ขโมยเงินพ่อ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย jerajajen, 23 มิถุนายน 2014.

  1. jerajajen

    jerajajen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2008
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +267
    ผมมีเรื่องจะสอบถามความเห็นว่า เมื่อหลายปีก่อนผมได้ขโมยเงินพ่อจากบัญชีธนาคารไปร่วมแสน เพราะสงสารแม่ที่แม่เป็นหนี้สินเยอะ ช่วงที่แม่เงินขาดมือเเรกๆขอพ่อไม่เคยได้ จนกระทั้งไม่ไหว แม่จึงปริปากบอกผม ผมจึงตัดสินใจขโมยเงินพ่อไปให้แม่ โดยที่ตัวเองไม่ได้เอาเงินมาใช้สักแดงเดียว แบบนี้ผมบาปแค่ไหน ใจไม่อยากทำแต่จำเป็นจริงเพื่อรักษาครอบครัว ไม่ต้องให้ใครต้องหนีไป
     
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    การกระทำทั้งหลายเป็นไปกับบุญและบาปเสมอเพียงแต่ต่างเวลาวาระกันเท่านั้น...

    การที่พ่อหวงห้ามไม่ให้เงินเราแม้เราจะเอ่ยปากขอก็ตาม แสดงว่า ท่านมีความ"หวงแหน"ในทรัพย์ของท่าน...เมื่อท่านจขกท. แอบไปเบิกเงินของท่านมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ท่านจขกท.ก็ได้ทำกาลล่วงศีลข้อ๒ (อทินนาทาน)สำเร็จไปแล้ว..ส่วนเจตนาที่จะช่วยแม่นั้นเป็นบุญที่ดี นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งเกิดต่างขณะกัน..

    ทั้งผลของบุญและบาป ต่างเกิดขึ้นแล้วตามเจตนาที่เกิดนั้น ไม่ปะปนกันหรือลบล้างอะไรกันได้ผลทั้งสองย่อมต่างฝ่ายต่างส่งให้ได้รับตามการประชุมของเหตุปัจจัยที่เหมาะสม...

    เมื่อท่านจขกท. จะแก้ไขก็พึงไปกราบขอขมาพ่อเสียแล้วอธิบายเหตุผลให้ท่านทราบ ความเคืองขุ่นของท่านอาจลดลงได้บ้างไม่มากก็น้อยเมื่อและหากตนสามารถก็พึงขวนขวาย หามาชดใช้ท่านตามกำลังของตน นี้ย่อมเป็นการสั่งสมอุปนิสสัยที่จะแก้ไขตนไปโดยถูกต้อง เป็นกิริยาของบัณฑิตที่ไม่ดูดายกับการทำผิดของตน...แม้โทษภัยที่จะเกิดตามมาเพราะการล่วงบาปย่อมลดกำลังลงไปได้แน่นอนเพราะความที่ตนสามารถสำนึกผิดได้ในภายหลัง...

    ส่วนความเดือดร้อนใจที่ยังค้างใจนั้น ให้พยายามละหรือยุติเสีย เพราะการวิตกถึงบ่อยๆเป็นการปล่อยให้ใจมีความฟุ้งซ่านอันเป็นโทสะที่ทำให้จิตเศร้าหมอง หาประโยชนอันใดมิได้เลย แล้วหมั่นประพฤติ/สมาทานศีลให้มั่นคงย่อมได้เกราะเครื่องรักษาตนให้พ้นภัยได้ต่อไป เช่นนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้จักทำประโยชน์รักษาตนอยู่...นะครับ
     
  3. jerajajen

    jerajajen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2008
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +267
    ผมก็คิดว่าเป็นอย่างนี้แหละครับ ทุกวันนี้ถึงไม่ค่อยมีกิน แต่ดูพ่อไม่โกรธผมนะ เพราะผมวางตัวดีมาตลอดไม่เกเร เค้าคงรู้เจตนา ผมได้บอกไปแล้วว่าเอาเงินไปช่วยแม่
     
  4. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676

    บาป แน่นอนชัวร์ ไม่มีมั่วนิ่ม แต่เรื่องมันผ่านไปแล้ว เรื่องเก่าเราแก้ไม่ได้ ก็ทำไปแล้ว ทำไมไม่มานั่งคิดและกังวลว่า เอเราจะหาเงินหรือทำงานอย่างไรโดยถูกกฏหมายและไม่ผิดศีลธรรมมาใช้คืนพ่อแทนดีเน้อ... คนเรามันมีค่าตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ ถ้าเค้าไม่ได้ให้ เราเอาเค้ามาต้องคืน คืนนี้เราต้องให้ดอกเบี้ยเค้าด้วย ยืม 100 ปีนึงเราต้องคือ 107.5 บาท แต่ถ้าหลายปียังไม่ได้คืน ก็คิดทบต้นทบดอกไป ไม่งั้นคุณก็จะเป็นคนที่มีคุณค่าและค่าตัวแค่ 100,000 เดียว ทั้งชีวิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2014
  5. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ผมก็ทำบ่อยไปสมัยเด็ก ไม่เก็บเอามาคิดแล้ว ตอบแทนท่านไปเมื่อเรามีปัญญาจะทำได้ เพราะเราก็เป็นคนดีให้ท่านได้ชื่นใจเหมือนกัน และคุณก็มีเหตุผลในการกระทำ เป็นผมก็ทำเหมือนคุณนั่นแหละ
     
  6. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ขโมย ก็คือขโมย ลองจินตนาการว่า เงินของเราเป็นแสนโดนขโมยไป
    ถ้าเรามารู้ว่าคนที่เอาไปคือ ลูกของตนเอง จะรู้สึกอย่างไร
    ทำไมคนเป็นครอบครัวกัน ไม่ช่วยเหลือกัน
    ทำไมพ่อ ไม่ช่วยแม่ ทำไมหนี้สินถึงไม่เกี่ยวกับพ่อ
    แล้วหนี้สินนั้นเป็นแสน คืออะไร
    ความจริงทั้งหมดเป็นอย่างไร ตัวเองเท่านั้นรู้ดีที่สุด

    อย่านำเรื่องส่วนตัวของครอบครัวมาเล่าเพื่อทำให้คนอื่นเสียหาย
    อีกทั้งยังเป็นพ่อของตนเองอีก คนเป็นพ่อแม่ลูกทั่วไป ถ้าเดือดร้อนมากกว่าแสนก็ให้กันได้ถ้ามีให้


    ตราบาปนั้นก็ติดตัวคุณอยู่จนบัดนี้
    เพราะอะไร
    ก็เพราะคุณมักจะหวนระลึกและก็รู้สึกผิดบาปอยู่ร่ำไป
    และก็แอบโทษแต่พ่ออยู่เนืองๆ แต่ตัวเองก็ผิดเต็มๆ
    ควรจะปล่อยให่จบไป ไม่รื้อฝื้น ไม่จำเป็นต้องเล่าให้ใครฟัง
    หากการนำมาเล่าสู่ ทำให้จิตใจหม่นหมอง
    ก็เท่ากับกระตุ้นบาปในอดีตให้ตามมาออกผลหลอกหลอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...