ขอถามประสบการณ์ สัมพเวสี มาด้านซ้ายหรือขวากันคะ

จะถามอะไรเขาต่อละค่ะ
ถ้าความเห็นส่วนตัว การเย็น+ขนลุกนั้น คำตอบคือ ....แม่นแล้ว ไม่ต้องสงสัย...

 

ขอถามเพิ่มค่ะ​

เมื่อคืนลองหงายมือ 2 ข้าง ตอนนั่งสมาธิ (นั่งไม่ดีนักค่ะ)​

ไม่ได้ภาวนา เพราะยังจำไม่ได้ค่ะ ลองทำดูแล้วนึกถึงจักระที่ศีรษะ ​

1. ค่อยๆ รู้สึกร้อน เพราะคิดไปเองหรือเปล่าคะ แต่ไม่หมุน​

----1.1 พอยกขึ้นมาทำท่าเหมือนประกบฝ่ามือทั้งสองข้าง ยิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ ต้องทนร้อนไปถึงไหนคะ นานแค่ไหน ลืมตาแล้วหายร้อนค่ะ​

2. ไม่หมุน ในมือ หรือในจักระจุดต่างๆ​

----2.1 เพื่อนบอกว่า จะหมุนไปเรื่อยตามจักระต่างๆ ค่อยเพิ่มไปทีละจุด (มือไม่ใช่จุดที่มีจักระหรือเปล่า ถ้าอ่านในเนต เพื่อนให้หาอ่านดูว่าจักระมีตรงไหนบ้าง ) ​

3. ฝึกดึงจากเปลวเทียนทำอย่างไร ต้องจุดไฟหรือคะ (ไม่สะดวกค่ะ ) ทุกวันนี้ได้นั่งสมาธิปกติก็ดีมากแล้ว ทำอะไรแผลงๆ ก็กลัวโดนว่าค่ะ​

***ตกลงคิดไปเองหรือเปล่าคะ (ความร้อน) กลัวเพี้ยนค่ะ ฝึกสมาธิบอกตรงๆว่า กลัวนะค่ะ จริงๆแล้วถ้าไม่มีเหตุ คงไม่ได้นั่งขนาดนี้ พอยิ่งนั่งยิ่งไปเรื่อย ยิ่งต้องหาคำตอบไปเรื่อย ​

บอกตรงๆว่า กลัวค่ะ ​

***จริงๆแล้วการต่อยอด ไม่จำเป็นต้องฝึกหรือเปล่า ถ้าสัญญาเก่ามี มันน่าจะมาเองหรือเปล่าคะ​

 

ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นร่างทรง ได้มโนมยิทธิมานานแล้วน่ะแต่ไม่ฝึกต่อ ตอนนี้จะหายละ
ถ้าเราเห็นแล้วสงบสติไม่ได้ จิตหลอนเลยเพราะมาเละๆสยอง
อย่างที่บอกล่าสุดผู้ชายผูกคอตาย หลอนเลยล่ะดำทะมึนมาแบบเป็นศพ แต่พอเค้าได้รับแล้วยิ้มให้ ค่อยโอเคหน่อย

เราไม่เปิดตำหนัก จักระเราไม่ฝึกนะเพราะยิ่งเปิดให้สิ่งอื่นเข้ามาใช้ร่างได้ง่าย

 

อยากรู้พิกัดที่เกิดเหตุ ที่ๆเขาตายค่ะ เพราะว่ากำลังศึกษาประวัติศาสตร์จังหวัดตัวเองค่ะต้องการข้อมูลเชิงลึก และสำรวจตามสิ่งก่อสร้างโบราณๆ ขอมบ้าง เวียดนามบ้าง อะไรที่มีในจังหวัดเอามาทำเป็นหนังสือส่งเสริมการอ่านค่ะข้อมูลหลายอย่างยังไม่แพร่หลาย อีกเพื่อเป็นการยกย่อง ลำลึกถึงคนที่ตายไปในเหตุการณ์ครั้งนั้นค่ะ หลังจากนั้นดิฉันไม่ถามเลยค่ะยิ่งเลิกงานตอนตะวันตกดินเกือบทุกวันกลัวว่าบางวันเขาจะใจดีโผล่มาให้เห็นค่ะ ใครมาอยู่เวรนี้เจอตลอดค่ะ:boo:

 

ก็ฝึกต่อไปครับก็แสดงว่าอยู่ในแนวทางที่จะใช้งานได้ในอนาคตอยู่ครับ
.คืองี้นะคับ..มันเป็นปกติคับ จะเจออีกประมาณ ๖-๗ ปรากฏ
การณ์ที่คล้ายๆนิมิตรหลักๆในกสิณกองที่เราฝึกอยู่ครับ.ของคุณจริตออกไป
ทางละเอียดตัวจิตยังไงๆ.มันก็ต้องรู้ให้หมดทุกปรากฏการณ์ก่อนที่จะไป
ถึงนิมิตรจริงๆของกสิณกองนั้นๆข้อดีก็คือ ถ้าเราผ่านตรงนี้ไปใครถามเราๆ
จะสามารถตอบเค้าได้หมดครับ.แต่เราต้องแค่รับรู้กับพวกนิมิตรคล้ายๆกสิณ
หลักทุกๆรูปแบบด้วยนะครับ..​

.

