ขอถามอย่างเร่งด่วนเลยคะ เรื่องการทำแท้ง และผู้รู้เห็น

หนูมีเรื่องอยากจะปรึกษาคะ คือหนูได้รู้ว่าเพื่อนของหนู (นามสมมติ) J ตั้งท้อง J ต้องการอยากจะตรวจให้แน่ใจที่โรงพยาบาล เขาขอให้หนูไปด้วยเพราะเขากลัว หนูตกลงไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจว่าตั้งครรภ์หรือเปล่า แฟนของ J ขับรถพาพวกเราไป J ไม่ต้องการให้แฟนเขาเข้าไปห้องตรวจ ดังนั้นหนูจึงเข้าไปด้วย ผลออกมาคือเขาท้องได้ประมาณ 2 อาทิตย์ หลังจากเขารู้ว่าเขาท้อง J ตัดสินใจที่จะทำแท้ง หนูบอกกับเขา คุยกับเขา ว่าเรื่องการทำแท้งมันผิด ขอร้องเขาให้เอาเด็กเอาไว้ อย่าทำแท้ง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เปลี่ยนความคิดเลย หนูบอกเขาว่าถ้าเขาจะเอาเด็กไว้ก็ให้บอกหนู แต่ถ้าเขาไม่เอาไว้จะทำแท้งหรือทำอย่างอื่นก็อย่ามาบอกหนู เพราะหนูไม่อยากรู้และไม่อยากมีส่วนร่วม เขาบอกว่าเขาจะไปทำแท้งวันพุธที่จะถึงนี้ หนูบอกเขาว่าให้ปรึกษาพ่อแม่ แต่เขาปฏิเสธ เขาไม่ใช่คนไทยคะ และเขาก็ไม่นับถือศาสนาใดๆทั้งสิ่น

หนูอยากถามว่า หนูจะบาปไหมคะที่พาเขาไปตรวจครรภ์ หนูได้เข้าไปมีส่วนพัวพันเรื่องการทำแท้งกับเขาหรือเปล่าคะ? หนูกลัวว่าหนูจะเข้าไปพัวพันมากๆ หนูไม่อยากมีบาป เคยมีหมอดูท่านหนึ่งเตือนหนูว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับการทำแท้งเด็ดขาด เพราะหนูเคยทำผิดเรื่องนี้มาแต่ชาติก่อนแล้ว หนูกังวลและกลัวมากเลยคะ

ช่วยตอบข้อสงสัยด้วยนะคะ

ขอบคุณมากๆคะ

ป.ล. หนูไม่รู้ว่าหลังจากเขารู้ว่าท้องแล้วเขาจะทำแท้งหรือไม่
หนูเคยเตือนเขาตั้งแต่เขามีแฟนแล้วว่าให้ป้องกัน ถ้าท้องก็อย่าทำแท้ง

หนูกลัวว่าเด็กเขาจะอาฆาตหนูด้วย หนูไม่ต้องการให้เพื่อนหนูทำแท้งเลย
หนูบอกเพื่อนว่าถ้าเขาเอาเด็กไว้ หนูจะคอยอยู่ข้างเขา ดูแลด้วยเขา

หนูอยากให้เขาเอาเด็กไว้จริงๆคะ แต่มันขึ้นอยู่กับตัวของเพื่อนหนูเองว่าเขาจะตัดสินใจยังงัย

 

เร่งด่วนก็ตอบให้พลาง ๆ แล้วกัน
ท่านคงจำวัดแล้ว

ไม่ได้ส่งเสริมก็ไม่เป็นไร ไม่บาป
แต่เรื่องเด็กจะอาฆาตหรือไม่ต้องรอดูเอา

ถ้าโดนอาฆาตก็อุทิศบุญกรรมฐานกับสังฆทานให้เขาบ่อย ๆ

 

ขอบคุณคะ ที่ตอบ
หนูกลัวบาป กลัวเด็กจะอาฆาต กลัวกรรมจะติดตาม
หนูไม่ได้ยินดีหรือบอกเขาให้เขาไปทำแท้งเลย มีแต่กลับบอกเขาว่าอย่าทำ

