ขอคำแนะนำเรื่องการเปลี่ยนจิตใจให้เป็นคนมีเมตตา ใจเย็น ไม่อิจฉา

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย MALIJAIDEE, 17 พฤษภาคม 2012.

  1. MALIJAIDEE

    MALIJAIDEE สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +24
    ตามหัวข้อเลยค่ะ เพราะรู้ตัวว่าเป็นคนเย็นชา ไม่ค่อยเห็นใจใคร ไม่มีความสุข
    จิตใจไม่สงบ ขอแบบสั้นๆ ง่ายๆ ค่ะ
     
  2. happyness

    happyness เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +163
    ต้องลองเปลี่ยนมุมมอง วิธีคิด
    การจะเปลี่ยนมุมมอง วิธีคิดได้ ต้องมีเมตตราให้มากๆ ในเรื่องนี้ ลองเปลี่ยนไปคิดในทางตรงข้ามกับที่คุณเป็นอยู่ปัจจุบัน แรกๆอาจจะเฝื่อน ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน

    และขั้นสูงคือ หัดลองสังเหตุใจ สังเหตุอารมณ์ตนเองบ่อยๆ ทำบ่อยๆ มันจะเห็นความเปลี่ยนแปลง อิจฉาก็ไม่ทน ใจร้อนก็ไม่นาน แค้นก็ไม่คง มันเกิดขึ้น แล้วก็หายไป สังเหตุบ่อยๆ จนใจมันคุ้นเคย ไม่นานมันจะเกิดปัญญาเอง

    สู้ๆ
     
  3. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ไม่มีวิธีสั้นๆ ง่ายๆ หรอกครับ เพราะมันฝังเป็นสัญญาในสมองไปแล้ว

    ถ้าอยากจะรู้วิธีแบบยากๆ ยาวๆ จะบอกเพิ่มเติมให้อีกทีครับ
     
  4. MALIJAIDEE

    MALIJAIDEE สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +24
    แบบยากๆ หรือแบบไหน ก็ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  5. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    ใช้ความรู้สึกให้มากขึ้น ใช้ความคิดให้น้อยลง ลองสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัวให้มาก
    ขึ้น สังเกตโดยไม่ให้ความคิดมาเกี่ยวข้องด้วย รู้สึกตัวให้มากขึ้น รู้สึกถึงสิ่งที่ตา
    เห็น เสียงที่ได้เย็น ลมที่สัมผัสตัวเรา หายใจให้ลึกและผ่อนคลายแล้วดูว่ามัน
    รู้สึกเป็นสุขแค่ไหน คุณรู้สึกดีแค่ไหนเวลาเห็นเด็กเล็กๆ เล่นกัน คุณเคยสัมผัสมือ
    ของเด็กเล็กๆ ไหมมันช่างมีรักมากมายส่งออกมา ลองสังเกตต้นไม้ดูสิมันไม่ได้มี
    สีเขียวเพียงสีเดียว ถ้าคุณใช้ความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ คุณจะใช้ความคิดน้อยลง
    และคุณจะสามารถเข้าถึงความรู้สึกของคนอื่นได้
     
  6. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    อยากเปลี่ยนคนอื่นให้เป็นยังไง ขอให้คุณเปลี่นตัวเองให้เป็นแบบนั้นก่อนให้ไดด้ก่อน:cool:
     
  7. love_song_music

    love_song_music เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2009
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +907
    ง่าย ๆๆๆ หรอครับ มีศีล 5 ก่อน
    สงสารสัตว์ก่อน เช่น ยุงกัด ห้ามตบ สงสารมัน
    ไล่มันไป บอกมันน่าสงสารเจ้าจัง หากินเองไม่ได้
    ยอมเสี่ยงชีวิตเลยหรอ ที่มากัดเรา ฝึกไปเรื่อย ๆๆ
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    ถ้าเรามีจิตใจที่ยังไม่อ่อนโยน มีกิเลสในใจมาก เช่น อยากได้นั่นได้นี่ อยากได้อยากมี หรือ ไม่ชอบคนนั้นไม่ชอบคนนี้ เราก็จะเป็นคนที่ไม่เห็นใจคนอื่น เพราะว่า ธรรมชาติกิเลสนั้น ตักตวงเข้าสู่ตนก่อนเสมอ เพราะธรรมชาติกิเลส ไม่รู้จักพอ หิวอยู่ตลอด

