ก่อน ไม่มีแม่ให้กอด....เรื่องจริง จากโรงเรียน อัสสัมชัญ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย deneta, 4 กรกฎาคม 2013.

  1. deneta

    deneta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,711
    ค่าพลัง:
    +5,720
    [​IMG]

    อ่านแล้วจะกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่...... เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ...มิสอุไรพร
    ครูที่มีจิตวิทยาสูงในการสอนเด็ก รักใดไหนเล่าเท่ารักแม่...วีรกรรมสุดยิ่งใหญ่ของแม่ที่ลูกทุกคนต้องอ่าน!

    ตึกเซนต์หลุยส์มารี โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม ราวกลางปี พ.ศ. 2539

    ' มิสคะ ช่วงพักเที่ยงจะมีผู้ปกครองมารอพบสองท่านที่หน้าห้องรับรองค่ะ '
    โทรศัพท์แจ้งจากห้องประชาสัมพันธ์ทำให้มิสอุไรพร นาคะเสถียร
    ครูสาวประจำระดับชั้นป. 4
    รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
    เพราะจำได้ว่ามีการโทรนัดหมายจะมาพบจากคุณแม่ท่านหนึ่งเพียงท่านเดียวในวันนี้
    เอ...ใครล่ะนี่ จะมีเรื่องอะไรรึเปล่านะ

    เมื่อมิสอุไรพรเดินมาถึงหน้าห้องประชาสัมพันธ์ ครูสาวก็แทบยกมือรับไหว้จากสุภาพสตรีทั้งสองท่านไม่ทัน
    หากก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณแม่ท่านหนึ่งยกมือไหว้แต่เพียงแขนข้างเดียว

    อย่างไรก็ตามมิสได้เชิญคุณแม่ท่านแรก
    เข้าไปคุยก่อนตามลำดับการนัดโดยเก็บงำความแปลกใจไว้

    หลังจากคุยกับคุณแม่ท่านแรกเสร็จมิสจึงเชิญคุณแม่อีกท่านเข้ามาคุยในห้องรับรอง
    ภาพแรกที่ได้เห็นชัดๆทำให้ครูสาวตกใจเล็กน้อย แขนซ้ายของคุณแม่เป็นแขนเทียม
    คุณแม่มาปรึกษาเรื่อง
    การเรียนของลูก
    เพราะไม่ได้มาในวันนัดพบผู้ปกครองประจำปีเมื่อต้นปีการศึกษาที่ผ่านมา
    ' ลูกเขาไม่อยากให้มา เขาว่าเขาอายที่แม่ใส่แขนเทียม
    กลัวโดนเพื่อนล้อแม่มาทีเพื่อนก็ล้อกันประจำว่าแม่แขนเดียว
    แม่เป็นหุ่นยนต์เหรอ อะไรนี่น่ะค่ะ เลยไม่ได้มา '

    น้ำเสียงของคุณแม่แฝงแววเอ็นดูมากกว่าที่จะโกรธหรือไม่พอใจ มิสอุไรพรขออนุญาตซักถามเกี่ยวกับสาเหตุ
    ที่คุณแม่ต้องใส่แขนเทียม
    เมื่อได้ทราบความจริงทั้งห มดครูสาวก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องจัดการ เรื่องที่ลูกไม่ยอมรับ
    และไม่เข้าใจแม่นี้โดยเร็ว หากปล่อยเรื่องนี้ไป...ก็จะเป็นบาปอันหนักยิ่งติดตัวเด็กไปในภายหน้า
    ทั้งตัวลูกชายและคนที่ล้อเพื่อนด้วย

    ช่วงเย็นวันนั้นมีชั่วโมงลูกเสือแต่ฝนตกหนัก มิส อุไรพรจึงได้โอกาสนำเรื่องนี้มาเล่าให้นักเรียนฟังในห้องเรียน
    เรื่องราวที่ว่านั้น มีดังต่อไปนี้

    วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2536 หลังวันแม่เพียงไม่กี่วัน..ครอบครัวหนึ่งได้เดินทางไปเที่ยวนากุ้งที่จังหวัดสตูล
    ครอบครัวนี้ประกอบด้วยคุณพ่อ คุณแม่
    และลูกชายอีกสามคนพวกเขาเดินชมนากุ้งไปตามทางเดินซึ่งเป็นคันดิน
    ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ โดยคุณพ่อเดินนำหน้ากับลูกชายคนโตสองคน
    ส่วนคุณแม่เดินตามหลังมากับลูกชายคนเล็ก
    ทางเดินที่เป็นคันดินนั้นมีการแบ่งเป็นท้องร่องเพื่อติดตั้งระหัดวิดน้ำ ซึ่งมีใบพัดทำจากเหล็กสูงจากคันดินราว 25 ซม
    คุณพ่อและลูกคนโตสองคนก็ข้ามท้องร่องแล้วเดินนำต่อไปข้างหน้า ไม่มีใครฉุกใจคิดระวังถึงเหตุร้าย
    แต่แล้วลูกชายคนเล็กกลับก้าวพลาดล้มลงไปในท้องร่อง กางเกงเข้าไปติดกับร่องของระหัดวิดน้ำที่กำลังหมุนอยู่
    และฉุดขาของลูกทั้งสองข้างเข้าไปในใบพัดเหล็ก

    ' ถ้าเป็นพวกคุณ องตกลงไปอย่างนี้คุณจะทำอย่างไร ' มิสหยุดเรื่องไว้ก่อนเพื่อซักถาม มองหน้าเด็กนักเรียน
    ทั้งห้องที่นั่งเงียบกริบ หน้าซีด โดยเฉพาะลูกชายของคุณแม่ท่านนั้น
    ' ทุกคนตกตะลึงใช่มั้ย คิดไม่ทันใช่มั้ย
    แต่นักเรียนรู้มั้ยว่าคุณแม่ท่านตัดสินใจทำอย่างไร ' คุณแม่ไม่ยอม เสียเวลาคิดอะไรเลย
    ท่านรีบยึดดึงตัวลูกเอาไว้แล้วเอาแขนซ้ายที่ว่างอยู่เข้าไปขวางใบพัดเหล็กไว้ก่อน... ใบพัดจึงหมุนเอาแขนของคุณแม่เข้าไป..
    .คนงานที่เห็นเหตุการณ์รีบปิดเครื่องทันที แต่แรงเฉื่อยทำให้ใบพัดยังหมุนต่อด้วยกำลังแรง... แรงจนกระชากแขนซ้ายของ

    คุณแม่ขาดสะบั้นลง! คุณแม่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสสติสัมปชัญญะดับวูบลงในทันที
    ท้องร่องทั่วบริเวณแดงฉานไปด้วยเลือด...เลือดของแม่..ใบพัดเหล็กยังหมุนต่อไปอีกเล็กน้อยและบดเอาขาทั้งสองข้างของลูกชายคนเล็ก
    จนกระดูกหัก...แต่ไม่ขาด
    ไม่ขาด...เพราะแขนซ้ายของแม่ขาดแทน...ไม่ขาด...เพราะแม้จะไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ
    มือขวาของคุณแม่ก็ยังยึดตัวลูกเอาไว้แน่น...ไม่ยอมปล่อย...

    คุณพ่อและลูกคนโตทั้งสองคนหันกลับมามองตามเสียงตะโกนเอะอะโวยวายของคนงาน
    พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของคุณแม่
    ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาช็อกจนแทบสิ้นสติ! คุณพ่อกระโจนพรวดเดียวถึงตัวคุณแม่
    และลูกน้อย แต่...มันสายเกินไปแล้ว! สิ่งเดียวที่ทำได้คือรีบพาสองแม่ลูกส่งโรงพยาบาลทันที