 

ปล.ประมาณนี้ครับ

 

คุณนพพกานต์ช่วยทำตัวอักษรให้ใหญ่ได้ไหมคะ จะอ่านด้วยแต่ตัวหนังสือมันเล็ก อ่านไม่ออกอะคะ

 

เด่วเล่าเรื่องเสียงให้ฟังไว้อ่านเล่นๆครับ...
๑.เสียงเรียกแบบจับใจความไม่ได้แต่เป็นเสียงเรียกที่สื่อให้รู้ว่าเป็นใคร
จะเป็นคนที่รู้จักเราที่พึ่งเสียชีวิตใหม่ๆไ
๒.เสียงเรียกทางหูด้านซ้ายได้ยินในระยะประชิดหู ลักษณะเสียงเบามาก
แบบเสียงแหบๆ.หรือเสียงขาด
เป็นเสียงภพภูมิที่กำลังจิตไม่สูง.
หรือที่เน้นมาให้อุทิศส่วนกุศล..
๓.เสียงดังฟังชัดก้องกังวาล.ได้ยินมุมสูงทางด้านขวาศรีษะสูง
ประมาณ ๒ เมตรเป็นเสียงระดับเทวดา
หรือ เป็นระดับกลุ่มอริยะที่คอยสอนบุคคลต่างๆที่มีเขต
อาศัยระดับใกล้เคียงกับพื้นโลก.
หรือเป็นเสียงครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิที่จะมาสอนเรา.
๔.เสียงเรียบๆ เนิบๆ โทนเดียวแต่ไม่นิ่ม
เป็นระดับเทพมีฤิทธิ์มากจะมาทางด้านขวาเวลาปกติ
และสามารถทำให้ได้ยินตรงใจกลางกระโหลกศรีษะได้
ทำอย่างนี้ได้จนถึงระดับพระพุทธ
๕.เสียงเรียบๆ นิ่มๆคล้ายเสียงเด็ก
ไพเราะนิ่มหูเป็นระดับพรหมได้ยินทางด้านขวา..
เสียงที่พูดเป็นประโยค นิ่ม ไพเราะ เบา นุ่ม
แต่เราจะได้ยินเพียงพยางค์เดียว
เป็นเสียงระดับพระพุทธฯ..
๖.เสียงเรียกทางหูด้านขวาระยะห่าง ๑ เมตร
ในแนวขนานกับหูเป็นเสียงภพภูมิที่เราเคยรู้จักในชาตินี้ตอนเป็นคน
แล้วเปลี่ยนไปอยู่ในระดับที่ดี..
๗.เสียงที่บ่งบอกว่าเคยมีหูทิพย์มาก่อนเมื่อชาติที่แล้ว.
จะได้ยินเสียงถัดจากแก่นกลางกระโหลกเยื้องมาทางด้านขวาเล็กน้อย.
เป็นเสียงบนโลกแต่กะระยะทางไม่ได้หรือว่ารู้ว่าต้นเสียงไกลมาก
แต่ต้องมาฝึกให้จักระเปิดที่หูด้านขวาจนกระทั่ง
ได้ยินเสียงภพภูมิใสแจ๋วถึงจะเกิดหูทิพย์ระดับใช้งานได้..
๘.เสียงตี๊ดดดดดดดดดดดดดด
เป็นเส้นตรงออกมาจากทางหูด้านขวา
เป็นกิริยาระหว่างทางก่อนที่ระดับสมาธิ
จะถึงขั้นที่แยกกายกับจิตได้ในระดับ
กำลังฌาน ๔
๙.เสียงสวดมนต์เป็นกลุ่มภาษาไม่ค่อยคุ้น
.เสียงดนตรีแปลกๆแต่ว่ามีจังหวะจบของเสียง.
ได้ยินระยะเหมือนไกลๆทางด้านขวาเป็นเสียงระดับภูมิเทวดากำลัง
ทำอะไรบ้างอย่าง...แต่ถ้ามีเสียงอย่างนี้อยู่แล้วแต่มา
ได้ยินข้างหูเป็นความสงบ
ของจิตปกติที่จะยิน
๑o. เสียงดัง ติ๊ด และ ติ๊ด
แต่ต้นเสียงขยับมาแบบเป็นช่วงเข้ามาหาเราเรื่อยๆทาง
ด้านขวาเป็นภูมิ เทวดาขึ้นไปที่ท่านแวะมาโมทนาหรือว่ามาทักทาย..
๑๑. เสียงในขณะนั่งสมาธิ
เสียงดังเป็นจุด เส้นเสียงสั้นๆและเงียบ.
เป็นการทดสอบกำลังใจ..
๑๒.เสียงดังใกล้หูระยะห่างหนึ่งคืบ ไม่ว่าเสียงปีกยุง เสียงแมลงบิน เป็นผลจากสมาธิ
๑๓.เสียงของตก แต่พอของตกแล้วเสียงดับ
คือไม่ลากต่อ เป็นกรณีภพภูมิที่เรา
รู้จักพยายามสื่อให้รู้ว่าเค้ามาหรืออยู่ตรงนั้น..
๑๔.เสียงเรียกทางด้านขวา เยื้องบนเล็กน้อย
ระยะห่างคืบ เป็นเสียงกุมารเทพ.
๑๕. เสียงเรียกทางหูด้านขวา.
แต่อยู่ในมุมต่ำมาก เป็นเสียงของบริวารเก่าเราในอดีตชาติ..
๑๖.เสียงเรียกจากด้านหลังมุมสูงทางด้านขวาประมาณ ๑ เมตร
เป็นระดับที่เกี่ยวข้องกับครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิ
ที่จะสอนอะไรบางอย่างให้เราครับ
๑๗.เสียงเรียกได้ยินทางด้านขวา.แต่ต้นเสียงทางด้านซ้าย
เป็นสายเลือดเดียวกันกับเราที่ท่านเปลี่ยนภพภูมิไปดีครับ
๑๘. น.๑๕ + เฉพาะ ช เสียงเรียกข้างหูขวา ระยะไม่เกินคืบจากหูเป็นอะไรก็ตามที่ต้องระวัง
เพราะอาจโดนลวนลามได้จากภพภูมิระดับโอปาติกะสวยๆครับ ๕๕๕ ​

