ขอทราบชื่อ ตรี ของพระนารายณ์ครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นักขัต, 25 สิงหาคม 2013.

  1. นักขัต

    นักขัต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +777
    จักรของพระนารายณ์ชื่อ สุทัศนะ
    ตรีของพระศิวะชื่อ ศูลิน
    แล้วตรีของพระนารายณ์ชื่ออะไรครับ?

    มีท่านใดพอจะทราบมั้ยครับ
    แล้วมีชื่อทั้งหมดที่ว่ามีกว่า 1000 ชื่อของพระนารายณ์มั้ยครับ

    ขอบคุณครับ :)
     
  2. DHAMMAPHOL

    DHAMMAPHOL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,746
    ค่าพลัง:
    +2,105
    [​IMG]
    "ตรี ของพระนารายณ์ไม่ปรากฏชื่อในที่ใด?ส่วน เกาโมทกี คือชื่อของ คฑา ครับ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2013
  3. นักขัต

    นักขัต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +777
    ขอบคุณมากครับ
    คืนนี้นอนหลับแล้วววววว ^___^
     
  4. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    คฑาของพระนารายณ์ต่างหากครับที่ชื่อว่า เกาโมทกี พระนารายณ์ของอินเดียไม่ทรงตรีศูลแต่ถือดอกบัวครับ

    พระนารายณ์ไทยทำไมถึงถือ “ตรี”?


    สยามกาลครั้งหนึ่ง

    ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ



    เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่าตามความเชื่อในปรัมปราคติของพวกพราหมณ์นั้น พระนารายณ์ท่านมีสี่กร ที่มีศัพท์เรียกเฉพาะว่า “จตุรภุช” และในพระกรทั้งสี่ยังทรงไว้ด้วย จักร สังข์ คทา และธรณี (บางทีแทนด้วยดอกบัว) อยู่แยกกันในแต่ละพระกรอีกต่างหาก

    “จักร” เป็นเครื่องสูงนะครับ ไม่ใช่อาวุธที่ใช้รบได้จริง แม้ว่าภาพยนตร์เทพเจ้าของพวกแขกจะพาเราเคลิบเคลิ้มถึงอานุภาพที่เทพเจ้าขว้างเอา จักร ไปบั่นหัวใครต่อใครเล่น ในสนามรบจริงนั้น จักร แทบจะใช้เป็นอาวุธคู่กายไม่ได้เลย เพราะเป็นของใช้แล้วทิ้ง ขว้างไปแล้วคงไม่เหลืออาวุธอะไรไว้ใช้ติดมืออีกหากไม่พกสำรองมาด้วย

    แต่ จักร กลับเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในเชิงสัญลักษณ์ หนังสือเก่าแก่ที่สุดของพวกพราหมณ์คือ ฤคเวท อ้างว่า “พระสูรยะ” คือ “จักร” ที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า จึงไม่แปลกอะไรเลยที่พระวิษณุ (ชื่อของพระนารายณ์สมัยพระเวท) ที่ในสมัยพระเวท ซึ่งเก่าแก่ก่อนเกิดศาสนาพราหมณ์-ฮินดู จะครองตำแหน่งเทพแห่งแสงอาทิตย์ในสามช่วงเวลาคือ เช้า กลางวัน และเย็น จะทรงจักรอยู่ในพระหัตถ์ เพราะนับว่าเกี่ยวข้องกับพระอาทิตย์มาแต่เดิม ศาสนาพุทธเองก็ใช้รูป “ธรรมจักร” เป็นเครื่องหมายประจำศาสนาของตน นัยว่าเป็นกงล้อแห่งธรรมที่เคลื่อนไปยามเมื่อพระพุทธองค์ประกาศพระศาสนา

    รูปทรงและจินตกรรมถึงการเคลื่อนไหวของ “จักร” จึงหมายถึงการเริ่มต้น การเคลื่อนไป หรือการดำเนินอยู่ของอะไรสักอย่างหนึ่ง และถ้าอะไรสักอย่างที่เริ่มต้น เคลื่อนไหว หรือดำเนินอยู่ดังกล่าวเป็นเรื่องมงคล ก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ดีไม่น้อย

    “สังข์” ก็เป็นเครื่องสูงอีกเช่นกัน คงไม่มีใครคิดเอาชนะอริศัตรูด้วยการใช้สังข์ไปไล่ฟาดใส่กระหม่อม แม้แต่พระนารายณ์เองก็เถอะ ธรรมเนียมการใช้ สังข์ ยามศึกสงครามเป็นการเป่าสังข์ก่อนที่จะเริ่มทำการสัปประยุทธ โดยถือว่าเป็นการเอาฤกษ์ เอาชัย

    เสียงจากซากเปลือกหอยธรรมดาตัวหนึ่งทำไมจึงศักดิ์สิทธิ์นัก?

