ขออนุญาตสอบถามพี่ๆและเพื่อนๆนักปฏิบัติทุกท่านครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย rattanasak, 26 ธันวาคม 2017.

  1. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    964
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ล่าเสร็จแล้ว ผนึกเรียบร้อย จัดการเรียบร้อย เหลือแค่กลับไปบวช
     
  2. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    อยู่บ้านก็ได้. ผมนอนกอดเมียยังระงับใจได้เลย. ไม่ต้องหนีผัสสะใดๆใจเด็ดจริงมีปัญญมีสมาธิจริง ละเว้นได้ครับ
     
  3. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ขออนุญาตถามคุณธรรมชาติครับ

    ในสภาวะรู้ที่เรียกว่าการเห็น สามารถเกิดได้ตอนที่ไม่ได้นั่งสมาธิมั้ยครับ คือในระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันหลายๆครั้ง หรือบ่อยครั้ง ที่ผมเกิดการเห็นในธรรมที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่ผมประสบอยู่ และพอเห็นแล้วมันเกิดปิติระเบิดออกมาแผ่ซ่านแล้วออกไป ถ้าผมรักษาสภาวะการเห็นนี้ไว้มันจะลงละเอียดไปเรื่อยๆ และขยายการรู้เห็นออกไปเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่รักษาไว้มันจะหายไปแล้วก็ระลึกไม่ได้อีกเลย (จริงๆแล้วถึงจะรักษาให้มันละเอียดไปเรื่อยๆได้ แต่พอผ่านไปผมก็ไม่สามารถระลึกขึ้นมาได้อีกเช่นกัน เหมือนกับที่คุณธรรมชาติบอกไว้ว่า ต้องเข้าทางเดิม แต่ลักษณะแบบนี้ ผมต้องเจอเหตุการณ์เดิมซ้ำ)

    ขออนุโมทนาในธรรมของคุณธรรมชาติด้วยครับ
     
  4. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    964
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ไม่ได้รู้ว่าล่าอะไร ผนึกอะไร อะไรเรียบร้อย
    แต่ทำเหมือนรู้
    เฮ้อ
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    http://www.sa-ngob.com/media.php?id=4955&con=1
     
  6. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    สวัสดีครับคุณนิวรณ์ ขอบคุณสำหรับเสียงเทศน์นะครับ ฟังไปได้นิดเดียวเองครับ เดั๋ยวว่างๆจะมาฟังใหม่นะครับ (ท่านเทศน์เร็วมากเลยครับ ฟังแทบไม่ทัน)

    ส่วนเรื่องที่ถามคุณธรรมชาติไปก่อนหน้า ผมต้องขอโทษด้วยครับ ข้อความไม่ครบครับ

    ผมเติมที่ประโยคสุดท้ายเลยนะครับ

    ที่คุณธรรมชาติบอกว่าต้องเข้าทางเดิม แต่ลักษณะแบบนี้ ผมต้องเจอเหตุการณ์แบบเดิมซ้ำหรือเปล่าครับ เพราะผมยังไม่เคยเจอซ้ำ หรือเจอเหตุการณ์ใกล้เคียงมันก็ไม่เห็นซ้ำครับ เหมือนมันข้ามเรื่องนั้นไปเลย ส่วนในระหว่างวันผมก็ยังคงทำแบบเดิม คือการครองสติอยู่ครับ(จะมีสมาธิด้วยเป็นปกติ) แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ต้องพิจารณาอะไรเมื่อเจอเหตุการณ์ มันเห็นของมันไปเองครับ

