ขอความช่วยเหลือพี่ๆที่รู้จริงนะครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ลูกคนกลาง, 16 ตุลาคม 2011.

  1. ลูกคนกลาง

    ลูกคนกลาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +22
    ผมอยากทราบว่าต้องทำอย่างไรถึงจะได้ฌาน4และต้องทำอย่างไรเตรียมตัวอย่างไรบ้างต้องฝึกอย่างไหนก่อนครับ
     
  2. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    แล้วแต่วาระของคนอ่าครับ ผมเห็นบ้างคนฝึกเดี๋ยวเดียวก็ได้ฌาณสี่เลย แต่บ้างคนก็ฝึกแล้วไม่ได้ทันทีต้องอาศัยความชิดอาศัยอิทธิบาทสี่ก็ได้ บ้างคนก็ยังไม่ได้ก็มี

    ว่าแต่จาเอากรรมฐานกองไหนอ่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  3. Heaven alphabet

    Heaven alphabet สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +0
    ทำไปเรื่อยๆจนบารมีเข้าขั้นอ่ะจ้ะ! ถ้ามีของเก่ามาแต่ชาติปางก่อนก็จะง่าย ถ้าทำชาตินี้เป็นชาติแรกก็ยากหน่อยค่ะ
     
  4. wonderfulman

    wonderfulman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2011
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +308
    ลองฝึกแบบอานาปาดูครับ....


    อานาปานุสสติกรรมฐาน ถึง ฌาน ๔
    ________________________________________
    อาณาปานุสสติกรรมฐาน
    ตามแบบนักปฏิบัติ โบราณจารย์ท่านว่า มีเพียง กรรมฐาน ๑๒ กองเท่านั้นที่สามารถเข้าถึง ฌาน ๔ ดังนี้คือ กสิณ ๑๐ / อาณาปานุสสติ ๑ / อุเบกขาในพรหมวิหารธรรม ๑
    สำหรับ อานาปานุสสติ เป็นกรรมฐานสำคัญที่จะไปเชื่อมกับกรรมฐานทุกกองหากสามารถปฏิบัติ สมาธิกองนี้ไปถึงขั้น ฌานได้แล้ว สมาธิกองอื่นๆก็มิได้ยากเลย
    ก่อนอื่น พึงฝึกให้เป็นผู้มีสติ อยู่ตลอดวันให้ได้ ให้ระลึกรู้อยู่กับปัจจุบันในวงกายตนนี้เท่านั้น ความรู้สึกนึกคิดอยู่กับปัจจุบัน ที่นี่ เดี๋ยวนี้ โดยให้มีสติอยู่กับบทตั้ง ในที่นี้ให้ใช้ลมหายใจ เข้า ออกเป็นบทตั้ง แล้วหากจำเป็นต้องทำอย่างอื่น สิ่งอื่นก็ทำไปด้วยความมีสติ แล้วเมื่อทำเสร็จก็ให้กลับเข้ามาที่ฐานที่ตั้งสติเช่นเดิม ตลอดทั้งวัน ทั้งคืน ...ยืน เดิน นั่ง นอน

    ๑. เมื่อจะเข้าสมาธิให้กำหนดจุดตำแหน่งที่ลมกระทบเพียงจุดเดียว และจดจ่อลงไปในจุดตำแหน่งนั้นๆ เช่น ที่ช่องโพรงจมูก ที่คอหอย ที่หน้าอก หรือท้องเหนือสะดือ ๓ นิ้ว หรือท้องน้อยใต้สะดือ ๒ นิ้ว เมื่อลมกระทบก็จดจ่อตำแหน่งที่กำหนดเป็นบทตั้งนี้เป็นสำคัญ เมื่อกำหนดบทตั้งได้แล้ว ให้ตามระลึกรู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก สิ่งสำคัญคือดูลมหายใจ แต่อย่าเข้าไปเป็นลมหายใจเสียเอง เช่น อย่าไปบังคับว่ามันต้องแรง เบา ยาว หรือสั้น

    ๒. เมื่อจดจ่อ ต่อเนื่องแบบไม่ลดละ จิตจะรวมไปยังจุด ตำแหน่งที่เรากำหนดเป็นบทตั้งนั้น แล้วอาการของปีติ จะแสดงออกทางกายให้ทราบ ( บางคนอาจเกิดมาก บางคนอาจเกิดน้อย บางคนอาจไม่เกิดเลย เนื่องจาก จิตเร็วต่างกัน ) ขั้นนี้ มีทั้งความสว่าง และภาพนิมิตปรากฏ และมากขึ้น แล้วก็มากขึ้น หากไปหลงตามดู ไม่นานก็หลุดจากสมาธิ เพราะฉะนั้นหากต้องการไปต่อต้องอยู่กับบทตั้งเดิม