    แน่นอนว่าหอยสังข์ โดยเฉพาะหอยสังข์ที่มีลักษณะมงคลต้องตามตำราเป็นสิ่งของหายาก แต่สิ่งที่ชวนพิศวงมากกว่าคือ “โลก” ภายในเปลือกของสังข์ที่มีลักษณะคดโค้งเป็นวง ไม่ต่างไปจากวงขมวดพระพระเกศาของพระพุทธเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ เพราะโลกภายเปลือกสังข์นั้นสามารถสร้าง “ชีวิต” คือตัวหอยขึ้นมาได้ (ในทำนองเดียวกันบรรพบุรุษของชาวจีนก็อัศจรรย์ใจกับ “โลก” ภายใน “กระดองเต่า” จนใช้กระดองเต่าเป็นเครื่องมือประกอบพิธีกรรมและเสี่ยงทายมาตั้งแต่ยุคเมื่อเกือบ 4,000 ปีมาแล้ว)

    อะไรก็ตามที่ได้ผ่านเข้าไปในโลกนั้นและกลับออกมาแล้วถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะ “เสียง” ที่ได้จากการพ่น “ลมหายใจ” เข้าไปก่อนการรบก็ดี หรือ “น้ำ” ที่ผ่านเข้าไปพร้อมการบริกรรมพระเวทหรือโศลกศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ โดยพราหมณ์ เพื่อใช้ในพิธีอภิเษกต่างๆ (เช่น อภิเษกสมรส บรมราชภิเษก ฯลฯ) ก็ดี

    ในแทบจะทุกวัฒนธรรมของโลก ทั้ง “ลมหายใจ” และ “น้ำ” เป็นสัญลักษณ์ของ “ชีวิต” แต่ก็เป็นเพียงนามธรรม หรือเรื่องในอุดมคติเท่านั้น ใครเลยจะเห็นว่าลมแห้งๆที่พ่นออกมาจากร่างกายของเรา กับน้ำเฉอะแฉะเป็นชีวิตจริงๆไปได้ เว้นแต่ลมหายใจ หรือน้ำ นั้นได้ผ่านเข้าไปในโลกที่สามารถให้กำเนิดชีวิตอย่างเปลือกหอยสังข์?

    “คทา” ก็เป็นเครื่องสูงอีกชนิดหนึ่งเช่นกัน แต่เป็นของที่อินเดียรับเอามาจากโลกที่อยู่ทางตะวันตกของตนเอง เพราะมีอยู่ก่อนแล้วทั้งในดินแดนเมโสโปเตเมีย อียิปต์ หรือแม้กระทั่งกรีก

    ในโลกเหล่านั้น คทา เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ จึงครองอยู่ในพระหัตถ์ของกษัตริย์ (และไม่แปลกอะไรที่เทพเจ้าที่ครองพระองค์ในวรรณะกษัตริย์อย่างพระนารายณ์จะทรงคทา) หรือผู้ทรงฤทธิ์อย่างพวกพ่อมด ซึ่งก็เป็นชนชั้นนำเดิมในโลกเหล่านั้นด้วย

    เราคงพอนึกภาพกษัตริย์ชาวยูโรเปียน หรือแม้กระทั่งฟาโรห์แห่งอียิปต์ทรงครอง คทา อยู่ในพระหัตถ์ พระองค์ไม่เคยใช้คทาในการรบพุ่ง หรือทำอย่างอื่นหรอก นอกเหนือจากทรงเอาไว้ในเวลาชี้พระดรรชนีมีพระราโชวาทสั่งงานผู้ใต้บังคับบัญชาของพระองค์

    ทั้งจักร สังข์ และคทา จึงเป็นตัวอย่างในการอธิบายว่าทำไมกษัตริย์จึงต้องครองเครื่องสูง เพราะเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ และความเป็นสิริมงคลต่างๆ ทุกวันนี้ยังเห็นอยู่ได้ทั่วไปในทุกๆราชวงศ์ ตัวอย่างชัดๆคือ เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ แห่งราชวงศ์จักรี เป็นต้น

