังคับให้แลกอย่างน้อย ๓๐๐ ดอลลาร์ ๓๐๐ ดอลลาร์นี่มันตั้ง ๑๒,๐๐๐-๑๓,๐๐๐ เชียวนะ เสร็จแล้วใช้ไม่หมดนี่ห้ามเอากลับด้วย เท่ากับบังคับเราใช้ให้หมด พม่านี่เขาแสบไส้ จริง ๆ ใช้ไม่หมดห้ามเอากลับด้วย

    อะไรก็ไม่ว่าหรอก เงินที่ไปแลกตามสถานที่อย่างเป็นทางการ มันใช้ได้เฉพาะแหล่งเที่ยวเท่านั้น มันเป็นเงินพิเศษต่างหากออกไป ชาวบ้านทั่ว ๆ ไปใช้ไม่ได้ ถ้าเงินอย่างนี้เขาใช้กันทั่ว ๆ ไป เราไปแลกในตลาดมืดนี่ถ้าหากว่าบาทหนึ่งได้ ๑๙ จั๊ต ปัจจุบันนี้นะ

    แต่ถ้าหากว่าคุณไปแลกดอลลาร์ ปัจจุบันในธนาคารนี่ ดอลลาร์หนึ่งได้ ๕-๖ จั๊ตเท่านั้นเอง พม่ามันไม่ชอบอเมริกา มันกดเงินอเมริกา เลยเล็กกว่าเงินไทยตั้งหลายเท่า จริง ๆ แล้วในตลาดมืดนี่ดอลลาร์หนึ่งแลกได้ประมาณ ๖๐๐ จั๊ต ความไม่ชอบหน้ามันก็เล่นกดซะเลยหมดเรื่องหมดราว เงินพม่าเป็นเงินตลกมาก เงินของเขามันจะมี ๑ จั๊ต, ๕ จั๊ต ๑๐, ๑๕ จั๊ต

    ๒๐,๒๕,๓๐,๓๕,๔๐,๔๕,๕๐ ไปจนถึง ๙๕ แล้วก็ ๑๐๐ โอ้โห...เราเองมันไม่เคยชินกับเขา เวลาเขาทอนเงินมาทีนี่นับตาเหล่เลย ของเขาชินนี่เขาจับรวบ ๔๕ กับ ๕ เป็น ๕๐ ๙๕ กับ ๕ เป็น ๑๐๐ ส่งมาเรานับจนตาเหล่เลยกว่าจะครบ ไอ้นั่นมันนับแป๊บเดียว แล้วเสร็จแล้วพอถึง ๑๐๐ มันก็จะเป็น ๒๐๐ เป็น ๕๐๐ เป็น ๑,๐๐๐ แต่ว่าแรก ๆ นี่มันลงท้ายด้วย ๕ หมดเรียงเป็นแถวไปเลย ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงทำเงินอัตรานี้ออกมา




    ขอขอบคุณ
    เว็ปกระโถนข้างธรรมาสน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กันยายน 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...