    ทีนี้ วิธีการ ที่เราจะมีจิตใจ เมตตา ใจเย็น ก็คือ เราจะต้องลด ความโลภ ลดความโกรธ ลดตัวขี้เกียจ ลดตัวอยากได้ใคร่มี ลดมันให้ได้ สิ่งเหล่านี้ จะแสดงมาที่ คำพูด การกระทำ และ ความคิด

    เราก็ต้องฝึกให้ ฝึกเสียสละ เช่น มีเงิน 10 บาท ก็หมั่นทำบุญไปซัก 5 บาท ทำแบบนี้บ่อยๆ จะเป็นอุปนิสัย ที่จะลดละ เลิก ไม่คบค้าสมาคม กับกิเลส แล้วจิตใจเราจะดีขึ้น หวังดีกับคนอื่นมากขึ้น
    มีมุทิตาจิต ยินดีกับ ความเจริญของคนอื่น มากขึ้น เพราะหัวใจเรารู้จักพอ และ ให้ทานกับคนอื่น

    ใครเตือนเรา เราก็หัดฟังเขามากๆ ใครดีกว่าเรา เราก็ต้องฝึกตัวเราเองให้ดีใจกับเขา
    เราโกรธใคร เราก็ต้องมองเขาในมุมที่เมตตาเขา มองในความดีของเขาบ้าง

    สรุปว่า เราคิดว่า อิจฉาไม่ดี โกรธไม่ดี เมื่อไรที่มันโกรธ หรือ อิจฉา ก็พยายามเตือนตัวเองว่า สิ่งนี้ไม่ดี
    ทำมันไปเรื่อยๆ จิตนี้จะน้อมสิ่งที่เราเตือนตัวเอง เข้ามาไว้ในใจ จนเห็นจริง
    หมั่น รู้ตัว ไม่ทำตาม สิ่งไม่ดี นั่นแหละ ใจจะรับสิ่งดีเข้ามา
     
  9. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ผู้มีเมตตาจะต้องมีความอดทนอดกลั้นเป็นรากฐาน

    ผมถามคุณ ถ้าผมก่อความรำคาญให้คุณ คุณคิดยังไงกับตัวคุณและผม?
    ถ้าผมด่าคุณ คุณคิดยังไงกับตัวคุณและผม?
    ถ้าผมทุบตีคุณ คุณคิดยังไงกับตัวคุณและผม?
    ถ้าผมเอามีดแทงคุณ คุณคิดยังไงกับตัวคุณและผม?...

    เมื่อไรที่คุณมีความคิดกับ ตัวเองว่า "ขออย่าให้ฉัน/ดิฉันมีเวรกับนายทุศีลขิขุเลย ,ขออย่าให้ฉันอย่าได้เบียดเบียนนายทุศีลเลย , ขออย่าให้ฉันทุกข์กายทุกข์ใจเลย , ขอให้ฉันจงมีความสุขประคองตนรักษาตนให้รอดเถิด" โดยไม่มีความรู้สึกโกรธขัดเคือง ถือว่าคุณมีขันติธรรมที่เป็นรากของเมตตาแล้ว

    จากนั้นคุณก็บริกรรมเมตตาในทำนองนี้แหล่ะเรื่อยไปยัง คนที่คุณนับถือ คนที่รักที่ห่วงใย(ในเบื้องต้นห้ามบริกรรมเมตตาไปยังเพศตรงข้ามก่อน) คนที่เป็นกลางๆ และสุดท้ายก็คนที่เกลียดชัง