    ขออนุโมทนาครับ
     
  7. rattanasak

    rattanasak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    414
    ค่าพลัง:
    +616
    ตอนที่ผมบวชเป็นพระอยู่ มีวันนึงผมนั่งสมาธิจนจิตนิ่งเข้าภวัง ขนลุกซู่ซ๋าหลายเที่ยว ผ่านอาการเหน็บชาที่แสนจะเจ็บปวดปุ๊บ ก้อมีภาพปรากฏขึ้นมาทันที่ คิดว่าจะเป็นภาพปู่ฤาษีสักหนึ่งท่าน แต่ท่านก้อคล้ายๆภาพพระพุทธเจ้าตอนทรงบำเพ็ญทุกขรกิริยา คือลักษณะท่านมีมวยผมเกล้าขึ้นขมวดเป็นปม ร่างกายผ่ายผอม เห็นกระดูกซี่โครง หนังหน้าท้องติดกับกระดูกสันหลัง ห่มผ้าสีขาวคิดว่าน่าจะเป็นคล้ายๆผ้าห่อศพ ในนิมิตท่านนั่งจ้องผม เราทั้งคู่นั่งสมาธิเข้าหากัน เป็นเวลานานมาก คิดว่าน่าจะสักเกือบๆ 20 นาที ท่านไม่พูดอะไรสักคำ ผมก้้อนิ่งไม่คุย แต่พอนานเข้าๆ ผมเริ่มเกิดความกลัว จึงค่อยๆคลายออกจากสมาธิ จึงอยากสอบถามพี่ ธรรมชาติ หรือ พี่ท่านอื่นๆ ว่า นิมิต แบบนี้เป็นเรื่องดีหรือไม่ หรือเป็นแค่ภาพล้อ ภาพหลอก ให้เราหลงล่ะครับ
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ตรงนี้ให้ดูที่ "นิสัยในปัจจุบัณขณะ" ว่ามีความ "มั่นคงในเจตนาระดับไหน (อฐิษฐาน)" จะเรียกสั้น ๆ ตามอาการก็จะเป็น "อฐิษฐานฤทธิ์ แบบ ไม่รู้ตัว" ก็ได้
    +++ ตรงนี้เป็นอาการ "มี/ไม่มี สติ ในเจตนา" นอกนั้นเป็นการย้ำ เจตนา ตรงนี้เป็น "อุปนิสัย/นิสัย/ปรมัตต์นิสัย"

    +++ อนาคต สุขะวิปัสสโก ณ ปัจจุบัณ จะมีนิสัย "มุ่งนิพพานอย่างเดียว การรู้เห็นทั้งหมด ตัดออก" ผลลัพธ์ที่ได้ จะตรงกับ สุขะวิปัสสโก
    +++ อนาคต เตวิชโช ณ ปัจจุบัณ จะมีนิสัย "มุ่งนิพพาน กับอยากรู้ วาระจิต" ผลลัพธ์ที่ได้ จะตรงกับ เตวิชโช
    +++ อนาคต ฉฬภิญโญ ณ ปัจจุบัณ จะมีนิสัย "มุ่งนิพพานกับ อยากฝึก กายละเอียด" ผลลัพธ์ที่ได้ จะตรงกับ ฉฬภิญโญ
    +++ อนาคต ปฏิสัมภิทัปปัตโต ณ ปัจจุบัณ จะมีนิสัย "มุ่งนิพพานกับ อยาก รู้แจ้งในสัพสิ่ง" ผลลัพธ์ที่ได้ จะตรงกับ ปฏิสัมภิทัปปัตโต

    +++ อนาคต มารศาสนา ณ ปัจจุบัณ จะมีนิสัย "ตัดมรรคผลของ พระพุทธศาสนา และของนักปฏิบัติ" ผลลัพธ์ที่ได้ จะตรงกับ สัตว์นรก และ มารศาสนา

    +++ รากแก้วของพระพุทธศาสนา คือ "สติ" และสรรพสิ่งขึ้นต้นที่ "สติ" ผู้ใดหรือสำนักใดที่ ใช้คำพูดที่ก่อให้เกิด "อาการล้มลงของ สติ" สำนักนั้นคือ "มารศาสนา"

    +++ คงได้คำตอบแล้วนะครับว่า มันมาจาก "นิสัยยะปัจจัยโย กัมมะปัจจะโย วิปากะปัจจัยโย และอื่น ๆ" ตาม "กฏแห่งกรรม" นั่นเอง
     
