ก้าวข้ามพ้น มิติ(ความคิด) ที่ฝังตนเอง ทำอย่างไร?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย phudit999, 23 มกราคม 2014.

  1. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    มีมนุษย์ หลายตน ที่วนเวียนอยู่กับมิติของตนเอง

    คิดว่ามิติ(ความคิด)ที่ตนเอง ดำรงอยู่ เป็นมิติที่ถูกต้องอย่างที่สุด

    เตือนแล้วไม่ฟัง (แถมมีการมาพูดจากยอกยอน แสดงความฉลาด

    กลับออกมาอีก ผสมกับบริวาร ที่หลงไปพร้อมๆ กัน กับหาว่าเป็นการ

    อิจฉา กลุ่มเหล่านั้น...ช่างเอาอะไรมาคิดหนอ กลุ่มเหล่านั้น)

    -------------------------------------------------

    วิธีที่จะหลุดพ้นออกจากมิติ คือ พยายามหาข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้น

    ในความรู้ที่ได้มา (บางคนมี ญาณรู้ แต่หลงไหลในความรู้)

    ความรู้ที่กลุ่มเหล่านั้น ไม่ใช่ความรู้อย่างที่สุด

    และไม่สามารถนำมาใช้ได้กับ มนุษย์ ปัจจุบัน

    เพราะความรู้เหล่านั้น เป็นความรู้จากอดีต

    มนุษย์ปัจจุบัน มีองค์ประกอบ ต่างๆ ที่แตกต่าง

    จาก ญาณรู้ เหล่านั้น ให้ความรู้มา (หมายถึง

    ตัวตนที่ให้ความรู้มา มันไม่ใช่มนุษย์ที่อยู่บนโลกมนุษย์สีน้ำเงิน

    แห่งนี้ มันจะเสือก สาระแน่ รู้มาได้อย่างไร )

    แล้วกลุ่มเหล่านั้น พยายามที่จะหา พวกพ้องให้เดินทาง

    ไปกับมิติ(ความคิด) เหล่านั้น

    แบบนี้เรียกว่า หลงมิติ

    มีคนมากมาย ได้เข้าไปเตือน กับกลุ่มเหล่านี้

    แต่ก็ไม่พยายามที่จะนอบนำ หรือฟังการเตือน จากหลายๆ

    มุมมอง (เพราะยังวนเวียนอยู่กับ มิติหรือความคิดเดิมๆ)

    เราพยายามที่จะชี้ให้เห็น ถึงข้อผิดพลาด ของมิติ

    ข้อผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้น (จากการพยากรณ์)

    ว่่ายังมีข้อผิดพลาดอยู่ ซึ่งจะนำไปสู่การหลุดพ้นออกจาก

    มิติ ที่ตนเองฝัง ตัวเองอยู่

    แต่นั้นล่ะ เรียกว่า วนอยู่ในอ่าง เดียว ไม่ยอมที่จะหลุด

    ออกจากอ่าง ของตนเองเพื่อไปยัง มิติอื่น หรือ เพื่อที่

    จะพัฒนาตนเอง ....ดูแล้วน่า เศร้า กับกลุ่มคนเหล่านี้

    เพราะ อะไร? ความรู้ ไม่ได้มีการพัฒนา ตั้งแต่หลายปี

    ที่ผ่านมา เพราะ พยายามจะเอา ความคิด หรือมิติ ต่างๆ

    ที่มีลักษณะ คล้ายคลึงกัน มาสนับสนุน ความคิด หรือมิติ

    ที่ตนเองยึดถือ ...... ใช่หรือ แนวทางแห่งนี้ ถูกต้องหรือ
     
  2. al-Zarnahedeen

    al-Zarnahedeen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +50
    ง่าย ๆ อย่าไปธุระมันปล่อยให้มันตายแก้ป่ะ
     
  3. pitcha_nate

    pitcha_nate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +1,369
    ชอบ ชื่อกระทู้ค่ะ...

    ความรู้ไม่มีจะตอบ หรือแม้จะถามก็ตาม...ไม่มีเลยค่ะ...
    แต่ชอบชื่อมากเลย...ก้าวข้ามพ้น ความคิด ที่ฝังตนเอง...ทำอย่างไร...