    นอกจากขอให้ไม่มีเวรแล้ว คุณอาจขอให้เขาเจริญด้วยอายุ,วรรณะ(ผิวพรรณ) ,โภคะ(ทรัพย์สิน) ,ความสุข ศีลธรรม ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ จาคะ สุตะ ปัญญา เป็นต้น ด้วยก็ได้

    หลังจากบรรลุเมตตาแล้ว คุณก็จะสามารถแผ่เมตตาแบบไม่เจาะจงได้

    --------------------------------
    อานิสงส์ของการแผ่เมตตา

    หลับเป็นสุข ๑
    ตื่นเป็นสุข ๑
    ไม่ฝันร้าย ๑
    เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย ๑
    เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย ๑
    เทวดาย่อมรักษา ๑
    ไฟ ยาพิษ ศัสตราไม่ล่วงเกิน ๑
    จิตได้สมาธิเร็ว ๑
    สีหน้าผ่องใส ๑
    ไม่หลงทำกาลกิริยา ๑
    เมื่อยังไม่บรรลุ ย่อมเข้าถึงพรหมโลก ๑


    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 พฤษภาคม 2012
  10. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    เอาง่ายๆแบบเบสิคไปก่อนนะ ที่บ้านมีหิ้งพระมั๊ยคะ เช็ดทำความสะอาดหิ้งพระบ่อยๆโดยเฉพาะก่อนวันพระ 1 วัน กราบไหว้ขอพรให้ใจสะอาด ออกไปซื้อผลไม้,ดอกไม้ไหว้พระทุกวันพระ สวดมนต์ก่อนนอน แผ่เมตตาด้วยทุกครั้งเอาบทง่ายๆก่อนหาได้ในเวปนี้แหละค่ะ เข้ามาเวปนี้ก็อ่านหาข้อความเยอะๆจะได้อะไรเยอะๆในโลกแห่งธรรม ที่กล่าวมาแล้วเป็นการเริ่มต้นขัดใจที่หมองมีแต่กิเลสไม่มีความสุข รู้ไหม แค่ทำที่กล่าวมาก็ได้บุญแล้วนะ พอได้บุญก็จะเริ่มมีความสุข แต่ไม่ใช่ทำครั้งเดียวเห็นผลนะทำไปเรื่อยๆๆๆ ผลบุญจะช่วยให้คุณมีเมตตา ไม่โมโหง่าย คือใจจะเริ่มติดธรรม หัดให้ทานนะ แค่แบ่งขนมให้เพื่อนหรือเด็กก็ได้บุญแล้ว เรื่องการให้ทานก็ทุกรูปแบบแล้วแต่สะดวก หัดอนุโมทนาหรือยินดีกับคนรอบข้างในสิ่งที่พวกเขากำลังดีใจในสิ่งที่ดีนะ เช่นเพื่อนถูกหวย เออ ดีใจด้วยนะไรเงี๊ยะ ถ้ากระดากหรือฝืนไม่เป็นไรขอให้ได้พูดยินดีกะเขาด้วย บ่อยเข้าจิตใจเราที่กระด้างมันจะอ่อนลงและไม่อิจฉาใคร เข้ามาในเวปนี้มีข้อความโดนใจเราก็อวยเขากดปุ่มโมทนาด้วยเป็นการฝึกจิตใจให้ยินดีกับคนอื่นๆแต่ต้องระวังด้วยอย่ายินดีกับคนที่เขาทะเลาะกันหรือข้อความที่ไม่ออกแนวธรรมมะ เอาแค่นี้ไปก่อนนะ แค่เบื้องต้นถ้าทำได้จริง ใจจะเย็นขึ้น แล้วธรรมจะนำทางคุณต่อจากนี้เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2012
  11. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    อ้อ...บุญใหญ่อีกบุญคือพ่อแม่ทำดีกับท่านแล้วขอพรหรืออฐิฐานจิตขอให้บุญกตัญญูนี้ส่งผลให้ลูกมีจิตใจดีงาม ไม่ไปคิดทำชั่วฯลฯ ผลบุญจะส่งผลเร็วค่ะ ทำซะนะคะก่อนที่จะสายไปไม่ได้แก้เปลี่ยนนิสัยตนเอง คือเราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ คนที่ขี้โกรธ อิจฉา อาฆาต ตายไปก็ลงนรกค่ะ ขอบุญรักษานะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2012
  12. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    กระบวนการหล่อหลอมทางสังคม...คุณหรือทุกคนเริ่มจาก ครอบครัว โรงเรียน และ สังคม....
    ..เมื่อคุณโตมาเป็นแบบนี้ นั่นคือ คุณถูกกระบวนการหล่อหลอมทางสังคมผ่านมาแล้ว เช่น 20 ปี มันจึงทำให้คุณมีบุคคลิกภาพ เป็นคนเย็นชาฯลฯดังกล่าว....อาจเพราะคุณอาจไปเจอสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัจเจกนิยมสูง...จึงเห็นแก่ตัว..และไม่ช่วยเหลือใครฯลฯ..
    ..กระบวนการเปลี่ยน ทัศนคติ เช่นกรณีคุณนี้...ต้องใช้เวลา"หล่อหลอม"ใหม่....