ปล.๕๕๕๕ ประมาณนี้ก่อนคับ..
เท่าๆที่พอนึกได้. ใครมีประสบการณ์อะไรก็เล่าสู่กันฟังได้ครับ
แต่จะเสียงอะไรก็ตามถ้าเราไม่แน่ใจไม่ควรไปตอบรับทุกกรณี
.และเพื่อความปลอดภัยอุทิศส่วนกุศลในใจนะตอนนั้นทุกกรณีให้เจ้าของเสียง
และไม่ควรสนใจหรือเก็บมาคิดและให้เพียงแค่รู้ว่าเป็นเสียงก็พอครับ
​

 

ผมขออนุญาตนำข้อความเดิม
เขียนไว้เกือบปีแล้วครับ.เมื่อ 22/03/ ลองอ่านๆดูก่อนนะครับ...
๑.ถ้าอาการขนลุกฝั่งขวาด้านเดียว ไม่เป็นไรครับ..ถือว่ามีครูบาร์อาจารย์หรือเทพประจำตัวคอยคุ้มครอง
.เป็นการติดต่อสื่อสารจากทางภพภูมิช่องทางหนึ่งในระดับที่ดีครับ.
.และยิ่งถ้าเราไปในสถานที่เกี่ยวกับ..การทรงเจ้าหรือหมอดู.
แต่บุคคลนั้นว่าจิตใจยังไม่ดีจริงๆ.ไม่ใช่ว่าเค้าไม่ดีนะครับ
.หรือเป็นพวกวิญญานมีฤิทธิ์มาสร้างบารมีที่พยายามจะดู
เกี่ยวกับตัวเรา.ท่านที่เป็นเทวดาประจำตัวช่วยป้องกันให้นั่นหละครับ.
.เพราะคงเล็งเห็นอะไรทะแม่งๆที่จะเกิดในอนาคต.
..แม้ทายหรือดูกเราก็ทายคลาดเคลื่อนหรือไม่ถูกนั่นหละครับ

๒.ส่วนกรณีที่ขนลุกทั้งซ้ายขวาแสดงว่า.ตอนนั้นท่านอยู่ข้างหลังเรานั้นหละครับและเป็นระดับที่ดี.
.ไม่ครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิก็เทวดาประจำตัว

๓.กรณีลุกที่ศรีษะอย่างเดียว.เป็นกรณีที่เค้าเดินผ่านเราไปแต่ไม่ได้ตั้งใจ
จะสื่อสารกับเราเพียงแต่เรามีความสามารถรับรู้ได้เองแบบไม่รู้ตัวกรณี
นี้ก็ไม่เป็นไรครับ

๔.ส่วนกรณีที่ขนลุกด้านซ้ายแต่ลุกทั้งแขนนะครับ.เกิดได้ในกรณีที่ผู้ตาย
เพิ่งเสียชีวิตใหม่ๆ ยิ่งถ้าตายใหม่แล้วเราสนิทด้วยละก็ยิ่งชัดเจนเพราะ
.กำลังจิตยังไม่แข็งแรง..ถ้ามาเป็นเสียงไม่ได้ยินทางหูทั้งสองข้าง
แบบแยกไม่ได้ว่าข้างไหน...ก็มาทางด้านซ้ายของหูกรณีนี้สังเกตุหากทำบุญให้แล้ว
เลยวันที่ 4 ขี้นไปถ้ายังสัมผัสได้จะย้ายมาลุกที่ด้านขวาทั้งแขนแทน.
เสียงก็เปลี่ยนมาทางด้านขวาเหมือนกัน
.ส่วนที่มีอาการเวียนหัวร่วมด้วยแล้วหายเป็นผลข้างเคียง
จากการสัมผัสก็ไม่เป็นไร ปล่อยไว้ก็หายเองได้คับ..เหตุเพราะร่างกายปรับตัวไม่ทันเฉยๆ

๕.กรณีขนลุกด้านซ้าย และหนักไหล่ซ้ายด้านบนร่วมด้วย หรือ ขนลุกที่แขนด้านซ้ายแต่จะลุกตั้งแต่ข้อศอกลงไป
.กรณีนี้เป็นระดับวิญญานที่ไม่ค่อยดี..และที่ขนลุกแขนซ้ายต่ำกว่าข้อศอกลงไปเพราะเค้าพยายามจะมาดูเรา.
รวมทั้งคนที่มีความสามารถพิเศษกำลังมาดูเราแต่คนนั้น
จิตใจไม่ดีเท่าไรด้วยครับ..ส่วนคนถ้ามาดูเราแต่เป็นคนดี.
ขนจะลุกด้านขวาต่ำกว่าข้อศอกและอาจตึงไหล่บ้างแต่ไม่นานก็หาย..

๖.คนที่ทำหน้าที่ร่างทรงถ้าเราไปในสถานที่นั้นแล้วสัมผัสได้.
แต่ดันเป็นด้านซ้ายให้ตีไว้เลย..ว่าเป็นวิญญานมีฤิทธิ์ที่มาสร้าง
บารมีเฉยๆไม่ใช่แบบที่เป็นระดับที่ดีจริงๆ.อย่างนี้ให้พิจารณาเอง
นะคับว่าควรไม่ควรเข้าไปยุ่ง

๗.ส่วนคนที่สัมผัสกลิ่นต่างๆได้.แล้วมีอาการ.
อาจเคยฝึกสมาธิจนได้อภิญญามาก่อนในอดีตชาติ
ไม่ใช่แต่เฉพาะกลิ่นพระนะครับ..เวลาไปวัดก็ได้กลิ่นได้เหมือนกัน.
.พวกกลิ่นธูปลอยมา หรือ ดอกไม้หอมลอยมาก็รับได้สังเกตุได้ว่า
กลิ่นแตะจมูกเฉยๆไม่ได้เข้าไปในร่างกาย..แต่ทำให้มีผลกับร่างกายได้

๘.แน่นอึดอัดอาการนี้เป็นอาการที่สัมผัสได้ในกรณีที่คนที่เราอยู่ใกล้นิสัย
ไม่ดีหรือคิดไม่ค่อยดีกับเรารวมทั้งจิตใจไม่ดี.และรวมทั้งไปอยู่ในสถานที่ๆมีวิญญานไม่ดีอาศัยอยู่.