    “ธรณี” กลับเป็นสิ่งเดียวที่ไม่ใช่เครื่องสูง แต่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ แน่นอนว่า ธรณี หมายถึง “แผ่นดิน” และเทพเจ้าผู้ทรงฤทธิ์อย่างพระนารายณ์จะครองแผ่นดินก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดพิกลอันใด

    บางครั้ง “ธรณี” ก็ใช้สัญลักษณ์แทนด้วยรูป “ก้อนดิน” แต่บางทีก็เป็นก็แทนด้วยรูป “ดอกบัว” ในระบบสัญลักษณ์ของชมพูทวีป “ดอกบัวเป็นสิ่งที่โผล่พ้นน้ำไม่ต่างไปจากโลก” ความตอนนี้มีอยู่ในคัมภีร์ในศาสนาพราหมณ์ที่ชื่อว่า มีตริ

    รูปพระนารายณ์ทรงจักร สังข์ คทา ธรณี (หรือ ดอกบัว) พบทั่วไปในอินเดีย และในอุษาคเนย์ด้วย ลักษณะอย่างนี้ดูจะเป็น “แบบแผน” ของรูปพระนารายณ์ที่คุ้นเคยกันดี แม้ว่าในตำราเล่มสำคัญในศาสนาพราหมณ์อย่างวิษณุธรรมโมตระปุราณะ จะระบุไว้ว่าพระแสงอาวุธของพระนารายณ์ได้แก่ 1. ศักดิ์ (หอกซัด) 2. ทัณฑ์ (ไม้ตะบอง) หรือ คทา (ไม้ตะพด, ในอินเดียสมัยโบราณเองก็ดูจะสับสนระหว่าง ทัณฑ์และคทาอยู่ เพราะใช้สลับกันอยู่หลายครั้ง) 3. ขรรค์ 4. บาศ 5. ธง 6. ธนู 7. ตรีศูล 8. สังข์ 9. เหติ (ขวานชนิดหนึ่ง) 10. ดุจภินทิ (ดิ่ง) รวมเรียกว่า “ทศายุธ” หรืออาวุธ 10 ชนิด ซึ่งหมายความว่า รูปพระนารายณ์ไม่จำเป็นตรงทรงเฉพาะ จักร สังข์ คทา และธรณี ก็ตามที

    แต่ในสมัยอยุธยา รูปพระนารายณ์กลับมีธรรมเนียมการทรง “ตรี” ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่ในยุคก่อนหน้าไม่มีรูปพระนารายณ์ทรงตรีมาก่อนเลย

    และก็ธรรมเนียมที่ว่าเพิ่งเริ่มในยุคปลายอยุธยาคือช่วงยุคปลายกรุงศรีอยุธยา ส่งผ่านมาจนเป็นแบบแผนในยุคกรุงเทพฯ อยุธยาในยุคก่อนหน้านั้น ยังมีรูปพระนารายณ์ที่สร้างตามธรรมเนียมแบบแผนอย่างขอมอยู่

    ถึงแม้ว่าจะในตำราวิษณุธรรมโมตตระ จะมีความระบุว่า พระนารายณ์ก็ทรงตรีในพระหัตถ์ของพระองค์ได้ แต่ก็ดูจะไกลตัวออกไป เพราะเป็นตำราปุราณะเก่าแก่ของอินเดียที่อยุธยาไม่ได้ยึดถือ หรือเกี่ยวข้องอ้างอิงไปถึงเลย และหากจะเกี่ยวข้องกันอยู่บ้างกระเซ็นกระสายทำไมจึงเลือกเฉพาะ “ตรี” ไม่เลือกอย่างอื่น?