    นักทรัพยากรมนุษย์ก็ปวดหัวเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนทัศนคติเช่นนี้ ในทางปฏิบัติ มันเป็นสิ่งที่ทำยากและหวังผลได้ยากเช่นกัน.....
    ...หลักใหญ่คือ มนุษ์เกิดมาดี แต่สิ่งแวดล้อมเลว จึงเป็นคนอย่างนี้
    หรือ มนุษย์เกิดมาเลว แต่สิ่งแวดล้อมดี จึงทำให้เป็นแบบนี้...หรือเกิดดี สิ่งแวดล้อมดี หรือ เกิดเลวแต่สิ่งแวดล้อมก็เลวด้วย....
    ...ตัวแบบมี4ตัวแบบ...ต้องหาให้ได้ว่า คุณอยู่ในตัวแบบที่เท่าไร...แล้วจึงมาวางแผนฝึกอบรม เพื่อเปลี่ยนทัศนคติให้เกิดอย่างช้าๆ...จนกว่าจะเข้ารูปเข้ารอย.....
    ..นี่ทางสังคมศาสตร์มานุษย์วิทยา...มันต้องเป็นกระบวนการอย่างนี้ ซึ่งต้องใช้เวลายาวนาน...อาจเป็นปีๆขึ้นไป....แต่ก็อาจสามารถเปลี่ยนทัศนคติได้นิดเดียว...คุณก็ยังเป็นคนเดิม เหมือนเดิมต่อไป....แม้ผ่านการอบรมแล้ว....
    ...นั่นเป็นวิธีแรก...
    ..วิธีที่สอง ทางพุทธศาสนา.....ด้วยกรรมเวรของคุณที่ส่งคุณมาเกิดนี้ ...วาสนาเก่าของคุณ...สมมุติคุณอาจเป็นจระเข้มา500ชาติ...วันๆเอาแต่นอนแถกเหงือกรับแดด...หิวก็ลงน้ำไปหากิน...อิ่มก็กลับมานอนต่อ....และด้วยวัตรปฏิบัติเยี่ยงนี้ มันจึงติดตัวคุณมา วาสนาเก่ามีแค่กินแล้วนอน พอมาเป็นมนุษย์จึงไม่สนใจใคร....
    ...วิธีแก้คือ ยอมรับกรรมในอดีตอย่างอดทน...แต่ให้เริ่มทำกรรมดีในปัจจุบัน...บริจาคทานให้มากๆ(หมายถึงพอเหมาะพอควร เราไม่เดือดร้อน แต่ทำเป็นประจำ ทุกเดือน ทุก3เดือนเป็นต้น....)ฝึกดูจิตตนเอง ดูรูปตนเอง...ว่าเราเกิดมาเพียงมีกิน3มื้อ มีที่อยู่อาศัย มีเครื่องนุ่งห่ม มียารักษาโรค เราก็พอเพียงแล้ว...ทีนี้ก็ส่งจิตออกนอก ไปดูมนุษย์และสัตว์ที่ด้อยกว่าเรา...แล้วเราก็บริจาคทาน เพื่อช่วยเหลือเขา....เห็นเขามีความสุข ดีขึ้นจากเดิม เราก็ยินดีกับเขาด้วย...สรุปคือใช้หลักพรหมวิหาร4 นั่นเอง...ปฏิบัติไปเรื่อยๆ กรรมดีปัจจุบันมันจะส่งผลดี อาจจะในชาตินี้(ถ้ากรรมเก่าหมดไป)หรือชาติหน้า ก็ต้องอดทนรอต่อไป...
    ...วิธีที่สาม วิธีพิศดาร กำหนดเองไม่ได้....
    ..คือถ้ามีบุญวาสนา....พระพรหมอาจทำให้ตายแล้วฟื้น พาไปท่องนรก พาไปเห็นพวกเดียวกันที่ตายแล้วตายเล่าแต่กลับไปเป็นจระเข้อยู่ร่ำไป....จนเห็นความจริงของการไม่มีเมตตา....พอกลับเข้าร่าง ความเย็นชาหายเป็นปลิดทิ้ง...กลายเป็นคนใหม่ทันที....
    ....วิธีที่สี่.....ส่งจิตออกนอก..
    ..หมายถึงว่า..เราไม่ดูตนเองแล้ว ดูแต่คนอื่นๆเป็นหลัก...
    ..เช่นทำงานมีรายได้10000บาท....
    ..แต่ไปเที่ยวเก็บสุนัขจรจัดมาเลี้ยง 500 ตัว...ค่าใช้จ่ายเดือนละ 30000บาท...
    ..เลยติดลบเดือนละ20000บาท เลยต้องไปกู้เขามา...เพราะเราคิดว่า สงสารเขา เมตตาเขา...นี่ทำอย่างนี้ไปสักปีสองปีจะเห็นผล...เพราะความเมตตาสุดประมาณของเรา...
    ..จึงทำให้มีหนี้เป็นดินพอกหางหมู...ดังนั้นจึงต้องฆ่าตัวตายเพราะความเมตตา...
    .กลับไปเกิดเป็นจระเข้ดังเดิม...ถ้าไม่รู้ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เราเอาตัวให้รอดก่อนจะไปเผื่อแผ่เมตตาเขา และเมตตานี้น..ก็ต้องมีประมาณด้วย ในการที่ตัวเรา ครอบครัวจะไม่เดือดร้อน....ไม่ใช่ให้ทำบุญสุดฤทธิ์สุดเดช ขายนาขายไร่มาทำบุญ..นั่นมันสำนักลวงโลกแล้ว ใครไปเข้ารีต..ก็เป็นกรรมของผู้นั้นสมดังภาษิต "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม".....
    ....หัดบริจาคทาน ปล่อยนกปล่อยปลา อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเสียแต่บัดเดี๋ยว... นาว....
     