 

แบบนี้ผมก็เคยมาครับมานขอให้แฟนผมพาไปส่งที่ทำแท้ง ห้ามปรามเท่าไรไม่ยอมลูกเดียว แฟนมานก็ขอจะรีบไปตกแต่งแต่ก็ไม่เอา เอาผมไปด้วยผมก็บอกว่ามันบาปเราเคยไม่ตั้งใจมาแล้ว แต่แฟนเก่าไม่ยอม เค้าก็ไม่ฟังสุดท้ายทำไปผมถือว่าผมไม่สนับสนุนก็ไม่คิดว่าไปร่วมฆ่าเขา ผมบอกแฟนเลิกคบกะมันเลยเพื่อนชั่วๆๆใจมันดำมาก แฟนผมมันก็คงผิดไปเหมือนกัน คราวต่อไปใครจะมีอะไรก็อย่าเอามาให้รู้เป็นพอเลี่ยงไปเลยครับ

 

การรู้จักเพื่อนที่กำลังจะกระทำปาณาติบาต ไม่มีธรรมข้อใดชี้ว่าเป็นบาป

ตอบ.

หากนำเกณฑ์ ศีล 5 มาพิจารณา ศีลไม่ขาดให้เป็นบาปแต่อย่างใด
แต่...ถ้ายังเก็บเอามาคิดจิตก็เศร้าหมองต่างหากที่เป็นอกุศล กินใจ
เพราะความไม่รู้ตามจริง ปล่อยวางไม่ได้
ทั้งที่เราไม่ได้รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ร่วมกระทำการ ยินดีกระทำผิด ขณะที่ทำแท้งทั้งสิ้น


เจริญพร

 

คุณไม่ได้สนับสนุนในการทำแท้ง ซ้ำยังช่วยห้ามปราบ เตือนสติ ดังนั้นคุณไม่มีบาปติดตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ได้กุศลด้วย

แต่ก็ต้องปล่อยไปสัตว์โลกไปตามกรรมนะครับ ให้วางอุเบกขาซะ จิตใจได้สบาย เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดใคร หรือทำให้คนอื่นมีความคิดคล้อยตามเราได้ทุกเรื่องหรอก

 

ขอบคุณทุกๆคำตอบคะ ทำให้เริ่มปล่อยวางได้แล้ว จะพยายามปล่อยวางให้มากกว่านี้นะคะ

ขอบคุณอีกครั้งคะ

 

ครับทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่จิต ถ้าใจเราเศร้าหมองถึงการทำแท้งนั้นๆ เราก็บาปด้วย แม้เราจะไม่ยินดีด้วยก็ตาม ถ้าไม่คิดถึงสิ่งเรานั้น ใจผ่องใสตลอดก็บุญครับ

ตามคำสอนทางพุทธศาสนา มีเศรษฐีคนหนึ่งทำบุญมาตลอดชีวิตเรียกว่ามีแต่บุญ บังเอิญไปเห็นคนกำลังฆ่าสัตว์อย่างทารุญอยู่ ช่วยไม่ทัน จิตใจคิดถึงเรื่องนี้ก็เศร้าหมองตลอด ก่อนตายก็คิดถึงอีก ตกนรกทันที แต่ด้วยบุญที่สะสมไว้มากจึงอยู่นรกแป๊บเดียว

ดังนั้นอย่าคิดถึงเรื่องที่ทำให้เราเศร้าหมองครับ....