    ดูตัวเองดิ้นรน "หาวิธี" "หาการกำจัด" "หาทางลัด"....และ หา หา หา
    จนเลิกไปเอง...แล้วก็ปล่อย ๆ มันไป...ไม่รู้นี่ใช่วิธีหรือเปล่า...

    แต่มัน..."ง่าย"....เหลือเกิน
    และมัน..."อิสระ"....ด้วยค่ะ

    ^__^
     
  4. Paranormal Lady

    Paranormal Lady Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +52
    คนเราโตมาในสิ่งแวดล้อมต่างกันย่อมมีความเห็นต่างกัน
    จะให้คิดเหมือนกันนั้นเป็นไปไม่ได้เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเรา
    หรือ ความคิดเห็นผู้อื่น แค่เป็นตัวเราเอง แค่อย่าไประรานผู้อื่นก็พอ
     
  5. philosophi

    philosophi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +1,895
    กำลังเป็นอยู่เลยค่ะ (สุดท้ายก็ปล่อยทิ้ง นิ่งเหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้นมาก่อน)
     
  6. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ไม่เกาะ ไม่ให้อะไรมาเกาะ

    เจอแล้วผ่าน

    ผ่านไปแล้วเจอใหม่

    เจอใหม่แล้วผ่าน ไม่เกาะเกี่ยว

    เป็นอิสระ (แต่นอบนำความรู้ เรียนรู้ความรู้ในระดับนั้นๆ ก่อนหรือเรียกว่า ทำให้แจ้ง)

    นี่ยังเป็นแนวปฏิบัติ เบื้องต้น ปกติ

    แนวปฏิบัติ เอาจริงเอาจัง ต้องขอ อนุญาต

    เพราะว่า แต่ละมิติ มีผู้ดำรงรักษา

    มิติ แห่ง นามธรรม

    อหังการ ไม่นอบน้อม ย่อมจะหลงทาง ในมิติแห่งนั้น

    เมื่อหลงทาง จึงต้องวนเวียน อยู่ในมิติแห่งนั้น ตลอดกาล

    เพราะมิติ (ความคิด) ไม่เปลี่ยนแปลง ต้องอาศัย กัลยาณมิตร

    ปฎิเสธ กัลยาณมิตร คิดว่าตนเองแน่แล้ว

    คิดว่า การช่วยเหลือตนเอง แบบ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน สุดโต่ง

    (คือ การไม่นอบนำ ความเห็นจากกัลยาณมิตร)

    จึงยากที่จะพัฒนา ตนเอง
     
  7. ouam

    ouam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +285
    ก้าวข้ามพ้น มิติ(ความคิด) ที่ฝังตนเอง ทำอย่างไร?

    เราขอแสดงความคิดเห็น ในสิ่งที่เรานั้นค้นพบได้แล้ว ในมิติที่อยู่ในความทรงจำมานานแสนนาน สิ่งที่เราท่านทั้งหลายยอมรับไม่ได้ คือความเจ็บปวดและความผิดหวัง รวมทั้งการสูญเสีย เมื่อเราท่านทั้งหลาย ได้รับผลสิ่งใดสิ่งหนึ่งดังกล่าวในข้างต้นนั้นแล้ว ย่อมต้องทนทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก บางท่านอาจสูญเสียความทรงจำไปบ้างก็มี (เสียสติ-บ้า) บางท่านก็กลายเป็นคนอำมหิตผิดไปจากเดิม บางท่านอาจทำร้ายตนเองหรือผู้อื่นจนถึงกับเสียชีวิต
    ในหลักการที่ทุกชีวิตได้รับผลของกรรม ที่เราทุกคนล้วนสร้างกรรมกันมาหลายภพหลายชาติต่อเนื่องและเชื่อมต่อ ยังคงมีผลให้ต้องสำนึกระลึกรู้ พร้อมทั้งยอมรับและต้องชดใช้ด้วย ถ้ากรรมนั้นหนักหนาและสาหัส มีทางต่อลองกับกรรมนั้นได้ ด้วยการอุทิศบุญและต้องอโหสิกรรมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงจะหยุดกรรมนั้นได้ ขอให้ผู้ที่มีความจริงใจหรือผู้มีความตั้งมั่นชอบที่จะก้าวข้ามภูมิหรือมิติทั้งหลายในสามโลกนี้ไปอย่างเด็ดขาดแล้วไซร้ อาจนำหลักของเราไปร่วมพิจารณาบ้าง อาจจะเรียกกุศลทานก็ได้ แต่ถ้าไม่ถูกจริตท่านใดเราก็ขออโหสิกรรมก็แล้วกัน บุตรพระพุทธเจ้า ญาติทุกศาสนา มารับกรรมร่วมชาติกับท่านแล้ว
     