๙.ส่วนถ้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาถึงตัวจะหนักหัวไหล่ทั้งสองข้างรวมๆ
อาการตึงๆหลังด้วย...
ถ้ายังหนักไหล่ซ้ายข้างเดียวก็แสดงว่าสิ่ง
ไม่ดีจากสถานที่เราไปล่าสุดตามกลับมาด้วยจะด้วยการตั้งใจส่ง
หรือตามมาเองก็ได้..ถ้ายังปวดต่อเนื่องนานเกินเหตุนะครับ​

๑o.เพิ่มเติมถ้าตึงๆผิวช่วงแขนที่ต่อจากมือด้านซ้าย.เป็นสัญญาน
เตือนที่ต้องระวังตัวหรืออะไรบางอย่างที่เรา ณ ตอนนั้นจะทราบได้ครับ..
ว่าต้องทำอย่างไร..
แต่ถ้าด้านขวาเป็นการทักทายจากภพภูมิ
มีฤิทธิ์ไม่เป็นไรเด่วใครที่ฝึกจักระหรือพอเรียกพลังงานขึ้นบนมือได้
จะสัมผัสแบบนี้ได้ครับเรื่องปกติ.

ปล.ถ้าตึงหรือขนลุกด้านซ้าย
หรือปวดไหล่ทั้งสองข้าง ในกรณีที่หาสาเหตุไม่ได้..
ให้ทำตัวให้ดีๆ.อย่างน้อย ทำทาน อยู่ในศีล.เป็นฐาน ยิ่งได้สวดมนต์
ภาวนาด้วยแล้วจะช่วยกันได้
และทำให้เบาบางได้กรณีเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่มาถึงตัวครับ.​

.

 

ปกติดิฉันไม่เคยถูกผีอำ แต่รู้สึกว่าอะไรคือผีอำครั้งแรก เมื่อปีที่แล้ว ราวๆเดือนมิถุนา

อันนี้คือรู้อย่างชัดเจนเลยว่าเขามาทักทายแบบเสียอกเสียใจมาก ตอนนั้นประมาณ หลังเที่ยงคืน ดิฉันจะนอนเปิดไฟหัวเตียงดวงนึงทุกคืนเป็นปกติ อยู่ๆตอนง่วง มันก็มีอาการเหมือนโดนหิน หรือ รถบรรทุกอะไรก็ได้ที่มันหนักมากทับที่ตัวเรา และตามด้วยอาการหายใจไม่ออก แบบชนิดที่ว่าร่างกายอยุดหายใจไปเลย รู้ตัวแต่บังคับไม่ได้ และก็หายใจไม่ได้ ไม่ใชหายใจไม่ออก แต่ร่างกายมันไม่ยอมหายใจ


สิ่งที่ตามมาคือ เสียงร้องไห้เป็นเสียงเพื่อนชายที่รักทีตายไป ปกติตอนมีชีวิตเค้าไม่เคยร้องไห้ ดิฉันเห็นเค้าร้องไห้ก็ตอนเป็นมะเร็งตับอ่อนเพราะแต่ก่อนเขาสูบบุหรี่ และกินน้ำตาลจัด กับอาหารไม่มีประโยชน์เช่น กาแฟ อย่างเดียวและ ตอนเขาป่วยเขาดื้อเลยโดนดิฉันดุห้ามไม่ให้กินเนื้อสัตว์ แต่เขาอยากกิน


ตอนเขามาหา เป็นเสียงร้องไห้เยอะมาก ผิดกับุคลิกเขาตอนมีชีวิตอยู่ เขาเป็นคน บู้ และ ดื้อ มาก ตอนเขามาเยี่ยมตอนเป็นผี ร้องไห้ไม่หยุด ซึ่งดิฉันเขาใจเลยว่าทำไม เพราะเขายังไม่อยากตาย แต่ตอนนั้นมันโดนอำ และลมหายใจหยุดไปเลย จนดิฉันนึกว่าจะตายไปเสียแล้ว และได้ยินเสียงเขาร้องไห้และพูดที่หู ถ้าเป็นตอนปกติดิฉันจะดีใจมากที่สื่อสารกับวิญญาณเขาได้ แต่พอเอาเข้าจริงตอนเขามาอำ มันหายใจไม่ออก จนเหมือนจะตายให้ได้ ทรมานมาก จึงไม่ได้คิดแม้แต่จะถามอะไรเขา นอกจากพุดกับเขาในมโณว่า หายใจไม่ออก ทรมาน ทำให้หายเดี๋ยวนี้...เท่านั้นแหละ เขาก็หยุดร้องไห้ และ อาการหายใจไม่ออก และหนักเหมืนโดนหินทับก็หายไปในทันที

คืนที่สองมา สองคน กะน้องสาวเขาด้วย นอนขนาบคนละข้าง เสียงผู้หญิงกะผู้ชาย ร้องไห้และก็คุยด้วย ดิฉันก็บอกไปในมโณว่า ไม่เป็นไรมาอยู่ด้วยกันก็ได้ ทุกวันนี้เขามาช่วยดิฉันในชีวิตประจำวันหลายเรื่อง เช่นช่วยหาของ

 

ขอถามเป็นความรู้เพิ่มได้หรือเปล่าคะ (ปกติไม่ค่อยทราบเรื่องลึกลึบนะค่ะ)
-สภาพที่มาเละ มาจากจิตปรุงแต่งหรือเปล่าคะ เพราะถ้าเจริญสติไม่ได้
หรือ มาจาก จิตดวงนั้นๆ ต้องการสื่อ ให้เละ


