ขอเรียนเชิญท่านที่ได้ไปรับฟัง งานเสวนา ถอดรหัสภัยพิบัติครับ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย น้ำกับพายุ, 16 ธันวาคม 2012.

  1. น้ำกับพายุ

    น้ำกับพายุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +2,452
    ทุกๆคนที่เว็บนี้ รอท่านที่มีโอกาสได้ไปรับฟังวันนี้ครับที่มหิดล ท่านที่มีโอกาสไปรับฟัง มาช่วยลงข้อมูลได้เลยครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับผม
     
  2. น้ำกับพายุ

    น้ำกับพายุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +2,452
    ขอความกรุณา ท่านที่เข้าชมกระทู้นี้ หากมีความคิดเห็นขัดแยัง ไม่โดนใจ ไม่ใช่ในสิ่งที่คิด หรือ ไม่เห็นด้วย รบกวนตั้งกระทู้กันเองเป็นกระทู้อื่นกันนะครับ กระทู้นี้ ขอเฉพาะท่านที่สนใจรับข้อมูลจากท่านที่ได้ไปรับฟังมา บอกกล่าวต่อ เพื่อเป็นข้อมูล ไม่มีการโต้แย้ง หรือ ว่ากล่าวท่านใดทั้งสิ้น ขอบคุณครับ ให้เกรียติซึ่งกันและกัน นั่นคือ ผู้ที่มีเกียรติแท้จริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2012
  3. uthaimai

    uthaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +1,344
    นักวิทยาศาสตร์ เตือนคนไทยเตรียมรับมือภัยพิบัติ ทั้งน้ำท่วม พายุ และแผ่นดินไหว ขณะที่เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา แนะศึกษาโครงการพระราชดำริ เพื่อเป็นบทเรียนในการใช้ชชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน

    วันอาทิตย์ ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

    ในการประชุมภัยพิบัติประจำปี เรื่อง "ถอดรหัสภัยพิบัติ พลิกวิกฤติให้เป็นคำเตือน" ที่คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมไฟฟ้า ซึ่งเคยทำงานร่วมกับองค์การนาซ่าของสหรัฐฯ ได้แสดงความเป็นห่วง 2 เรื่อง คือการตรวจพบก๊าซมีเทนซึ่งมีพลังงานความร้อนสูงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 21 เท่า ผุดขึ้นมาจากใต้พื้นโลก บริเวณไซบีเรีย ใกล้ขั้วโลกเหนือ ก๊าซมีเทนนี้จะเป็นตัวเร่งปฏิกริยาภาวะโลกร้อนให้เร็วและรุนแรงมากขึ้น ผลที่ตามมา คือ น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิค พอมวลน้ำในมหาสมุทรให้มีน้ำหนักมากขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการหมุนของแกนโลกที่ขาดสมดุล และทำให้แกนโลกสลับขั้วเพื่อรักษาสร้างสมดุลใหม่ เกิดยุคน้ำแข็งฉับพลัน เหมือนที่เคยเกิดในสมัยดึกดำบรรพ์ ซึ่งประเด็นเรื่องแกนโลกสลับขั้วมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะแค่แผนดินไหวที่ญี่ปุ่นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้แกนโลกเบี่ยงเบนออกจากแนวเดิมไปแล้ว 23 องศา

    นอกจากเรื่องก๊าซมีแทนจากใต้พื้นโลกแล้ว อีกเรื่องที่น่าเป็นห่วง คือ เรื่องการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกใต้อินโดนีเซีย และใต้แปซิฟิกที่เคลื่อนมาชนกับแผ่นเปลือกโลกใต้ทวีปเอเชีย-ยุโรป ส่งผลให้ฝั่งตะวันออกของทวีปเอเชียเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง มีโอกาสที่ญี่ปุ่นจะหายไปจากแผนที่โลก และมีโอกาสที่จะเกิดสึนามิที่ฟิลิปปินส์และอ่าวไทย ขณะเดียวกันแผ่นเปลือกโลกใต้อินเดียและออสเตรเลียเริ่มเคลื่อนตัวมาทางฝั่งอันดามันเช่นกัน