 

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำคะ ตอนนี้ก็เริ่มปล่อยวางบ้างแล้ว ตอนนีที่ทำได้ก็สวดมนต์และนั่งสมาธิเพื่อแผ่บุญกุศลให้เด็กคะ คือตัวเพื่อนเองเขายังไม่ทำ เห็นบอกว่าอยากจะรอถึง 1 เดือนก่อนเพราะแม่ของเขาบอกมาแบบนั้น TT
ก็ขอให้ปาฏิหารย์มีจริง ให้เขารอถึง 9 เดือนและคลอดตามปกติเลยจะดีมาก

 

การทำลายชีวิต
บาปแน่นอนค่ะ

 

ไม่บาปครับ ดูจากองค์ประกอบของปาณาติบาท
๑ มีชีวิต
๒ รู้ว่ามีชีวิต
๓ มีจิตคิดจะฆ่า
๔ มีความพยายามทำให้ตาย
๕ สิ่งมีชีวิตตายลงด้วยความพยายามของเรา
ไม่ครบองค์ประกอบทั้ง ๕ ข้อ ขาดข้อใดข้อหนึ่งไปถือว่าไม่ได้ทำปาณา
ปล่อยวางเถอะครับ จิตจะเศร้าหมองโดยไม่มีเหตุผลเปล่าๆ
ผมก็รับรู้เรื่องการทำแท้งบ่อยๆ ได้แต่ห้าม และทำใจ และบอกว่ามันเป็นกรรม(การกระทำ)
ของเขา ไม่ใช่ของเรา สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เราก็ไม่รู้ว่าเขาผูกเวรผูกกรรมกันมาก่อนหรือเปล่า ไม่เกี่ยวกับเรา เพราะไม่ครบองค์ประกอบทั้ง ๕ เราไม่ได้ทำบาป

 

ขอบคุณมากๆคะ กระจ่างมากเลย

 

*****พิจารณาก่อนเถิดหนอท่านผู้เจริญ*****บาปนั้นอยู่ที่เจตนา ว่าในการกระทำนั้นมีเจตนาความรู้และตั้งใจกระทำบาปนั้นมากน้อยเพียงใด...หากบาปที่ได้กระทำนั้นมีเจตนามากบาปนั้นก็ย่อมมีผลมาก หากมีเจตนาน้อยก็ย่อมมีผลน้อย.

 

***********************************************


*****พิจารณาก่อนเถิดหนอท่านผู้เจริญ*****
.....อันคำกล่าวทั้ง๕ข้อของท่านนั้น อันเเรานั้นก็ยังเห็นว่ายังไม่แท้จริง ด้วยเหตุผลของคำท่านที่กล่าวว่า หากขาดข้อหนึ่งข้อใดภายใน๕ข้อนี้แล้วก็จะไม่ถือว่าเป็นปาณาติบาท....อันเราขอแสดงทางไว้ดังนี้.
.....การทำปาณาติบาทนั้นเกิดขึ้นได้3ทางคือ
***ทางกาย๑(ด้วยการที่ตนเองนั้นเป็นผู้กระทำการพรากชีวิตด้วยกาย)
***ทางวาจา๑(ด้วยการที่ตนเองกระทำการพรากชีวิตด้วยวาจาสั่งฆ่าหรือแม้แต่การให้วาจาบิดเบือนอันเป็นผลให้เกิดแก่ความตาย)
***ทางใจ๑(ด้วยการมีจิตใจอนุโมทนาเห็นชอบให้เกิดการพรากชีวิต)
.....ฉะนั้นหากเกิดการพรากชีวิตไม่ว่าจะข้อหนึ่งข้อใดใน3ข้อนี้ย่อมถือว่าต้องโทษปาณาติบาทแล้ว.

*****ส่วนทั้ง๕ข้อที่ท่านนั้นได้แสดงมาอันเราก็เห็นว่ามันเป็นการแสดงที่มีความคล้ายคลึงกับการต้องอาบัติของภิกษุมี ๖ อย่าง คือ
ต้องด้วยไม่ละอาย๑ ต้องด้วยไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นอาบัติ ๑ ต้องด้วยสงสัยแล้วขืนทำ๑ ต้องด้วยสำคัญว่าไม่ควรในสิ่งที่ควร๑ ต้องด้วยสำคัญว่าควรในสิ่งที่ไม่ควร๑ ต้องด้วยลืมสติ๑ *****ซึ่งทั้ง๖ข้อนี้ย่อมมีโทษหนักเบาต่างกัน คือโทษที่น่าตริเตียนที่สุดก็คือการกระทำด้วยความไม่ละอาย (รู้ว่าผิดแล้วจึงทำทั้งที่รู้) และโทษที่พอตริเตียนไม่ให้เกิดขึ้นอีกคือการกระทำด้วยความลืมสติ(ด้วยความไม่สามารถบังคับความรู้สึกของตนเองได้)......แต่หากสรุปแล้วว่าเมื่อต้องโทษอันเป็นผลจากข้อใดข้อหนึ่งภายใน๖ข้อนี้ถือว่าต้องโทษหรือไม่ ก็ต้องถือว่าความผิดนั้นเกิดขึ้นแล้วย่อมต้องโทษ.

