ขออนุญาตเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับพระอริยสงฆ์สายพระอาจารย์มั่น.หลวงปู่สอ พันธุโล

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย tum399, 9 มกราคม 2007.

  1. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    ผมเป็นศิษย์บ้านเรือนไทยและขออนุญาตเผยแพร่บทความของบ้านเรือนไทยสู่ผู้อาวุโสชาวพลังจิตครับ
    [​IMG]
    นิมิตอัศจรรย์ในพรรษาที่สอง ( หลวงปู่สอ พบงูขนาดใหญ่ )
    ในปี พ.ศ. 2502 ซึ่งเป็นพรรษาที่ 2 ของหลวงปู่สอ พันธุโล ท่านจำพรรษาอยู่กับพ่อแม่ครูอาจารย์
    <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:smarttags" /><st1:personName ProductID="มหาบัว ญาณสัมปันโน" w:st="on">มหาบัว ญาณสัมปันโน</st1:personName> วัดป่าบ้านตาด ในตอนเย็นวันหนึ่งขณะที่หลวงปู่กำลังนั่งสมาธิอยู่ภายในกุฏิ จิตใจสงบเยือกเย็นเป็นสมาธิระดับหนึ่ง ขณะนั้นได้บังเกิดนิมิตเห็นงูใหญ่ตัวสีทองเลื้อยเข้ามาภายในห้องที่นั่งสมาธิอยู่ รู้สึกตามนิมิตที่ปรากฏให้เห็นราวกับมองเห็นด้วยตาเปล่า งูที่เลื้อยเข้ามานั้นตัวใหญ่มากเท่ากับต้นเสากลางบ้านยาวประมาณ 6 - <st1:metricconverter ProductID="7 เมตร" w:st="on">7 เมตร</st1:metricconverter>. ความรู้สึกของท่านในขณะเห็นงูใหญ่นั้น นึกว่างูมันจะเข้ามากินท่าน จึงพิจารณาดูสภาพจิตใจของตนเอง ก็พบว่าไม่มีความหวาดหวั่นต่อความตายแม้แต่น้อย แต่ถ้าหากงูมันจะกินจริงๆ ก็ยอม ท่านเล่าว่าเมื่อตัดสินใจเด็ดเดี่ยวเช่นนั้นแล้ว จึงปลงจิตใจลงสู่เรื่องของกรรม คือถ้าเคยสร้างกรรมไม่ดีกับงูมาในอดีตชาติก็ขอให้งูทำร้ายหรือกินได้เลย แต่ถ้าไม่เคยมีเวรมีกรรมต่อกันก็ขอให้หนีไปอย่าทำร้ายให้ได้รับความเดือดร้อนใดๆ เลย

    ยังไม่จบครับ


    หลวงปู่สอเล่าว่าเมื่องูเลื้อยเข้ามาใกล้ตัวท่านแล้วผ่านไปด้านหลัง ไม่นานก็เข้ามาดันตัวของท่านลอยขึ้นไปในลักษณะขนดลำตัวให้ท่านนั่ง ขณะนั้นท่านก็มีสติสัมปชัญญะรับรู้อยู่ตลอด สังเกตดูว่างูนั้นจะทำอย่างไรต่อไป ไม่นานนักหลวงปู่ก็รู้สึกว่ามีอะไรเข้าไปอยู่ในตัวท่าน และทะลุออกทางด้านหลังตรงบริเวณใกล้กับไหล่ทั้งสองข้าง หลวงปู่รู้สึกว่าแปลกใจว่างูตัวใหญ่ขนาดนี้มันเข้าไปอยู่ในตัวท่านได้อย่างไร และที่มันทะลุออกไปด้านหลังนี้มันออกไปได้อย่างไร ในความรู้สึกของท่านขณะนั้นเกิดสงสัยว่างูมันอยู่ในลักษณะอาการเช่นไร จึงได้ขยับมือด้านซ้ายออกจากท่านั่งสมาธิแล้วยกขึ้นไปสำรวจดูด้านบนบ่าไหล่ด้านซ้าย หลวงปู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือของท่านไปกระทบกับหัวงูใหญ่เข้า ท่านจึงค่อยๆ ลดมือลงวางไว้เช่นเดิม

