ข่าวดี ชาวโลกจะได้พบพระศรีอารย์ในปี 2549

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 10 พฤศจิกายน 2004.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>ประสบการณ์ลี้ลับ: ประสบการณ์เร้นลับทางจิต</TD></TR><TR><TD>
    โดย สายทิพย์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    ในแวดวงนักปฏิบัติธรรม ชื่อของ คุณแม่นิภา คงสุข นักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแนว "มโนมยิทธิ" สายหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ดูจะเป็นบุคคลหนึ่ง ที่บรรดาสานุศิษย์ผู้ปฏิบัติกรรมฐานสายนี้พูดถึงอยู่เสมอ คุณแม่นิภาเป็นศิษย์เอกคนหนึ่งของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และเป็นผู้ถ่ายทอดแนวทางกรรมฐาน "มโนมยิทธิ" จนมีลูกศิษย์ลูกหาเต็มเมืองทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันท่านได้ก่อตั้ง "จุฬามณีสถานปฏิบัติธรรม" ขึ้นที่ จ.กาญจนบุรี และที่หมู่บ้านสิวลี รังสิต โดยเปิดสอน "มโนมยิทธิ" สำหรับผู้ที่สนใจ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
    [​IMG] ผู้เขียนได้พบ "คุณแม่นิภา คงสุข" เมื่อต้นเดือนธันวาคม ปี 47 วันนั้นท่านมาเป็นวิทยากรบรรยายในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิต และท่านก็ได้ให้หนังสือธรรมะ ซึ่งเป็นประสบการณ์ทางจิตที่ได้จากการปฏิบัติแนว "มโนมยิทธิ" จนเกิดอภิญญา เห็นดวงวิญญาณ ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า เห็นภาพนิมิตที่เป็นอดีตและอนาคต เรื่องราวต่าง ๆ ในหนังสือจำนวนหลายเล่มที่ท่านมอบให้ ผู้เขียนได้รับอนุญาตให้นำบางเรื่องราวมาลงเผยแพร่ ดังนี้...
    ก่อนพบทางสายธรรม
    ช่วงชีวิตของ คุณแม่นิภา คงสุข ก่อนที่จะมาพบทางสายธรรม คุณแม่เป็นชาวอำเภอปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ท่านเป็นพี่สาวคนโตในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 8 คน ก่อนค้นพบเส้นทางธรรม ท่านก็มีชีวิตเป็นปกติ คือแต่งงานมีครอบครัว มีบุตรธิดา ประกอบธุรกิจร้านอาหารที่ จ.อุตรดิตถ์ ชีวิตในเวลานั้นท่านพบทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป ยังไม่รู้จักความสุขสงบแท้จริงในทางสายธรรม จนกระทั่งอายุราว 48 ปี ท่านก็ได้หนังสือประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค มาเล่มหนึ่ง เมื่อเปิดอ่านแล้วก็รู้สึกเลื่อมใสศรัทธาเหลือเกิน จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณแม่นิภา หันมาปฏิบัติและศึกษาธรรมอย่างจริงจัง
    และก็เป็นธรรมดาที่ผู้ปฏิบัติทางจิตในแนวทางสายใดก็ตาม มักพบเห็นและสัมผัสเรื่องราวอันมหัศจรรย์ได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้มีภูมิธรรมขั้นสูง เช่น คุณแม่นิภา คงสุข ที่มักพบเห็นดวงวิญญาณมากมาย และมักมีนิมิตมาเตือนล่วงหน้า อย่างเหตุการณ์ตึกเวิลด์เทรด ที่สหรัฐฯจะถล่ม ท่านก็รู้ล่วงหน้าว่าจะต้องเกิดเช่นกัน
    ในหนังสือของ คุณแม่นิภา คงสุข มีเรื่องราวซึ่งเป็น "กฎแห่งกรรม" ที่น่าสนใจ อย่างเรื่องนี้

    เรื่องตัดไม้
    เมื่อป้ายังอายุ 14 ปี เดินทางพักแรม เจอคนแก่อายุ 70 ปีกว่า ๆ ปากท่านเป็นเนื้องอก พูดไม่ชัด เนื้องอกในปากเต็มไปหมด ป้าก็ถามว่า "ก๋งเป็นอะไร" ท่านก็พูดว่า "เออ...เอ็งถามก็ดี จะได้เล่าให้ใคร ๆ ฟังว่าการตัดต้นไม้นั้นไม่ดี อย่าเอาอย่างก๋ง" ท่านก็เล่าว่าท่านมีคุณปู่ของท่านเป็นคนรวยมาก มีที่ดินมาก แต่มีต้นไทรใหญ่อยู่ในที่ดินกินเนื้อที่ 4 ไร่ ท่านจึงสั่งตัดโค่นไทรนั้น ขณะสั่งตัดก็มีคนงานตายอยู่เสมอ ท่านก็ไปเอาหมอผีมาสะกด เจอคนงานโค่น การโค่นสมัยก่อนไม่มีเลื่อยอย่างสมัยนี้ ต้องใช้ขวานสับทีละปึก ๆ สรุปคือ คนตายมากมาย ไทรต้นนี้จะมีนกอาศัยมากหลายชนิด ก่อนโค่นวันพระ 14-15 ค่ำ จะมีเสียงดนตรี มโหรี ดีด สี ตี เป่า แต่ตอนโค่นจะมีเสียงสาปแช่งทุกคืนยามดึกสงัด ทั้งที่คนตายกันมากมาย ปู่ของก๋งก็ยังพยายามจะเอาชนะผีเทวดา คือเพียงขอให้โค่นเท่านั้น แต่พอต้นไทรเริ่มล้มลง ก็มีเสียงร้องระงมเซ็งแซ่ พร้อมเสียงสาปแช่งปะปนเสียงร้อง คือท่านเล่าว่า สาปแช่งให้เป็นง่อย 7 ชั่วโคตร ท่านเล่าว่าจากนั้นมาตัวก๋งเองและลูกหลานสืบๆกันมาจนถึงทุกวันนี้ พอเริ่มเป็นสาวอายุ 15 ปี จะสวย พอย่าง 16 ปี

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="15%" align=right bgColor=#cc6600 border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>
    เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ที่เวอร์จิเนีย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ก็เริ่มเนื้อที่ง่ามมือระหว่างนิ้วหัวแม่โป้งกับนิ้วชี้ยุบลง ปากเริ่มเบี้ยว ตาจะเหล่ข้างหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มหมดความสวยงามจนเรียกว่าเป็นง่อย ตอนป้าอายุ 14 เขาปลูกไทรแทนไว้ 5 ปี ป้ายังไปดูไทรนั้นเลย แต่เมื่อพ.ศ. 31 ป้าพบเพื่อนรุ่นอายุ 14 นั้นอีกครั้ง ถามถึงต้นไทรที่ปลูกแทน เขาบอกว่าไฟไหม้ตายหมดแล้ว แต่ความเป็นไปก็ยังรับกันอยู่ นี่คือผลของการตัดไม้ มีคนมากมายที่มีอันเป็นไปจากการตัดไม้ทำลายป่า รุกขเทวดานั้นมีจริง ที่เกเรก็มี เพราะป้าถามรุกขเทวดา หมายถึง เทวดาบนต้นไม้ ท่านจะตอบว่าที่ท่านไม่ลงโทษผู้ตัดไม้ทำลายวิมานของท่านเพราะท่านทรงพรหมวิหาร 4