  13. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    ถ้าจะให้ดี ควรเจริญพรหมวิหารสี่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ให้ถึงพร้อม
    ถือศีลห้าเป็นมนุษย์
    ทรงพรหมวิหารสี่ หิริโอตตัปปะ ประทับจิต เป็นเทวดาหรือพรหม
     
  14. maenamping

    maenamping เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +183
    ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่คุณทราบว่าคุณเป็นคุณอย่างไร และอยากแก้ไข เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีค่ะขอเป็นกำลังใจให้เปลี่ยนแปลงตังเองไปในทางที่ดีนะคะ อย่างอื่นท่านสมาชิกก็แนะนำมาหลายอย่างแล้ว อยากแนะนำว่าให้ลองนั่งสมาธิฝึกให้จิตมีสติหน่ะค่ะ ถ้าคิดไปในทางที่ไม่ดีเมื่อไหร่ให้รีบมีสติดึงความคิดกลับมา แรกๆยากหน่อยแต่ถ้าฝึกบ่อยๆทุกๆวันหลังไหว้พระสวดมนต์สัก 10-15 นาที ทุกวันนี้ดิฉันก็ยังฝึกอยู่ค่ะ อยากให้ส่งหนังสือให้ไหมคะส่งที่อยู๋มาที่ sasawat_n@hotmail.com
     
