กินหมา กันไหม

หมานี่เขามีไว้ กิน หรือ เอาไว้เป็นเพื่อน

เเล้วหมู ไก่ เป็ด ปลา วัว ควาย ล่ะเป็นเพื่อนกับคนได้ไหมหนอ

[FONT=Tahoma,]แฉหากิน กับ'หมา' เรี่ยไรเงิน อมไว้อื้อ!



แฉ ขบวนการ'เห็บหมา' กระจายคนยืนถือกล่องเรี่ยไรเงินให้มูลนิธิสัตว์เลี้ยงต่างๆ เงินรายได้ส่วนใหญ่เข้ากระเป๋าตัวเอง ส่งถึงมูลนิธิถึงสัตว์จริงแค่นิดเดียว เผยทำเป็นระบบในรูปบริษัท ไปติดต่อขอใบอนุญาตถูกต้องจากมูลนิธิ จากนั้นจ้างคนไปยืนตามห้างต่างๆ เพื่อขอเรี่ยไร ไม่ว่าจะได้เท่าไร จะส่งให้มูลนิธิแค่วันละไม่กี่ร้อยบาท 'โรเจอร์ โลหนันทน์'ระบุพวกองค์กรสัตว์เองทำไม่ไหว เลยต้องพึ่งบริษัทเรี่ยไรพวกนี้ ได้แค่ 10 บาทจาก 100 บาทก็ยังดีกว่าไม่ได้ แฉไม่ใช่แค่มูลนิธิสัตว์ แต่องค์กรเด็กหรือสตรีก็โดนเหมือนกัน

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มคนรักสุนัข ระบุว่า ในปัจจุบันมีกลุ่มคนหัวใส ฉวยโอกาสทำธุรกิจใหม่หากินกับสุนัข โดยตั้งตนเป็นนายหน้า เข้าไปติดต่อเสนอตัวกับทางมูลนิธิ หรือสถานรับเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะสุนัข อ้างว่าจะช่วยหาทุนมาสนับสนุนเป็นค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสุนัข แลกกับเอกสารยืนยันจากทางมูลนิธิหรือกล่องรับบริจาคจากสถานรับเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้ดูว่าทำเพื่อการกุศลจริง เมื่อได้เอกสารหรือกล่องรับบริจาคไป ก็จะนำไปยืนขอเรี่ยไรตามห้างสรรพสินค้า และสถานที่ชุมชนเพื่อเรี่ยไรจากคนใจบุญ แต่พอได้เงินจากการเปิดกล่อง คนกลุ่มนี้จะแบ่งเงินให้กับทางมูลนิธิหรือสถานรับเลี้ยงสัตว์เพียงแค่ไม่กี่ ร้อยบาท ส่วนที่เหลือจะเอาไปแบ่งกัน โดยในแต่ละวันจะมีคนใจบุญบริจาคเงินใส่กล่องจำนวนมาก แต่ถึงจะได้เงินมากขนาดไหน สถานรับเลี้ยงสัตว์ ก็จะได้เงินส่วนแบ่งเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเท่านั้น

ผู้ร้องเรียนกล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมของนายหน้ากลุ่มนี้ จะเปิดเว็บไซต์ทางอินเตอร์เน็ต เพื่อรับสมัครคนไปยืนถือกล่องรับบริจาคเงินช่วยเหลือสุนัข ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ วิธีทำงานจะแบ่งกำลังคนไปยืนถือกล่องติดโลโก้มูลนิธิ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ โดยคนถือกล่องเป็นบุคคลทั่วไปที่สมัครมาทำงานทางเว็บไซต์ในอิน เตอร์เน็ต ได้ค่าจ้างวันละประมาณ 300-350 บาท ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน-นักศึกษา หารายได้พิเศษช่วงปิดเทอม