    หลวงปู่สอท่านเล่าให้ลูกศิษย์ฟังต่อไปว่า ท่านเกิดวิตกไปว่าท่านจะกลายเป็นบุคคลประหลาดเพราะมีหัวงูทะลุออกไปด้านหลังและแผ่ปกคลุมอยู่คล้ายกับพระนาคปรก พรุ่งนี้เช้าท่านจะกล้าไปบิณฑบาตได้หรือ เพราะมีสภาพไม่เหมือนกับพระเณรทั่วไป พอหลวงปู่คิดวิตกไม่นานงูนั้นก็เริ่มขยับออกจากภายในตัวท่าน และขนดลำตัวทำเป็นวงกลมให้หลวงปู่นั่งออก จนกระทั่งก้นของหลวงปู่ลงกระทบกับพื้นกุฏิ เสร็จแล้วงูใหญ่ได้เลื้อยออกไปทางเดิม หลวงปู่ท่านก็ออกจากสมาธิ มือขวาจับไฟฉายที่อยู่ด้านข้างตัว ฉายไฟตามงูนั้นไปก็ไม่เจอ จึงลุกขึ้นเดินไปนอกกุฏิส่องไฟหาอย่างไรก็หาไม่เจอ ลงไปข้างล่างเดินดูรอบบริเวณกุฏิก็ไม่เจองูใหญ่ตัวนั้นเลย ทำให้ท่านแปลกประหลาดใจมากว่ามันเป็นไปได้อย่างไร ขณะที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เหมือนกับมองเห็นด้วยตาเปล่า มันชัดเจนแจ่มแจ้งจนไม่อาจจะปฏิเสธได้ แม้ในปัจจุบันนี้เหตุการณ์ที่ว่านี้ก็ยังประทับแนบแน่นอยู่ในความทรงจำของท่าน ราวกับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้

    หลวงปู่สอท่านได้เล่าเรื่องนี้ให้หลวงปู่บุญมีฟังอย่างละเอียด แต่ก็ไม่อาจสรุปหรือลงความคิดเห็นใดๆได้ว่านิมิตที่ปรากฏอย่างชัดแจ้งนี้มีความหมายถึงอะไร และหลวงปู่ควรจะปฏิบัติตัวของท่านต่อไปอย่างไร หลวงปู่บุญมีได้กราบเรียนเรื่องนี้ให้หลวงปู่มหาบัวทราบ ในวันต่อมาหลวงปู่สอก็ถูกเรียกให้ไปพบหลวงปู่มหาบัวเพื่อเล่าถวายนิมิตที่เกิดขึ้นให้ท่านทราบอย่างละเอียด หลวงปู่มหาบัวหรืออีกฐานะหนึ่งคือพ่อแม่ครูอาจารย์ของหลวงปู่สอ ได้เตือนหลวงปู่สอหลายอย่างเพราะเกรงว่าหลวงปู่ท่านจะเชื่อตามนิมิตไปทั้งหมด จะทำให้เกิดติดในนิมิตและอาจหลงใหลไปตามนิมิตจนเกิดความวิปลาสคลาดเคลื่อนจากหลักภาวนาที่ถูกต้องได้ หลวงปู่มหาบัวยังได้สั่งกำชับว่า ต่อไปแม้ว่ามันจะปรากฏนิมิตอะไรขึ้นในขณะภาวนาก็อย่าไปสนใจ ให้พิจารณาลงสู่ไตรลักษณ์ทั้งหมดและก็ไม่ควรที่จะไปเที่ยวพูดให้คนนั้นคนนี้ฟังมันจะกลายเป็นความเสียหายได้ หลวงปู่สอท่านก็รับฟังคำแนะนำสั่งสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ของท่านด้วยความเคารพ และเป็นที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งว่า นิมิตที่ปรากฏขึ้นในขณะนั่งสมาธิภาวนาของหลวงปู่สอ มีความชัดเจนมากเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆเพราะตัวก็ถูกงูดันขึ้น ขาและก้นก็ได้นั่งทับงูมือก็ได้สัมผัสที่หัวงูด้วยซึ่งแตกต่างจากนิมิตทั่วๆ ไป เพราะนิมิตโดยทั่วไปนั้นถ้าเป็นภาพแม้จะชัดเจนก็ไม่อาจสัมผัสด้วยกายได้ เป็นเรื่องของจิตเห็นจิตรับรู้และหายไปที่จิตนั้นเอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อยู่มิใช่น้อยสำหรับเราๆท่านๆ หรือแม้แต่องค์หลวงปู่สอ พันธุโล ผู้ซึ่งประสบมากับตนเอง