  8. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    การหลงยึดติด สุดยอดมหาตำรา

    ว่าด้วยเรื่องการหลุดพ้นจากอดีต

    ยังไม่ใช่ ความหมายของชีวิต อันสูงสุด

    ของการดำรงชีวิตในปัจจุบัน

    ทำไม

    เพราะปัจจุบัน กับ อดีต ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน

    มนุษย์ ได้มีการพัฒนาไปมาก ....

    มนุษย์ มีองค์ประกอบไปมาก ....

    ใครเคยเห็น s curve บาง

    ในระยะเวลาอันสั้น สามารถเปลี่ยนแปลง

    ไปอย่างรวดเร็ว และ จะมีจังหวะหนึ่ง

    หลังจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    จะมีลักษณะ เกือบคงที่ และ เกือบจะคงที่

    และ ต่อไปคือ คงที่

    การเปลี่ยนแปลง จึงทำให้ ภาคอดีต หรือความรู้

    ในอดีต ไม่สามารถนำมาใช้กับปัจจุบันได้

    เพราะยังจุดบกพร่อง อยู่

    ดังนั้น แม้นว่า ในอดีต จะถูกต้อง (ถูกต้องตามเวลา

    ในอดีต บางทีในอดีต อาจจะไม่ถูกต้อง แต่รู้ได้เพียงเท่านั้น)

    ความรู้ ในอดีตห้าม ศึกษา เพราะ ไม่สามารถล่วงรู้ได้

    ปัจจุบัน ความรู้ที่อดีต ไม่สามารถล่วงรู้ได้ กลับล่วงรู้ได้โดยง่าย

    (นี่ก็เป็นการแสดงถึง วิวัฒนาการของมนุษย์ ด้วยเช่นกัน)

    ความรู้ ในอดีต ไม่สามารถเทียบเท่า กับปัจจุบัน ได้

    ความรู้ในปัจจุบัน สามารถเข้าถึง ได้มากว่า

    ----------------------------------

    มีบางกลุ่ม ในเวป นี้ ได้เข้าถึงข้อมูลที่ทันสมัย

    ได้ออกจาก(บางคน) ความคิดหรือมิติเดิม นั้น

    แต่ บางกลุ่มที่ว่า นั้น กลับหลงไหล ในมิติใหม่

    ที่ออกจากของเดิม ไปติดกับดัก ความรู้ใหม่

    ไม่หลุดพ้นออกจากมิติใหม่

    นี่คือเหตุว่าทำไม จึงมีกัลยาณมิตร หลายท่าน จึง ได้

    พยายามเตือน (แต่กลุ่มเหล่านั้นมองเป็น อริ ความคิด)