    ผลของการรักษาคือคุณแม่ต้องใส่แขนเทียมแทนแขนซ้ายที่ขาดไป ส่วนลูกคนเล็กที่ขาหักต้องอยู่โรงพยาบาลนานราวสามเดือน
    จึงสามารถเดินเหินได้เป็นปกติ มิสอุไรพรกวาดสายตามองไปรอบๆห้องถามขึ้นอีกว่า
    ' นักเรียนคิดว่าคุณแม่ท่านนี้กล้าหาญมั้ยคะ '
    ' กล้าหาญมาก '
    เด็กๆพากันตอบเป็นเสียงเดียวกันพลางพยักหน้า หลายๆคนยังหน้าซีดเซียวเมื่อนึกภาพเหตุการณ์ไปตามที่ครูเล่า
    มิสมองหน้าลูกชายของคุณแม่แล้วบอกต่อว่า
    ' นักเรียนทราบมั้ยว่าคุณแม่ท่านนี้เป็นคุณแม่ของเพื่อนเราในห้องนี้เอง
    ไหนใครเป็นลูกของคุณแม่ท่านนี้ยืนขึ้นให้เพื่อนเห็นหน่อยสิ '
    เด็กนักเรียนคนนั้นยืนขึ้น ท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนทั้งห้อง
    ' วันนี้เมื่อคุณกลับไปบ้านมิสฝากเรียนคุณแม่ด้วยว่าพวกเราชื่นชม
    และยกย่องท่านมากจริงมั้ยพวกเรา '
    ' จริงครับๆ ใช่ครับๆ '
    เสียงเล็กๆตอบมาเป็นทางเดียวกัน
    ' มิสได้ทราบมาว่ามีหลายๆคนไปล้อเลียนเพื่อน ไหน
    คนไหนบ้างคะที่เคยล้อคุณแม่เขา ถ้ามีเราเป็นลูกผู้ชายต้องกล้ารับค่ะ '
    มีนักเรียน 3-4 คนยืนขึ้น สีหน้าของแต่ละคนซีดเซียวอย่างสำนึกผิด มิสอุไรพรมองหน้าของเด็กกลุ่มนี้อย่างอ่อนโยน ถามว่า
    ' ดีมากนักเรียน ตอนนี้คุณคงอยากพูดอะไรกับเพื่อนใช่มั้ยคะ '
    เด็กชายกลุ่มนั้นเดินเข้าไปโอบกอดคอแล้ว กล่าวขอโทษเพื่อนด้วยความจริงใจ
    ครูสาวน้ำตาคลอ
    ยืนมองภาพนั้นด้วยความปลาบปลื้มยินดีหนักใจอยู่เหมือนกันว่า
    หากถามขึ้นมาแล้วไม่มีใครยอมรับว่าเคยล้อเพื่อน...จะทำอย่างไร ?
    เธอไม่เคยผิดหวังในตัวนักเรียนอัสสัมชัญ
    และจนถึงเวลานี้ก็ยังคงไม่ผิดหวัง ใครเล่า...จะเข้าใจความเจ็บช้ำขมขื่นในหัวใจเล็กๆของเด็กชายคนหนึ่ง
    ที่ถูกเพื่อนล้อเลียนประสาเด็กโดยไม่ทันคิด
    หากบัดนี้...ความรักของแม่และน้ำใจของเพื่อนได้สลายปมด้อยในใจ
    ของเด็กคนนี้ลงจนสิ้นแล้ว เหลือเ พียงความรักและภาคภูมิใจในตัวคุณแม่เท่านั้น

    เมื่อหมดชั่วโมงเรียน มิสอุไรพรได้เรียกตัวลูกชายเข้าไปคุยอีกครั้ง ' วันนี้เรามีอะไรในใจที่คิดว่าควรพูดกับคุณแม่มั้ยคะ '
    เด็กคนนั้นนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตอบเสียงสั่นปนสะอื้นไห้ว่า ' ผม...ผมจะไปขอโทษคุณแม่แล้ว...แล้วบอกคุณแม่ว่าผมรักคุณแม่ที่สุดในโลกเลยครับ '
    รู้มั้ยน้ำนมหยดหนึ่งซึ่งไหลมาต้องใช้น้ำตาหยาดเหงื่อสักเท่าไหร่

    [​IMG]

    บอกแม่เถอะนะ บอกทุกวัน ว่ารักท่านมากมาย
    กอดแม่เถอะนะ ให้คุ้นเคย

    กอดเลยไม่ต้องอาย ก่อนไม่มีแม่ให้กอด...