"ปัจจุบันมีสุนัขจรจัดมากกว่า 3 ล้านตัว เฉพาะในกรุงเทพฯ มีมากกว่า 1 ล้านตัว ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพอดอยาก เป็นโรค บาดเจ็บ และพิการ อยู่ในความดูแลขององค์กร หน่วยงาน หรือสถานสงเคราะห์สัตว์ต่างๆ ซึ่งสถานรับเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ ส่วนใหญ่ต่างก็ประสบปัญหาเดียวกัน คือมีภาระค่าใช้จ่ายสูง แต่เงินบริจาคไม่มาก จึงทำให้เกิดช่องว่างในการหากินของคนกลุ่มนี้ พวกนี้จะเดินเข้าไปติดต่อกับมูลนิธิสัตว์ เพื่อพูดคุยเชิงธุรกิจ ในขณะที่ทางมูลนิธิหรือองค์กรที่เลี้ยงสุนัข ต่างก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จำยอมต้องทำตามข้อเสนอ เพื่อแลกกับรายได้วันละไม่กี่ร้อยที่ได้จากการเปิดกล่องรับบริจาค เพื่อความอยู่รอดของสุนัขและสัตว์ที่ต้องดูแล ในปัจจุบันมีมูลนิธิและสถานรับเลี้ยงสัตว์ยินยอมทำตามจำนวนมาก" ผู้ร้องเรียนระบุ

ผู้ร้องเรียนกล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ที่น่าห่วงตอนนี้ คือธุรกิจหากินกับสุนัขกำลังเติบโตไปมาก มีการขยายสาขาไปทั่ว สร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับคนทำ สังเกตได้จากการขอรับบริจาค ที่นับวันจะขยายพื้นที่ไปตามจุดต่างๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจุดที่ผู้คนพลุกพล่าน อาทิ ห้างเซ็นทรัล สาขาลาดพร้าว ห้างบิ๊กซี ลาดพร้าว ห้างเดอะ มอลล์ บางกะปิ และเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน เป็นต้น

หลังรับร้องเรียนดังกล่าว ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่ห้างบิ๊กซี สาขาลาดพร้าว พบชายวัยรุ่นกำลังยืนถือกล่องรับบริจาคของ "บ้านสงเคราะห์สัตว์สมเกียรติ" ซึ่งเป็นสถานที่รับเลี้ยงสุนัขจรจัด ย่านจ.ปทุมธานี ยืนอยู่บริเวณบันไดสะพานลอยฝั่งห้างบิ๊กซี ตลอดเวลามีประชา ชนผู้ใจบุญบริจาคเงินใส่กล่องหลายราย

จากการสอบถามผู้ถือกล่องรับบริจาคดังกล่าว ทราบชื่อนายเอ (นามสมมติ) อายุ 20 ปี เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านหัวหมาก เปิดเผยว่า สมัครเป็นเจ้าหน้าที่ถือกล่องรับบริจาคมาประมาณ 1 เดือนแล้ว หลังดูรายละเอียดทางเว็บไซต์ http://www.gongzstudio.com/forum/index.php?showtopic=36064 จึงโทร.ไปติดต่อ และไปที่บริษัท ตั้งอยู่ย่านแฮปปี้แลนด์ ใช้เอกสารเป็นสำเนาบัตรประชาชนเพียงใบเดียว ก็ทำงานทันที

นายเอ กล่าวต่อว่า ในการทำงานครั้งแรก ตนไปยืนถือกล่องรับบริจาคที่บริเวณสะพานลอยห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ ตั้งแต่บ่ายโมงถึงสามทุ่ม ยืน 2 ชั่วโมง พัก 1 ชั่วโมง โดยจะมีการผลัดเปลี่ยนกันยืนถือกล่องกับเพื่อนอีกคน และจะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยตรวจสอบตลอดเวลาว่ายืนจริงหรือไม่ ปัจจุบันตนรับบริจาคประจำอยู่ที่สะพานลอยห้างบิ๊กซี สาขาลาดพร้าว

