ขาดศีลก็ยังดีกว่าไม่มีศีลจะให้ขาด

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย sutthida, 30 พฤศจิกายน 2006.

  1. sutthida

    sutthida เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +3,388
    --------------------------------------------------------------------------------
    ขาดศีลก็ยังดีกว่าไม่มีศีลจะให้ขาด
    หลวงปู่แผ้ว ปวโร


    ด้วยความเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา สุขุมตามวิถีของท่านไปเป็นแบบสมถะเรียบง่าย ไม่สะสมเงินทอง ไม่ยึดติดกับวัตถุหรือลาภยศใดๆ แม้แต่ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดก็ได้ให้ลูกศิษย์ เป็นผู้รับตำแหน่งแทน เป็นการละในเรื่องของความอยากออกไป ทำให้หลวงปู่แผ้ว ปวโร วัดกำแพงแสน ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นพระผู้ใหญ่ ที่มีลูกศิษย์ให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใสเป็นจำนวนมาก

    หลวงปู่แผ้ว อาจไม่ได้เป็นพระนักเทศน์ ไม่ใช่พระธรรมกถึก ที่เรืองนาม แต่คำพูดตรงๆ ง่ายๆ ของท่าน ก็ได้แทรกหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเสมอ เป็นการเตือนสติในการประพฤติปฏิบัติ เพื่อพัฒนาจิตใจของพุทธศาสนิกชนให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

    ขณะเดียวกัน ท่านก็เป็นพระนักปฏิบัติ คำสอนหลักธรรมที่ให้กับศิษย์ทั้งหลาย จึงมักจะเป็นข้อคิดหรือคติสอนใจ ธรรมะที่สอนอยู่ในรูปของบทความ บทกลอน หรือสักวาต่างๆ ตามแต่ละสถานการณ์ในขณะนั้น หรือตามภาวะของความทุกข์ของศิษย์แต่ละคน ที่พออ่านก็เกิดปัญญา สามารถที่จะนำมาวิเคราะห์พิจารณาในการปฏิบัติ

    หลวงปู่แผ้วได้อนุญาตให้สัมภาษณ์แบบ "คม ชัด ลึก" ดังนี้


    ๏ ศีลมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตอย่างไรครับ ?

    ศีล ๕ ข้อ ห้ามฆ่าสัตว์ ลักสมบัติ ผิดลูกเมียคนอื่น ลวงโลก ดื่มสุราเมรัย ใครทำได้ชีวิตก็จะเจริญรุ่งเรือง อาตมาเคยอ่านประวัติของหลวงปู่ฤาษีลิงดำ ท่านว่าให้ถือศีลเป็นชั่วโมงก็ได้ หรือเอาข้อหนึ่งข้อใดก็ได้ โบราณท่านว่าขาดศีลก็ยังดีกว่าไม่มีศีลจะขาด คือไม่ถืออะไรสักอย่างเลย

    นักวิชาการท่านว่าในศีล ๕ ข้อนั้น มีความเป็นมนุษย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าศีลขาด ๑ ข้อ ความเป็นมนุษย์ก็ขาดไป ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าขาด ๒ ข้อก็หมดความเป็นมนุษย์ไป ๔๐ เปอร์เซ็นต์ ก็ยังนับว่าดีอยู่มาก ถ้าขาด ๓ ข้อก็หมดความเป็นมนุษย์ไป ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ก็ยังใช้ได้

    ขาด ๔ ข้อก็หมดความเป็นมนุษย์ไป ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ใกล้เป็นสัตว์เดรัจฉาน ถ้าขาดทั้ง ๕ ข้อ ก็หมดความเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์เดรัจฉานเต็มตัว เพราะฉะนั้นการเกิดมาเป็นมนุษย์จึงสมควรที่จะรักษาศีล ๕ ให้บริบูรณ์ ถึงแม้จะรักษาไม่ครบทั้ง ๕ ข้อ รักษาได้สัก ๒-๓ ข้อก็ยังดี


    ๏ วิชากรรมฐานหลวงปู่เรียนมาจากใครครับ ?

    วิชาวิปัสนากรรมฐาน อาตมาไม่ได้ไปเรียนมาจากที่ไหนหรอก เนื่องจากอาตมามีความสนใจในพระกรรมฐานของวัดมหาธาตุ แต่มาเริ่มปฏิบัติอย่างจริงจังที่วัดกำแพงแสน เพราะได้ศึกษาอยู่กับหลวงพ่อหว่างท่านนี้นั่นแหละ อาตมาเรียนอยู่กับท่านจนกระทั่งท่านมรณภาพ


    ๏ การฝึกกรรมฐานจะดีต่อคนเราอย่างไรครับ ?