    พระยาอนุมานราชธน และพระสารประเสริฐ ในนามของเสฐียรโกเศศ และนาคะประทีป เคยตั้งประเด็นสงสัยอย่างน่าสนใจเอาไว้ว่า “ตรี” ในที่นี้อาจตัดมาจากคำว่า “ธาตรี” ที่แปลว่า “แผ่นดิน” ได้บ้างกระมัง? เพราะในคำพากย์รามเกียรติ์สมัยกรุงเก่ามีข้อความที่ว่า “สี่มือถือทาย สังข์จักรคทาธาตรี”

    คำพากย์รามเกียรติ์ เป็นบทพากย์โขนหรือหนังใหญ่ ที่อายุไม่ได้เก่าแก่ไปกว่าช่วงราว พ.ศ. 2230 อันเป็นรัชสมัยของพระเพทราชา ร่วมระยะเวลาเดียวกันกับช่วงที่เริ่มมีแบบแผนการสร้างรูปพระนารายณ์ถือตรีอยู่

    ความตรงนี้น่าสนใจเพราะเป็นไปได้บทพากย์มหรสพ (ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมในรูปมหรสพหรือไม่ก็ตามที) ย่อมมีผลต่อการสร้างความเข้าใจของผู้คนในวงกว้างมากกว่า ตัวอักษรที่จดจารอยู่ในตำรา ซึ่งมีผู้คนจำนวนไม่มากที่สามารถอ่านหรือเข้าถึงตำราฉบับนั้น

    ผมคิดว่าข้อสงสัยของ เจ้าคุณอนุมานฯ และพระสารประเสริฐ น่าขบคิดและตีความต่อเป็นอย่างมาก เพราะประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ใช่ทุกคน (ทั้งที่รู้ และไม่รู้หนังสือ) จะทราบว่า “ธาตรี” แปลว่า “แผ่นดิน”

    และจะแปลกอะไรที่ช่าง (ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งผู้ที่รู้ และไม่รู้หนังสือ) จะเข้าใจว่า พระนารายณ์นั้นทรงตรี แค่จะได้ยินถนัดหูหรือเปล่ายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ?

    [​IMG][​IMG]
     
  5. stone111

    stone111 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +32
    โมทนา สาธุ
    เก่งมากครับ ขอชมเชย เจ้าของบทความ
    นำเสนอพร้อมหลักการที่น่าเืชื่อถือได้ ตามหลักประติมานวิทยา (Iconography)
    ผมมีความเห็นว่า ธาตรี น่าจะมาจากคำว่า ธาตุ + ตรี = ผู้เป็นใหญ่แห่งโลกธาตุทั้ง 3 ภพ
    (โลกสวรรค์ โลกบาดาล และโลกมนุษย์)

    ผิดพลาดประการ ก้ต้องขอโทษไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
    หากมีคำชี้แนะเพิ่มเติม เรียนเชิญครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 สิงหาคม 2013
  6. DHAMMAPHOL

    DHAMMAPHOL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,746
    ค่าพลัง:
    +2,105
    [​IMG]
    "พระนารายณ์และพระอิศวร ครับ:พระนารายณ์ทรง ตรี,คฑา,จักร,สังข์ ส่วนพระอิศวรทรงตรีศูล สำหรับข้อมูลที่ผมไปค้นมาตอบกระทู้ว่า ตรีของพระนารายณ์ชื่อ เกาโมทกี นั้นเป็นความเข้าใจผิดของผมเองเพราะใน หนังสือเทวกำเนิดของอำมาตย์เอกพระยาสัจจาภิรมย์อุดมราชภักดี(สรวง ศรีเพ็ญ) ระบุว่าตรีคฑาของพระนารายณ์ชื่อ เกาโมทกี คำว่า ตรีกับคฑาพิมพ์ติดกัน ผมจึงคิดว่า ตรี มีชื่อว่า เกาโมทกี,คฑาที่พิมพ์ติดกัน ไม่มีชื่อ ครับ ผมขออภัยในความเข้าใจผิดนี้ด้วยครับ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2013
  7. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ขออนุญาตเพิ่มเติมบางส่วน

    [​IMG]

    พระวิษณุ (พระนารายณ์) สมัยก่อนยุคเมืองพระนคร
    คริสต์ศตวรรษที่ 7 เวียดนาม

    “คุณลักษณะขององค์พระนารายณ์เป็นอย่างไร?”
    พระองค์ทรงเครื่องแบบกษัตริย์สีเหลืองทอง มีสี่พระกร ทรงถือสังข์ มีชื่อว่า “ปัญจชันย”
    แทนความรู้ที่สื่อออกมาจากคำพูดหรือเสียงของพระผู้เป็นเจ้า, จักร มีชื่อว่า “สุทรรสน์ /วัชระนาถ”
    แทนความรู้แห่งตนและวงจรของโลก, คฑา มีชื่อว่า “เกาโมทกี” แทนชัยชนะที่มีเหนือกิเลสทั้งห้า
    ผ่านทางกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม และดอกบัว มีชื่อว่า “ปทุม” แทนความบริสุทธิ์และการปล่อยวาง
    จากอกุศลทั้งปวง บางครั้งพระองค์ทรงตรีหรือพระขรรค์ มีชื่อว่า “นันทก”, ธนู มีชื่อว่า “ศารง”, บ่วงบาศก์ (เชือก)
    และธรณี (แทนที่ด้วยดอกบัว) พระองค์ทรงครุฑเป็นพาหนะและทรงประทับบัลลังก์บนพระยาอนันตนาคราช