    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p>ความเป็นมาของหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ พระพุทธรูปคู่บารมีหลวงปู่สอ พันธุโล
    ก่อนอื่นผู้เขียนใคร่ขออภัยต่อท่านผู้อ่านไว้ก่อน เพราะในการเรียบเรียงประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ครั้งนี้ อาจขาดตกบกพร่องไปบ้าง ทั้งนี้เพราะว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลักษณะแปลกประหลาดน่าอัศจรรย์ ไม่ใช่เรื่องที่สามัญชนคนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ จะมีโอกาสพบเห็นได้ง่ายๆ และไม่อาจตัดสินหรือปฏิเสธได้ว่าไม่จริง เหตุการณ์นี้แม้จะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ก็ได้กลายเป็นสิ่งที่ประทับอยู่ภายในจิตใจของหลวงปู่สอ อย่างแนบแน่นยากที่จะลืมเลือน และได้กลายเป็นเหตุการณ์ที่เล่าขาน ในหมู่นักปฏิบัติธรรมระดับพระมหาเถระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจำนวนหลายต่อหลายรูปจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

    คำพูดชมเชยและคำสั่งกำชับหลวงปู่สอ ให้รักษาพระพุทธรูปองค์นี้ให้ดี จากปากของพระมหาเถระเช่น หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่ขาว และหลวงตามหาบัว เป็นต้น ตลอดถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นต่าง ๆ ด้วยอานุภาพของพระพุทธรูปองค์นี้ ย่อมเป็นเครื่องยืนยันและรับรองได้ว่า หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ เป็นพระพุทธรูปที่มีเทพชั้นสูงคอยอภิบาลรักษา เป็นพระพุทธรูปที่คู่ควรแก่ผู้มีบุญญาบารมี มีศีลธรรม และคุณธรรมโดยแท้ เพราะฉะนั้นในการเรียบเรียงประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ จึงถือเอาการบอกเล่าของหลวงปู่สอ และครูบาอาจารย์ที่เคยอยู่จำพรรษาร่วมกับท่าน ตลอดถึงพ่อแม่ครูอาจารย์หลายรูปที่เคยพูดปรารภถึงเรื่องราวของหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ และหลวงปู่สอนี้ เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการเรียบเรียง

    สำหรับท่านผู้อ่านและพุทธศาสนิกชนท่านใดจะเชื่อหรือปฏิเสธ หรือจะวิจารณ์ไปในแง่มุมอื่นๆ ทั้งที่น่าจะเป็นไปได้หรือน่าจะเป็นไปไม่ได้ หรือเหลือเชื่อ ฯลฯ ก็สุดแล้วแต่ท่าน ถือว่าเราได้รับสมองบริหารความคิดก็แล้วกัน ผู้เขียนเคยอ่านพบหนังสือเล่มหนึ่งเป็นวาทะของนักปราชญ์ทางตะวันตก แต่จำไม่ได้ว่าเป็นใคร เขาบอกว่า
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. shogun_law

    shogun_law เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2006
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +2,085
    ...ผมเคยเห็นองค์จริงเลยครับ คือว่าวันนั้นผมไปทำบุญกับหลวงปู่สอ ที่วัดป่าบ้านหนองแสง จ.ยโสธร กับครอบครัว ไปกัน8คนครับ น่าจะหลายปีแล้ว วันนั้นรู้สึกว่ามีครอบครัวผมไปคณะเดียวครับ ปรากฏว่าหลวงปู่สอท่านพักผ่อนอยู่ในกุฏิครับ ลูกวัดบอก ผมก็ไปรอท่านสักพัก หลวงปู่สอ ก็อนุญาติให้เข้าไป ผมและครอบครับก็ไปกราบท่านครับ (ตอนนั้นผมไม่รู้จักหลวงปู่สอเลยครับ ยิ่งหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ยิ่งไม่รู้จักใหญ่เลย แต่ลุงผมบอกแต่ว่าหลวงปู่สอเป็นพระปฏิบัติดี สายหลวงตา มหาบัวครับ เลยไปทำบุญกับท่าน )
    พอเข้าไปในกุฎิ ผมและครอบครับก็กราบท่านแล้วก็ทำบุญครับ แล้วก็สนทนาธรรมกับท่านไปตามประสาครับ ต่อมาอยู่ดีๆท่านก็เอ่ยออกมาว่าจะให้ดูหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ แล้วท่านก็ลุกขึ้นเดินไป ไขกุญแจเข้าไปในห้องท่านสักพัก ระหว่างที่คอยหลวงปู่สอนั้น ลูกวัดก็ได้บอกกับครอบครัวผมว่า ปกติหลวงปู่สอจะไม่ยอมให้ใครดู หลวงพ่อเจ๊ดกษัตริย์องค์จริงเลย แม้แต่ลูกวัด(คนพูด)ยังไม่เคยเห็นเลย ..ผมได้ยินแบบนี้ผมก็ตื่นเต้นนิดหน่อยครับ เพราะผมยังไม่รู้จักหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์คืออะไร..