    ๓. เมื่อผู้ปฏิบัติไม่สนใจตามดูภาพนิมิต จิตจะสงบรวมลงละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ ความสว่างโพลงจะสว่างมากขึ้น ( มันไม่มืดแม้จะยังหลับตาอยู่ ) ขณะนี้ให้ผู้ปฏิบัติใช้ความรู้สึกนึกคิดบีบความสว่างนั้นให้เป็นดวงกลมๆ

    ๔. เมื่อได้ดวงสว่างกลมนั้น ให้นำมาวางในจุดตำแหน่งที่กำหนดเป็นบทตั้งตั้งแต่ตอนเริ่มแรก แล้วให้จดจ่อต่อไป กับดวงสว่างนั้น อาการที่แสดงออกทางการในช่วงนี้ ผู้ปฏิบัติจะรู้สึกว่ามีความสุขอย่างบอกไม่ถูกมันอิ่มเอิบมาก ความนิ่งสงบจะมั่นคงมาก

    ๕. เมื่อจิตละเอียดมากขึ้น ดวงสว่างนั้นจะเข้มเข้าๆ จนเหมือนแก้ว แต่ยังมีความขุ่นมัวอยู่ หากเพียรไม่ลดละ มันจะเริ่มเหลือแต่ความสุขที่มากล้น ท่วมท้น และความนิ่งสงบอยู่

    ๖. เมื่อจิตละเอียดสงบมากถึงขีดสุด ดวงสว่างที่ถูกกำหนดในจุดตำแหน่งนี้จะเป็นแก้วใสๆ หรือเราเรียกว่าแก้วประกายพฤษภ ซึ่งถือว่าเป็นขั้น ฌาน ๔แล้ว อาการที่แสดงออกทางกายท่านจะไม่รับทราบแล้ว เหมือนกับร่างกายมันหายไป หูจะดังวิ้งๆคล้ายดำน้ำลึก ( หรืออาจไม่ได้ยินก็ได้ - สำหรับบางท่าน ) เงียบสงบ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่มีวัน ไม่มีคืน แน่วแน่อยู่อย่างนั้น เนื่องจากจิตแยกออกจากกายเรียบร้อย

    ๗. หากแม้นท่านใดสามารถปฏิบัติสมาธิได้ถึงขั้นนี้แล้ว ควรฝึกเข้าออกให้บ่อย โดยพยายามจำวิธีการ ช่องทางที่เข้าไปถึงฌานขั้นนี้ให้ได้ แต่อย่าไปจำผลที่เกิดขึ้นแต่ครั้งก่อนว่าผลเป็นอย่างไร ขั้นนั้นเป็นแบบนั้น ขั้นนี้เป็นแบบนี้ ให้จำเพียงวิธี รูปแบบเท่านั้น ผลจะเป็นเช่นไรห้ามไปคาด ไปหมาย แล้วท่านจะสามารถเข้าฌาน ได้ตามประสงค์

    ๘. หากต้องการไปต่อ กสิณ ๑๐ ก็มิใช่เรื่องยาก สำหรับท่านที่ชำนาญใน อาณาปานุสสติกรรมฐานจนได้ ฌาน แล้ว คือเมื่อต้องการฝึกกสิณก็มาจับลมหายใจก่อน แล้วค่อยเรียกภาพนิมิตกสิณขึ้นมา หากจำไม่ได้ก็ลืมตาดู แต่เชื่อเถอะว่า หากท่านคล่องในอาณาปานุสสติกรรมฐาน พอเรียกภาพนิมิตกสิณ ภาพนิมิตกสิณจะปรากฏได้ไม่ยาก เหมือนลืมตาดูฉันใดก็ฉันนั้น แล้วก็ฝึกตามแบบฝึกกสิณต่อไป

    ขอให้เจริญในธรรม แล้วใช้กำลังแห่ง ฌาน ในการทำลายกิเลสออกจากจิตตน
     
  5. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ย่อจากเจตนาสูตร

    ผู้มีศีลย่อมไม่มีความเดือดเนื้อร้อนใจเป็นธรรมดา
    ผู้ไม่มีความเดือดเนื้อร้อนใจย่อมปราโมทย์ใจเป็นธรรมดา
    ผู้ปราโมทย์ใจย่อมได้ปิติเป็นธรรมดา
    ผู้มีปิติย่อมมีกายสงบระงับ(ความกระวนกระวาย)
    ผู้มีกายสงบระงับย่อมได้ความสุข(จากความสงบ)เป็นธรรมดา
    ผู้มีสุขย่อมมีจิตตั้งมั่น(บรรลุณาน)เป็นธรรมดา
    ผู้มีจิตตั้งมั่นย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริง(คือเห็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา)เป็นธรรมดา
    ผู้รู้เห็นตามความเป็นจริงย่อมเบื่อหน่าย(คือสามารถเบื่อหน่ายได้แม้ในทิพยสมบัติ ที่สัตว์ทั้งปวงกำหนัดแล้ว)เป็นธรรมดา
    ผู้เบื่อหน่ายแล้วย่อมคลายกำหนัดลุ่มหลงเป็นธรรมดา
    ผู้คลายกำหนัดลุ่มหลงแล้วย่อมหลุดพ้นเป็นธรรมดา