    พุทธคุณช่วยฝรั่ง
    ที่อเมริกา วอชิงตัน DC. มีฝรั่งคนหนึ่งเขามีเพื่อนเป็นคนไทยทำงานอยู่สถานทูต เขาได้มาให้ดูหมอโดยมี คุณสุนทร ทั่งจันท์แดง เป็นล่ามให้ พอฉันจับมือสัมผัส ก็เห็นภาพว่าฝรั่งคนนี้ตาจะบอด เพราะเห็นเขาเคยตกปลา เบ็ดไปเกี่ยวตาปลา และเขายังทรมานปลา โดยจับปลาได้ก็บั้ง ๆ ตัวปลา แล้วก็ปล่อยปลาไปโดยมีเลือดแดงฉานในน้ำ เขาตกใจและรีบเข้าไปถอดตาปลอมมาให้คุณสุนทรดูว่า เขาถูกควักตาไปข้างหนึ่ง และหมอก็ยังบอกว่าอาจต้องควักอีกข้าง เขาก็ถามว่าจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ก็บอกเขาว่าต้องมีศีล 5 และมานั่งสมาธิ เขาบอกว่าถ้าไม่ต้องควักตาอีกข้างเขาจะยอมทุกอย่าง เพราะที่พูดมา เขาทำอย่างนั้นจริง ๆ เขามีเรือให้เช่าตกปลา 3 ลำในแม่น้ำ ถ้าเขาจะขายจะดีไหม? ก็บอกว่าดี เขาก็พาเราไปดูเรือเขาที่ลำน้ำ เรือเขาสวยน่านั่ง มีห้องนอน ห้องกินอาหาร จากนั้นเขาก็มาเป็นสมาชิกปฏิบัติธรรมในยามที่ฉันไปอเมริกา เขาจะต้องมาปฏิบัติมโนมยิทธิ เขาได้มโนมยิทธิ สามารถเห็นยายเขามาหาเขา จากนั้นเมื่อฉันไปทีไร เขาจะมาหาพูดไทยได้บ้าง ก่อนจะกลับ เขาจะหาอัญมณีมาให้ เช่น สร้อยข้อมือ แหวนโอปอ จี้แขวนสร้อยมีพลอยโอปอผสมหยกมาให้ทุกปี และเลี้ยงส่งตั้งแต่ปี 39 จนถึงทุกวันนี้ ตาเขาไม่ต้องควัก ก็เหลือตาไว้ข้างเดียว อีกข้างตาปลอมดูไม่รู้ ถ้าเขาไม่ควักมาให้ดู นี่แหละคือวิชามโนมยิทธิช่วยเขาได้ มีศีล 5 ภาวนา และเดี๋ยวนี้เขาเลิกตกปลา ขายเรือ อยู่คอนโดฯชุด สบายชาติไหน ภาษาไหนพระพุทธเจ้าโปรดได้หมด พระองค์ถือว่าสัตว์โลกที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ขอเพียงอย่าเป็นผู้คลั่งศาสนาก็พอ พระศาสนามีไว้เพื่อเคารพบูชาความดี ไม่ใช่มีไว้ให้บ้าคลั่ง จะพังทลาย
    เหตุที่สมาทานขอให้รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า โดยมิต้องกำหนดจิตรู้ได้จริง เช่น เมื่อพ.ศ. 2537 ฉันรู้ว่าเวิลด์เทรดจะถล่ม รู้ล่วงหน้าตั้งเก้าปีเชียวนะ

    เรื่องราวจากหนังสือของ คุณแม่นิภา คงสุข ผู้สอนกรรมฐาน
     
  2. demonicus

    demonicus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +314
    [​IMG] ผมว่าผมพบแล้วนะครับ บุคคลที่น่าจะเป็นพระศรีอารย์ เสด็จลงมาเพื่อภาระบำรุงพระศาสนา ทุกท่านก็ได้พบแล้ว ลองคิดดูเล่นๆนะครับ ในแผ่นดินไทย ใครบ้างที่อุปถัมทุกศาสนา ใครบ้างที่พูดสิ่งใดมีผู้น้อมนำปฏิบัติทันที ใครบ้างที่แม้คนที่เลวที่สุดในแผ่นดินยังสามารถก้มลงกราบแทบเท้าได้ด้วยความเคารพสุดหัวใจ ใครบ้างที่หยุดสงครามในแผ่นดินด้วยวาจาเพียงไม่กี่ประโยค ท่านผู้นี้ทำนาด้วยตนเอง ท่านคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลของปวงชนชาวไทยไงครับ พระมหากษัตริย์ซึ่งได้รับการยกย่องจากนานาประเทศ ว่าเป็น "พระมหากษัตริย์ของโลก" ที่วังสวนจิตร พระองค์ท่านทรงนาด้วยพระองค์เอง เพื่อพัฒนาสายพันธุ์ข้าว ท่านทรงงานอย่างไม่รู้จักเหนื่อย ส่วนรอยแผลที่พระเศียรนั้น ผมไม่แน่ใจ แต่คล้ายๆกับเคยอ่านพบว่ามี (พระองค์ท่านเสียดวงพระเนตรไปข้างนึงไม่ใช่หรือ) และในใจของทุกๆท่าน ผมเชื่อมั่นในความจงรักภักดีที่มีต่อพระองค์ท่าน โดยที่พระองค์ท่านมิได้ขอ แม้แต่ชีวิต หากพระองค์ท่านต้องการ ผมเชื่อว่าคนไทยทั้งชาติสละให้ได้ คุณลองคิดดู หากพระองค์ท่านทรงเอ่ยนำการอธิษฐานจิต เพื่ออะไรสักอย่าง ณ วันนั้น เวลานั้น ไม่เฉเพาะแต่คนไทยหรอกครับ ที่จะพร้อมร่วมในการกระทำนั้น พลังจากดวงจิตอันมหาศาล นับร้อยล้าน พันล้านดวง ที่มุ่งไปสู่ความปราถนาเดียวกัน จะส่งผลขนาดไหน พระองค์ท่านสามารถทำได้ โดยไม่ต้องพึ่งอภิญญา หรือปาฎิหารใดๆเลย ผมคิดว่าหากพระศรีอารย์ท่านลงมาจริงๆ ท่านก็คงไม่ใช้ปาฏิหารหรอกครับ เพราะจะทำให้พระศาสนาของพระพุทธเจ้าสั่นคลอน (พระที่ท่านได้อภิญญา ได้ฤทธิ์จากการปฏิบัติ จึงมักหลีกหนีเข้าป่า เพราะหากอยู่เมือง คนก็จะมาศรัทธาฤทธิ์ ปฏิบัติเพื่อฤทธิ์ปาฏิหาร หลงลืมธรรมและการปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น นิพพานก็จะหายไปจากพุทธศาสนา) เพราะฉนั้น เราทุกคนที่เกิดมาเป็นคนไทย ภายใต้ร่มพระมหากรุณาธิคุณ ล้วนแต่มีบุญด้วยกันทั้งสิ้น ทุกวันนี้ เรากราบไหว้พระพุทธ บูชา(ปฎิบัติบูชา)พระธรรม บำรุงพระสงฆ์แล้ว เรายังได้กราบพระมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณอีกด้วย ดีใจครับ ที่ได้เกิดเป็นคนไทย วันนี้ คุณได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระศรีอาริยเมตไตรของปวงชนชาวไทย(และของโลก)หรือยังครับ
     
  3. tuntayapisailsoot

    tuntayapisailsoot สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +14
    จงอย่าไปเพ้อฝันถึงสิ่งที่ยังไม่เกิด,ไม่มี,ไม่สมบูรณ์เลยในพุทธกาลนี้เกิดแล้วมีแล้วสมบูรณ์แล้วควรเร่งเจริญภาวนากันดีกว่า ไม่ต้องไปหวังอะไรกับสิ่งเหล่านั้น ผมเคยอ่านหนังสือพระไตรปิฎกมีทั้งหมด ๔๕ เล่ม เท่าที่อ่านไม่เห็นจะมีตอนไหนที่กล่าวถึงการมาจุติของพระโพธิ์สัตย์ศรีอริยฯ เลย ถ้าจะมีก็มีแต่ใน อรรถกถาที่มานอกพระไตรปิฎกเท่านั้น ใครที่อ่านเจอในพระไตรฯ ช่วยโพสบอกด้วยนะครับผมจะไปอ่านบ้างเผื่อข้ามหน้าไป
     
  4. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +142
    เอ... รู้สึกว่าพระนารายณ์จะอวตารมาปางแรกเป็นพระวิษณุนะ [Embarrass

    แบบว่าชาตินั้นมีปัญหาอะไรขึ้นก็ไม่รู้อ่ะแหล่ะ แต่รู้สึกจะไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับคนอ่ะ พวกปัญหาที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมสภาพภูมิประเทศอะไรเนี่ยแหล่ะจำไม่ได้แล้ว

    ตอนนั้นไม่ได้ลงไปรบแค่ลงไปสร้างโน่นสร้างนี้เฉยๆ รู้สึกว่าจะสร้างสะพานรึว่าไงเนี่ยจำไม่ได้แฮะ... ตอนนั้นพระเจ้าแบ่งปัญญาในการสร้างให้ 1 ใน 10 แล้วก็ให้ลงมาช่วยโลกโดยการสร้างถาวรวัตถุอะไรซักอย่างเนี่ยแหล่ะ พอช่วยเสร็จก็เอาปัญญาในการสร้างไปคืนกับพระเจ้า ทำให้พระนารายณ์มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าพระวิษณุ และทำให้พระวิษณุได้รับการเคารพนับถือในฐานะเทพผู้สร้าง ( แต่จริงๆแล้วพระวิษณุไม่ใช่ผู้สร้าง แต่ได้รับปัญญาในการสร้างมาให้ช่วยโลกเฉยๆ... )
    (b-smile)
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พลังแสงทิพย์อริยธรรมนำท่านเข้าสู่พระนิพพานทันใจ โดย เกษร สุทธจิต จันทร์ประภาพ
    (โปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้)