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ประตูเข้าห้อง กับ ตัวห้องที่เข้าไป ต่างกันอย่างไร ก็เหมือนกับคำถามของ ไกลวัลยธรรม กับ พระนิพพาน นั่นเอง ง่าย ๆ นะ
    +++ ให้เข้าใจไว้ว่า "สภาวะของ นิโรธ เป็น สุญญตา" ส่วนข้างในนิโรธที่มี "สังขตะธาตุ เป็น อนัตตา"

    +++ สุญญตาของนิโรธ นั้น ไร้อัตตา เป็น อนัตตา "ไม่มีตัวกู"
    +++ สังขตธาตุ ข้างในนิโรธ มีตัวตน แต่เป็น อนัตตา "ไม่ใช่ ตัวกู"


    +++ ทั้งคู่ เป็น "อนัตตา" ทั้งสิ้น ตรงนี้เป็น "ว่าง VS อนัตตา"
    +++ ตรงนี้ ถ้าเรามัวแต่ "คิด" มันก็จะ "ตัดการฝึก และ หมดสิทธิที่จะไปได้"

    +++ ลงมือ "ฝึกตรง ๆ" และไปให้ถึงเท่านั้น จึงจะ "เกิดผลตามความเป็นจริง"

    +++ คิดเท่าไรก็ไม่ถึง หากต้องการถึง "ให้ลงมือทำตรง ๆ"
    +++ อ่านทวนอีก 1-2 รอบ ก็จะถึง "บางอ้อ" ได้เองว่า ผมเข้าใจหรือไม่ นะครับ;)
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ กลุ่มที่ผมให้ฝึกนั้น ไม่ได้ฝึกแบบ "นั่งหลับตา" แต่ให้ฝึกแบบ "ลืมตาปกติ ใน ทุกอิริยาบท" ดังนั้น สภาวะต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกขณะจิตแบบ 24/7
    +++ อาการตรงนี้ "ถูกต้อง"
    +++ ตรงนี้ "ถูกต้อง" เช่นกัน
    +++ ตรงนี้เป็นการ "ถอนออก"
    +++ ตรงนี้เกิดจาก "ฐานสติ" ยังไม่เสถียรภาพ จึงไม่สามารถทำ "อสัมโมหสัมปชัญญะ" ให้ปรากฏขึ้นมาได้

    +++ อาการของ อสัมโมหสัมปชัญญะ คือ รู้วาระจิตที่ผ่านมาแล้ว และสามารถดึงกลับมา (ระลึก-ตรึง-ปรากฏ) เพื่อการทำ ธัมมะวิจัยยะ ด้วยการทำ โอปนยิโก ได้

    +++ ตรงนี้เป็นการ "ใช้ขันธ์ ในระดับ จิตตานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน" เรียกสั้น ๆ ว่า "สติครองกายจิต" หรือ "เป็นรู้ ข้างใน กายจิต"

    +++ ในมหาปัฏฐานสูตร ตรงนี้เป็นการทำ อธิปัตติปัจจัยโย ใน รูปละเอียดของสัญญาขันธ์
    +++ การเข้าทางเดิม คือ การทำ "โอปนยิโก ลงไปใน อสัมโมหสัมปชัญญะ" ตรงนี้ในกลุ่มฝึกจะใช้ภาษาสั้น ๆ ว่า "map จิต"

    +++ แล้วสถานการทุกอย่างจะ "ซ้ำรอยเดิมทุกประการ" รวมทั้ง "ความพร้อมในวัตถุประสงค์ของการ map" ตรงนี้ คือ "ธรรมะวิจัยยะ" ของกลุ่มที่ผมฝึกให้