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 ตุลาคม 2011
  6. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    สงัดจากกาม(ความอยากความต้องการทั้งหลาย เช่นอยากใ้ห้สงบ ต้องการให้จิตรวม)
    และ อกุศลทั้งหลาย(มีนิวรณ์5 เป็นต้น) ก็จะได้ตามลำดับครับ ขอให้นิวรณ์ 5 ลดกำลังลงก่อนดีไหม
     
  7. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    เจริญสติ จับลมหายใจ เข้าออก

    ถ้าสติดีเขาก็เข้าได้ง่าย ๆ แต่ต้องมีศีลด้วยค่ะ เพราะไม่งั้นมันก็ไม่สงบ
     
  8. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,962
    ค่าพลัง:
    +356
    ละ ความอยากที่จะได้ ก็ ได้มาเเล้วครึ่งนึง
     
  9. tOR_automotive

    tOR_automotive เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    582
    ค่าพลัง:
    +184
    1.ต้องศึกษาพระกรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นสมถะไว้ และก็จำไว้ให้ดีก่อน
    2.เริ่มปฏิบัติ ต้องสำรวม กาย วาจา ใจ ท่านใช้อุบายอย่างนี้
    สำรวมกาย > ใช้ศึล 5 หรือ 8 เป็นต้น จะช่วยสำรวมกายกับวาจา
    สำรวมใจ > ก็วางอารมณ์ต่าง ๆ ในใจไว้ที่พระกรรมฐาน
    หากพอสมควรแล้ว จะไ้ด้อินทรีย์ 5 ที่มีกำลังมากขึ้น มากน้อยแล้วแต่ โดยจะช่วยให้เราถึงจุดที่เป็น ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ ตามลำดับ
    3.เมื่อได้อัปปนาสมาธิแล้ว ให้จำอารมณ์ต่าง ๆ ไว้ แล้วแยกแยะว่านี้ จิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกทัตตา
    4.จากนั้นทำให้คล่องแคล่วชำนาญ เรียก วสี 5 ประการ

    โชคดีนะครับ
     
  10. goodjob2u

    goodjob2u เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    757
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,545
    ลองเอาไฟล์หนังสือ ไปอ่านดูครับ เป็นการบอกขั้นการฝึกฌานและการฝึกภาวนาในแต่ละลำดับขั้นครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. กิดากร

    กิดากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +1,039
    วิธีที่ง่ายที่สุด ไปฟังหลวงพ่อฤาษีเทศน์ในเทปหมวดกรรมฐานครับ ฟังมันทั้งหมดแหละเสียเวลาไม่นาน แล้วเลือกกรรมฐานที่เราคิดว่าถูกใจที่สุด ฟังในเว็บนี้ก็ได้ บุคคลที่จะได้ญาณ 4 คือคนที่มีอิทธิบาท 4 ครบ บุคคลที่ไม่ได้ญาณ 4 คือ อาภัพบุคคล (อิทธิบาท 4 ไม่ครบ) ลองฟังดู ลองทำ แล้วลองมองตัวเองว่าเป็นบุคคลประเภทใด จะได้ช้าได้เร็วอยู่ที่ใจของคุณ

    คนรู้จริงเทศน์ไว้ครบถ้วนหมดแล้ว
     
  12. หวันเที่ยง

    หวันเที่ยง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +7
    ผ่านไปแล้ว หันกลับมาบอก แค่กลางทาง ต้นทางปลายทาง คนข้างหลังยังไม่รู้
    จะไปยังไงล่ะจ้ะ
    เอ๋ หรือว่าท่านที่ถามจะอยู่ครึ่งทาง เพราะรู้จักศัพท์ ฌาน4 แล้ว
    เอ๋ หรือว่า
    เดายากจัง
    ไม่บอกกันก่อน ว่าท่านผู้ถามน่ะ มีที่ไปที่มายังไงบ้าง
    คุณๆเขาจะได้ช่วยกันแนะนำได้ถูกตรงยิ่งขึ้นครับ
    อนุโมทนาในกุศลจิต ครับผม
     

แชร์หน้านี้

Loading...