    นื่องจาก องค์สมเด็จพระผู้เป็นเจ้าวิสุทธิพุทธพลบรมศาสดา ผู้เป็นใหญ่สูงสุดเบื้องบนพระนิพพาน ผู้เป็นเจ้าแห่งมวลจักรวาลทั้ง 3 โลก มีพระมหาเมตตาทรงโปรด ส่งแสงทิพย์อริยทรัพย์ ลงมาให้แก่ชาวโลกและทั่วมหาอนันตจักรวาลทั้งนรก โลกเทวโลกพรหมโลกเพื่อที่จะยกระดับจิตคนที่ดีมีบุญให้ได้อริยมรรคอริยผลทั่วทั้งหมดไม่มีการยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นชนชาติศาสนาใด ขอให้มีจิตใจเมตตาปราณี มีศีล 5 ครบ เคารพองค์พระศาสดาของท่าน ตั้งจิตตั้งใจอธิษฐาน ขอแสงอริยทรัพย์ ส่องเข้าไปในดวงจิตของท่าน ท่านจะได้รับอริยฐานะทันที เป็นการปิดกั้น ประตูอบายภูมิ เพื่อป้องกันไว้ก่อน เพราะเมื่อความตายมาถึง ลืมนึกถึง คุณงามความดีมัวแต่ตกใจกลัวตาย พระเบื้องบนท่านจะมาปรากฎกายทิพย์ ให้ท่านเห็นด้วยตาเนื้อ คนใกล้ตายจะดีใจ จิตเป็นกุศลก็ไปสวรรค์เป็น อย่างต่ำ ไปเป็นสุขชั้นพรหมเป็นอย่างกลาง จิตสะอาดเบิกบาน ไม่ติดใจ ในสมบัติของโลก สวรรค์ พรหม ก็ไปพระนิพพานได้แน่นอน ก่อนอื่นดิฉันขอเรียนกับท่านผู้อ่านว่า พลังแสงทิพย์นิพพานนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีมาก่อนสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระผู้เป็นเจ้าวิสุทธิ พุทธรังษีพระบิดา ท่านทรงมีญาณวิเศษทรงทราบว่า ดิฉันตั้งจิตอธิษฐาน อีกทั้งเคยทำงานฉุดช่วยเพื่อนมนุษย์ สัตว์ ผี มาแต่ชาติปางก่อน ทำงาน ได้อย่างเอาจริงเอาจัง ท่านได้โปรดเมตตามาสั่งสอนให้ดิฉันเข้าใจใน คุณวิเศษยิ่งของ พลังแสงทิพย์อริยทรัพย์พระองค์ท่านโปรดเมตตามา สั่งงาน มีพระวิสุทธิพุทธบัญชาให้ดิฉันรีบเร่งช่วยมนุษย์เพื่อนร่วมโลก ชักชวนบอกประกาศ เชิญทุกท่านให้รีบรับแสงอริยทรัพย์เร็วๆไวๆ เพราะ ว่าโลกนี้เข้ายุควิกฤตกาล ภัยพิบัติใหญ่ๆกำลังเข้ามาทำลายล้างโลกมนุษย์ ทั้งจากการสร้างอาวุธนิวเครียร์ จากการผิดศีลธรรม จากกรรมชั่ว มัวแต่ หลงอบายมุข รูป รส กลิ่น เสียงมีความเข้าใจผิด คิดว่าตายแล้วสูญ ไม่มี นรก สวรรค์ เป ็ นต้น เป็นกฎของกรรมที่ชาวโลกสร้างสั่งสมไว้หลายชั่วคน ไม่ใช่เบื้องบนลงโทษ พระผู้เป็นเจ้าวิสุทธิพุทธบรมศาสดาได้โปรดเมตตา ให้องค์สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันและองค์อนาคต กาล อีกทั้งท่านปู่สหัมบดีพรหมผู้เป็นใหญ่ใน พรหมโลก ท่านท้าวสักเทวราช ผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ทั้ง6 ชั้น ท่านปู่พระยายมราช ผู้เป็นใหญ่ใน นรกโลก พระ แม่เจ้ากวนอิม พระอรหันต์จี้กงเทพเจ้ากวนอู และอีกหลายๆ พระองค์ที่ดิฉันไม่สามารถเขียนพระนามท่านทั้งหมด เพราะเนื้อที่จำกัด มาสอนดิฉันให้เข้าใจเรื่องของเบื้องบนที่ทรงดูแลช่วยเหลือทั้ง 3 โลก พระผู้เป็นเจ้าพระพุทธเจ้า เทพ พรหม ไม่เคยอยู่นิ่ง คอยตรวจตราช่วยเหลือ ปวงประชามนุษย์ตลอดมา ได้ส่งพระศาสดาหลายศาสนาลงมาสอน มนุษย์ พระองค์ท่านทั้งหมดที่มาสอนมาเตือนดิฉันพระองค์ท่านคอย ควบคุมการพูดการเขียน การนึกคิด การงานทุกอย่างที่ดิฉันทำได้ทุกวัน นี้เป็นภาระกิจงานของพระองค์ท่านทั้งหมดทั้งสิ้น พระองค์ท่านยังทรง ปลื้มปิติที่ดิฉันได้ทุ่มเททำงานทั้งกายวาจา ใจ ช่วยมนุษย์ให้ได้เข้าถึง อริยมรรคอริยผลอย่างจริงจังโดยไม่กลัวสิ่งใดๆแม้แต่ความตายมาเป็น อุปสรรคกีดขวาง ไม่เคยนึกถึงหรือต้องการลาภ ยศ สรรเสริญ เจริญสุข หรือ สิ่งตอบแทนใดๆทั้งสิ้น ขอเพียงให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก ได้พ้นทุกข์จากการ เวียนว่ายตายเกิดเข้าพระนิพพานโดยฉับพลันทันใดเท่านั้นดิฉันก็พอใจแล้ว

    ท่านผู้ใดอ่านแล้วไม่เชื่อเพราะเป็นความรู้ใหม่ไม่มีในตำรา หา ไม่ได้ในโลกนี้ ก็ขอให้ท่านลืมไม่สนใจเสีย อย่าพึ่งเก็บไปวิพากษ์วิจารณ์ หรือตำหนิติเตียนเพราะดิฉันกลัวว่า ท่านจะทำความผิดทำบาปใหญ่หลวง โดยไม่รู้ตัวเพราะบังอาจไปปรามาสองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธบรมศาสดา พระองค์ท่านโปรดเมตตาอนุญาตให้ดิฉันทำงานในด้านนี้ เพราะถ้าจะเอา แค่งานสอนพระกรรมฐานท่านตรัสว่าช้าไปไม่ทันการ เพราะชาวโลกตก นรกกันถึง 90%์ ถ้าท่านผู้อ่านเชื่อและเห็นดี รีบขอรับแสงอริยทรัพย์ได้ ง่ายๆด้วยการอธิษฐานขอรับแสงทิพย์อริยทรัพย์เอาเอง ท่านก็พ้นนรกไป สวรรค์ได้อย่างสบาย แต่ถ้าหากท่านปรามาสงานบุญกุศลสูงส่งวิเศษยิ่ง นี้ท่านจะได้รับบาปกรรมโดยไม่ทันรู้ตัว แทนที่จะได้ไปพักสวรรค์พรหม หรือนิพพานง่ายๆกลับต้องไปเสวยความทุกข์ร้อนทรมานในนรกเป็น เวลานานแสนนาน แม้ถึงสมัยองค์พระศรีอาริยเมตไตรยมาตรัสรู้ก็ยัง ไม่พ้นจากนรก เปรต อสุรกายหรือสัตว์เดรัจฉาน

    ผู้ที่ได้รับแสงทิพย์อริยธรรมแล้วถือว่าเป็นผู้มีบุญวาสนาโชคดี มหาศาลเพราะเป็นคนของเบื้องบนสวรรค์ อยู่ในโลกมีความสุขกายสุขใจ เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ร่ำรวยทั้งทางกาย ทางจิต เทพพรหม ท่านปกป้องดูแลคุ้มกันพยันอันตรายแถมปิดประตูอบายภูมิให้ด้วย จึง สมควรอย่างยิ่งที่พวกเราจะตอบแทนพระคุณ พระผู้เป็นเจ้าอริยธรรม ด้วยการชักชวนทุกท่านให้มีศีล 5 ครบ เคารพพระศาสดา ไม่ลืมความตาย ตั้งใจไปพระนิพพานในชาตินี้ ช่วยนำญาติมิตรให้ตั้งจิตอธิษฐานขอองค์ พระผู้เป็นเจ้าอริยธรรมได้โปรดเมตตาประทานแสงทิพย์อริยทรัพย์เข้ามายัง ดวงจิตปัญญาดวงตาที่ 3 พร้อมกับภาวนาพระคาถาเอ่ยพระนามพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ นะ โม พุท ธา ยะ ถ้าเป็นคริสเตียนก็ภาวนาถึงพระเยซูคริสเจ้า ระลึกนึกถึงพระผู้เป็นเจ้าบรมศาสดา ถ้าเป็นฮินดูก็ขอโดยตรงต่อองค์ พระศิวะ ถ้าเป็นชาวจีนก็ขอโดยตรงต่อองค์พระโพธิสัตว์พระศรีอาริย เมตไตรยหรือพระแม่เจ้ากวนอิม พระอรหันต์จี้กง พระองค์ท่านก็โปรด เมตตาประทานแสงอริยมรรคเข้ามาในจิตใจของบุคคลผู้นั้นได้ง่าย เพื่อ ที่จะพิสูจน์ให้สัมผัสได้จริงท่านควรจะฝึกวิชชามโนมยิทธิให้รับสัมผัส ได้ด้วยตนเองจะทำให้เกิดความมั่นใจไม่สงสัยในแสงทิพย์อริยธรรม

    แสงทิพย์อริยทรัพย์คืออะไร?