จักระในส่วนของดิฉัน ดิฉันไม่ได้ฝึกค่ะ มันเปิดเอง และไม่ทราบด้วยว่าคืออะไร จนสงสัยอาการ ทนไม่ค่อยได้ เลยโทรหาเพื่อน ว่าเป็นการสื่อจากสิ่งที่มองไม่เห็นหรือเปล่าทิ้่งไว้ ประมาณเกือบปีแล้ว ก็ไม่เห็นจะเหมือนเพื่อนบอก (เพื่อนไม่แนะอะไรมากนักค่ะ นอกจากระวังล้ม/อุบัติเหตุ ขอให้เจริญสติอย่างเดียว ถ้ามีอะไรเปลี่ยน)


เพราะยิ่งเปิดให้สิ่งอื่นเข้ามาใช้ร่างได้ง่าย
ตรงนี้ดิฉันก็เพิ่งทราบขอบคุณค่ะ แล้วจะมีวิธีป้องกันอย่างไรคะ

ดิฉันเคยมีเพื่อนที่เขามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครององค์ใหญ่ เปิดเนตรแล้วด้วย กลับโดนครอบทั้งตัว (ไม่รู้ว่าคำนี้หรือเปล่านะ ขอโทษถ้าไม่ถูกค่ะ) ไม่ใช่แค่แฝง หรือ อยู่ข้างๆ แค่ดลใจ

ดิฉันไม่เห็นเอง แต่จากการอ่าน/สำนวนการพูด เขาไม่ใช่คนเดิมแล้วในทุกประโยค ทุกคำพูด (ไมใช่แบบ รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง) จนญาติธรรมท่านอื่นมองออกว่าคืออะไร (แล้วไม่เล่าต่อว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาบอกเล่าไม่หมด อธิบายยากและเยอะ)

เพื่อนคนนี้จักระยังไม่เปิดค่ะ และปฎิบัติมากกว่าดิฉันเยอะทั้งสมถะ/วิปัสสนา/สวดมนต์ ฯลฯ

แล้วตกลงดิฉันต้องฝึกหรือเปล่าเนี่ย หรือปล่อยไปเรื่อยๆ ดิฉันยังไม่รู้เลยว่า พลังจักระคืออะไร มีไว้ทำไม ฯลฯ

 

คราวหน้าถ้าอยากจะรู้เพิ่ม ถ้าไม่ได้ยินเป้นเสียง ลองวิธีแบบผีถ้วยแก้วค่ะ มีตัวเลือก ถ้าถูก หรือ ทางนั้นจำได้ (บางทีเขาก็จำไม่ได้ค่ะ ดิฉันเคยถามเพศว่า ญ หรือ ช บางตนก็จำได้ /ไม่ได้)

เขาจะสื่อกลับมาตามตัวเลือก สังเกตุว่าการขนลุกจะตำแหน่ง ความเบา/แรง จะเท่าเดิม ถ้าเป็นตนเดิม

วันนั้นดิฉันว่างพอดี และคิดว่าเล่นๆ เท่านั้นเอง แต่การสื่อจะเป็นจังหวะตามที่เราถาม (ไม่คิดว่าทางนั้นจะเข้าใจค่ะ)

แต่ถ้ามาเยอะ ถามไม่ทัน ไม่หมด เพราะถ้ามองไม่เห็น จะไม่ทราบว่าการขนลุกมาจากอะไร ตนไหน หรือคำตอบ ก็จะถามไม่ค่อยรู้เรื่อง

คำถามที่ดิฉันถามบ่อยคือ "หิวหรือ..." ก็ชอบมาตอนดิฉันทานข้าว ดิฉันก็กำลังหิวเหมือนกันนี่นา

ไม่ก็จะสวดมนต์ (อันนี้ดิฉันมักจะบอก "รอก่อนๆ ยังไม่ว่าง ลูกยังไม่นั่งเลย" เขาก็จะสื่อเร่งมาให้รีบสวดมนต์)
วันที่หยิบหนังสือสวดมนต์ รอเวลาสวดมนต์ข้ามปี มาข้างซ้ายเยอะเชียวค่ะ


กับสื่อรับเวลาโมทนาบุญเนี่ย รู้สึกดีใจมากเลยค่ะว่าทางนั้นรับได้แล้ว (และยอมไปแล้ว)

 

เดวขอเวลาดิฉันอ่าน แล้วค่อยศึกษานะค่ะ
ยาวและเยอะ เพราะส่วนตัวไม่เคยทราบเลย เก็บเรื่องไว้เกือบปีแล้ว จนคิดว่า ควรฝึกต่อหรือเปล่า
เห็นกระทู้คุณดัชเชสถามใหญ่เลย เรื่องกสิน (แต่ดิฉันไม่เข้าใจนะคะ)

การต่อยอดไม่จำเป็นต้องฝึกถ้าระดับกำลังสมาธิและระดับกิเลส
พอดีดิฉันเห็นเพื่อนเขาไม่ต้องไปฝึกอะไรเลย ก็มาเองต่อได้เอง (แต่ส่วนตัวเท่าที่อ่านจากแชทเฟซ) เขาได้ยินเสียงแล้ว และสอนไปด้วยนะค่ะ
ไม่เหมือนดิฉัน มั่วมาตลอด ดำน้ำมาเรื่อย
อีกใจ ไม่ค่อยอยากฝึก เพราะ
เพราะสภาพแวดล้อม
เหตุและปัจจัยสมัยนี้กับสมัยก่อนต่างกันมาก.
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ชีวิตดิฉันมีหน้าที่ทางโลกเยอะแยะไปหมด จะนั่งสมาธิก็ยังต้องแอบๆซ่อนๆ เหมือนคนทำความผิด (แรกๆ ดิฉันต้องนอนสมาธิ พระท่านบอกให้ทำอย่างนี้ไปก่อน) ยาก็ทานจนง่วงมากๆ บ่นเบื่อ ร้องไห้ก็หลายทีแล้ว จะหยุดนั่งก็จะมีเหตุที่ทำให้ต้องนั่งต่อแบบเป็นเหตุให้เลิกไม่ได้