    +++ ยามใดที่คุณ Supop สามารถทำการ map จิตได้ ยามนั้นก็จะสามารถ เรียกสภาวะธรรมนั้น ๆ กลับเข้ามาเพื่อ "ความรู้ยิ่ง" ขี้นไปได้เอง
    +++ ถูกต้อง คำว่า "พิจารณา ในยุคปัจจุบัณ คือ นึกคิดพินิจพิจารณา" แต่การพิจารณา ตามอาการจริง ๆ คือ "การเดินจิต ย้อนรอย เข้าไป ในสถานการณ์ (map กลับ)"

    +++ การ "เห็นโดยไม่ต้องพิจารณาแบบทางโลก" ตรงนี้เป็น "อาการเบื้องต้นของ ญาณทัศนะ" ซึ่งเป็น "เห็น สู่ เข้าใจ โดยตรง" ยินดีด้วยที่อาการเริ่มปรากฏแล้ว นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2018
  11. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ตรงนี้ ต้องลำดับเหตุการณ์ให้ดี ๆ ว่า ณ ขณะที่ "ขนลุกซู่ซ๋าหลายเที่ยว" นั้น
    +++ จิตยังทรงตัวมี เสถียรภาพ หรือไม่ หรือ สัดส่ายไปมาระหว่าง "ขนลุกแต่ละรอบ"

    +++ หากจิตทรงตัว "มีเสถียรภาพ" ตรงนี้ พอจะระบุได้ว่าเป็น "จิตสื่อสาร" มาจาก "ผู้ทรงฌาน"
    +++ หากจิต สัดส่ายไปมาระหว่าง "ขนลุกแต่ละรอบ" ตรงนี้เป็น "มโนแทรก"

    +++ หากเข้าข่าย "มโนแทรก" ก็ให้วางเหตุการณ์ทั้งหมด "ทิ้งไป" เพราะไร้ประโยชน์

    +++ หากจิตมีเสถียรภาพ อาการ "ขนลุกซู่ซ๋าหลายเที่ยว" เกิดจาก "จิตเดินรอยซ้ำ ในฌาน 2"
    +++ ตรงนี้เป็น "อัปนาสมาธิ" ซึ่งผู้ทรงฌาน สามารถเข้ามา "สื่อสาร" ได้ ตรงนี้ให้ "รับเรื่องไว้"
    +++ นี่เป็นอาการของ "จิตสื่อสารเข้ามาแสดงตัว"
    +++ การ "จ้องกันไปมา แต่ไม่มีการสื่อสาร" นั้นชี้ว่า "เป็นอัปนาสมาธิ" ที่ความสามารถในการ "ปรุงภาษา" ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
    +++ หาก map จิตย้อนกลับไป ก็จะพบได้เองว่า "การสื่อสาร" เป็นแบบ ความเข้าใจ "สังกัปโป หรือ concept" ที่สื่อเข้ามา แต่ คุณ ไม่สามารถรับได้
    +++ ตรงนี้เป็นอาการ "จิตถอนออก" เพราะ ธรรมารมณ์ เปลี่ยนไป
    +++ เห็นว่า "ไม่ใช่ มโนแทรก" จากอาการ "จ้องกัน 20 นาที"

    +++ น่าจะเป็นการ "หยั่งสภาพ" ว่า คุณ เข้าใจ "การสื่อสารแบบ วาระจิต" แล้วหรือยัง มากกว่า

    +++ ฤาษี ตนนี้ อาจมีเรื่องที่ต้องการ "สนทนาสื่อสาร" กับคุณ หรือมิฉะนั้นก็ "ผ่านทางมาเฉย ๆ" แล้ว "แวะเข้ามาดู" เท่านั้น นะครับ
     
  12. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    964
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ไม่ใช่ตัวตนคือไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา ยึดถือเอาไม่ได้
    ไม่มีตัวตนนั้นคือพ้นไปจากรูปและนามทั้งปวง
    พ้นไปจาก๓แดนโลกธาตุ๓๒ภพภูมิ
    พิจารณาเอานะครับ
     
  13. rattanasak

    rattanasak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    414
    ค่าพลัง:
    +616