"การเข้าทำงานในแต่ละวัน จะต้องถึงบริษัทตอนเที่ยง พนักงานทุกคนจะต้องมาเบิกกล่องรับบริจาค หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ของบริษัทจะแจ้งให้ทราบว่าใครจะอยู่ที่จุดใดบ้าง แล้วส่งไปยืนประจำจุด พอหมดเวลาทำงานก็จะนำกล่องรับบริจาคมาคืนที่บริษัทก่อนจะเดินทางกลับบ้าน โดยพนักงานทุกคน จะได้รับค่าจ้างวันละ 300 บาท แต่ทางบริษัทจะจ่ายให้เป็นรายสัปดาห์ ซึ่งผมใช้เวลาในช่วงที่ไม่มีเรียน มาทำงานทุกวัน ส่วนการที่ทางบริษัทจะนำเงินไปให้ศูนย์รับเลี้ยงสุนัขจรจัดเท่าใดนั้น ผมไม่ทราบ เพราะมีหน้าที่ยืนรับบริจาคเท่านั้น" นายเอกล่าว

นายโรเจอร์ โลหนันทน์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) และตัวแทนองค์กรภาคีเพื่อการอนุรักษ์ภาคพื้นเอเชีย ประจำประเทศไทย (ACA) กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนกรณีนี้แล้ว ก่อนหน้านี้เคยไป ตรวจบริเวณสะพานลอยหน้าห้าง เดอะ มอลล์ บางกะปิ ก็พบว่ามีคนถือกล่องรับบริจาคจริง จึงประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางเข้าไปตรวจสอบ เบื้องต้นทราบว่าเป็นเพียงนักศึกษาที่หารายได้เสริม การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ไม่สามารถโยงไปถึงกลุ่มบริษัทนายหน้าได้ จึงตักเตือนก่อนปล่อยตัวไป

"เดี๋ยวนี้มีพัฒนารูปแบบหลากหลายขึ้น ทั้งแบบทำเป็นบัตรคูปององค์กรมูลนิธิที่เกี่ยวกับเด็ก สตรี และสัตว์ มาขายในราคา 300-500 บาท ส่วนเงินจะถึงเท่าไรไม่ทราบ แต่เท่าที่ทราบคือกว่าเงินบริจาคจะไปถึงจุดหมาย ต้องแบ่งให้คนขาย และบริษัทนายหน้าประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนองค์กรหรือมูลนิธิ จะได้รับเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ หรือน้อยกว่านั้น" เลขาธิการฯ กล่าว

นายโรเจอร์ เล่าต่อว่า อีกประเภทคือบริษัทนายหน้าที่จ้างคนไปยืนถือกล่องรับบริจาค โดยได้รับความเห็นชอบจากองค์กรหรือมูลนิธิ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์กรหรือมูลนิธิเล็กๆ มีทั้งจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนเลย เฉพาะที่ไม่ได้จดทะเบียน สมาคมได้ประสานเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแล้ว ส่วนองค์กรหรือมูลนิธิเล็กๆ ที่เห็นชอบ เพราะเขาไม่มีศักยภาพในการจ้างอาสาสมัคร หรือทำของที่ระลึกขาย จึงยอมให้กลุ่มบริษัทนายหน้าเข้ามา ตรงนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจประเภทนี้

"ในสมัยก่อนองค์กรหรือมูลนิธิ จะต้องลงทุนทำของที่ระลึกขายเพื่อหารายได้มาจุนเจือรายจ่าย รวมทั้งหาพนักงานขายเอง ต่อมากลายเป็นว่าเลิกกันหมด เพราะไม่มีใครทำไหว จึงเป็นช่องทางให้กลุ่มคนหัวใสเข้ามาลงทุนขายของให้องค์กร ซึ่งส่วนมากจะเป็นพวกเสื้อยืด แต่พอกลายเป็นจ้างคนมายืนถือกล่องรับบริจาค ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่ต้องลงทุน เพราะว่าเขาไม่มีการผลิต มีแต่ค่าแรง มันก็เลยกลายเป็นแฟรนไชส์ขึ้นมา พอสังคมทราบถึงพฤติกรรมก็บ่นกันว่า องค์กรหรือมูลนิธิควรได้รับเงินมากกว่านี้ เพราะเวลาใส่เงินทำบุญในกล่อง 100 บาท เขาก็อยากเห็นเงินไปถึงจุดหมาย 100 บาท แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ เขาก็อยากเห็นองค์กรหรือมูลนิธิได้รับเงินส่วนใหญ่ ไม่ใช่แค่ 10 เปอร์เซ็นต์หรือน้อยกว่านั้น ลักษณะดังกล่าวคือธุรกิจการกุศล ไม่ใช่การกุศลจริงๆ ตามความเข้าใจและเจตนาของผู้บริจาค" เลขาธิการฯ กล่าว