    “ครอบครัวขององค์พระนารายณ์มีใครบ้าง?"
    พระนารายณ์นอกจากจะทรงเป็นที่รักของเหล่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายแล้ว ยังทรงมีพระทัยที่อ่อนโยนและสุภาพยิ่งนัก
    พระองค์ทรงมีพระชายาสองพระองค์ ได้แก่ พระแม่ลักษมีเทวีแห่งความร่ำรวย (พระศรี) ทรงมีดอกบัวประจำพระองค์
    และพระภูมิเทวีแห่งผืนแผ่นปฐพี (พระแม่ธรณี) ทรงมีสัญลักษณ์บีบมวยผม บ้างก็กล่าวกันว่าพระชายาทั้งสองพระองค์คือองค์เดียวกัน

    “ทิพย์พิมานขององค์พระนารายณ์อยู่ที่ไหน?”
    ณ ทิพย์พิมาน 2 แห่ง คือ สวรรค์ไวกูณฐ์สรวงสวรรค์ชั้นฟ้ามีปริมณฑลโดยรอบถึงแปดสิบไมล์ล้วนเป็นทองคำ
    และเกษียรสมุทรกลางมหานทีทรงประทับอยู่บนพระยา อนันตนาคราชนามว่า “เศษะ” หรือที่นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า
    “นารายณ์บรรทมสินธุ์” บ้างก็กล่าวว่าสวรรค์ไวกูณฐ์เป็นที่เดียวกันกับเกษียรสมุทร

    “พระนามของพระนารายณ์มีชื่อว่าอะไรบ้าง?”
    พระนามของพระนารายณ์มีถึงหนึ่งพันพระนาม ที่นิยมเรียกกันโดยทั่วไป ได้แก่ นารายณ์ (พระผู้ที่เคลื่อนไปในน้ำ),
    หริ (พระผู้ดูแลแห่งจักรวาล), อนันตะ (ไม่สิ้นสุด), จตุรภุช (พระผู้มี 4 กร), นระ (ผู้ชาย),
    ปัญจายุทธ (พระผู้ทรงอาวุธทั้ง 5 อย่าง), ปีตามพร (พระผู้ทรงเครื่องสีเหลือง), ทโมทร (พระผู้มีเชือกพันเอาไว้รอบเอว),
    กฤษณะ, โควินทะ, โคบาล (ผู้เลี้ยงวัว), ชลศายิน (พระผู้บรรทมอยู่เหนือน้ำ), พระพิษณุหริ (พระผู้สงวน),
    อนันตไศยน (พระผู้บรรทมอยู่บนอนันตนาคราช), ลักษมีบดี (พระผู้เป็นสวามีของพระแม่ลักษมี), วิษว์บวร (พระผู้คุ้มครองโลก),
    สวยภู (พระผู้เกิดเอง), กิรีติน (พระผู้ทรงสวมมงกุฎ) เป็นต้น แต่พระนามที่ปรากฎพบในอารยธรรมเขมรแห่งนี้
    ได้แก่ พระปรกฤติ และพระนารายณะ ฯลฯ

    “เหตุใดพระนารายณ์จึงอวตาร?”
    คราใดก็ตามเกิดยุคเข็ญในโลก พระนารายณ์จะแบ่งพระภาคหรืออวตารลงมาปราบยุคเข็ญ “เมื่อใดธรรมะถูกย่ำยี
    อธรรมเฟื่องฟูแล้วไซร้ เราจะอวตารมาเพื่อขจัดความชั่วร้าย เพื่อผดุงความยุติธรรมและดำรงรักษาธรรมไว้ตลอดกาล”
    โดยแท้จริงแล้วมีด้วยกันทั้งหมด 34 ปาง แต่ปางที่สำคัญสิบลำดับท้ายสุด ที่นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า “นารายณ์สิบปาง”