    สักพักต่อมาหลวงปู่สอก็ออกมาพร้อมกับพระพุทธรูปสีทอง ไม่รู้ว่าขนาดเท่าไรเพราะไม่ชำนาญครับเอาเป็นว่าถ้าแบกไปไหนมาไหนด้วยก็หนักน่าดูครับ..แล้วท่านก็ให้ครอบครัวผมได้ชื่นชมบารมีหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ครับ แล้วหลวงปู่สอ ก็ให้ครอบครัวผม อธิฐานแล้ว ยกหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ขึ้นเหนือหัวครับ ถ้ายกได้ก็สำเร็จ หนักน่าดูเลย น่าจะสัก8-10กิโลได้ครับ ...ต่อมาท่านก็ยังเมตตาให้ดู พระพุทธรูปชื่อ มัทซี กัณหา และชาลีด้วยครับ ทั้ง3องค์นั้ก็เสด็จมาหาหลวงปู่สอเองเหมือนกันครับ สรุปว่าวันนั้นครอบครัวผมแจ็คพ็อคครับได้ดูพระคู่บารมีของหลวงปู่สอ หมดทุกองค์เลยครับ ขนาดลูกวัดคนสนิทคอยดูแลหลวงปู่สอยังบอกเลยว่าเขายังไม่เคยเห็นเลย...คนส่วนใหญ่จะได้เห็นหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ที่ทำเหมือนไว้เฉยๆ ที่ตั้งไว้หน้ากุฏิหลวงปู่สอ เพราะหลวงปู่สอท่านหวงแหนมากแทบไม่ให้ใครเห็นเลย องค์ที่หลวงปู่สอได้มาจริงๆท่านเก็บไว้ในกุฏิท่านอย่างมิดชิด เป็นอันว่าผมโชคดีมากๆเลยที่มีโอกาสได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดพระคู่บารมีหลวงปู๋สอเช่นนี้.....(จนบัดนี้ผมก็ยังไม่ทราบว่า ทำไมหลวงปู่สอ จึงให้ครอบครัวผมได้มีโอกาสสัมผัส พระคู่บารมีของท่าน ถึงยังไงเมื่อมีโอกาสแล้ว ก็ต้องพยายาม ทำทาน ศีล ภาวนา ต่อไปเพื่อตอบแทนท่านที่เมตตาครอบครัวผม)


    .....ที่มาของหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ ที่ผมได้ยินจากปากท่าน ตอนไปทำบุญกับครับครับที่วัดป่าบ้านหนองแสง จ.ยโสธร ครับ(ถ้ามีการคลาดเคลื่อนประการใดก็ขอขมาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ด้วยครับ)คือว่าหลวงปู่สอ เล่าตอนที่ท่านเก็บหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์เข้ากุฏิแล้ว ว่าหลวงปู่สอท่านได้มาตอนอยู่วัดป่าบ้านตาด (เล่าแบบย่อนะครับ กระทู้ข้างบนก็เล่าบ้างแล้ว) มีนิมิตตอนภาวนา มาบอกหลวงปู่สอ ล่วงหน้าหลายเดือนว่าจะมี ผู้นำพระพูทธรูปมาถวายให้พร้อมทั้งบอกเวลา วัน เดือน ปี ที่จะนำมาถวายให้ด้วย ซึ่งหลวงปู่สอเห็นนิมิตนี้หลายครั้งมาก ซึ่งหลวงปู่สอ ก็ได้นำนิมิตนี้ไปเล่าให้ หลวงตา มหาบัวฟัง หลวงตา มหาบัวก็บอกว่าห้ามไปเล่าให้ใครฟังนะเด๋วเขาจะว่า ท่านบ้า...หลวงปู่เล่าว่าในขณะถูกหลวงตามหาบัวดุว่าบ้านั้น ท่านเอานิ้วมือออกมานับดู ก็นับครบห้า ครบสิบอยู่ ท่านจึงบอกกับตัวท่านเองว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 122.jpg
      122.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.4 KB
      เปิดดู:
      253
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2007
  4. toottoo

    toottoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    720
    ค่าพลัง:
    +3,254
    อยากมีโอกาสได้กราบชมบารมีองค์จริงจังครับ เคยไปกราบที่ภูทอกจำลองมาขนาดใหญ่กว่าองค์จริง แต่ก็ชอบมาก ๆ เพราะชอบพระนาคปรกอยู่แล้วด้วย
     
  5. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    ถ้าค้องการไปกราบองค์จริงวันที่ 14 มกราคม50 นี้ที่บ้านเรือนไทย ลาดพร้าว หลวงปู่จะมาทำพิธีพุทธาภิเษกหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ย์องค์จำลอง ท่านไปไหนก็แล้วแต่ท่านจะนำพระหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ไปกับท่านเสมอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...