นายโรเจอร์ ระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่เวลานำเงินใส่กล่อง จะไม่ทราบว่าคนที่มายืนถือ ไม่ใช่คนขององค์กรหรือมูลนิธิตามป้ายบนกล่องนั้นๆ ซึ่งถ้าทราบคงไม่ทำบุญอย่างแน่นอน เพราะคิดว่าจะใส่เงินทำไม ในเมื่อใส่เงิน 100 บาท แต่ไปถึงองค์กร ไปถึงสัตว์แค่ 10 บาทเท่านั้น ส่วนองค์กรหรือมูลนิธิที่เขามีอาสาสมัครจริง นำเงินที่รับบริจาคเข้าองค์กรหรือมูลนิธิจริง กลับได้รับผลกระทบ เพราะปัจจุบันสังคมไม่รู้ว่าคนเหล่านี้เป็นพวกไหน จึงไม่กล้าบริจาค ตรงนี้จึงเป็นเรื่องที่ทางส่วนราชการต้องลงมาตรวจสอบ แต่ตอนนี้คงต้องหาหน่วยงานรับผิดชอบให้ได้ก่อน ส่วนตัวคิดว่าถ้าออกมาดูแลอย่างจริงจังองค์กรหรือมูลนิธิ ก็สามารถอยู่ได้ เงินที่ใส่กล่องบริจาค จะถึงมือผู้รับตามเจตนาของผู้ให้ ไม่ใช่เป็นธุรกิจแบบนี้

เลขาธิการฯ เล่าต่อว่า คนรักสัตว์ช่วยเหลือสัตว์โดยที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมูลนิธิ หรือสมาคมเพื่อการกุศลในประเทศไทยมีอยู่มาก และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายหรือเอาเปรียบสังคม เพราะเขามีสุนัขต้องเลี้ยงดูจริง แต่ไม่มีศักยภาพในการหาเงิน เพราะไม่สามารถเข้าถึงสื่อได้ เมื่อบริษัทนายหน้าเห็นจุดอ่อนตรงนี้ จะรีบวิ่งเข้าหาทันที เพราะเจรจาตกลงง่ายกว่าองค์กรหรือมูลนิธิที่จดทะเบียน เมื่อมีนายหน้ามาเสนอตัวหาอาสาสมัคร หรือจ้างคนมายืน เขาก็ต้องรับข้อเสนอนั้น ถึงจะได้ 5-10 บาทก็ต้องยอม เพราะไม่ต้องลงทุนอะไร แค่เซ็นเอกสารอนุญาตให้นำชื่อไปใช้ ที่สำคัญ เขาเข้าใจว่าเป็นช่องทางหาเงินมาจุนเจือ ค่าอาหาร ค่ายารักษาโรคของสุนัขเท่านั้น

"อย่างที่บ้านสงเคราะห์สัตว์สมเกียรติ ซึ่งไม่ได้ขึ้นทะเบียน แต่ยินยอมให้บริษัทนายหน้านำชื่อไปใช้ แลกกับเงินวันละ 500 บาท เราเคยเข้าไปตักเตือนแล้วว่าไม่สามารถ ทำได้ เพราะไม่มีใบอนุญาต แต่เรายังไม่ได้เจาะลึกไปถึงตัวบริษัทที่เข้ามาเป็นนายหน้า คงเป็นหน้าที่ตำรวจซึ่งได้ประสานไปแล้ว ต้องดูที่ข้อกฎหมาย ทางสมาคมจะสืบหาต่อไป เพราะบริษัทประเภทนี้ไม่ได้มีแค่บริษัทเดียว และไม่ได้ทำเพียงแค่สัตว์อย่างเดียว องค์กรเด็ก องค์กรสตรีก็โดนเหมือนกัน" นายโรเจอร์กล่าว

