ขอความกระจ้างด้านศีลด้วยครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย แก้วพุทธศาสน์, 24 พฤศจิกายน 2004.

  1. แก้วพุทธศาสน์

    แก้วพุทธศาสน์ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    กรุณาให้ความกระจ่างด้วยครับว่าแต่ละข้อนั้นผิดศีล(เหมาะสม)หรือไม่ ถ้าไม่ผิดนั้นเป็นเพราะอะไร แต่ถ้าผิด ผิดเพราะอะไร แล้วเราควรแก้ไขอย่างไรถึงจะถูกต้อง ขอบคุณล่วงหน้าครับ

    1. ถ้าเกิดเรารับปากบุคคลอื่นแล้ว เราไม่สามารถทำให้เขาได้นั้น หรือทำแล้วไม่สำเร็จอย่างนี้จัดว่าเป็นการพูดโกหกหรือไม่
    2. ถ้าเกิดเราเคยสั__าสิ่งใดไว้เป็นมั่นเหมาะในอดีต แต่ต่อหลายปีมากๆ เราเกิดลืมสั__านั้นไป ทำให้ไม่ได้ทำตามสั__าที่พูดไว้ อย่างนี้เป็นการโกหกหรือไม่
    3. ถ้าเกิดเราบอกไม่หมดจัดว่าเป็นการโกหกหรือไม่ เช่น ลูกไปเที่ยวกับแฟน โดยใช้การไปตลาดเพื่อบังหน้า พอถึงพ่อ-แม่ถามก็บอกว่าไปตลาด แต่ไม่ได้บอกไปเที่ยวกับแฟน เป็นต้น
    4. ถ้าเราวิภาควิจารย์ผู้อื่นในแง่ดี และไม่ดีของเขาในที่ประชุม ทั้งที่บุคคลนั้นไม่ได้รับรู้ด้วย จัดว่าเป็นการพูดสอดเสียดหรือไม่
    5. ถ้าเคยหยิบสิ่งชองจากเจ้าของโดยขออนุ_าตแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งต่อมาต้องการหยิบสิ่งของนั้นอีก แต่ไม่ได้ขออนุ_าตเจ้าของเพราะเขาไม่อยู่โต๊ะหรือคิดว่าเจ้าของนั้นต้องอนุ_าตแน่ๆ อยู่แล้ว อย่างนี้จัดว่าเป็นการลักขโมยหรือไม่
    6. ถ้าเกิดประเทศหนึ่งมีวัฒนธรรมที่นิยมให้ผู้ห_ิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันแล้วมีอะไรกันก่อนแต่งได้ โดยที่พ่อ-แม่ผู้ปกครองไม่จำเป็นต้องรู้ อย่างนี้จัดว่าห_ิง-ชายคู่นั้นผิดศีลข้อกาเมฯ หรือไม่
    7. ถ้าเกิดประเทศหนึ่งมีวัฒนธรรมที่นิยมให้ภรรยาและบุตรสาวไปร่วมหลับนอนกับผู้เป็นแขกที่มาเยือน อย่างนี้จัดว่ามีใครหรือไม่ในบุคคลเหล่านั้นที่ผิดศีลข้อกาเมฯ
    8. ถ้าเกิดผู้ห_ิงที่ได้รับการอนุ_าตและยินยอมจากพ่อ-แม่ผู้ปกครองให้สามารถขายบริการทางเพศได้ แล้วผู้ห_ิงคนหนึ่งได้ขายบริการกับผู้ชายหลายๆ คน อย่างนี้จัดว่าผู้ห_ิง และ/หรือผู้ชายจะผิดศีลข้อกาเมฯ หรือไม่
    9. ถ้าเกิดคนที่ดื่มสุรา หรือพวกของมึนเมาโดยเพียงนิดหน่อย ไม่ถึงกับเมาหรือขาดสติ ใช้ในการเข้าสังคม อย่างนี้จัดว่าเขาผู้นั้นผิดศีลข้อสุราฯ หรือไม่
    10. ถ้าศีลข้อสุราฯ นั้นแปลมาได้รวมถึงของมึนเมาเข้าไว้ด้วย ดังนั้นถามว่าผู้ที่เป็นภิกษุที่ดูดบุหรี่นี้ผิดศีลข้อนี้ด้วยใช่หรือไม่
     
  2. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +1,936
    ขอตอบในมุมมองความเห็นส่วนตัวน่ะครับ จากประสบกาณ์ของผมเอง