    เพื่อความเข้าใจของการนั่งสมาธิ นอกจากจะให้ผลเป็นฌานสมาบัติแล้ว ยังให้ผลในความมั่นคงสมบูรณ์ได้อีกด้วย เป็นผลทั้งในชาตินี้และชาติหน้า คือชาตินี้เป็นคนรวย ชาติหน้าก็เป็นปัจจัยใกล้มรรคผล คือให้ผลในสุคติ มีสวรรค์และพรหมโลกเป็นที่ไป หากคนใดสนใจเอาสมาบัติที่ได้ไป เป็นกำลังของการวิปัสสนาญาณด้วยแล้ว ก็จะได้รับผลสูงอย่างคาดไม่ถึง ขณะเดียวกันอาจผดุงผลทางลาภให้เกิดกลายเป็นคนร่ำรวย สมาธิยังให้ผล ในทิพยจักขุญาณ เป็นการช่วยส่งเสริมศรัทธา ในการสร้างความดีให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป

    สมาธิเป็นสิ่งที่ทำให้มีจิตอิ่มเอิบเบิกบาน หน้าตาชุ่มชื่นตลอดวัน อาตมาคิดว่า ใครได้ฝึกก็จะได้ในเรื่องของความสงบทางจิตใจ ไม่เครียดกับสิ่งแวดล้อม มีความอดทนต่ออารมณ์ที่เข้ามาย้ำเย้าได้ดีมาก มีเมตตาปรานีเกิดขึ้นแก่ใจ อย่างคาดไม่ถึงด้วย ไม่หลงใหลในภาพที่เห็น ยิ่งวันนี้เราจะเห็นกันว่า โลกทุกวันนี้ มีแต่ความวุ่นวายไม่สงบ ทำอะไรก็ต้องอยู่กับการแข่งขัน เพื่อความอยู่รอดกันทั้งนั้น ใครก็ตามที่เริ่มฝึกวิปัสสนากรรมฐาน จะเป็นการเพิ่มพูนบารมีให้กับตัวเอง เพื่อจะได้ไปสู่ในภพหน้า หรือไปสวรรค์นั่นเอง


    ๏ ปัจจุบันมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง ?

    เมื่อปัจจุบันบ้านเมืองเรามีคนจำนวนมากขึ้น ความเห็นแก่ตัวก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย ความโลภ ความโกรธ ก็มีมากขึ้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนเหล่านี้ไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจในการประมาณตนเอง และถ้าคนเราคิดว่าสุขมันก็ไปสวรรค์ หากทุกข์ก็เหมือนนรกนั่นเอง


    ๏ เห็นลูกศิษย์พูดกันว่าหลวงปู่สามารถหยั่งรู้อนาคตได้จริงไหมครับ ?

    โอ๊ย ! อาตมาหยั่งรู้ไม่ได้หรอก (หัวเราะ) เพราะอาตมายังไม่สามารถนั่งสมาธิถึงฌานระดับนั้นได้ มันเป็นเรื่องยากเหมือนกัน แต่ที่บางคนบอกว่าอาตมารู้ใจใครได้นั้น ก็เป็นการถ่ายแบบรู้ตื่นๆ โยมบางคนมาหาที่วัด อาตมาก็เห็นผอมโซแสดงว่าเขาหิวข้าว (หัวเราะ)


    ๏ แล้วหากพูดถึงเรื่องกฎแห่งกรรม มีอิทธิพลต่อมนุษย์เราอย่างไร ?

    อาตมาอยากจะบอกว่าสิ่งเหล่านี้ใครไม่เชื่อก็ต้องพิจารณากันให้ดี แล้วจะรู้ว่ามันมีจริงไหม กรรมก็เป็นกรรมบันดาลให้เกิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับกรรมดีที่ได้ทำไว้นั่นเอง บางคนคิดฆ่าพ่อฆ่าแม่ นี่ก็เป็นวิบากของกรรม อย่างพระสารีบุตร ท่านไปพบมารดาท่านในสมัยที่ร้อยชาติผ่านมาแล้ว เป็นเปรตผอมโซ ซี่โครงขึ้น