    แสงทิพย์อริยทรัพย์ คือแสงทิพย์จากองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธ พลบรมศาสดา พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่แห่งแดนนิพพานที่ได้โปรดเมตตา แก่สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก ให้มีดวงตา ดวงปัญญา ดวงจิตเข้าใจในอริยมรรค อริยผลเป็นอริยบุคคลในพระศาสนา พระผู้เป็นเจ้าอริยธรรมประทานพลัง แสงทิพย์อริยทรัพย์ ในช่วงเวลาที่เกิดกลียุค วาตะภัย ไฟบรรลัยกันต์จาก สารเคมีจากอาวุธนิวเครียร์ที่ทดลองใช้ รวมกับมนุษย์สร้างอาวุธ ประหัตประหารกันเอง เกิดภัยธรรมชาติแปรปรวน ทำให้ผู้คนล้มตายกัน มากมาย ผู้ที่ได้รับพลังแสงทิพย์นิพพานนับว่าเป็นผู้โชคดีมีบุญมหาศาลจะ ปลอดภัยจากอันตรายทุกชนิดถ้าหมดอายุขัยตายไปก็มีสวรรค์เป็นที่ไป บุญใหญ่ในที่นี้ คือ บุญแสงทิพย์จะปิดกั้นประตูนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานได้แน่นอน

    ผู้ที่ได้รับพลังแสงทิพย์นิพพาน ถือว่ามีโชคดีมหาศาลเป็นผู้ได้รับ บุญกุศลใหญ่ มีปัญญาดวงตาเห็นธรรมมีพระนิพานเป็นจุดมุ่งหมายปลาย ทางของชีวิตเป็นผู้ได้รับอริยฐานะโดยฉับพลันทันใดแล้วบำเพ็ญบารมีต่อ ในชาตินี้ย่อมพ้นจากการควบคุมของยมฑูต มีเทพเทวดาคอยดูแลรักษา คุ้มครองป้องกันภัย การบรรลุมรรคผลไม่ใช่ของยาก การปฏิบัติก็ทำจิตใจใสสะอาด ไม่หลงใหลในกายเรากายเขาจิตแรกเริ่มเป็นจิตพุทธะประภัสสรเป็นจิต พระอริยกันทุกคน จิตเดิมแท้ไม่ยึดเหนี่ยวเกาะเกี่ยวในของสมมุติ ที่เป็นดิน น้ำ ลม ไฟ คือร่างกายของคนสัตว์ การบำเพ็ญธรรมจึงควร บำเพ็ญด้วยจิตใจ เอาจิตสำรวมกาย วาจา ใจ ให้งดงามมีเมตตา วางเฉย เบิกบานเป็นจิตพุทธะมาก่อนแล้วทุกคน 100 คนที่ได้รับพลังแสงทิพย์นิพพาน มี 4 คนที่บำเพ็ญธรรมเข้า ถึงนิพพานอีก 96 คน ตายแล้วไปพักอยู่สวรรค์รอเวลาองค์สมเด็จพระ ศรีอาริยเมตไตรยมาตรัสรู้จึงลงมาเกิดรับฟังพระธรรมเทศนา บำเพ็ญต่อ เข้าพระนิพพาน

    สมัยองค์สมเด็จพระพุทธทีปังกร ช่วยจิตคนเข้านิพพาน ได้ 200 ล้านดวง

    สมัยองค์สมเด็จพระพุทธสมณโคดม ช่วยจิตคนเข้านิพพานได้ 200 ล้านดวง

    สมัยองค์พระศรีอาริยเมตไตรย ช่วยจิตคนได้ 1 แสน 2 พัน 600 ล้านดวง

    พลังแสงทิพย์นิพพาน คืออะไร?

    พลังแสงทิพย์นิพพาน คือพลังแสงทิพย์อริยทรัพย์จากพระนิพพาน องค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมศาสดา ทรงมีพระมหาเมตตาส่องแสง ทิพย์นิพพานลงมาให้ทั้ง 3 โลก มนุษย์ สัตว์โลก เทวโลกผู้ใดได้รับแสง ทิพย์นิพพานจะเกิดปัญญาทางโลกทางธรรมไม่ลุ่มหลงมัวเมาในโลกสมมุติ เข้าใจความจริง อริยสัจ 4 ประการซึ่งเป็นคุณสมบัติของจิตพระอริยเจ้า มีดังนี้ อริยสัจ 4 ประการ คือ ความจริงที่ยกระดับจิตคนเป็นอริยบุคคลได้

    1. มองเห็นว่า ร่างกาย คน สัตว์ มีแต่ความแปรปรวนเป็นทุกข์

    2.เข้าใจสาเหตุแห่งทุกข์ว่าจิตใจไปหลงยึดติดร่างกายทำให้เกิดทุกข์(สมุทัย)

    3. นิโรธจะดับทุกข์ทางใจได้ก็ด้วยการสละละปล่อยวางร่างกายออกจากจิตไม่หลงยึดติดกายอีกต่อไป

    4. มรรค หนทางเดินแห่งความสุขยอดเยี่ยมของจิต คือ นิพพานด้วยการมีศีลสมาธิ ปัญญา

    แสงทิพย์อริยทรัพย์ คือ แสงทิพย์จากนิพพานที่พระผู้เป็นเจ้าองค์ สมเด็จพระวิสุทธิพุทธบรมศาสดา ทรงมีพระมหาเมตตาประทานให้มา แก่มวลมนุษย์ ที่เป็นคนดี มีศีล 5 ครบโดยไม่ต้องบำเพ็ญให้ยากนาน พระองค์ท่านประทานอริยฐานะให้แก่ทุกๆคน จากปุถุชนเลื่อนขึ้นเป็น โสดาปฏิมรรค ใครได้โสดาปฏิผลแล้ว พระองค์ท่านก็เลื่อนขั้นต่อขึ้นไป อีกขั้น คือสกิทาคามีมรรค ทำให้ง่ายต่อการปฏิบัติเพื่อเป็นพระอรหัตผล เร็วไวและเพื่อนำจิตใจของปวงชนมนุษย์เข้ากระแสพระนิพพาน ผลบุญ นั้นก็มีพลังทิพย์แผ่ถึง 7 ชั้น และลูกหลานอีก 9 ชั้น ได้บุญบารมีโดยไม่ต้อง โมทนาโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่บรรพชน ลูกหลานชาตินี้เท่านั้น แต่ส่งผลบุญ บารมี ให้บรรพบุรุษลูกๆหลานๆ 7-9 ชั้น ได้ทุกๆชาติทีได้เคย ร่วมเกิดด้วย กันมาเป็นทั้ง เทพ คนสัตว์เวียนว่ายตายเกิดหลายๆแสนชาติมากันแล้วทั้งสิ้น

    การบำเพ็ญธรรม คือ ทำจิตเราให้เข้าถึงจิตเดิมแท้ หมายถึง จิตธรรมญาณเดิมแท้จากแดนทิพย์นิพพาน ทำได้ง่ายๆ คือทำจิตนิ่งๆ วางเฉยไม่ว่าดีหรือร้าย ไม่ต้องสนใจ จิตวางเฉยนิ่งๆมีพลังปัญญาอยู่ในตัว สามารถจะแก้ไขปัญหาชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม สภาวะธรรมชาติอันเดิม ของจิต คือ วิมุตติจิต ให้หมั่นระลึกถึงพระนิพพานไว้ วิมุตติจิตอยู่เหนือ ธรรมชาติในโลกนี้จิตจะมีพลังบริสุทธิ์เลิศล้ำเมื่อหมั่นระลึกถึงองค์สมเด็จ พระวิสุทธิพุทธพลบรมศาสดาองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็น กรรมฐานที่ถึงพระนิพพานได้รวดเร็วเกินคาด

    ผู้รับแสงทิพย์อริยทรัพย์แล้วจะฝึกอภิญญาได้หรือไม่?