    เพราะอะไร เพราะว่า ความรู้ใหม่ ยังไม่สามารถที่จะนำพา

    ตัวตน ให้สูงขึ้น ตามความเป็นจริงที่ ข้อมูลเหล่านั้นสื่อสารมา

    เพราะว่าอะไร เพราะว่า วิธีการปฏิบัติ ของกลุ่มเหล่านั้น ไม่ถูก

    ต้องกับ มนุษย์ ปัจจุบัน

    ทำไม เราจึงรู้ เอาอะไรมาพิสูจน์

    เพราะสิ่งที่เขาเหล่านั้นรู้ เราย่อมรู้ด้วยเช่นกัน

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างคือ การยึดมั่นในความรู้

    เราไม่ยึดมั่นในความรู้ที่ได้ .... เพราะเมื่อนำมาวิเคราะห์

    เพื่อหาคำตอบในการดำรง การเกิด การตาย การตอบสนองกรรม

    ความรู้ที่มี ที่ได้ ยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจน

    ความรู้ที่มี ความรู้ที่เคยมี (หรืออีกนัย มิติ) จึงเปลี่ยน

    เปลี่ยน ในการรับข้อมูล เปลี่ยน นี่หมายถึง การเปลี่ยน ความรู้

    ที่พัฒนาขึ้น ไปเรื่อยๆ เมื่อเราค้นหา คำตอบ แล้วไม่ได้คำตอบที่โดน

    หรือไม่สามารถอธิบาย การเกิด การดำรง การดับสิ้น ที่ไม่มีการขัดแย้งกัน

    ดังนั้น เรา จึงรู้ว่า การหลงติดมิติ คือ ความคิดที่ยึดติดอยู่กับ ตำรา

    ยึดติดกับ ความรู้ หรือ ญาณ ที่ตนมี .....

    จะทำให้กลุ่มเหล่านี้ หรือ ผู้คนเหล่านี้ ไม่มีหนทางได้พัฒนา ตนเองได้อีกเลย

    ความรู้เก่า คือ อดีต

    แม้นว่าอดีต จะบอกว่า ให้ยึดถือปัจจุบัน เป็นหลัก

    แต่ผู้คน ในปัจจุบัน กลับยึดถือ อดีต

    หมายความว่า อย่างไร .... สิ้นสุดการพัฒนาตนเอง

    แม้นคนปัจจุบัน จะล่วงรู้ ข้อมูลใหม่

    แต่กลับหลงใหล ในข้อมูล ใหม่

    นี่ล่ะเรียกว่า มนุษย์ เพราะมนุษย์ ยังเป็นมนุษย์ ผู้ไม่รู้

    แต่มนุษย์ ผู้ไม่รู้ กลับกระทำตนเอง เสมือนว่า เป็นผู้รู้แล้ว

    -------

    เพราะมนุษย์คิดว่า ตนเองยิ่งใหญ่แล้ว หรืออย่างไร
     
  9. บัวบูชา

    บัวบูชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2005
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +313
    การขออนุญาตแต่ละมิติต้องทำอย่างไร กรุณาช่วยตอบด้วยค่ะ ไม่รู้จริงๆ
     
  10. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    มิติ ภาษาหรั่งเค้าว่า di mension
    แต่มิติไทย มาจากคำว่า มะติ
    สมมุติ แปลว่า เสมอ ด้วย มิติ
     
  11. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    รู้เท่าทันจิต แล้วอย่างไร ต่อ
     
  12. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    มาจาดคำว่า metrix ก็น่าจะใช่
    วิชาตรีโกโนมิตรี้ มิตรี้ ก็น่าจะหมายถึง มัติ หรือ มาตรา

    บ้างก็ว่า เอากรดาษมากนึ่งแป่นเอาปากดาจุดลงไป
    เฉพาะจุดนับเป็นหนึ่งมะติ
    จุดมากว่าสองจุดมาผัสสะกัน เป็นมะติที่สอง
    นับ จุดที่สาม หรือจุดที่ไม่ผัสสะ กับสิงมะติแรก
    เป็นมะติที่สาม

    ไม่ยักกะมีมะติที่ ลบหนึ่ง ลบสอง บ้าง
     
  13. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    เนี่ยะผมออกความเห็น เยอะแยะหลายเรสสะปอน
    หนึ่งคน หนึ่งเสียง respect my vote
    ทำไงผมจะหลุดพ้นจากมิตินี้
     
  14. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ในที่สุดก็เข้าใจ "โจโฉ" แล้ว


    ทำไม โจโฉจึงดุร้าย โหดเหี้ยม เพราะถ้าแผ่นดินจีนแตกแยก สงคราม
    จะเกิดยาวนาน คนจะตายเป็นเบือ เป็นล้านๆ ดังนั้น เขาจึงต้องโหดเพื่อ
    ที่จะคุมไม่ให้มีคนอยากเป็นเจ้ามากเกินไป (เหมือนเมืองไทยตอนนี้)