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • vishnu.jpg
      vishnu.jpg
      ขนาดไฟล์:
      101.1 KB
      เปิดดู:
      7,923
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2013
  8. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    นารายณ์บรรทมสินธุ์ (วิษณุอนันตศายินปัทมนาคิน)

    [​IMG]

    ศิลาทับหลังประตูขุมโถง ปราสาทเขาพนมรุ้ง จ. บุรีรัมย์ ศิลปลพบุรี พ.ศ. 1675

    คัมภีร์วราหปุราณะกล่าวว่า หลังจากพระนารายณ์อวตารเพื่อปราบยุคเข็ญแล้ว โลกก็ย่อมอยู่เย็นเป็นสุข
    แต่หากเมื่อใดโลกได้ถูกทำลายหรืออยู่ระหว่างชำระล้างอยู่นั้น โดยปราศจากกิจใดๆ พระนารายณ์ก็จะบรรทม
    อยู่บนพระยาอนันตนาคราชกลาง มหานทีแห่งเกษียรสมุทร เพื่อบรรทมพักผ่อนในระหว่างกัปล์นั้น
    จนกว่าจะได้มีปทุม ผุดขึ้นพร้อมกับพระพรหมจากพระนาภี (สะดือ) เพื่อสร้างสรรค์สรรพสิ่งใหม่อีกครั้ง
    โดยปกติภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์จะมีสองลักษณะ คือ ภาพที่มีและไม่มีการกำเนิดพระพรหมประทับบนดอกบัว

    ภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์กำเนิดพระพรหม โดยพระนารายณ์บรรทมตะแคงขวาเหนือพระยาอนันตนาคราช
    ซึ่งทอดตัวอยู่เหนือมังกรอีกต่อหนึ่งท่ามกลางเกษียรสมุทร มีก้านดอกบัวผุดขึ้นจากพระนาภีของพระองค์
    มีพระพรหมประทับอยู่เหนือดอกบัวนั้น พระนารายณ์ทรงถือ คฑา สังข์ และจักรไว้ในพระหัตถ์หน้าซ้าย
    พระหัตถ์หลังซ้ายและพระหัตถ์หลังด้านขวาตามลำดับ ส่วนพระหัตถ์หน้าขวารองรับพระเศียรของ
    พระองค์เองทรงมงกุฏรูปกรวย กุณฑล กรองศอและทรงผ้าจีบเป็นริ้ว มีชายผ้ารูปหางปลาซ้อนกันอยู่ 2 ชั้น
    ด้านหน้าคาดทับด้วยสายรัดพระองค์ มีอุบะขนาดสั้นห้อยประดับมีพระลักษมีชายาของพระองค์กำลังรองรับพระชงฆ์ (น่อง)
    โดยมีพระพรหมประทับอยู่เหนือบัวบานบนก้านกลาง มีสี่พักตร์ สี่กร ถัดจากองค์พระนารายณ์มาทางปลายพระบาทซ้าย
    มีรูปหน้ากาลคายพวงอุบะขนาดใหญ่ เหนือหน้ากาลมีรูปครุฑใช้มือยึดนาคไว้ข้างละต้น

    นอกจากนี้ยังปรากฎรูปสัตว์อื่นๆ ได้แก่ นกแก้ว ลิง และนกหัสดีลิงค์คาบช้างอยู่ด้วย การกำเนิดของพระพรหมนี้
    เพื่อสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาใหม่ ด้วยลักษณะของภาพสลักนี้ ทำให้เข้าใจว่าทับหลังนี้สร้างขึ้นหลังสมัยปราสาทนครวัด
    ระหว่าง พ.ศ. 1675 - 1700

    เบื้องหลังทับหลังองค์นี้ ได้สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวไทยในอดีตที่ได้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง ความเดิมมีอยู่ว่า…

    “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์เป็นทับหลังที่ปราสาทหินพนมรุ้ง นับเป็นโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ที่ถูกโจรกรรม
    ไปเมื่อราวปี พ.ศ. 2503 และถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่สถาบันศิลปะชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ในที่สุดชาวไทย
    นำโดยรัฐบาลและหม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ก็ได้ทับหลังชิ้นนี้คืนมา ทันวันพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งพอดี
    ในปี พ.ศ. 2531” (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • narayan1.jpg
      narayan1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.2 KB
      เปิดดู:
      4,717
  9. DHAMMAPHOL