*****ฉะนั้นทั้ง๕ข้อที่ท่านนั้นได้ยกมา อันเรานั้นได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในข้อใดข้อหนึ่งใน๕ข้อของท่านก็ย่อมถือว่าความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ความผิดนั้นจะมากหรือน้อยเกิดอยู่ที่เจตนานั่นเอง.....อันเรานั้นขอชี้ทางพิจารณาไว้เพียงเท่านี้แล....ขออนุโมทนา มาด้วยประการ ณ ฉะนี้แล.

 

อย่างไร ก็มาเล่าความก้าวหน้าให้ฟังด้วยนะคะ ช่วยลุ้นด้วยคนค่ะ

 

เอาเป็นว่า อย่าวิตกจนเกินไปนะคะ ตั้งสติค่ะ
พระพุทธองค์ ตรัสว่า เจตนาเป็นกรรม ซึ่งเราย่อมรู้ตัวเราดีว่า..เราเจตนาหรือไม่ หากไม่เจตนาทั้งการคิด ทั้งวาจา ทั้งกาย
ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เท่าที่ท่านเล่ามานี้ก็ ท่านเองก็ไม่มีจิตคิดทำร้ายหรือ
เบียดเบียนผู้อื่นนี่ค่ะ และพาเพื่อนไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจให้รู้ อันนี้เพียงเพื่อให้รู้ ส่วนตัวเขาตัดสินใจอย่างนั้น ก็คงต้องรับผล(กรรม) เอาเองค่ะ

 