    และเพราะเหตุนี้ "ขงเบ้ง" จึงด่าชีซี ที่แนะนำตนให้กับเล่าปี่ เพราะหาก
    เล่าปี่ได้ตนไป ก็จะเกิดเป็นสามก๊ก และสงครามยาวนานจะตามมาทันที
    และนี่คือ สิ่งที่ขงเบ้งได้อธิบายแก่เล่าปี่ในครั้งแรกที่คุยกัน คือ แผนที่จะ
    อยู่อย่างไรให้ได้สามก๊ก มีสงครามให้น้อยที่สุด (คานอำนาจนั่นเอง)


    เพราะเหตุนี้ บูเช็คเทียนจึงบอกว่านางต้องโหดกว่าโจโฉเพราะอะไร?
     
  15. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    และในที่สุดก็เข้าใจ "เล่าเสี้ยน" แล้ว


    ทำไม เล่าเสี้ยนจึงต้องแสร้งทำเป็นอ่อนแอ ไม่เอาไหน ทำตัวเหลวใหล
    จนบ้านเมืองล่มจม แพ้อย่างง่ายดาย "ด้วยการยอมรับตำแหน่งขุนนาง"
    เล่าเสี้ยนไม่ใ่ช่คนโง่ แต่เป็นคนมีเมตตา ไม่อยากให้คนตายในสงครามที่
    ไม่รู้วันจบ และรู้ว่าการได้เป็นกษัตริย์ของเล่าปี่ ไม่ได้ชอบธรรมจริง ด้วย
    ราชวงศ์เดิมยังไม่ได้ล่มสลายลง (รัชทายาทยังเหลือ) และโจโฉเองก็ไม่
    เคยคิดตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์ ดังนั้น การกระทำของเล่าปี่ก็คือการตั้งตัวเอง
    ขึ้นเป็นราชวงศ์ใหม่ซ้อนราชวงศ์เดิม ซึ่งก็คือ "กบฏ" ดีๆ นี่เอง


    เล่าเสี้ยนไม่ใช่คนโง่ และไม่ใช่คนเหลวไหลเลย แต่เป็นยอดอัจฉริยะ เมื่อ
    มีคนถามว่าเสียใจไหมที่บ้านเมืองล่มจม เขาจึงหัวเราะมีความสุข และไม่มี
    ความเสียใจเลย ซึ่งสิ่งที่เขาทำทั้งหมด ไม่ได้อธิบาย และไม่มีใครเข้าใจ


    มาเรียนรู้ "วิถีของเล่าเสี้ยน" กันบ้างเถอะครับ ...
     
  16. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    และในที่สุดก็เข้าใจ "พระถังซัมจั๋ง" แล้ว


    ทำไม พระถังซัมจั๋ง จึงกล้าเดินทางเท้าเปล่าหมื่นลี้ ผ่านทะเลทรายเพื่อ
    อัญเชิญพระไตรปิฎกมาสู่ประเทศจีน (ในช่วงหลังจากราชวงศ์สุย ซึ่งได้
    รวบอำนาจสามก๊กได้แล้วสิ้นสุดลงในระยะสั้นๆ ราชวงศ์ถังก็ตามมา พระ
    ถังซัมจั๋งคือพระในยุคต้นราชวงศ์ถัง) ทั้งหมดก็เพื่อ "สยบไฟสงคราม" ที่
    ยาวนานมาจากยุคสามก๊ก ไม่ให้เกิดขึ้น ไม่ให้มีขึ้นอีก เพราะมันช่างเป็น
    ประวัติศาสตร์ที่โหดร้าย และไม่มีใครอยากให้เกิดอีกบ่อยๆ ครั้งนัก


    นับเป็นการ "มองการณ์ไกล" และวางรากฐานที่มั่นคงจริงๆ เพราะมีแต่พระ
    ธรรมเท่านั้นที่จะสยบใจคนให้เย็นลง และไม่ก่อสงครามเช่นนั้นขึ้นอีก