    เมื่อท่านเดินผ่านไป เปรตผู้หญิงก็มองหน้า ถามว่าท่านจำฉันได้ไหม พระสารีบุตร ถามว่าท่านเป็นใคร เปรตตนนั้นบอกว่าสมัยหลังจากนี้ไปร้อยชาติ ฉันเคยเป็นมารดาของท่าน แต่อาศัยที่ไม่ทำความดี จึงมาเกิดเป็นเปรต ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่นาน พระสารีบุตร ก็ถามว่า โยมต้องการอะไร จะทำให้ เปรตตนนั้นก็บอกว่าจะขอให้ถวายสังฆทาน แล้วก็มีผ้าสักผืนหนึ่งเล็กๆ กว้างคืบยาวคืบก็ได้ ถวายสังฆทานคืออาหารแล้วขอน้ำสักหน่อย เมื่อพระสารีบุตรกลับมาจากบิณฑบาตแล้วก็เอาใบไม้มา สมัยนั้นมันหาข้าวยาก เอาใบไม้มา เอาข้าวใส่ไปสักหน่อยหนึ่ง แล้วเอาใบไม้มาอีกใบ ใส่กับข้าวไปหน่อยหนึ่ง แล้วเอาน้ำใส่บาตร มีผ้ากว้างคืบ ยาวคืบ ผ้าเช็ดหน้าผ้าเช็ดมือเรานี่นะ ถวายเข้าไปในหมู่สงฆ์ลูกศิษย์ของท่านเป็นสังฆทาน อานิสงส์เพียงเท่านี้ เมื่อท่านอุทิศส่วนกุศลให้ ปรากฏว่ามารดาของท่านไปเกิดเป็นนางฟ้า อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทวโลก มีวิมานสวยงาม มีสระโบกขรณี


    ๏ บางคนบอกว่าทำชั่วแล้วยังได้ดี ตรงนี้เกิดจากอะไรครับ ?

    มันก็มีความเป็นไปได้ (หัวเราะ) บุญเก่าของเขาอาจมีมากอยู่ ผลกรรมชั่วก็เลยยังมาไม่ถึง บาปที่เป็นกรรมไม่ดีนั้น ขึ้นอยู่กับมีเจตนาทำแล้วแบบไหน หากทำไปแบบอาตมา สมัยเป็นเด็กก็ฆ่าสัตว์มาเยอะเหมือนกัน นั่นก็เป็นบาปที่ไม่ทัน แต่ก็เป็นบาปเป็นกรรมที่จะต้องชดใช้เหมือนกัน


    ๏ หลวงปู่ได้เริ่มสร้างวัตถุมงคลออกมาเมื่อไรครับ ?

    เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๘ จริงๆ อาตมาก็ไม่ได้สร้างวัตถุมงคลเองหรอก มีลูกศิษย์นั่นแหละสร้างมาถวาย อาตมาจะทำพิธีปลุกเสกด้วยตัวเอง ปลุกเสกไปตามตำราที่หลวงพ่อหว่างเขาว่าเอาไว้นั่นแหละ ไม่มีคาถาอะไรที่มากไปกว่านี้


    ๏ บางคนบอกว่าเอาพระของหลวงปู่ไปใช้แล้ว รอดตายจริงไหมครับ ?

    เฮ้ย ! ไม่ใช่ (หัวเราะ) สิ่งเหล่านี้มันเกิดจากอะไรอาตมาก็ไม่รู้ แต่การรอดตายนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับคนที่เอาไปใช้ด้วยว่า เป็นคนดีแค่ไหน พวกนี้ก็มีส่วนทำให้คนเรารอดตายได้ แต่จะให้อาตมาบอกว่ารอดตายจากพระเครื่อง มันบอกไม่ได้


    ๏ อ้าว ! แล้วบางคนบอกว่ามีพระของหลวงปู่แล้วใครก็ยิงไม่เข้า ?

    อาตมาว่ายิงไม่ออกหรือยิงไม่เข้า กระสุนมันอาจไม่ดีก็ได้นะ (หัวเราะ) แต่ที่ยิงไม่ออก ยิงเข้าบ้างไม่เข้าบ้างก็เพราะมันยิงไม่ถูกก็ได้ (หัวเราะ)


    ๏ จริงๆ วัตถุมงคลมีความจำเป็นต่อคนเรามากน้อยแค่ไหนครับ ?

    จะว่าจำเป็นหรือไม่จำเป็นมันขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า เพราะวัตถุมงคลเหล่านี้มันก็เป็นการบำรุงจิตใจ กระตุ้นจิตใจให้กับคนเราได้ยึดมั่นในคุณงามความดี หรือบางครั้งบ้านเมืองเราอยู่ในยามคับขัน ขับรถกลัวเกิดอุบัติเหตุ พระเครื่องก็เป็นสิ่งย้ำเตือนไม่ให้คนเราประมาท ทำอะไรก็ต้องมีสติตลอดเวลา เมื่อจิตใจเราดี มันก็ทำให้คนเราฝ่าฟันอุปสรรคไปได้


    ๏ มีญาติโยมมาขอหวยบ้างไหมครับ ?