    การได้รับอริยทรัพย์ หรือได้รับอริยฐานะทางธรรม ถือว่าท่านมี อิทธิฤทธิ์แล้ว คือ บุญฤทธิ์เป็นอภิญญาทางจิตทางธรรมดี ยิ่งกว่าอภิญญา ทางกาย การบำเพ็ญธรรมก็เพื่อให้จิตถึงความหลุดพ้นจากการเวียนว่าย ตายเกิด จิตมีอภิญญา คือ หลุดพ้นหนีจากวัฏฏสงสาร อภิญญาทางกาย ทางโลกเป็นของเล่นๆเป็นของชำร่วย เมื่อจิตเราเป็นอริยเจ้าแล้วอภิญญาอื่น กระจุ๋มกระจิ๋มจะเข้ามาเอง ส่วนอภิญญาใหญ่ คือ เหาะเหิรเดินอากาศนั้น พระผู้เป็นเจ้าองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธพลบรมศาสดา หรือ องค์พระ ศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านจะประทานให้ เมื่อพระองค์ท่านเห็นสมควร พวกเรามีหน้าที่บำเพ็ญธรรม ขจัดกิเลส108 ช่วยกันชักชวนบริวารญาติมิตร ตั้งจิตรับแสงทิพย์กันให้มากที่สุดคนดีมีบุญมากขึ้น โลกจะมีแต่สันติสุข

    อะไรคือสาเหตุที่พลังแสงทิพย์นิพพานปรากฏขึ้นมา?

    แสงทิพย์อริยทรัพย์ เป็นแสงทิพย์จากนิพพานเป็นแสงทิพย์ที่ พระผู้เป็นเจ้าวิสุทธิพุทธพลบรมศาสดา ประทานให้มาแก่มนุษย์โลก มีพระวิสุทธิพุทธพลประสงค์ ดังนี้ 1. เพื่อปลุกดวงจิตดวงใจให้คน ผี เทพ พรหมตื่นจากความลุ่มหลงในของ สมมุติเพราะทุกอย่างที่เห็นด้วยตาเนื้อเป็นภาพมายาชั่วคราวทั้ง 3 โลก 2. เพื่อช่วยให้โลกมนุษย์รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติที่กำลังมีมากขึ้นทุกวัน คนดีมีบุญได้รับแสงทิพย์จะปลอดภัย คนดีมีมากภัยอันตรายน้อยลงเพราะ พลังบุญฤทธิ์เป็นของมีจริง 3. เพื่อปิดกั้นประตูอบายภูมิมีนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ให้แก่คน ดีมีศีล 5 ให้ได้รับแสงทิพย์นิพพาน เป็นอริยบุค พ้นจากแดนทุคติแน่นอน 4. เพื่อแยกคนดีออกจากคนบาปคนใจร้ายชอบทำลายล้างผู้อื่น คือแยกคนดี ไปสวรรค์ คนจิตใจดำมืดให้ไปแดนนรกตามกฎของกรรมชั่ว ถ้าไม่รีบขอ ขมาเป็นคนมีเมตตามีศีล 5 ครบ 5. เพื่อให้โลกนี้อยู่กันร่มเย็นเป็นสุขเป็นสวรรค์บนดินดังเดิม

    หลังจากรับแสงทิพย์อริยทรัพย์แล้วควรบำเพ็ญต่ออย่างไร?

    หลังจากรับแสงทิพย์อริยทรัพย์แล้วจิตเราได้รับอริยฐานะเป็นพระ โสดาปฏิมรรคแล้ว ควรบำเพ็ญต่อเพื่อจิตจะเข้าถึงอรหัตผลดังนี้

    1. ผู้ที่ได้มโนมยิทธิก็ให้ฝากจิตฝากใจไว้กับองค์สมเด็จพระจอมไตรศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้าเบื้องบนนิพพานตลอดเวลา ไม่ว่าหลับหรือตื่น จิตทรง ฌาน 4 ใช้งานปัญญาจะเฉียบแหลมแจ่มใสเห็นทุกอย่างในโลกเป็น อนัตตา คือ ความว่างเปล่าไม่มีอะไรยึดมั่น ไม่มีอะไรน่าหลงใหล

    2. ผู้ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ ก็ให้กำหนดจิตไว้ที่ดวงตาที่ 3 ตรงกลางระหว่างคิ้ว อัญเชิญพระพุทธรูปหรือพระศาสดาที่เรานับถือบูชาไว้เต็มใบหน้าเป็น มโนภาพ นึกถึงจิตเราเป็นดวงแก้วใสเอาไว้ที่ดวงตาที่ 3 ภาวนาด้วย พระคาถา5 คำ นะ โม พุท ธา ยะ เป็นทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา รวมตัวกันอยู่ที่ จุดดวงตาที่ 3 เป็นวิธีลัดง่ายได้ผล

    หลังจากรับแสงทิพย์อริยทรัพย์แล้ว เราควรแผ่เมตตาขอฝากไป กับแสงทิพย์อริยทรัพย์ รวมกับแสงฉัพพรรณรังสีรัศมี6ประการขององค์ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า แผ่เมตตาตลอด เวลาไม่ว่าหลับหรือตื่น จิตเป็นฌาน 4 ใช้งาน เมื่อฝากจิตกายทิพย์ ไว้ใน พระวรกายพระผู้มีพระภาคเจ้าเบื้องบนนิพพานยิ่งแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล ด้วยจิตทรงฌาน 4 ยิ่งมีพลัง พระพุทธานุภาพ พระธรรมานุภาพ พระสังฆานุภาพ เทพพรหมานุภาพ สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกจะได้พ้นจาก การเป็นกายนรก กายเปรต กายผีสัมภเวสีได้มากมาย เมื่อท่านเป็นเทวดา ท่านก็กลับมาคุ้มครองป้องกันอันตรายให้เราได้ ยิ่งแผ่มากๆจิตเรายิ่งใส สะอาดสว่างมากขึ้น ยกระดับจิตเราเป็นพระอริยเจ้าขั้นสูงสุด คือ พระ อรหันต์ได้ง่ายและรวดเร็ว

    บทสวดพระคาถาแผ่เมตตาทั่วไตรภพ

    นะโม พระผู้เป็นเจ้าวิสุทธิพุทธรังษีบรมศาสดา

    นะโม พระพุทธสิกขีพุทธเจ้า

    นะโม พุท ธา ยะ พลังพระช่วยทั้ง 3 โลก

    ขอได้โปรดดลบันดาลให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก เจ้ากรรมนายเวร ญาติมิตร มีความสุขสำเร็จในชีวิต ได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติเวียนว่ายตายเกิด โดยสิ้นเชิง ด้วยพระบารมีอันมิอาจประมาณลูกขอนอบน้อม นมัสการด้วย จิตใจ ขอให้เจ้ากรรมนายเวร ญาติมิตรและจิตลูกสะอาดสว่างสดใส หลุดพ้น ไซร้กลับบ้านนิพพานพร้อมด้วยบริวารทุกท่านเทอญ สัมปะติจฉามิ สัมปะจิตฉามิ นิพพานสุขัง

    สำหรับท่านที่ฝึกมโนมยิทธิได้แล้ว ให้ปฏิบัติดังนี้

    ปฏิบัติแบบนักอภิธรรม

    จิต - หมุนแผ่เมตตาจิตไปทั่ว 3 โลก ตลอดเวลาจิตไม่มีเวลา คิดฟุ้งซ่าน วิตกกังวล คิดชั่วไร้สาระเป็นจิตอริยเจ้า

    เจตสิก - มีสติระลึกรู้ว่าจิตทิพย์กายทิพย์หมุนอยู่ในพระวรกาย พระผู้มีพระภาคเจ้าตลอดเวลาอารมณ์ชั่วไม่เข้ามากวนใจ

    รูป - จิตเบื้องบนพระนิพพานมองลงมาดูรูป คือสิ่งที่เรา มองได้ด้วยตาเนื้อตาใน เห็นได้ทั้ง 3 โลกเป็น ภาพ มายา แปรปรวน เสื่อมสลาย ไม่มีอะไรเหลือในที่สุด นิพพานมองเห็นด้วยจิตเป็นของจริงแท้ไม่สูญสลาย

    นิพพาน - จิตทิพย์กายทิพย์ตั้งมั่นหมุนอยู่ในพระวรกายพระบรม ศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพาน

    ใจเราใน ขันธ์5 ตั้งมั่นไว้ที่จุดดวงตาที่3 ตรงกลางระหว่างคิ้ว ขออัญเชิญองค์สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถศาสดาเบื้องบน นิพพานประทับคลุมใจในขันธ์5 ให้มีกาย วาจา ใจสะอาดบริสุทธิ์ ผ่องใส จิตตั้งมั่นไม่สงสัยในคุณพระรัตนตรัยเป็นทั้งสมาธิและวิปัสสนาญาณ จิตเราจะเบิกบานเป็นจิตของพระอรหัตผลได้ง่ายรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นวิมุตติญาณทัศนะว่า ธรรมะทั้ง โลกียธรรม โลกุตรธรรม เรารู้เข้าใจ อย่างแจ่มแจ้ง ด้วยพระบารมีจากพลังแสงทิพย์นิพพานและพระบารมี องค์พระสัพพัญญูพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าแผ่พระเมตตาให้ลูกๆ พุทธบริษัทได้สัมผัสพระนิพพานตามความเป็นจริง ให้ลูกๆได้มีปัญญา เข้าใจอริยธรรมโลกุตรธรรมอย่างถูกต้องหมดความสงสัยอีกต่อไปใครก็ ตามที่คล่องในอารมณ์นิพพาน จิตอยู่ในนิพพานแล้วจิตจะอยู่นอกกาย หรือ จะอยู่ในกายขันธ์5 สกปรกนี้ จิตก็เป็นนิพพาน คือไม่หลงใหลใยดีกับ ร่างกายขันธ์ 5 ของเรา ขันธ์5ร่างกายของผู้อื่นอีกต่อไป ตายจากความเป็น คน จิตก็เข้าเสวยสุขเบื้องบนพระนิพพานทันที อริยธรรม คือ จิตเป็นนิพพาน จิตมีความสุขอย่างยิ่งมีคำสอนว่าอย่างไร จึงจะปฏิบัติให้จิตเข้าถึงอริยธรรม ? การปฏิบัติทางจิต เพื่อจิตเป็นนิพพานมีความสุขอย่างยิ่งก็ทำได้ไม่ยาก ไม่ต้องรอให้ตายก่อน จึงจะเข้านิพพานได้ จิตเป็นนิพพานทั้งๆ ที่อยู่ในโลก แห่งความวุ่นวายทำได้ง่ายๆ ดังนี้
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ความสุขขั้นต้น ละเว้นความชั่ว ทางกาย วาจา ใจ คือไม่ทำความ ชั่วในศีล 5 ข้อนั้นมี ไม่ฆ่าทรมานคนสัตว์ ไม่ลักขโมยคดโกงของใคร ไม่ ประพฤติผิดทางเพศ ไม่พูดปดโกหกหยาบคายไม่ดื่มสุรา ไม่เสพยาเสพติด ให้โทษต่อร่างกาย คือฆ่าตนเองด้วยของเป็นพิษ

    ความสุขขั้นกลาง ตั้งใจทำความดีทุกอย่าง เคารพพระศาสดา ของท่านปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนไม่สงสัยมีเมตตาปราณีต่อคน สัตว์

    ความสุขขั้นสูงสุดคือ

    1. พิจารณาสรรพสิ่งทั้งหลายในนรกโลก มนุษย์โลก เทวพรหมโลก เป็นของชั่วครู่ชั่วคราว มีนิพพานเท่านั้นที่เป็นทิพย์ถาวรเป็นของจริงแท้

    2. มีสิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่สูญสลาย คือดวงจิตดวงใจของ เราที่เป็นจิตพุทธะประภัสสรมาก่อนเท่านั้นเป็นจิตอมตะไม่ตาย ไม่สูญสลาย เมื่อจิตใจรู้เข้าใจสภาวะทั้ง 3 โลกแล้ว ไม่ยึดไม่ถือในภาพมายา ของสมมุติ จิตจะเป็นอิสรภาพจากความหลง ความไม่รู้เรียกว่า จิตนิพพาน

    วิธีรับแสงทิพย์อริยทรัพย์

    องค์พระผู้เป็นเจ้าอริยธรรมทรงมีพระมหาเมตตาให้ผู้ที่ได้รับ แสงทิพย์อริยธรรมแนะนำต่อๆกันไป ฝึกให้ผู้อื่นรับต่อได้โดยแนะนำดังนี้

    1. ให้ทุกคนทำจิตใจใส สะอาด ด้วยการตั้งจิตคิดให้มีศีล 5ครบ ตลอดชีวิต เคารพพระศาสดาของท่าน นึกถึงความตายมีจุดหมายของชีวิต คือ นิพพาน

    2. ภาวนาพระคาถา 5 คำ คือ นะ โม พุท ธา ยะ ตามลมหายใจเข้าออก

    3. นึกถึงภาพของพระศาสดา คือ พระพุทธรูป หรือพระเยซูคริสต์ หรือ ศาสดาองค์ที่ท่านเคารพบูชา เอาภาพทางใจมาไว้ที่ดวงตาที่ 3 4. อาจารย์จะแนะนำสอนท่าน ด้วยวิชา มโนมยิทธิกรรมฐานยกจิตสะอาด ออกจากร่างกายที่สกปรก ขอประทานพุทธานุญาตเพื่อเข้ารับแสงอริยธรรม จากพระผู้เป็นเจ้าวิสุทธิพุทธพลบรมศาสดา

    ท่านใดไม่สามารถยกจิตออกจากกายก็ให้เอาจิตจับนิ่งๆไว้ที่ ดวงตาที่3คือที่ประทับของจิตแล้วนึกขอพระศาสดาของท่านมาประทับ นั่งอยู่ที่ ตรงกลางระหว่างคิ้ว จิตเราเป็นหนึ่งกับพระบรมศาสดา

    วิธีปฏิบัติเพื่อขอรับแสงทิพย์นิพพานด้วยตนเอง

    1. บูชาพระรัตนตรัยไหว้พระสวดมนต์แล้วขอขมาขอพระรัตนตรัย ได้โปรด ให้อภัยในสิ่งที่ลูกเคยผิดพลาดพลั้งไปด้วยกาย วาจา ใจตั้งแต่ชาติแรกจน ถึงชาติปัจจุบัน ลูกตั้งใจจะไม่ทำผิดศีล ผิดจากคิดชั่วพูดโกหกพูดหยาบคาย ไร้สาระจะคิดถึงแต่พระรัตนตรัย คิดถึงความตาย เพื่อลูกจะได้ไปอยู่กับ พระผู้มีพระภาคเจ้าที่พระนิพพาน ถ้านับถือศาสนาอื่นก็ขอโทษพระศาสดา ของท่านขอติดตามไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าเมื่อตายแล้ว

    2. เอาจิตจับภาพพระพุทธรูป หรือพระศาสดาของท่านแล้วนึกเอาภาพ พระพุทธรูปหรือพระศาสดามาประทับที่เต็มใบหน้าของเรา แล้วนึกเอาจิต ของเราเข้าไปไว้ในพระวรกายของพระศาสดาที่ตรงกลางระหว่างคิ้ว ภาวนาพระคาถา 5 คำ นะ โม พุท ธา ยะ จิต ดูลมหายใจเข้าออกพร้อมกับ คำภาวนาจนจิตเป็นหนึ่งกับ พระคาถา คือจิตไม่คิดไปนอกเรื่องจาก คำภาวนามโนภาพพระศาสดา และลมหายใจเข้าออก

    วิธีกล่าวขอรับแสงทิพย์นิพพาน

    ข้าแต่องค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมศาสดา ผู้มี พระมหาเมตตา ต่อปวงสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกลูกนี้ต่ำต้อยมีบุญน้อยลูกมองเห็นภัยอันตราย ใหญ่ในนรกโลก มนุษย์โลก ลูกไม่ปรารถนาที่จะเกิดเป็นคนเป็นเทวดาหรือ พรหมอีกต่อไป ลูกขอเข้าพระนิพพานโดยฉับพลันทันใด ในชาตินี้ ลูกขอ รับแสงทิพย์นิพพานจากองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธบิดา เข้ามาในดวงจิต ของลูก เพื่อจิตของลูกจะได้สะอาดสดใสมีประกายแสงทิพย์นิพพาน ชำระล้างสิ่งสกปรกของจิต คือบาปกรรม ความอยาก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความไม่ฉลาด ไม่รู้ความเป็นจริงของกฎของกรรมให้หมดสิ้นไป ด้วยแสงทิพย์อริยธรรมส่องสว่างอยู่ในจิตใจของลูก ขอให้ลูกมีสติปัญญา ช่วยชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป ขอให้ลูก ได้จุดประกายแสงทิพย์อริยธรรมให้เพื่อนร่วมมนุษย์โลกต่อๆกันไปเพื่อ ดวงจิตของสรรพสัตว์ทั้ง3 โลกจะได้เข้าพระนิพพานทุกท่านเทอญ สัมปะติจฉามิ สัมปะจิตฉามิ นิพพานสุขัง

    คุณวิเศษของพลังแสงทิพย์นิพพานมีอะไรบ้าง ?