    DHAMMAPHOL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,746
    ค่าพลัง:
    +2,105
    [​IMG]
    "พระมหาสังข์ ครับ:หากสมาชิกหรือบุคคลทั่วไปต้องการ ทราบความสำคัญของ หอยสังข์ ลองหา ข้อมูลเกี่ยวกับ พระนารายณ์ ๑๐ ปาง อ่านเพิ่มเติมนะครับ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2013
  10. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    [​IMG]

    หอยสังข์เหวัชระ (สามขา) ศิลปะแบบบายน
    คริสต์ศตวรรษที่ 12 -13 พิพิธภัณฑสถานพนมเปญ

    หอยสังข์เหวัชระสามขา ขาหยั่งสลักลวดลายเป็นตัวมักราหรือม้าน้ำ
    ปกติหอยสังข์จะใช้ประหนึ่งแตรเขาสัตว์แสดงถึงอำนาจของกษัตริย์หรือ
    ผู้มีอำนาจ เชื่อกันว่าเสียงแตรสังข์จะช่วยขับไล่วิญญาณชั่วร้ายและขจัดภัยธรรมชาติ
    หอยสังข์มีลวดลาย 2 แบบ คือ ลายวนซ้าย และลายวนขวา โดยเฉพาะลายวนขวาจะหาได้ยากมาก
    นิยมใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น โดยเฉพาะลัทธิวัชรยานถือเสมือนหนึ่ง
    การโคจรของดาวนพเคราะห์ การเป่าแตรสังข์มีจุดมุ่งหมายในการดนตรี การประชุม และการบรรจุน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • shell.jpg
      shell.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.2 KB
      เปิดดู:
      7,057
  11. Anti-God

    Anti-God เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +377
    พระนารายณ์,นารายนะ,บาราจี(พระนามภาษาท้องถิ่น) ในอินเดียพระองค์ไม่เคยทรง พระแสงตรีศูล ตามที่รูปสลัก-หล่อโลหะ ที่ค้นพบในพระราชวงศ์ขอมโบราณ-กรุงศรีอโยธยา
    ...พระแสงตรีเป็นเทวศาสตราที่มีเทพองค์สำคัญทรงใช้อยู่หลายพระองค์ แต่พระแสงตรีศูลิน มีเพียงองค์พระอิศวรพรือพระศิวะ พระองค์เดียวที่ทรงใช้และคล้องด้วยกลองบัณฑะว์ มีด้ามยาวลักษณะคล้ายหอกซัด พระนารายณ์พระองค์ทรง คฑา-จักร (ตำนานเล่าว่าพระศิิวะทรงประทาน จักร ให้) - สังข์ทักษิณาวัตรปากเบี่ยงขวา (ปัญจชันย์สังข์) - ดอกบัวทิพย์ เป็น4อย่างหลักๆ นี่ยังไม่รวมชิ้นอื่นๆในภาคอวตารของพระองค์
     
  12. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ยังอ่านไม่กระจ่างเลย
    ไปด่วนสรุป

    [​IMG]

    เอาละ ภาพนารายณ์เปิดโลก ภาพนี้ นิยมมากในอินเดียใต้
    อาวุธครบครัน เลือกตามใจชอบแล้วกัน
    ชื่ออาวุธ ไม่ต้องมีชื่อก็ได้ เพราะจำไม่หวาดไม่หวั่น

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2013
  13. Anti-God

    Anti-God เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +377
    อ่านกระจ่างสิครับ และผมยังไม่ได้บอกว่าสรุปอะไร เพียงแค่ตามเทวะสถานของพระองค์ที่มีรูปองค์เคารพหรือรูปเขียนตามกำแพง ยังไม่เคยเห็นพระองค์ทรงตรีศูลมาก่อน ผมหมายถึงแค่พระนารายณ์พระองค์เดียว ส่วนรูปพระนารายณ์เปิดโลกก็มีองค์พระศิวะรวมอยู่และเทพองค์สำคัญๆซึ่งล้วนแต่ทรงฉลองทรงศาสตราครบทุกชนิด รวมทั้งพระแสงตรีศูลินขององค์พระศิวะ
     
  14. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    ภาพนี้เรียกว่าวิรัตศวารูปเป็นการแสดงว่าทุกสิ่งเกิดจากพระวิษณุ พระวิษณุคือองค์ปรมาตมัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...