    [​IMG]

    ก่อนจะไม่มีแม่ให้กอด....เรื่องจริง จากโรงเรียน อัสสัมชัญ‏
     
  2. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825
    อ่านแล้วซาบซึ่งใจมากค่ะ ในความรักที่คุณแม่ท่านนี้มีให้กับลูกชาย แม้แต่

    ชีวิตก็สละให้ได้ยามเมื่อลูกมีภัย ( น้ำตาไหลเลยค่ะ ) อาจารย์หรือมิส ท่านนั้นสมแล้ว

    ค่ะที่เป็นแม่พิมพ์แห่งชาติ เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่อยู่ในร.ร.ดังอย่างอัชสัมชัญ เพราะ

    สามารถทำให้เรื่องนี้จบลงด้วยการที่ลูกรู้สึกรักคุณแม่มากขึ้น เห็นถึงพระคุณของท่าน

    ปลูกฝังให้ลูกศิษย์เป็นคนดี น่ายกย่องมิสท่านนี้มากค่ะ ดิฉันเชื่อว่าเด็กคนนั้นจะต้องเติบ

    โตมาเป็นคนดีของสังคมแน่นอน เพราะมีครอบครัวที่อบอุ่น มีอาจารย์ที่ดีคอยอบรมสั่งสอน



    อ่านแล้วคิดถึงแม่มากเลยค่ะ น้ำตามันไหลเองเลย คิดถึงจับใจเลยสำนึกใน

    บุญคุณที่ท่านเลี้ยงดูดิฉันมาจนเติบใหญ่ ดิฉันยังไม่ไดดูแลท่านตามสมควรเลยท่านก็มา

    จากไปเสียก่อน



    ถ้าใครเข้ามาอ่านเรื่องนี้แล้วดิฉันเชื่อค่ะว่า ทุกคนน่าจะกลับไปดูแลพ่อแม่ให้ดี

    ที่สุด เมื่อวันนึงท่านจากไปแล้วจะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลังว่าน่าจะทำให้ดีกว่านี้
     
  3. nunoiyja

    nunoiyja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2010
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่กล้ากอดแม่เหมือนกัน อายุก็แค่ 37 จำไม่ได้ว่าเคยกอดแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ มันก็ติดตรงที่อายนี่แหละ ทำไงดีละนี่
     
  4. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ขอแนะนำว่า ถ้ากล้าทำในครั้งที่ 1 ได้สำเร็จ มันจะมีครั้งต่อๆไปในอาการที่ไม่เคอะเขิลเลย ...

    รวบรวมความกล้าของลูกผู้ชายคนหนึ่ง ที่จะมีได้ เพื่อแม่ ก่อนที่จะไม่ได้ทำนะคะ .. เอาใจช่วยอย่างแรง :cool::cool:
     
  5. ดอกสร้อย

    ดอกสร้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +4,890
    ทำไปเลย แค่กอดยังไม่พอ ต้องหอมท่านด้วย เหมือนตอนเราเด็ก ๆ ท่านยังหอมเราเลย ง่ายกว่ากอดสาว ๆ เป็นไหน ๆ ไม่ต้องเสียผีด้วย อิอิ
     
  6. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ง่ายๆครับ...
    ไปนอนให้แม่กระทืบสัก 3 ที พอหายอายแล้วค่อย ไปกอดแม่..
    บอกแม่ว่าช่วยเรียกรถพยาบาลให้หน่อยคร๊าป...ป...:cool:
     