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังน.สพ. พายุ ศรีศุภร สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์บางเขน เพื่อสอบถามถึงวิธีการรับบริจาคเงินช่วยเหลือสัตว์ โดยน.สพ.พายุ กล่าวว่า โรงพยาบาลมีการจัดตั้งกองทุนรักษาสัตว์ป่วยอนาถา โดยเป็นกองทุนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเงินส่วนหนึ่งมาให้ จึงไม่มีนโยบายออกไปตั้งกล่องรับบริจาคตามสถานที่ต่างๆ คนที่สนใจ จะต้องมาบริจาคโดยตรงที่สาขาของโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งเท่านั้น ซึ่งจะมีตู้รับบริจาคขนาดใหญ่อยู่ หรือติดต่อผ่านทางธุรการ โรงพยาบาลจะดูแลตรงนี้เป็นพิเศษ ถ้ามีการตั้งกล่องรับบริจาคภายนอก แสดงว่าเป็นการแอบอ้างชื่อไปใช้ และถ้ามีกลุ่มคนมาขอเป็นตัวกลางไปตั้งกล่องรับบริจาคทางโรงพยาบาลก็ไม่รับ เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อ และป้องกันเงินรั่วไหล เงินที่ได้รับบริจาคมาทุกบาททุกสตางค์จะทำระเบียบการชัดเจนหมด พฤติกรรมแอบอ้างเช่นนี้ ส่วนตัวตนคิดว่าไม่เหมาะสม เพราะคนที่บริจาคเงินมา เขาอยากจะช่วยสัตว์ การที่มีกลุ่มคนมาหากินจากสัตว์ถือว่าเป็นเรื่องที่แย่


[/FONT]

14 ส.ค. 54 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ตำรวจนครพนมได้สกัดจับขบวนการค้าสุนัขข้ามชาติของไทย ขณะนำสุนัขจำนวนเกือบ 2 พันตัว ลงท่าเรือไปที่ลาวก่อนที่จะส่งไปที่เวียดนาม เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดสำนักข่าว เดลี่เมล์ของอังกฤษได้ตีข่าวดังกล่าวไปทั่วโลก โดยระบุว่า สุนัขนับพันเหล่านี้กำลังถูกส่งไปยังเวียดนาม ก่อนที่ตำรวจจังหวัดนครพนมจะเข้าปฎิบัติการบุกจับกุมได้ถึงสองครั้ง
โดย เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์นครพนมยืนยันว่า สุนัขจำนวน 1,011 ขณะนี้ได้รับการดูแลในสถานที่พักพิงของราชการแล้ว แต่มีสุนัขจำนวน 119 ต้องเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ เนื่องจากกรงขังอัดแน่นด้วยสุนัขเหล่านั้นนั่นเอง
เบื้องต้นทางเจ้า หน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาลักลอบนำสุนัขออกนอกประเทศ และขนส่งสัตว์อย่างผิดกฎหมาย ให้ชาวไทย 2 ราย และชาวเวียดนาม 1 ราย และหากถูกตัดสินว่าผิดจริง จะต้องเผชิญโทษจำคุก 1 ปี และปรับเงินเป็นจำนวน 20,000 บาท เท่านั้น





เจ้าหน้าที่กู้ภัยรายนี้ กำลังช่วยชีวิต สุนัข ตัวหนึ่งซึ่งถูกขังอยู่ในบ้านที่โดนไฟไหม้จนสลบไป
แต่โชคดีที่น้องหมารายนี้โชคดี เจ้าหน้าที่ช่วยกัน ผายปอด จนฟื้นขึ้นมาเหมือนได้เกิดใหม่เลยทีเดียว


หากคนไทยคิดจะไปผายปอดให้หมา เราคิดว่าไป ผายปอดให้ กิเลศตัวเองมันพองเเค่นั้นก็เเทบเเย่เเล้วมั้ง

เห็นเเล้วก็อยากเกิดเป็นหมา เมืองนอกเขาซะจริง จริง

 

มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไปทำงานที่สนามหลวง กำลังเดินไปซื้อกระทิงแดงไปเลี้ยงเพื่อน ก็มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดนักศึกษา ห้อยบัตร และถือกล่องมาเรี่ยไรเงินไปช่วยเหลือสุนัขแบบนี้แหละแถวท่าพระจันทร์ แต่น้องเขาแต่งตััวดูดีน่าเชื่อถือมากเลยนะ ผมก็เลยช่วยทำบุญไป 20 บาท ดีนะที่น้องเขาสวยน้อยไปนิด ไม่อย่างงั้นงานนี้ไอ้เสือมีหวังหมดเป็นร้อย (smile) ฉิบหายไม่ว่า ขอให้ได้หน้าไว้ก่อน

 

สุนัข มีดีมากกว่าจะเป็นอาหาร

แต่ถ้าไม่มีอะไรที่จะเป็นอาหาร นอกจากสุนัข
อาจารย์ว่า... อยู่อดตายเป็นเพื่อนกันเถอะ


Jedi ม่ายยยกินหมา...

 

มนุษย์หนอมนุษย์ เพื่อคงไว้ซึ่งรูปขันธ์จากธาต 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ แท้ๆ แม้จิตวิญญานผู้ถูกกระทำจะกลายมาเป็นเจ้ากรรมนายเวรก็ยอม

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=IvQ4nQlwNIs&feature=player_embedded]กินหมา.DAT - YouTube[/ame]

 

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านสอนเอาไว้ว่า พวกหมาเวลาตายไปแล้ววิญญาณไม่ได้ เป็นหมา แต่วิญญาณเป็น คน เป็นมนุษย์ สรรพสัตว์ทั้งหลายท่านสอนเอาไว้ว่า อาจจะเป็นญาติ พี่ น้อง พ่อ แม่ ภรรยา บุตร หรือพระโพธิสัตว์ ที่ตายไปแล้ว ที่อยู่ระหว่างเสวยกรรม ดังนั้น พวกเราอาจจะกินเนื้อ กินศพ ของญาติ พี่ น้อง พ่อ แม่ ภรรยา บุตร ของเรา หรือพระโพธิสัตว์ มาเิลิกบริโภคเนื้อสัตว์กันดีไหม แล้วแต่บารมี หรือกำลังใจ[www.marateebook.com]

 

แค่เนื้อสัตว์ธรรมดายังอยากที่จะเลิกกินเลย คงไม่ไหวถ้าต้องกินเนื้อมัน มันไม่มีเหตุผลจำเป็นอะไรที่ต้องกิน...

 

จะกิน เค้าไปได้อย่างไร ในเมื่อ เต็มปากเต็มคำ เราเรียกเค้าว่า ลูก

 

ไม่มีทางที่จะกิน ผมรักสัตว์พวกนี้มาก เขาก็มีจิตใจ

สุนัขเขาซื้อสัตว์กับเจ้าของเป็นอย่างมาก เราอาจจะมีคนที่รักที่ห่วงใยหลายคน

แต่สุนัขเขามีรักคนเพียงไม่กี่คนก็คือเจ้านายของพวกมัน

ตัวที่ผมเลี้ยงไว้รักเหมือนลูกเลยละคับ (ไซบีเรียนฮัสกี้) ถึงแม้จะซนยังไงก็ตามที แต่ยังไงก็เป็นเพื่อนที่ดีมากถึงดีที่สุด

 

หน้าที่ เเละความใกล้ชิด ที่ธรรมชาติ สร้างให้ติดตัว คู่ กันมากับสัตว์ ต่างๆ นั้น

เป็นเสมือนคําตอบ เเทน คําถามที่ว่า ทําไมเราถึง กินหมู กินไก่ ปลา กันได้อย่างไม่สะทกสะท้าน

เพราะ สุนัข มิได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็น อาหาร ของมนุษ


เช่นกันกับหลายๆคน นราสภา ก็ ไม่กินหมาจ๊าาาาาาาาา

 

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เลือกคิด เลือกทำ เลือกเป็นอยู่ดีที่สุด

 

จะกินลงไปได้อย่างไรนะคะ น่ารักอย่างนี้...​