    ขอบขอบพระคุณ พี่ธรรม-ชาติ มากเลยครับ อธิบายได้ละเอียดมากครับ พี่ ขอเล่าในส่วนตอนที่ขนลุกนั้นจิตไม่ส่ายไปไหนเลยครับ แต่ว่ามันดิ่งลงลึกมากกว่าครับ ลึกไปเรื่อยๆ แต่สงบ ป่ะมาณนี้อ่ะครับ คำถามนั้จะได้หายขัดข้องไม่งั้นก้อไม่กระจ่าง เพราะส่วนใหญ่จะมีแต่คนบอกว่าอย่าไปสนใจ ก้อเลยติดในใจมาตลอดครับ
     
  14. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    อนัตตา ก็คือ ขันธ์ ธาตุ อายตนะ. นอกเหนือจากนี้ไม่มี ใครว่านิพพานเป็นอนัตตานั้นเข้าใจคำว่าอนัตตาผิด. เมื่อเข้าใจผิดก็ไม่ใช่. เพราะอนัตตาคือการมีอยู่แบบไม่ใช่ตัวตนเราเขา เป็นของชั่วคราวบังคับบัญชาไม่ได้. ปัญญาเป็นเรื่องความรู้. ถ้ารู้สึกอะไรเป็นสมถะ มันก็แค่นี้ถ้าเห็นอะไร ทั้งหมดก็แค่จิตปรุงแต่งมันเป็นเรื่องราวของโลกียะเท่านั้น อย่าไปให้ราคา. ถ้าให้ราคาก็เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโลกๆเหมือนเดิม มันก็เพียงเรื่องๆหนึ่ง
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    การปฏิบัติ สิ่งต้องพึ่งระวังให้มากคือ
    การที่ตัวโมหะ โทสะ โลภะ ในจิตเรานั้น
    ส่งตัววิญญานไปดึงเอา ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
    เข้ามาจนกลายเป็นตัวเองได้อย่างไม่รู้ตัวครับ........

    พวกกิริยาต่างๆ ในทางสมาธิ ที่เกี่ยวข้องกับจิต
    ไม่ว่าจะพิศดารแค่ไหนแท้จริงแล้ว
    มันไม่ใช่เนื้อหาแท้อะไรหรอกครับ

    ถ้ากิริยาอะไรก็ตาม ถ้ามันไม่โน้มให้ใจเรา
    ปล่อยโมหะ โทสะ โลภะ ไปดึงภายนอกเข้ามา
    จนกลายเป็นตัวตนให้น้อยลง
    ให้ท่านพึ่งระวังให้ดีๆครับ


    จะไปปัญญา มันต้องทิ้งอิทธิวิถีให้หมดครับ
    และให้ระมัดระวัง การไปเทียบเคียงกับครูบาร์อาจารย์
    และเผลอดึงมาเทียบกับตนเองครับ
    กิเลส โมหะ โลภะ ตัณหา ในใจ มันระเบิดทิ้งไม่ได้หรอกครับ
    มันเป็นสิ่งที่โน้มให้เราพอรู้ว่า นิสัยเราดีขึ้นไหม หรือเพื่อเป็นอุบายในการทำลายเท่านั้น
    ยกเว้นว่า มีเหตุมีผลในการทำลายครับ

    กำลังของสมาธิ กำลังจิต เราฝึกเพื่อเอากำลังตรงนี้เพื่อเน้น
    ยกขึ้นวิปัสสนา รู้เห็นตามความเป็นจริง
    เอากำลังสมาธิตรงนี้มาใช้
    มันถึงจะเป็นมรรคเป็นผลตามแนวทางของพุทธศาสนาได้ครับ

    อิทธิวิถีทั้งหลายต้องทิ้งครับ ไม่งั้นมันจะพาเราวกวนไปมานะครับ
    และการกล่าวอ้างครูบาร์อาจารย์ทั้งหลายเพื่อเทียบ เพื่อยก กับตนเอง
    เป็นสิ่งที่ยิ่งต้องพึ่งระวังให้มากๆครับ

    ปล.เตือนด้วยความหวังดีและความจริงใจนะครับ...
    แล้วแต่จะสกิดใจนะครับ...
     