    องค์ประกอบของศีลข้อ "มุสา" มี 4 ตัวครับ ถ้าผมจำไม่ผิดน่ะคับคือ เพ้อเจ้อ / ส่อเสียด / โกหก / นินทา

    ข้อ 1-2 ผมไม่รู้ว่าจะจัดเข้าหัวข้อ เพ้อเจ้อได้ไหม แต่ถือว่ามีกรรม แน่นอนครับ
    เพราะ เราไปรับปากใครไว้ เขาย่อมคาดหวัง ที่จะให้เราทำตามสั__า
    ถ้าเราลืมไป แต่เค้ายังจำได้ ก็ยังเป็นความทุกข์ทรมานในใจเค้าอยู่ แม้เราจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แบบนี้ผมถือว่าเราประมาทเกินไปครับ

    พระพุทธเจ้าก็บอกแล้วครับว่าสิ่งทั้งหลาย "ไม่เที่ยง" ,"อย่าประมาท"
    อย่างถ้าผมมีโครงการจะไปวัดในวันหยุด ถึงผมคิดว่าจะไปแน่นอน หรือ ไปสั__ากับใครว่าจะไปแน่นอน แต่ผมจะพูดในลักษณะที่ว่า ถ้าวันนั้น ไม่มีอะไรผิดพลาด รับรองไปแน่นอนครับ เพราะถ้าเราไปสั__ากับใครไว้แล้วทำไม่ได้มันไม่ดีครับ

    3. การพูดโกหก ถือเป็นบาปทั้งหมดน่ะครับ แต่การพูดโกหก บางประเภท บาป แต่ไม่มีกรรม ผมไม่ขอยกตัวอย่างในที่นี้น่ะครับ แต่อย่างกรณีตัวอย่างของคุณ ลูกไปเที่ยวกับแฟน แล้วโกหกพ่อแม่ ว่าไปตลาด หรือ น้องเค้าอาจจะไปตลาดจริงๆ แต่บอกไม่หมดว่าไปเที่ยวกับแฟนด้วย ก็ถือว่าบาปครับ เพราะถือว่า โกหกแล้วทำให้คนอื่นเสียประโยชน์ คือ ทำให้พ่อแม่เป็นห่วงและรอคอยเกินความสมควร

    4. ศีลทุกข้อ ดูกันที่"เจตนา"ก่อนเลยครับ การที่เราพูด ข้อดี ข้อเสียคนอื่น เราพูดด้วยจิตใจที่อยากช่วยเหลือเค้า,บริษัทหรือเปล่าละ ครับ ถ้าพูดด้วยจิตใจที่มีโทสะ ต้องการให้สังคมรับรู้ความไม่ดีของเค้าเพื่อสนองอารมณ์โทสะของเรา โดยใช้ที่ประชุมเป็นเครื่องมือก็บาปกรรม ครับ

    5. เราต้องคิดด้วยนะครับ ว่า ทำความเดือดร้อนให้เค้าไหม ถ้าของไม่คอยมีค่า และหาได้ทั่วๆไป นิดหน่อย ก็คงไม่เป็นไรครับ ถ้าเป็นของทีหายาก ของรักของหวง หรือของที่เราคิดว่าเค้าไม่อนุญาติ แน่นอน แต่เราก็ฝืนไปหยิบ ผมว่า บาปครับ

    ข้อ 6-7-8 ไม่ขอตอบครับ เพราะเกินความสามารถ และไม่เคยมีประสบการณื กับเรื่องพวกนี้แต่ความเห็นส่วนตัวผม ถือเป็นเรื่องไม่ดี บาปหรือเปล่าไม่รู้ แต่มี "อกุศลกรรม' ติดไปแน่นอน

    9 ศีลข้อ "สุรา" รายละเอียดมีระบุไว้ครับ ว่าทานได้นิดเดียว หมายถึง นิดเดียวจริงๆ ผมจำคำศัพท์ภาษาบาลี ไมได้ ประมาณว่าไม่เกิน 1 จิบเดียว เพื่อใช้เป็นคิลานะเภสัช ยาแก้กระสัย ครับ