    ซึ่งถังไท่จงก็คือเล่าปี่ ส่วนพระถังฯ จะเป็นใครในยุคนั้นก็ไม่ไกลกันหรอกครับ
     
  17. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    รู้เท่าทันจิต แล้ว

    กระทำตนเองผิดในศีล หรืออย่างไร

    รู้เท่าทันจิต แล้ว

    บอกว่ากูรู้แล้ว รู้ยิ่งกว่า เอ็งว่าเสียอีก หรืออย่างไร

    รู้เท่าทันจิต แล้ว

    ฉันแน่แล้ว ฉันเก่งแล้ว ฉัน ไม่ฟังใคร เลย หรืออย่างไร

    รู้เท่าทันจิต แล้ว

    ฉันจะไล่ เจ้าคนที่สาระแน่ มาทำให้ฉัน หัวเสีย หรืออย่างไร

    รู้เท่าทันจิต แล้ว ไง ล่ะ

    อะไร คือ ประเด็น ของการ หลุดพ้น การเป็นอิสระ ล่ะ

    รู้เท่าทันจิต แล้ว อย่างไร ต่อ

    แล้วจะรู้ไปอีก เท่าใด จึงจะ สะอาด ...

    ก็เห็นหลายคน อ้างว่า รู้เท่าทันจิต กันทั้งนั้น

    แล้วก็เอ่ยปาก กูรู้แล้ว ทั้งนั้น .... แล้วไงต่อ ....
     
  18. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    รู้เท่าทันจิต การกระทำ และความคิด หรือ พฤติกรรมยังต่ำทราม อยู่ ?

    รู้เท่าทันจิต การกระทำยังคง ต่ำทราม

    แบบว่า ฉันก็รู้แล้ว ไม่ต้องสอน

    แบบว่า เธอเป็นใคร ไม่ต้องเสือก

    แบบว่า ฉันจะทำ มันเรื่องของฉัน ฉันควบคุมได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ฉัน
    รู้ในตน ว่าเป็นสิ่งดี (โดนหลอกแล้ว)

    แบบว่า เอาเป็นว่าฉันรู้แล้ว ฉันรู้ทุกอย่างที่ฉันคิด ฉันทำ อะไร

    ดังนั้น คุณเธอทั้งหลาย จงออกไปจากกระทู้ของฉัน ฉัน จะอ่าน

    แบบว่า ไม่หัวเหวี่ยง (แบบนี่หรือ ผู้ที่มีสติ )

    แบบนี่ หรือที่เรียกว่า มีสติ

    สัมมาสติ คืออะไร ....

    ต้องไปดูว่า สัมมาสติ ควรเป็นอย่างไร

    ไม่ใช่ว่า ฉันมีสติ ก็ จะเอาสติเป็นตัวตั้ง แบบสุดๆ

    อะไรกัน...... ปฏิบัติแบบนี้

    สติสุดโต่ง ไม่ใช่ทางรอด ดอก .....

    ฉันควบคุมได้ (นี่ก็ เรียกว่า สร้างตัวตน หลงประเด็น หลงวิถีแล้ว)

    เธอไม่ต้องสอนฉัน ฉันรู้มากกว่าเธออีก ( คิดว่าผู้อื่น รู้น้อยกว่าตน เพราะตนเอง มีญาณ อันเลิศแล้ว .... แบบนี่ ก่ เรียกว่า หลงมิติ)

    มีสติแล้ว อย่างไร คิดว่ามีสติ แล้ว เก่งมากแล้วใช่หรือไม่

    --------------------------------------------------

    มีสติแล้ว ไม่ดำรงในศีล หรือ

    มีสติแล้ว บอกว่าฉันควบคุมได้ทุกอย่าง แบบนี้หรือ

    มีสติแล้ว ฉันรอดทุกอย่าง แบบนี้หรือ

    มีสติ แล้วต้องรู้ว่า ดำรงอยู่ในศีล

    ยังมีคำถามให้คิด อีก การจะดำรงอยู่ในศีล หรือรักษา ศีล ต้องทำอย่างไร

    (เหล่าตะแบงก่ จะบอกว่า) ออ ฉันต้องมีสติสิ จึงจะรักษา ศีล ได้

    ไม่ต้องวนกลับไปที่เดิมเลย.....