  16. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ถามใหม่ค่ะ ครั้งที่แล้วตั้งคำถามไม่ได้เรื่อง ถามเอง งงเอง คนตอบคงตอบไม่ถูกแน่ค่ะ

    คนเราส่วนใหญ่มักจะหลงเพราะไม่รู้ แต่คนที่รู้ในความหลง สามารถระลึกรู้ว่าสิ่งที่ตนทำนั้นเป็นความหลง คือ ไประลึกผิดเห็นผิดได้ สามารถไปกำหนดดูได้ นั้นใช่อโหสัมปชัญญะหรือเปล่าค่ะ
     
  17. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    เขาทีๆ
     
  18. saman5235

    saman5235 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2018
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอสอบถามผมปฏิบัติภาวนาได้สักพักละครับ อยากทราบว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนปลั๊กไฟช๊อตมีกลิ่นไหม้ แต่อีกสัปดาห์ถัดมาทำไมผมถึงได้กลิ่นไหม้นั้นอยู่ สักพักกลิ่นไหม้ก็หายไป ซึ่งได้กลิ่นตอนไม่ได้ภาวนานะครับ เคยเป็นแบบนี้สองสามครั้งแล้วครับแต่เป็นกลิ่นอย่างอื่นนะครับที่เคยเกิดขึ้นมากแล้ว เกิดจากสาเหตุอะไรครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2018
  19. rattanasak

    rattanasak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    414
    ค่าพลัง:
    +616
    สอบถามอีกคำถามนึงนะครับพี่ธรรมชาติ เวลาเรานั่งสมาธิแล้วมันเหมือนจิตมันดิ่งลงเหมือนอาการโดนดูดลงต่ำไปเรื่อยๆดิ่งลงไปเรื่อยๆๆ เหมือนโดนดึงให้ติดพื้นบ้าง บางทีมันก้อเหมือนตัวสูงเหมือนเรามองจากที่สูงเหมือนอยู่บนตึก ทั้งๆที่มันอยู่ที่ตัวเราแท้ๆ อาการแบบนี้คือสมาธิในฌานขั้นที่ 2 ใช่หรือไม่ครับ หรือว่ามันไปผิดทางกันแน่ล่ะครับ
     
  20. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ท่านใดไม่เพ่งการเกิดดับที่เรียกว่าลักขณูปนิชฌาน ก็คือเพ่งอารัมมณูปนิชฌาน การเพ่งแบบนี้ออกนอกแนวไปเยอะ อย่าคิดว่าตนเองจะกลับเข้ามาสู่สัมมาสมาธิได้ง่ายๆนะครับ เพราะจิตมันถูกพัฒนาไปสู่การมีตัวตนที่มีกำลังสูงขึ้นตามการเพ่งนั้น การเพ่งที่เป็นสัมมาสมาธิที่ได้ฌานแบบสัมมาสมาธินั้นจะไม่มีการสงสัยอะไรๆเพราะจิตมันถูกความเห็นถูกไถ่ถอนความสงสัยไปในตัว คือการเห็นการเกิดดับ เปลี่ยนแปลง บังคับบัญชาไม่ได้ ด้วยการเพ่งลักษณะของธรรมชาติที่แท้จริง พระพุทธเจ้าท่านจึงสรรเสริญอานาปาสนติเป็นของเลิศแบะพระองค์ยังใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องอยู่ แต่ทำไมคนเราส่วนมากจึงหลงไหลไปกับกรรมฐานที่พระองค์ไม่สรรเสริญกันมากมาย อยากได้ฤทธิ์กันมากมาย อยากได้ไปเพื่ออะไรของไร้ราคาแบบนั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...