  15. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    วิธีที่ผมจะแนะนำ คือ การเจริญสติ + ปัญญา ครับ
    คล้ายๆ ที่ท่าน NARKA บอกนั่นแหละ สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน สิ่งต่างๆ มันได้หล่อหลอม กลายเป็นนิสัย โดยอัตโนมัติ ของท่าน จขกท. ในชาตินี้ไปแล้ว หากไม่มีสติคอยตามคุม ปล่อนให้เป็นไปโดยอัตโนมัติ มันก็จะทำแบบเดิมๆ ซ้ำไปไม่หยุด

    ตอนนี้ ท่าน จขกท. ได้เกิดปัญญาเบื้องต้นขึ้นแล้ว ว่า สิ่งที่ทำอยู่นั้น มันไม่ดี ควรเปลี่ยนแปลง แต่ผมเดาว่า สถานการณ์ที่ จขกท. เป็นอยู่ปัจจุบัน ก็คือ พอเจอหน้าคนอื่น อยู่ในสังคมทีไร ก็เผลอทำเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ทุกที พอกลับมาอยู่คนเดียว ก็นึกได้ว่า ไม่น่าทำอย่างนั้นเลย กรณีเช่นนี้ คือ สติหลุด จิตของเรานั้น ไม่ได้รับรู้ว่า เรากำลังทำอะไรอยู่อย่างแท้จริง ณ ขณะนั้น ปล่อยให้เป็นไปตามความเคยชิน ตามสัญญาที่อยู่ในสมอง

    ทางแก้ ต้องเจริญสติให้มาก กำหนดให้เกิดสติรู้ตลอดวัน รู้ให้ทะลุชัดแจ้ง วิปัสสนาให้เห็นถึง จิตตานุปัสสนา เห็นสิ่งที่อยู่ในใจ ใจคิดอะไรอยู่ จิตมีสติรับรู้ รู้ชัดว่า มีโทสะ โมหะ โลภะ มานะ เกิดขึ้นแล้วในใจ จากที่เมื่อก่อน เราไม่มีทางเลือก พอมีอะไรมากระทบ เราก็ทำตามความเคยชินไปโดยอัตโนมัติ พอเราทันมัน เราก็จะมีทางเลือกที่สองโผล่ขึ้นมาคือ ยับยั้งชั่งใจ เห็นถึงโทษ และแสดงพฤติกรรมแบบอื่นแทนได้ครับ
     
  16. vaddee

    vaddee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +443
    ขอแนะนำด้วยสมองอันน้อยนิดค่ะ เมื่อคุณรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่จิตนั้นไม่ดีแน่นอน แสดงว่าคุณเริ่มมีปัญญาล่ะเพียงแต่ขาดการขัดเกลา พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ใจเราก็เหมือนกับสายน้ำชอบไหลลงสู่ที่ต่ำ ถ้าเราไม่มีการฝึกหรือควบคุมมันไว้ก็จะให้โทษเราภายภาคหน้า ยกตัวอย่างเช่น เราขับรถไปชนคนตายถามว่าตำรวจจับคนหรือจับรถ แน่นอนก็ต้องจับคนควบคุมรถ เปรียบได้เหมือน กาย กับ จิต เมื่อเราตายกายสูญสลายแต่จิตวิญญาณต้องไปรับผลของกรรมที่ทำไว้ตอนมีกายเนื้อ..... อยากแนะนำให้ฝึกพรมวิหารสี่ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา


    อนุโมทนาค่ะ...../\...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...