ยังเคยอยากจะตั้งกระทู้ถามท่านอื่นๆเลยว่า การปฎิบัติของแต่ละท่านเป็นอย่างไรบ้าง สบายมั้ย สะดวกเปล่า ฯลฯ

สองข้างเข้าให้ชนกันไม่ได้เลยเพราะมันจะหนืดเหมือนเจลเลยครับ

ใช่ค่ะ ถ้าร้อนไปนานๆ พอจะเอามือประกบอยู่ห่างๆ มันเหมือนประกบไม่ได้ มีอะไรอยู่ไม่รู้ (เช่นถ้าทำมืออยู่หน้าจอตอนนี้ ก็จะประกบได้ธรรมดา)

ดิฉันลองไปนั่งเพิ่ม
ท่องตามที่คุณนพบอก สมาธิไม่นิ่งเลย (ก็ไม่ร้อนมือค่ะ)
พุทโธ ร้อนกว่า

****สรุปว่า ควรท่อง ภาวนา โอม มะ ณี ปัท ทะ เม ฮุม
****หรือ พุทโธ คะ (ร้อนกว่า นิ่งกว่ามาก)

แต่อย่างไรก็ตาม อยู่ที่ความนิ่งด้วย (เท่าที่สังเกตุนะคะ) ยังนั่งไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ยิ่งนิ่งยิ่งร้อนค่ะ (ดิฉันหงายมือบนหัวเข่า )
มือร้อน..........ไม่ใช่ศีรษะร้อนค่ะ


เพิ่มเติม คุณนพ เขียนตัวโตจะดีมากเลยค่ะ อ่านสะดวกกว่ามากค่ะ

 

คุณดัชเชส ขอบคุณที่ตามกระทู้ค่ะ
กระทู้กสินคุณไม่น่าลบเลยค่ะ มีความรู้อยู่ในนั้น วันนี้อ่านไม่รู้เรื่อง วันหน้าดิฉันอาจจะได้ใช้ประโยชน์ค่ะ

ถ้าคนมาพยายามออกนอกเรื่อง ทำให้วัตถุประสงค์ของกระทู้ผิดไป
ดิฉันแนะนำว่า ขอให้นิ่งไว้ก่อน ถ้าทางนั้นยังไม่หยุด ค่อยเสยกลับแบบนิ่มๆ ไม่เสียน้ำใจกันมากนัก ออกทะเลไปเลย (แบบที่ดิฉันทำนะค่ะ)

คุณนพก็เสียเวลาตอบให้มาก พิมพ์เยอะมาก เสียดายกระทู้นั้นค่ะ

ส่วนตัวดิฉันถือว่า การเขียนป่วน ไม่ควรทำให้ความรู้ ความพยายามดิฉันลดลงไปค่ะ กว่าคุณนพจะตอบให้ ใช้เวลานานมาก
ดิฉันไม่ขอลบค่ะ

...ไปเลี้ยงลูก(สุดหล่อ) แล้วอะจ๊ะ ลูกเรียกหลายทีแล้ว...
แม่มัวแต่ทำอะไรก็ไม่รู้ ไม่ยอมทำหน้าที่แม่ให้สมบูรณ์ก่อนทำอย่างอื่น แย่ๆๆๆๆ

 