ปลอดภัย

ในบางประเทศผู้หญิงสามารถหาซื้อไมโซพรอสทอลที่ร้านยาใกล้บ้านได้และใช้ยาชนิดนี้เพียงอย่างเดียวโดยไมได้ใช้ไมเฟพริสโตนด้วย ถ้าเช่นนั้นเพราะอะไรคุณจึงควรใช้บริการที่นี่?
ถ้าผู้หญิงใช้ทั้งไมเฟพริสโตนและ ไมโซพรอสทอลเพื่อการทำแท้ง จะมีโอกาสทำแท้งได้สำเร็จมากกว่าการใช้ไมโซพรอสทอลเพียงอย่างเดียว ( ร้อยละ 98 % เทียบกับร้อยละ 80% )
ในบางพื้นที่ผู้หญิงสามารถหาซื้อไมโซพรอสทอลได้จากร้านขายยาใกล้บ้าน แต่ในหลายๆประเทศผู้หญิงไม่สามารถหาซื้อยาได้ มีเว็บไซต์ที่ขายยาไมโซโพสตอล และ บางครั้งก็อาจหาซื้อได้จากตลาดมืด ยาเหล่านี้อาจด้อยคุณภาพ และในบางครั้งยาที่ให้ก็อาจจะไม่ใช่ไมโซพรอสทอล ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้หญิงจะได้รับไมเฟพริสโตนและ ไมโซพรอสทอลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ที่จะสามารถให้คำแนะนำว่าจะใช้ยาได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยอย่างไร
ในการรับบริการจากเว็บไซต์นี้ Women on Web จะขอรับบริจาคขั้นต่ำจากผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์สามารถอยู่ได้ และช่วยให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ได้ประโยชน์จากบริการช่วยเหลือนี้ ในประเทศที่มีข้อจำกัดเรื่องการทำแท้ง การทำแท้งโดยแพทย์อาจจะต้องใช้เงินสูงถึง 20,000 – 60,000 บาท ( 500-1500 ยูโร, ยูโรละ ประมาณ 40 บาท : อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 9 สิงหาคม 2553) การหาซื้อไมโซพรอสทอลในตลาดมืดอาจมีราคาสูงถึง 100 ยูโร ผู้หญิงจำนวนมากไม่สามารถหาเงินจำนวนนี้ได้ women on web จึงเสนอทางเลือกแทนการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย และเพื่อให้ผู้หญิงที่มีเงินน้อยสามารถเข้าถึงการทำแท้งด้วยยาอย่างปลอดภัยได้
ข้อมูลเพิ่มเติมทางการแพทย์ :
การศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าอัตราความสำเร็จในการทำแท้งด้วยยาไมโซพรอสทอล อยู่ที่ ร้อยละ 77 ถึง ร้อยละ 88 สำหรับการตั้งครรภ์จนถึงระยะสัปดาห์ที่ 11 (77 วัน) การใช้ยาไมเฟพริสโตนและ ไมโซพรอสทอลร่วมกันจะทำให้ยุติการตั้งครรภ์ได้ประมาณร้อยละ 96 – 99 5 7 13 15 16 17 20 22
สภาประชากร หรือ The Population Council ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ได้แสดงความห่วงใยในการขายยาเพื่อทำแท้งอย่างไม่ปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ต 6
ถ้าผู้หญิงไม่มีทางเลือกที่ปลอดภัย ผู้หญิงจะถูกบังคับให้ต้องหันไปหาวิธีการที่เสี่ยงอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ผู้หญิงบางคนได้รับการขูดมดลูกจากผู้ที่ไม่ได้เรียนทางด้านนี้มาโดยตรง หรือ ทำในสภาพที่ไม่ปลอดภัย ในขณะที่คนอื่นๆ พยายามทำแท้งด้วยการทำร้ายร่างกายหรือการใช้สารเคมี เช่น การต่อยท้อง หรือกินน้ำยาฟอกขาวหรือผงซักฟอก 32 เอกสารชิ้นหนึ่งที่กล่าวถึงการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยในละตินอเมริกากล่าวว่า “ปรากฎการณ์ล่าสุดที่น่าเป็นห่วงคือ...จำนวนของผู้หญิงที่เสียชีวิตเพราะยาฆ่าแมลง เพราะผู้หญิงได้ซื้อยาราคาถูกจากตลาดมากินเพื่อขับเลือด และสุดท้ายก็ได้รับพิษจากยา ซึ่งบ่อยครั้งนำไปสู่การเสียชีวิตในที่สุด" 31
การใช้ยาไมเฟพริสโตนและไมโซพรอสทอลร่วมกันมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ไมโซพรอสทอลเพียงอย่างเดียวทำให้การใช้ยาสองชนิดยังถูกกว่าการใช้ไมโซพรอสทอลเพียงอย่างเดียวด้วย 41 อัตราการแท้งที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นหมายถึงการลดความจำเป็นในการไปหาหมอหรือไปโรงพยาบาล และทำให้ผู้หญิงเครียดน้อยลงด้วย การศึกษาชิ้นเดียวกันได้แสดงให้เห็นว่าการใช้ยาไมเฟพริสโตนและ ไมโซพรอสทอลพร้อมๆ กันมีความคุ้มค่ามากกว่า และการใช้ไมโซพรอสทอลเพียงอย่างเดียวยังมีความซับซ้อนมากกว่าการใช้ไมเฟพริสโตนร่วมกับ ไมโซพรอสทอลด้วย 40
ถ้าคุณต้องการติดต่อ women on web เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องการทำแท้งอย่างปลอดภัย ขอให้เข้าไปที่ womenonweb.org หรือ เขียนไปที่ info@womenonweb.org
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ข้อมูลข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของหน้าเว็บที่ให้ข้อมูลของ womenonweb.org ค่ะ
ซึ่งบางส่วนก็เป็นการอ้างงานวิจัยสนับสนุนด้วย เพราะอยากให้ผู้หญิงมีความระมัดระวังเรื่องการหาซื้อยาทางอินเตอร์เน็ตค่ะ