    คุณวิเศษของผู้ที่ได้รับพลังแสงทิพย์นิพพานมีมากมายหลายข้อ สรุปเป็นข้อใหญ่ๆ ได้ดังนี้

    1. สามารถปิดกั้นประตูนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานได้แน่นอน ถ้าผู้รับมีศีล 5 ครบ ไม่เจตนาล่วงละเมิดความชั่ว 5 ข้อ คือ คุณสมบัติของ พระโสดาปฏิมรรค อริยะขั้นต้นเป็นการบวชจิต คือจิตใจเป็นพระ

    2. ผู้ที่ได้รับแสงทิพย์อริยทรัพย์แล้ว เท่ากับว่าได้ดวงปัญญาเห็นธรรม คือเห็นทุกข์โทษในการเวียนว่ายตายเกิด ได้อริยมรรค อริยผลขั้นต้นง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้เวลายากนานและไม่ต้องออกจากบ้านไปปฏิบัติธรรมที่ไหน

    3. ผู้ที่รับแสงอริยธรรม ถ้าไม่ได้ฝึกสมาธิภาวนา เพราะมัววุ่นวายกับการ ทำงานหาเลี้ยงชีพหรือไม่ได้สนใจในการบำเพ็ญธรรม หลังตายจากการ เป็นคน ก็ไปเสวยสุขสวรรค์เบื้องบนเป็นอย่างต่ำ รออยู่จนกระทั่งถึงสมัย องค์พระศรีอาริยเมตไตรย มาตรัสรู้ จึงจะได้ลงมาเกิดเป็นคนได้รับพระธรรม คำสั่งสอนจากพระองค์ท่านครั้งเดียว ก็จะได้บรรลุอรหัตผลเพราะผลบุญ จากการได้พลังแสงทิพย์นิพพานในชาติน

    ี้ 4. หลังจากที่ท่านได้รับแสงทิพย์อริยทรัพย์ ท่านปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนา ในกรรมฐาน 40 หรือมหาสติปัฏฐานสูตร ท่านจะได้เข้าถึง อริยมรรค อริยผลเป็นพระอริยบุคคลเลื่อนขั้นสูงขึ้นได้โดยง่าย อย่างรวดเร็วว่องไว เกินคาด เป็นพระอรหันต์เข้าพระนิพพานในชาตินี้ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในพลังแสงทิพย์อริยธรรม

    5. ผู้รับแสงทิพย์อริยธรรมเมื่อบำเพ็ญจนจบ ยกระดับจิตเป็นพระอรหันต์ ในชาตินี้ บุญบารมีจากแสงทิพย์วิเศษยิ่ง สามารถส่งผลบุญไปถึงบรรพชน คนรุ่นก่อนได้ถึง 7 ชั้นทุกๆชาติหลายๆแสนชาติที่เคยเกิดร่วมญาติกันมา โดยที่ท่านไม่ต้องโมทนา อีกทั้งลูกๆ หลานๆ เหลนๆ โหลนๆ อีก 9 ชั้น ทุกๆ หลายแสนชาติที่เคยเกิดร่วมกันมาได้รับบุญบารมีโดยอัตโนมัติ คือไม่ต้อง โมทนาไม่ว่าท่านจะอยู่ ในนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน จะได้เลื่อน ชั้นเข้าสู่สุคติภูมิ ญาติท่านที่เป็นโสดาปฏิมรรคก็ได้เลื่อนชั้นเป็น โสดาปฏิผล เป็นต้น

    6. คุณวิเศษจากการได้รับพลังแสงทิพย์นิพพาน นอกจากได้รับอริยฐานะ มีจิตใสสะอาด เข้าอริยมรรคแล้ว ยังทำให้หายจากโรคกาย โรคประสาท มีปัญญาแก้ไขปัญหาทางโลกทุกชนิด มีชีวิตที่ก้าวหน้า มีความเจริญรุ่งเรือง ไม่มีคำว่าจนมีแต่รวยด้วยอริยทรัพย์ ป้องกันภัยอันตราย รักษาโรคคุณไสย รักษาโรคผีมาสิงอยู่ในร่างกายก็ได้ เมื่อมีภัยอันตรายเกิดขึ้นให้นึกถึง องค์พระวิสุทธิพุทธพลบรมศาสดาจิตจับพระองค์ท่านไว้ตรงกลาง ระหว่างคิ้ว แล้วภาวนาพระคาถา 5 คำ คือ นะ โม พุท ธา ยะ ขอพลังพระ ช่วยลูกด้วย จะพ้นอันตรายโรคร้ายได้อย่างมหัศจรรย์

    ท่านผู้ประทานแสงทิพย์อริยธรรมคือใคร ?

    ท่านผู้ประทานแสงทิพย์อริยธรรมคือองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็น พระบิดาของพระศาสดาของทุกๆ ศาสนา พระองค์ท่านคือองค์สมเด็จ พระวิสุทธิพุทธรังษีบรมศาสดาพระผู้เป็นใหญ่ในแดนทิพย์นิพพาน หรือ พระผู้เป็นเจ้าอริยธรรม ท่านไม่มีเพศ มีพระวรกายทิพย์นิพพานสูงใหญ่ กายแก้วโปร่งใสมีประกายระยิบระยับงดงาม สว่างไสว พระองค์ท่าน โปรดเมตตาให้พวกเราสัมผัสพระองค์ท่านได้ทางมโนมยิทธิ บางท่านเรียก พระวิสุทธิพุทธรังษีบรมศาสดาว่าท่านทรงปราบมาร บางศาสนาเรียก พระองค์ท่านว่า พระเจ้า พระยะโฮวา หรือพระผู้เป็นเจ้า หรือ GOD บาง ที่เรียกพระองค์ท่านว่า พระแม่เจ้าอนุตตรธรรม สมเด็จพระแม่เจ้าแดนสรวง พระแม่เจ้าองค์ธรรม ถ้าเป็นชาวบ้าน สมัยเก่าเรียก พระองค์ท่านว่า ท่าน พ่อเกิด ท่านแม่เกิด เพราะพระองค์ท่านส่งพวกเราให้มาเกิดพระองค์ท่าน ทรงสร้างธรรมชาติขึ้นมา พระองค์อยู่เหนือกฎธรรมชาติ แต่พวกเรามา หลงระเริงในโลกมนุษย์หาทางกลับบ้านนิพพานไม่พบพระองค์ท่านจึงช่วยส่ง พลังทิพย์นิพพาน ส่องแสงอริยธรรมช่วยนำจิตใจพวกเราเข้าสู่นิพพานดังเดิม

    พระผู้เป็นเจ้าอริยธรรมเป็นผู้ให้กำเนิดดวงจิตหลายแสนล้านดวง รวมทั้งของเทพ พรหมคน สัตว์ ผีนรกทั้งหลาย แรกเริ่มเดิมทียังไม่มีนรก โลกมนุษย์โลก ไม่มีสัตว์ต่างๆ ไม่มีเทวพรหมโลก พระผู้เป็นเจ้าอริยธรรม เป็นผู้ให้กำเนิดดวงจิตเราได้ส่งดวงจิตหลายแสนล้านดวงลงมาในโลก มนุษย์ที่พระองค์ท่านจำลองสร้างให้เป็นเช่นเมืองทิพย์นิพพานอยู่กัน อย่างมีความสุขสบายไม่มีโรคภัยอันตราย พอตายแล้วก็จิตกลับคืนสู่บ้าน พระนิพพานยุคต่อๆมาคนรุ่นหลังเริ่มติดใจหลงใหลรูปกายคน เกิดความ รักผูกพันในทรัพย์สมบัติกายที่เคยเป็นทิพย์สดใส ค่อยๆกลายเป็นกายหยาบ เกิดมีอารมณ์ไม่ดี ผิดศีล 5 ทำร้ายร่างกายกันพระผู้เป็นเจ้าอริยธรรมจึงสร้าง นรกเป็นที่กักขัง ลงโทษผู้มีจิตใจโหดร้ายทรงสร้างสวรรค์ พรหมสำหรับ ผู้ที่มีเมตตาปราณี แต่บารมีไม่ถึงนิพพานพระผู้เป็นเจ้าวิสุทธิพุทธรังษีบรม ศาสดาจึงส่งองค์พระศาสดาลงมาสั่งสอนชาวมนุษย์ให้ทำคุณงามความดี มีจิตใจฉลาดไม่หลงยึดติดในของสมมุติใดๆในโลกมนุษย์ สวรรค์ พรหม จึงเกิดมีศาสนาหลายๆศาสนา แต่ละศาสนาก็สอนให้มุ่งมั่นกลับคืนสู่พระ นิพพานบ้านเดิมบางศาสนาเรียกนิพพานว่าสวรรค์นิรันดร มีจิตของท่าน ผู้มีบุญหลายร้อยล้านดวงกลับคืนสู่นิพพานแต่ยังคงเหลืออีกหลายแสน ล้านดวง ยังหลงวนเวียนเกิดเวียนตายในนรกโลก มนุษย์โลกเทวพรหมโลก มาในปัจจุบันเป็นกลียุค ผู้คนล้มตายมีอันตรายรอบด้าน เดือดร้อนไปทั่วโลก ส่วนมากที่ตายกลายเป็นผี 90 % ลงนรกกัน ไปสวรรค์เพียง 2 % พระผู้เป็น เจ้าอริยธรรมจึงสั่งงานพระโพธิสัตว์ให้มาเกิดเป็นกายเนื้อลงมาบอกกล่าว เรื่อง แสงทิพย์ แสงธรรมให้รีบเร่งน้อมนำรับเอาแสงอริยธรรมไว้ในจิตใจ เพื่อยกระดับจิตเป็นอริยบุคคลปิดกั้นประตูอบายภูมิ เมื่อคนที่รับแล้วยังคง ผิดศีล ผิดธรรมเทพเทวดาจะมาปรากฎกายทิพย์ให้คนผิดศีล แต่ได้รับพลัง แสงทิพย์ได้เห็นก่อนตายจิตจะได้ระลึกนึกถึงความดี นึกถึงพระผู้เป็นเจ้า พระวิสุทธิพุทธรังษีบรมศาสดา นึกถึงแสงทิพย์ นึกถึงพระศาสดาจิตเป็น กุศลก่อนตายก็ไม่ต้องไปอบายภูมิ ไปเสวยสุขบนสวรรค์ก่อน รอพระศรี อาริยเมตไตรยมาตรัสรู้ จึงได้มาเกิดเป็นคน รับฟังพระธรรมเข้าใจก็ยก ระดับจิตเป็นพระอรหันต์เข้านิพพานหนีจากบาปกรรมที่ทำผิดศีล