    ก็มีเยอะเหมือนกัน แต่อาตมาไม่รู้ พอมาแล้วเขาไปซื้อกันไม่ถูกเลยหลายงวด คนพวกนี้ก็จะเลิกขอไปเอง ถ้าอาตมารู้ก็แสดงว่าเทวดาบอกซิ (หัวเราะ) ถ้าเขาไม่บอกอาตมาก็ไม่รู้


    ๏ บางคนมาถ่ายภาพหลวงปู่แล้ว ปรากฏว่าภาพไม่ติดนั้น เกิดจากอะไร ?

    กล้องมันเสียหรือเปล่า ต้องไปถามคนถ่ายว่าถ่ายอย่างไร อาตมาไม่รู้เพราะไม่ใช่คนถ่าย


    ๏ แล้วหลวงปู่ไม่ได้เป่ามนต์คาถาห้ามถ่ายไม่ติดหรือครับ ?

    อาตมาไม่ได้สั่ง เพราะจริงๆ อาตมาตั้งใจให้มันติด แต่ทำไมคนถ่ายออกไปแล้วภาพที่ถ่ายกลับไม่ติด ก็ไม่รู้เหมือนกัน


    ๏ หลวงปู่มีโรคประจำตัวไหมครับ ?

    สุขภาพอาตมาก็เรื่อยๆ แข็งแรงบ้างไม่แข็งแรงบ้าง มีโรคประจำตัวอยู่เหมือนกัน อาตมาเป็นโรคหัวใจ เมื่อไม่สบายก็ต้องรักษากันไป พออาตมาหยุดหายใจมันก็ตายอยู่แล้ว (หัวเราะ)


    ๏ มีอะไรที่หลวงปู่ยังไม่ได้ทำบ้างครับ ?

    อาตมาคงไม่คิดทำอะไรแล้ว อายุก็มากแล้ว อยากทำอยู่อย่างเดียว คือการมรรคผลนิพพาน เท่านี้อาตมาก็พอใจแล้ว ถ้าได้ก็ดี แต่มันคงลำบากและยากอยู่เหมือนกัน จะตายเสียก่อนล่ะมั้ง (หัวเราะ) คิดว่าอยู่อีกสองปีครบ ๗ รอบ อายุก็ ๘๔ ปีพอดี ชีวิตนี้เอาแค่นี้ก็พอ เกิดก็เกิดมานานแล้ว และที่สำคัญความเป็นพระสงฆ์จึงไม่ควรอยู่ในที่โอ่โถง


    ๏ หลวงปู่มีธรรมะข้อไหนที่จะฝากให้กับผู้อ่านหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" ครับ ?

    เมื่อถึงวัยทำงานแล้ว ปล่อยเวลาให้ผ่านไปไม่ยอมทำงานให้เป็นมรรคผล ปล่อยใจให้เป็นไปตามอารมณ์ก็ไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ชีวิตก็จะรวนเรไม่เป็นแก่นสาร เมื่อถึงคราวชรามีมาถึงก็ไม่มีทรัพย์สมบัติมาเลี้ยงตัวก็จะอดอยาก จะพึ่งลูกหลานก็ไม่ให้พึ่ง ตัวเองก็จะถึงความเสื่อมทั้งกายและทรัพย์สิน คล้ายเป็นคนอนาถา หาที่พึ่งไม่ได้ ฉะนั้น ก่อนจะถึงวัยชราควรขยันทำมาหากิน หาสมบัติเป็นหลักฐานเอาไว้สำหรับเลี้ยงตัวและลูกหลาน ความทุกข์จะได้ไม่เบียดเบียนด้วยยามชรา

    เมื่อวัยชรามีมาถึงเริ่มทำบาปไม่ไหวแล้ว หมั่นอยู่ในศีลธรรมภาวนาไม่เป็นคนเจ้าสำราญดื่มสุราเป็นอาจิณ ไม่เอาใจใส่ต่อบุญทานการกุศล แม้แต่จะหยุดใจเพื่อเจริญกรรมฐาน พุทโธ ธัมโม สังโฆ สัมมาอะระหัง ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ นะมะพะทะ จิตก็จะไม่มีอะไรยึดเหนี่ยว มันก็จะไกลจากบุญกุศลจะพาตนให้เดือดร้อน มีทุคติเป็นที่ไปเบื้องหน้า คราวใกล้ตายจิตก็จะเศร้าหมองไม่ผ่องใส จิตไปสู่ทุคติ มีนรก อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน จะไม่สมกับที่เกิดมาพบเจอพระพุทธศาสนาและเป็นชาวพุทธ อาตมาอยากจะบอกว่า เกิดมาเป็นมนุษย์จงทำความดีให้ถึงที่สุด ทำความดีให้สุดกำลังนั่นเอง