    10.เป้าหมายของศีลข้อนี้ คือ ความมีสติ น่ะครับ พวกการดูด สูด ยานัตถุ์ ยาเส้น บุหรี่ ไม่ผิดศีลข้อนี้ครับ แต่ฆราวาส คือชาวโลก เห็นว่าเป็น โลกะวัชระ คือ เป็นพฤติกรรม ที่ดูไม่เหมาะ ไม่ควร เช่นเดียวกับ กรณี พระสงฆ์เดินห้างสรรพสินค้า ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2004
  3. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,862
    ค่าพลัง:
    +1,818
    ในแง่สังคมของมนุษย์ การที่เขาจะคิดว่าคุณหรือคุณจะคิดว่าผิดศีลหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ความรู้ความเข้าใจ ในจารีตวัฒนธรรมประเพณี ของแต่ละสังคม ของแต่ละประเทศ
    ข้อศีล เป็นเหมือนอย่างข้อกฎหมาย ที่หมายเอาเจตนาเป็นที่ตั้ง ไม่มีเจตนาไม่ถือว่าขาดศีล แต่ความคิดของคนที่คุณไปกระทำย่อมห้ามเขาไม่ได้ที่เขาจะคิดอย่างไรก็ได้ ตามแต่ประสบการณ์ความรู้และการได้รับการขัดเกลาทางสังคมสิ่งแวดล้อมจารีตวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละบุคคล
     