คุณ Thanks-Epi ที่เล่าๆมาพอเข้าใจและกรณีคนที่คุณรู้จักก็พอเข้าใจครับ.
ส่วนถ้าจะท่องเราภาวนาอะไรก็ได้ครับ.เป็นการฝึกกำลังจิตไปในตัวซึ่งก็
แล้วแต่ว่าเราจะมีเวลามากแค่ไหน.ถ้าหงายมือก็ร้อนที่มือนะถูกแล้วหละ
ครับ.เด่วมันก็มือวิธีฝึกสะสมพวกนี้เรื่อย.แต่ภาระทางสมมุติมันก็มีอยู่
เราก็ต้องอยู่ร่วมกับสังคมก็ต้องหาวิธีที่แยบคลายในการอยู่ร่วมกับสังคม
ด้วยครับและมันไม่ใชอะไรที่ใครจะเข้าใจตัวเราได้ง่ายๆ.
.แต่ถ้าจะพัฒนาเพื่อไปใช้ประโยชน์ทางธรรมก็ต้องฟิตมากจริงๆครับ.
เราก็ต้องโดนอะไรๆหลายๆอย่างมากกว่าคนทั่วไปเป็นปกติครับ
แต่ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องใส่ใจ.หน้าที่เราคือการรักษาความดีให้ถึงพร้อม
การพยายามลดการทำเรื่องอกุศลทั้งปวง.พยายามรักษาจิตใจให้ถึงความ
บริสุทธิ์ไว้ครับ..
ก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไปครับ หรือดูๆว่าพันธมิตรทางภพภูมิ
หรือส่วนที่เกรงใจเราอยู่ระดับไหนเพื่อความไม่ประมาท
อย่างส่วนตัวนะครับนอกจากเรื่องนี้.เมื่อก่อนมีพระสรีระเสด็จหลายสีมาก
เนื่องจากมีพระธาตุอยู่แล้วองค์หนึ่ง.หลังจากที่ได้สัมผัสกับระดับภพภูมิ
สูงๆมีชื่อหลายท่านมาปรากฏให้เห็น..
.แต่ก็ยังไม่เคยมีพระธาตุเสด็จมาเพิ่ม.พอเวลาผ่านไปก็มี ก็มีพระธาตุเสด็จ
มาเพิ่มและพระสรีระก็เพิ่มและสีก็เปลี่ยนไป.ทำให้พอตรวจสอบ
ตัวเองได้ว่า.ที่เรากำลังทำอยู่น่าจะยังคงอยู่ในแนวทาง
และมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆเพราะเรารู้ตัวเราดีครับ ว่าเรายังมีความดี
อยู่ระดับไหน กิเลสในใจเราเรื่องไหนที่มันยังเหลืออยู่
และเราควรจะทำอย่างไร และไม่เคยคิดว่าปรากฏการณ์อย่างนี้
จะทำให้กิเลสเราน้อยลงได้.ถ้าเรายังอยู่ในความประมาท..
หน้าที่เราคือเดินไปให้ถึง ถึงแม้บางคนจะเคยกล่าวหาว่าเพ้อเจ้อ
หรือปรุงแต่งแต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะรู้ว่าเป็นเรื่องปกติ
ที่จะโดนอย่างนี้กันได้ทุกคน...
.เราก็ทำของเราไปหมายก็เพื่อให้พ้นจากวัฏจักรนี้
แต่การที่เราจะมั่นใจเราจะพ้นอย่างน้อยเราก็ต้อง
มีความเสถียรพอสมควรในการสัมผัสความรู้สึกที่พ้นได้
เพราะจะรอตอนที่กำลังจะเปลี่ยนภพภูมิที่ซึ่งคาดการณ์ได้ยาก
ก็คงจะไม่ทันครับ.
เราก็ฝึกสร้างกำลังจิต
ของเราไปในตัวเอง และในอีกมุมหนึ่งเราก็ต้องมาดูด้วยว่า
การลด ละ กิเลส ในใจเรามันดีขึ้นด้วยไหม.
.เพราะว่าถ้าเรามาทางนี้เราจำเป็นที่จะต้องอาศัย
กำลังสมาธิ และความสามารถที่แปรผันกับระดับกิเลส
ที่น้อยลงเรื่อยๆจากการเดินปัญญาของเราควบคู่กันไป
อย่างที่แยกกันไม่ได้ แม้คนทั่วๆไปจะไม่เข้าใจ มีคนหมั่นไส้
เราบ้าง ว่าเราบ้าง ดูถูกเราบ้าง อิจฉาเราบ้าง หรือกล่าวหา
เราในทางอกุศลบ้าง อยากทดสอบกำลังจิตเราบ้าง
หรืออยากดูหนังหน้าเราหน่อยว่ามันจะแน่แค่ไหน..
มันก็ถือว่าเป็นธรรมดาที่ท่านๆที่พ้นแล้ว
ท่านก็เจอมาแล้วทั้งนั้นครับแถมสมัยก่อนหนักกว่าเราเยอะ
สมัยนี้คนบรรลุจากความเข้าใจของตนเองมันเยอะครับ
คนมองแต่ภายนอกมันเยอะครับ.น้อยคนที่จะมองที่ใจตน
ทั้งๆที่ผู้เป็นเลิศก็ไม่เคยสอนอะไรที่ห่างจากตัวเราเลย.
ท่านเปิดประตูให้ But you must enter by yourself ครับ
หน้าที่เรามันไม่ใช่ว่าหายใจไปวันๆ
หรือว่าหายใจไปเรื่อยๆเพราะยังหายใจได้อยู่
แต่สิ่งที่สำคัญไม่ว่าจะโดนอะไรก็ตามจากทั้งภายนอกและ
ภายในสิ่งสำคัญที่สุดคือ การรักษาลมหายใจนี้ไว้ครับ
เพราะเพื่อนที่ดีที่สุดคนนี้จะคอยบอกคอยคุ้มครองว่า
เราควรจะต้องดำเนินชีวิตอย่างไรตามเหตุและปัจจัย
เฉพาะบุคคลครับ..​

ปล.ประมาณนี้หละครับ..

 

ขอถามเพิ่มค่ะ
1. แล้วนอนหงายมือละค่ะ
เมื่อคืน ลองนอนหงายมือ (นอนสมาธิ) +พุทโธ ยังไม่รู้สึกร้อน หลับไปก่อนนะค่ะ น่าจะพอเพิ่มเวลาสะสมได้หรือเปล่าคะ

2. การหลับสมาธิ มีประโยชน์หรือเปล่าคะ จริงๆแล้วดิฉันทานยาเยอะมาก ทุกเม็ดทำให้ง่วงมาก (เพื่อทำให้คนไข้หลับอย่างเดียวไม่ต้องทำอะไร)
บางครั้งดิฉันต้องฝืน นั่งหลับสมาธิ (ก่อนนอน) ยังรู้ตัวนะค่ะ แต่รู้ว่าหลับแล้ว เพราะต้องเกร็งคอให้นิ่ง (ทำให้ปวดคอค่ะ) กับลมหายใจที่หยาบขึ้น
ยกเว้นในกรณีร่างกายไม่ไหวเหนื่อย ถึงจะไม่ทำ (เพราะการหลับสมาธิแบบไม่รู้ตัว ก็เหมือนการเผลอ)
2.1 ควรหรือเปล่า
เพราะจริงๆแล้ว ดิฉันง่วงทั้งวันค่ะ และหลับได้เสมอ ถ้าอยู่นิ่งๆ
2.2 เพื่อนบอก สมาธิดี แต่กำลังตก แล้วตกลงได้ประโยชน์หรือเปล่าคะเนี่ย
2.3 ดิฉันหลับแบบไม่ตกภวังค์ ตกจากที่สูงนะค่ะ (เป็นช่วงแรกนะค่ะ) ทราบว่าหลับเพราะลมหายใจหยาบขึ้นนิดนึง

3. เพื่อนบอกให้เปลี่ยนมาเช้ามืดหลังจากนอนอิ่มแล้ว ดิฉันลองมาประมาณ 1 ปี แล้วดิฉันว่า ด้วยความไม่สะดวกสมาธิถอยลงมากค่ะ