    อย่างไรก็ตามอาจารย์อาจอง เปิดเผยว่า เคยมีโอกาสไปพูดคุยกับชนเผ่ามายาในเม็กซิโกเรื่องการสิ้นสุดของปฏิทิน 5,200 ปีของชนเผ่ามายาในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ ซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่า ไม่ใช่วันสิ้นโลก แต่กลียุคจะจบสิ้น และโลกจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคใหม่ เป็นยุคแห่งความสุข แต่ปัญหา คือ กลียุคจะจบลงอย่างไร จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้

    ขณะที่ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ยืนยันข้อมูลตรงกับอาจารย์อาจองว่า แนวโน้มภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คือ น้ำท่วม พายุ และ แผ่นดินไหว ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลทางสถิติพบว่า แผ่นดินไหวขนาด 9 ริกเตอร์ขึ้นไป และสึนามิขนาดใหญ่ มักจะเกิดในช่วงพายุสุริยะรุนแรงในทุกๆ 11 ปี โดยในช่วงเดือนธันวาคมนี้ไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า ก็จะครบรอบ 11 ปีของวรจรการเกิดพายุสุริยะรุนแรงพอดี พื้นที่ที่มีการคำนวณว่าจะเกิดแผ่นดินไหว หรือสึนามิขนาดใหญ่ คือ พื้นที่รอบมหาสมุทรแปซิฟิก

    ในส่วนของประเทศไทยนั้น จะเข้าสู่ภาวะแล้งอย่างหนักจนถึงกลางปีหน้า จากนั้นในช่วงครึ่งปีหลังจะมีพายุผ่านเข้ามา 31 ลูก แต่จะกระทบประเทศไทยโดยตรงแค่ 2- 4% เท่านั้น ที่เหลือจะผ่านเลยไป แต่อย่าประมาท เพราะประเทศไทยมีการพัฒนาที่บิดเบือน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ในที่ลุ่มที่เคยเป็นท้องนาซึ่งเป็นแก้มลิงรับน้ำในฤดูฝน , สร้างคอนโดริมแม่น้ำ และสร้างหมู่บ้านจัดสรรขวางทางน้ำไหล จึงมีความเป็นไปได้ว่า ภายในปี 2563 จะมีโอกาสเกิดน้ำท่วมใหญ่อีกรอบ และในระยะ 100 ปีข้างหน้า ระดับน้ำในทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น 0.25 – 0.5 เซนติเมตร ขณะที่แผ่นดินทรุดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะกรุงเทพฯที่มีอัตราการทรุดตัวอยู่ที่ 1.3 เซนติเมตรต่อปี จึงเป็นไปได้ที่น้ำทะเลจะหนุนขึ้นมาท่วมพื้นที่ลุ่มรอบอ่าวไทย ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคกลางตอนล่างบางจังหวัด

    ทั้งนี้ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้เล่าให้ฟังถึงพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเป็นต้นแบบของการจัดการภัยพิบัติว่า พระองค์ท่านมีหลักการทรงงาน 7 ข้อ คือ
    1. การพึ่งพาตนเอง
    2. การคิดให้ครบถ้วนเชื่อมโยงกันเป็นองค์รวม
    3. ใช้ธรรมชาติแก้ธรรมชาติ
    4. ทุกอย่างมีค่า ไม่มีของเสีย ทำแล้วต้องไม่มีคนเสียประโยชน์
    5. เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
    6. มีความยั่งยืน
    7. ต้องไปสัมผัสในพื้นที่จริงแล้วลงมือทำ

    ซึ่งโครงการพระราชดำริต่างๆ 3,000-4,000 โครงการ ล้วนเป็นบทเรียนที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการรับมือกับภัยพิบัติอย่างยั่งยืน อยู่ที่ว่านักวิชาการ ภาคส่วนต่างๆ และประชาชนจะเดินตามรอยพระบาทกันอย่างไร เพื่อให้คนไทยปรับตัวและพร้อมที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติให้ได้

    ที่มา facbook:kaokala
     
  4. MeWit

    MeWit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2012
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +83
    เมื่อเช้าฟังทาง ลูกทุ่งเน็ตเวอร์กที่เค้าถ่ายทอดสดไปหน่อยเดียวครับ เสียดายน่าจะหาคลื่นถ่ายทั้งโครงการ หรือถ่ายทอดผ่านเน็ตก็ยังดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...