  4. wit

    wit บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    1.-2.-3. การจะผิดศีลข้อพูดโกหกคือต้องดูที่เจตนาครับ ถ้ามีเจตนาให้ผู้อื่นเข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงแล้วก็ถือว่าผิดครับ บางทีเราได้ยินคนอื่นพูดเรื่องๆหนึ่งมาแล้วเรารู้ว่ามันไม่จริง แต่เราก็นิ่งเฉยแถมในใจก็มีเจตนาที่ต้องการให้ผู้ที่ฟังคนนั้นพูดเข้าใจเรื่องราวผิดๆไป กรณีนี้แม้เราจะนิ่งไม่ได้พูดอะไรแต่เจตนาเราคิดไว้อย่างนั้นก็ถือว่าผิดศีลข้อนี้แล้วล่ะครับ อย่างกรณีข้อ1และ2 ไม่ผิดศีลข้อโกหกครับเพราะเจตนาไม่ได้ต้องการให้คนอื่นเข้าใจผิด เพียงแต่เสียสัจจะครับ(สัจจะบารมี)
    4.การพูดส่อเสียดก็ต้องดูที่เจตนาเช่นกันถ้ามีเจตนาเพื่อให้ผู้อื่นทะเลาะหรือเกิดความแตกแยกกันก็ผิดครับ ถ้ากรณีอย่างข้อ 4 ก็ต้องดูว่าเจตนาเป็นเช่นไรถ้ามีเมตตาหวังดีก็อาจจะไม่ผิด แม้ว่าคนฟังไปแล้วอาจจะไปคิดเอาเองแล้วเกิดการทะเลาะกันขึ้น กรรมก็จะเป็นของคนที่ฟังแล้วเอาไปปรุงแต่งกันเอง แต่ผู้พูดไม่บาปครับ
    5.อย่างนี้ถือว่าเป็นการถือวิสาสะครับ แม้แต่ในพระวินัยของพระบางข้อก็ยังมีการงดเว้นอาบัติลักษณะนี้เอาไว้เหมือนกันครับ แต่การถือวิสาสะบ่อยๆก็ไม่ดีเพราะอาจติดเป็นนิสัยได้ครับ
    6.ศีลข้อนี้คือผิดลูกผิดเมียผู้อื่นคือไปผิดลูกผิดเมียผู้ที่มีผู้ปกครองดูแลอยู่โดยผู้ปกครองนั้นยังไม่ได้อนุ_าต อาจเป็นพ่อแม่พี่น้องหรือ_าติ หรือใครก็ได้ที่เป็นผู้ปกครอง ข้อนี้นอกจากว่าทั้ง 2 คนต่างก็มีพร้อมทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิที่โตพอที่จะเป็นผู้ปกครองตนเองได้แล้วจึงจะไม่ผิดครับ
    7.-8.ถ้าฝ่ายชายมีภรรยาแล้วก็ผิดก่อนเลยครับ ส่วนพ่อแม่ที่อนุ_าตนั้นเพราะมีโมหะในจิตจึงเห็นผิดเป็นชอบ จึงไม่นับว่าเป็นผู้ปกครองที่ดี การอนุ_าตลักษณะนี้ถือว่าเป็นโมฆะ ต้องให้ผู้ที่เป็นผู้ปกครองที่ดีที่ทรงธรรมมีความเห็นที่ถูกต้องอนุ_าตให้เหตุที่ชอบด้วยธรรมแล้วจึงจะไม่ถือว่าผิดครับ ส่วนลูกนั้นอยู่ที่เจตนาถ้าทำไปเพราะความกตั__ูแต่จริงๆแล้วเจตนาไม่ต้องการจะทำก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเจตนาก็น้อมไปด้วยมีความเห็นที่ผิดด้วยก็ต้องผิดเหมือนกันครับ ดังนั้นถ้าพ่อแม่ของฝ่ายห_ิงอนุ_าตด้วยโมหะจิตแล้ว(ถ้ากรณีนี้ก็ถือว่าไม่เหมาะจะเป็นผู้ปกครองที่ดีไม่จำเป็นต้องทำตามก็ได้ไม่ถือว่าอกตั__ูครับ)ถึงฝ่ายชายยังไม่มีภรรยา ก็น่าจะเข้าใจได้ด้วยปั__าว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะผิดศีลผิดธรรม ดังนั้นถ้าทำลงไปก็ถือว่าเป็นจิตที่ประกอบด้วยโมหะด้วย ก็ต้องผิดศีลเช่นกันครับ
    ปล.พ่อแม่ที่ทำเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นผู้ปกครองที่ดีก็จริง แต่บุตรก็ต้องมีความกตั__ูแต่ก็ต้องกตั__ูในทางที่ถูกด้วยสติปั__าครับ ถ้ามีปั__ามีความเห็นชอบและมีเจตนาที่ดีแม้ไม่ทำตามในบางเรื่องก็ไม่ถือว่าเป็นการอกตั__ูครับ และใช้หลักกาลามสูตรได้ครับแม้เป็นวัฒนธรรมแต่ถ้าพิจารณาดูแล้ว ไม่เป็นธรรมไม่ก่อให้เกิดกุศลก็ไม่ควรที่จะทำตามครับ
    9.อยู่ที่เจตนาครับศีลข้อนี้มีเพราะไม่ต้องการให้เสพของมึนเมาจนขาดสติไป การเข้าสังคมไม่จำเป็นต้องดื่มสุราก็ได้ การที่คิดว่าเข้าสังคมแล้วต้องดื่มสุราก็เป็นความคิดที่ขาดสติกำกับแล้วล่ะครับ
    10.อยู่ที่คุณธรรมและเจตนาของผู้สูบครับ(ซึ่งอันนี้คนทั่วไปทราบได้ยาก) ว่าจิตท่านคิดว่าบุหรี่เป็นอะไร อย่างเรื่องสุราถ้าบางท่านดื่มสุราแต่จิตนึกว่าเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ แล้วในความรู้สึกของท่านมันก็เป็นสิ่งนั้นจริงๆและดื่มแล้วก็ไม่เมามายไม่ขาดสติ อย่างนี้อาจจะเป็นกรณีพิเศษที่ถูกยกเว้นก็ได้ครับดังเช่นพระจี้กงเป็นตัวอย่าง แต่จริงๆแล้วตอนแรกๆพระวินัยยังไม่มีข้อที่ห้ามไม่ให้ดื่มสุรานะครับ แต่ที่ห้ามครั้งแรกเพราะพระสาคตะผู้มีฤทธิ์ท่านปราบพ_านาคมิจฉาทิฎฐิได้ เลยฉลองศรัทธาชาวบ้านที่นำสุรามาถวายท่าน ท่านขัดศรัทธาไม่ได้ก็เลยดื่มทุกบ้านจนเมามายไม่ได้สติ แม้ในขณะที่เข้าเฝ้าอยู่ต่อหน้าพระพุทธองค์ทำให้เกิดธรรมสังเวช ให้เห็นโทษของสุราว่าแม้พระสาคตะที่มีฤทธิ์มาก(ขณะนั้นยังไม่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ครับ) จนปราบพ_านาคที่เป็นมิจฉาทิฎฐิได้ยังเมามายขาดสติเพราะสุรา ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงบั__ัติพระวินัยข้อนี้ขึ้นมาครับ

    ผมตอบตามกำลังความรู้ความเข้าใจของตนที่ได้ศึกษามานะครับ ถ้าท่านผู้รู้คนใดมีสิ่งใดจะแนะนำเพิ่มเติม หรือขัดเกลาแก้ไขในสิ่งที่เห็นว่าไม่ถูกต้องแล้วก็จะเป็นอานิสงส์บารมีครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...