    ที่เขียนมา เขียนเพือยกตัวอย่างของ การหาจุดผิดพลาดของคำสอน

    ที่ออก นอกมิติ ออกนอกจากตำรา

    (เป็นเพียงตัวอย่าง....)
     
  19. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    มาบอกว่า ฉันมีสติ ฉันควบคุมได้......ฉันไม่เชื่อ

    สติ ไม่ใช่ทางรอด ดอก จะบอกให้

    สัมมาสติ เป็นแบบใด ล่ะ ... .ใครตอบได้

    สัมมาสติ แบบว่า ฉันไม่ฟังใคร แบบนี่เรียกว่า สัมมาสติ บ่

    -------------------------------------------------

    เพราะ สติ กับ ศีล ไม่เกี่ยวข้องกัน

    จะสะอาด หรือ ไม่สะอาด มันเกี่ยวกับ ศีล

    จะรอด หรือ ไม่รอด มันเกี่ยวกับ ศีล

    คนไม่มีศีล ไม่มีทางรอด เลยแม้น ศีลขาด ศีลรั่ว

    จึงไม่มีทางที่สะอาด

    ...... ลองคิดดู เอาเอง เด้อ (เหล่า อหังการหลงมิติ)
     
  20. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    จะยกตัวอย่าง ....

    มีผู้ช่างคนหนึ่ง บอกให้หญิงที่ตนเองทำให้ท้อง บอกให้ไป ทำแท้งเสีย

    แบบนี้ เรียกว่า ผิดในศีล

    แม้ว่า ผู้ชายตนนั้น ไม่ได้แสดงการกระทำ เพียงแค่คิดและนำเสนอ

    กระทำให้ เด็กหรือจิตวิญญาณในท้อง ไม่สามารถเกิดขึ้นมาเพื่อการพัฒนาตนเอง

    กระทำให้ หญิงที่ตนเองมีสัมพันธ์ เจ็บช้ำใจ และ เจ็บกาย มีตราบาป ในตัวเอง

    แบบนี้เรียกว่า ผิดศีล เต็มเรื่องที่เกี่ยวกับการคิดที่แสดงออกทางปาก

    แล้วแบบว่า ฉันจะไม่ฟังใครแสดงธรรม เพราะฉันอยากที่จะฟัง อยากจะอ่านที่ฉัน

    ชอบ ในกระทู้บ้างกระทู้ที่ฉันชอบ (หลงมิติ) พวกกาก ทั้งหลายจงออกไป

    นอกกระทู้ของ (ที่ฉันชอบ)

    แสดงออกมาให้นี่ เรียกว่าคนมี ศีล หรือเปล่า

    ทั้งๆ ที่ ผู้มาเตือน มีวัตถุประสงค์ ดีงามหรือไม่

    หากผู้มาเตือนมีวัตถุประสงค์ดีงาม แต่เหล่าที่ขับไล่

    มีวัตถุประสงค์หรือคิดไม่ดี ความเป็นขั้ว ย่อมแตกต่างกัน

    คนหนึ่ง บวก อีกตนหนึ่ง ลบ ระดับ ย่อมห่างชั้นกัน

    ดังนั้น แม้นว่าจะลบ น้อย (เทียบที่ ศูนย์ หรือดูแล้วไม่ผิดมาก)

    แต่เมื่อนำมาเทียบกับกระแสบวกของผู้มาเตือน จะผิดยิ่งกว่า

    การกระทำในตนเอง ไม่กระทบ ใคร

    ทำไม เพราะ ว่า ผู้มาเตือน มีความบริสุทธิ์ มากกว่า

    ดังนั้น การกระทำใด ๆ พึ่งต้องระวัง เมื่อมี กัลยาณมิตร มาเตือน

    หากผู้มาเตือน เป็น ผู้ที่มหาบริสุทธิ์ ระวังความซวย จะมาเยือน

    ผู้ที่มีกระแสลบ และออกไปปะทะ ดูถูกดูแคลน กัลยาณมิตร
     

แชร์หน้านี้

Loading...