การเจริญสติในระหว่างวันเพื่อสะสมกำลัง ตอนนี้ดิฉันทำแทบไม่ค่อยได้ เรื่องเต็มหัวไปหมดค่ะ ตอนนี้เพิ่งกลับมาทวนของเก่า หลังจากเครียดจนลืมเจริญสติไปเลยหลายเดือน

 

แต่กระทู้กสิณในห้องอภิญญาโดนมาเฟียร์โจมตีคะ ดิฉันขี้เกียจไปต่อความยาวสาวความยืดเลยมาโพสต์ในห้องผีคะ

 

เรื่องแบบนี้ดิฉันเคยโดน (นานแล้วค่ะ) ประมาณ 2-3 กระทู้ คนละเรื่อง/เหตุการณ์ ก็โดนเหมือนเดิม ไม่ทราบว่าในห้องนั้นเป็นอะไรกัน

ทุกครั้งที่โพสต์ถาม กลับกลายเป็นคำเหน็บแนมไปเสีย หาคนตอบดีๆ ไม่ได้เลยค่ะ ถ้ามีก็น้อยกว่าคำด่าว่า แทบทุกคำตอบอ่านแล้วผิดวัตถุประสงค์ที่ดิฉันถาม เคยเสยกลับไป ก็กลับกลายเป็นมีอคติต่อกัน ทำให้ดิฉันไม่เข้าห้องนั้นนักค่ะ

ทำให้ดิฉันไม่รู้จะถามใคร โพสต์ที่ไหน

แม้เรื่องพลังจักระ ดิฉันยังไม่เริ่มหัวข้อด้วยคำว่าพลังจักระเลย กลายเป็นถามเรื่องผีไปก่อน (แล้วติดต่อคุณนพมามาให้ตอบหน้ากระทู้แทน โดยคำแนะนำของคุณ Ghost ว่าคุณนพน่าจะพอแนะนำอะไรได้ เพราะคิดว่ายาวมาก และคงเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆด้วย)

จริงแล้วดิฉันอยากพอรู้เรื่องกสินบ้าง เพื่อนเคยบอกนิดเดียว แต่ด้วยความที่ดิฉันยังไม่เข้าใจขอเว้นไปก่อน อย่างน้อยถ้ามีกระทู้คุณดัชเชสเก็บไว้ก็คงดี

 

หลายคนในห้องนั้นอ้างตัวเองสูงส่ง แต่ด่าคนได้เจ็บและใช้คำพูดได้จิกหัวมากคะ ขนาดดิฉันพยามญาติดีกด อนุโมทนาให้ทุกคนยังโดนด่า ไม่ความเมตตา ไม่มีพรหมวิหารสี่อยู่ในคำพูดของพวกเขาเลย

บางทีคนเขาไปตั้งกระทู้ถามตอบ ตัวเองไม่เห็นด้วยอธิบายพูดกะเขาดีๆก็ได้ ไม่ใช่ต้องมาด่า โดยเฉพาะ ที่ชื่อ leehonza, meneayea, tsukino2012 กะ ความตาย..... มีการมาเหน็บแนมดิฉันในบอร์ดด้วย บอกว่า มีคนเขาบอกให้อย่าพูดกับดิฉัน โอ้ยดิฉันอยากจะหัวเราะให้ตายคาโต๊ะคอมไปเลย เขาคิดว่า ดิฉันแคร์หรอ ว่า เขาจะอยากพูดไม่พูด คนเล่นบอร์ดนี้มีเป็นล้าน เป็นแสน

พวกนี้ หลงตัวเอง คะ ดิฉันพูดได้ สามภาษา มีเงินเดือนละครึ่งแสนโดยไม่ต้องทำงาน (แค่ตอนนี้โดนคนโกงและมีคดีความ) ดิฉันยังไม่เคยไปอวดอ้างดูถูกใคร

 

ตอบ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญครับ..ถ้าเราลืมเจริญสติ.รู้ตัวตอนไหนเราก็เริ่ม
ตอนนั้นครับ..มันก็มีลืมๆ ขาดๆเกิน บ้างปกติธรรมดาของมนุษย์ครับ.
ยิ่งเรามีภาระทางสมมุติด้วย เราอยู่กับสังคมด้วยจะไปหวังว่าจะเจริญสติ
ได้ตลอดก็คงจะไม่ใช่ง่ายๆ.เรานึกแค่เพียงว่า.ถ้าไม่ได้ทำงานทำอย่างไร
จิตจะสงบก็พอครับ.การเจริญสติไม่ใช่ว่าจะตามลมอย่างเดียว เดินๆไปนับ
ก้าวไปมันก็ใช่คับ ย้ายแขนไปนั้นไปนี่เรารู้ตัวมันก็ใช่ จำไว้ว่าหลักการคือ
ขอให้มีฐานอยู่กาย..และเราคิดว่าวั้นนี้ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่ต้องคิดเปรียบ
เทียบกับที่ผ่านมา หรือคาดหวังว่าข้างหน้าจะต้องดี เอาตอนนี้ก็พอครับ.
เพราะคนที่รู้ตัวเองว่า ตนเองไม่สตินั่นก็เพราะว่าเค้าฝึกเจริญสติอยู่ครับ.
การขาดๆหายๆมันก็คล้ายๆกับเป็นยูนิคที่เป็นงานเฉพาะเพราะฉนั้นถ้าเรา
ยังเป็นมนุษย์ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะไม่ขาดช่วง.เราก็แค่มาทำให้มันเป็น
รูทีนเพื่อให้มันชำนาญจะได้พลาดน้อยลง ที่ไม่พลาดไม่เคยขาดเลย
ในรอบ ๕ พันปีมีอยู่ท่านเดียวครับคือ ผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพ
ปล.ประมาณนี้ครับ เป็นไงคับตัวใหญ่อ่านง่ายขึ้นหรือยัง
คับคุณ Thanks คุณDuch ฮ่าๆๆ.