    ชาติภูมิหลวงปู่แผ้ว ปวโร

    หลวงปู่แผ้ว ปวโร อายุ ๘๒ ปี พรรษา ๖๒ ชื่อเดิม แผ้ว บุญวัตร ชื่อเล่น แกละ เกิดเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๔๖๖ ตรงกับวันพุธ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุน ณ หมู่บ้านหลักเมตร ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม บิดาชื่อ พาน มารดาชื่อ จุ้ย จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๓ จากโรงเรียนวัดหนองม่วง ต.เตาอิฐ อ.บางแพ จ.ราชบุรี

    อายุได้ ๒ ขวบ ครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ยึดอาชีพทำนาเป็นหลัก พ่อแม่ถือเป็นคนใจบุญ สนทนาธรรมะกับพระมิได้ขาด กระทั่งปี พ.ศ.๒๔๗๕ โยมพ่อได้ฝากเด็กชายแกละไปเป็นศิษย์ ณ วัดหนองม่วง ต.เตาอิฐ เพื่อให้ได้เรียนหนังสือกับพระสงฆ์ โรงเรียนสมัยนั้นจะอยู่ในวัด และพระเป็นครูสอน เด็กชายแกละจึงอยู่ในความดูแลจากหลวงพ่อหงส์ เจ้าอาวาสวัดหนองม่วง แต่ก็ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน เพราะต้องออกมาช่วยงานทางบ้าน

    อายุ ๒๐ ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๖ ณ วัดหนองปลาไหล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยมีพระครูสุกิจธรรมสร (พระอธิการหว่าง ธมมสโร) วัดกำแพงแสน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการปาน อารกฺโฆ วัดหนองปลาไหล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสนั่น วัดหนองปลาไหล เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๙๗ จำพรรษาอยู่ที่วัดสว่างชาติประชาบำรุง ต.กำแพงแสน มีอาจารย์สุนทร ชิตะมาโร เป็นเจ้าอาวาส หลวงปู่ได้ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยอย่างมุ่งมั่น จนสอบได้ถึงนักธรรมเอก หน้าที่รับผิดชอบยังคงเป็นครูสอนพระนักธรรมแก่พระภิกษุและสามเณร ต่อมาเจ้าอาวาสวัดได้ลาสิกขา ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง ๑-๒ ปี ชาวบ้านรวมทั้งพระภิกษุและสามเณรต้องการให้หลวงปู่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส แม้หลวงปู่จะไม่ยินดีเท่าใดนัก

    ปี พ.ศ.๒๕๐๒ จำพรรษาที่วัดกำแพงแสน จ.นครปฐม จนถึงปัจจุบัน โดยเบื้องต้นมีความสนใจในพระกรรมฐานของวัดมหาธาตุเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่มาเริ่มปฏิบัติอย่างจริงจังที่วัดกำแพงแสน เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๔ ช่วงหลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ พระป่ากรรมฐานศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้เดินทางมาพักที่วัดกำแพงแสน และได้สนทนาธรรมเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติพระกรรมฐาน และเพราะมีพระที่วัดได้ไปศึกษากรรมฐานที่สำนักกรรมฐาน ตรงพระนอนภายในองค์พระปฐมเจดีย์ หลวงปู่แผ้วจึงได้ยึดถือเป็นหลักการปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้

    สาธุชนที่ต้องการจะไปกราบไหว้หลวงปู่แผ้ว สอบถามรายละเอียดเส้นทางไปที่วัดกำแพงแสน ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้ที่โทรศัพท์ ๐-๙๔๔๕-๕๙๐๘, ๐-๑๗๒๒-๒๕๖๘



    .............................................................

    คัดลอกมาจาก
    นสพ.คม ชัด ลึก คอลัมน์ พระเครื่อง คม ชัด ลึก
    ฉบับวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2547
     
  2. den_siam2523

    den_siam2523 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,267
    พระผิดศีล กับชาวบ้านผิดศีล ใครจะบาปกว่ากัน
    ลองคิดดูครับ
     
  3. visarut

    visarut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +1,580
    อนุโมทนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...