  7. worawuta

    worawuta Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +30
    ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่กล้ากอดแม่เหมือนกัน อายุก็แค่ 37 จำไม่ได้ว่าเคยกอดแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ มันก็ติดตรงที่อายนี่แหละ ทำไงดีละนี่


    ดูตัวอย่างในหลวงเถอะดรับ แล้วทำตามท่าน
    แม้เข็นรถของพระราชชนนีในหลวงยังไม่ให้ใครเข็นเลยครับ
     
  8. rerai

    rerai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +109
    ดิฉัน เสียทั้งพ่อ ทั้งแม่ไปแล้ว เคยได้กอดท่าน แต่ตอนนี้ อยากกอดท่านทุกวันก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว คนที่ยังมีพ่อแม่อยู่ เวลาจะหมดลงเมื่อไรก็ไม่มีใครรู้ จงกราบไหว้ และกอดท่านเมื่อมีโอกาสนะคะ อย่าอายเลย
     
  9. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,233
    ขนาดเคยอ่าน
    แต่ อ่านวันนี้
    น้ำตาคลอ และ คิดถีงแม่ ครับ
     
  10. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ไม่ต้องอาย มีครั้งแรกแล้วเดี๋ยวก็มีครั้งต่อไป ผมน่ะ อายุขึ้นเลข 5 แล้วผมยังกอดยังหอมแก้มแม่เลย ทุกครั้งที่ไปหาท่านที่บ้าน และทำต่อหน้าลูกๆเราด้วย
     
  11. ตั่วเฮีย

    ตั่วเฮีย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +259
    ผมรู้จักมิส อุไรพร ครับ.. ท่านสอนแผนกประถม ท่านเป็นครูที่ดีครับประทับใจวันเก่าๆสมัยนั้นครับ ทั้งมาสเตอร์และบราเดอร์ดีๆสำนึกแห่งครูดีๆ สอนให้เราเป็นคนดี ยังมีอยู่มาก และเรื่องเงินก็ไม่ใช่อันดับหนึ่ง ซึ่งผิดกับ.. บราเดอร์ที่พึ่งโดนม๊อบไล่ไปคนนี้หน้าเงินครับ( ข่าวใหญ่ ) เอาแต่เงิน หลังจากเป็นเรื่องผมก็ไม่รู้ว่า ทางคณะเซนต์คาเบรียลส่งบราเดอร์คนใหม่มาเป็นใคร เป็นคนยังไง ยังไม่ได้ตืดตามข่าวเลย , จากเลือดแดงขาว AC รุ่น110 ครับ
     
  12. มธุบัน

    มธุบัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +52
    อ่านแล้วคิดถึงแม่ค่ะ ตอนนี้แม่ได้จากไปแล้วค่ะ เมื่อก่อนก็จะไปเที่ยวกับแม่เสมอ และคอยดูแลแม่ ตอนท่านป่วยเข้ารพ. คิดถึงความห่วงใยที่แม่มีต่อลูก เสมอไม่เสื่อมคลาย ความรักของแม่เป็นอมตะ
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    ดวงใจของแม่ทุกคนคือลูก
    แล้วลูกเล่า...เจ้ามอบดวงใจให้ใคร...
     
  14. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,612
    อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ กลับไปกราบแม่ ขอโทษแม่ หาของที่แม่ชอบไปฝากแม่ ก่อนที่วันข้างหน้าจะไม่มีโอกาสให้เราได้ทำอย่างนั้นอีก
     
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี

    ในภพชาติใด ที่ไม่มีพระศาสนา ไม่มีเนื้อนาบุญอื่นใดให้ทำบุญ

    ก็มีพ่อแม่และบุพการีนี่แหละ จะเป็นเนื้อนาบุญอันไพศาล ที่ใกล้ตัวที่สุด
     
  16. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,248
    ค่าพลัง:
    +68,026
    รักแม่ คิดถึงแม่
     

แชร์หน้านี้

Loading...