    จิตแรกเริ่มของ ผีนรก คน สัตว์ เทวดา พรหม มาจากไหน ?

    จิตแรกเริ่มของ ผีนรก คน สัตว์ สัมภเวสี เทวดา พรหม มาจาก แดนทิพย์ นิพพาน ทุกๆดวงจิตแรกเริ่ม สะอาดสดใส เป็นจิตอริยเจ้ากัน ทั้งสิ้น เป็นจิตพุทธะประภัสสรมาก่อน องค์สมเด็จพระผู้เป็นเจ้าวิสุทธิ พุทธรังษีบรมศาสดาเป็นผู้ให้กำเนิดดวงจิตของคน สัตว์เทพพรหม ผี ทั้งหมด

    ท่านสาธุชนคนใดสงสัยว่าจิตทั้งหมดมาจากพระนิพพานจริงหรือไม่ ?
    ขอให้ท่านฝึกวิชามโนมยิทธิ กำหนดจิตกราบทูลถามองค์สมเด็จ พระสัพพัญญูศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้คำตอบที่แท้จริง ถูกต้อง หรือ กราบทูลถามหลวงปู่หลวงพ่อองค์เทพพรหมองค์ใดที่ท่านรู้จักก็ได้

    สามารถรับแสงทิพย์อริยธรรมได้ที่ไหน ?

    ท่านสาธุชน ผู้สนใจจะตั้งจิตอธิษฐานขอรับแสงจากพระนิพพาน ได้ด้วยตนเองที่บ้าน หรือจะโทรศัพท์ติดต่อขอรับ แสงทิพย์อริยธรรมได้ ที่บ้านทิพย์ปฏิบัติธรรมหลายสาขา เช่นที่เชียงใหม่,กรุงเทพฯ,นครสวรรค์, ชลบุรี,เพชรบุรี, พะเยา ฯจากอาจารย์ผู้สอนมโนมยิทธิกรรมฐาน ในราย การท้ายเล่มนี้ สามารถนำท่านเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าอริยธรรม ขอรับ แสงทิพย์แสงธรรมได้ง่ายๆเพื่อความโชคดีมีชัยมีความสุขกายสุขใจใน นี้ มีพระนิพพานเป็นที่ไปในชาตินี้

    คุณสมบัติของผู้ที่จะรับแสงทิพย์อริยธรรมมีอะไรบ้าง ?

    คุณสมบัติของผู้ที่จะรับแสงทิพย์อริยธรรม ต้องมีศีล 5ครบ ในปัจจุบัน ในอดีตไม่ครบไม่สำคัญ โดยตั้งใจให้มีศีล 5 ครบตลอดชีวิต เคารพพระ ศาสดาของท่านไม่ว่าจะเป็นศาสนาไหนรับแสงทิพย์ได้ทั้งหมด เข้าใจใน ทุกข์โทษภัยของการเกิดเป็นคนสัตว์ ผี มีจุดมุ่งหมายในชีวิต คือ สวรรค์ เป็นอย่างต่ำพรหมเป็นอย่างกลาง มีพระนิพพานเป็นที่ไปเป็นอย่างสูงสุด เมื่อจิตเข้าถึงนิพพานบาปกรรมไม่สามารถทำโทษ ทำร้ายเราได้

    ถ้าเป็นพระอรหันต์แล้วควรรับแสงทิพย์อริยธรรมหรือไม่ ?

    ยิ่งเป็นพระอรหันต์แล้ว สมควรอย่างยิ่งที่ต้องรับแสงทิพย์ อริยธรรมเพื่อจะได้ช่วย บรรพชนคนรุ่นก่อน 7 ชั้น และคนรุ่นหลังอีก 9ชั้น ย้อนถอยหลังกลับไปได้ทุกๆแสนชาติที่เวียนตายเวียนเกิด ร่วมกันมาแล้ว จะฉุดช่วยบรรพชนลูกหลานท่านเป็นล้านเป็นโกฏิ ให้เลื่อนขั้นได้ทันที โดยอัตโนมัติ ถ้าอยู่ในนรก ก็ได้ลดโทษในนรก 50 % ถ้าเป็นผีก็ได้เป็นคน หรือเทวดา ถ้าเป็นพระอริยะก็ได้เลื่อนขั้นพระอริยะเพิ่มอีก 1ขั้นโดยที่ ไม่ต้องโมทนาบุญกับลูกหลานหรือบรรพชนที่ท่านเป็นพระอรหันต์
    สำหรับท่านที่ได้เป็นพระอริยะ แต่ไม่ถึงขั้นพระอรหันต์และได้รับ แสงทิพย์อริยธรรม บุญกุศลส่งถึงบรรพชน บิดา มารดาได้ 1 รุ่น โดยที่ท่าน ไม่ต้องโมทนา เช่นเดียวกับพระอรหันต์ ที่ยังไม่ได้รับแสงทิพย์อริยธรรม ช่วยบิดา มารดา พ้นทุกข์หรือเลื่อนขั้นอริยะฐานะได้ 1 ขั้นโดยไม่ต้องโมทนา

    แสงทิพย์อริยธรรมโปรดลงมาสู่โลกมนุษย์นานกี่ปีมาแล้ว ?

    แสงทิพย์อริยธรรม เป็นแสงแก้ว แสงเพชร แสงทอง ส่องมาจาก แดนทิพย์นิพพาน ระยิบระยับ งดงาม เย็นตาเย็นใจเมื่อได้พบเห็น ส่งลง มาฉุดช่วยปวงมนุษย์ ในยุควิกฤตกาล ก่อนสมัยพุทธกาลนานมาแล้ว แต่ส่ง มามากเป็นพิเศษในยุคที่มีเหตุร้ายภัยพิบัติเกิดขึ้นเพื่อฉุดช่วยคนไม่ให้ตกใจ กลัวตายกับภัยอันตรายกลายเป็นผี สัมภเวสี ผู้ที่ได้รับแสงทิพย์จะมีสวรรค์ เป็นที่ไปเป็นอย่างต่ำก่อนตายพระท่านจะมาปรากฎกายทิพย์ให้เห็น ด้วยตาเนื้อเห็นเพื่อมิให้ตกใจกลัวตายหรือห่วงกังวล จิตเป็นสุข มีสวรรค์ เป็นที่ไป ผู้ที่เป็นคนดี จิตเศร้าหมอง ก่อนตายไปเป็นผีหรือเสวยทุกข์ในนรก

    ด้วยจิตที่เป็นกุศล มั่นคงในองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรม ศาสดารวมทั้งพระรัตนตรัย และระลึกนึกถึงพระคุณของพระศาสดา ทุกๆพระองค์เทพเจ้าของทุกๆ ศาสนา ดิฉันขอตั้งจิตอธิษฐานขอให้ทุกๆ ท่านที่ได้อ่าน เรื่องแสงทิพย์อริยทรัพย์รีบเร่งตั้งจิตอธิษฐานถึงองค์พระ ศาสดาของท่าน ก่อนแล้วขอรับพลังแสงทิพย์นิพพานโดยตรงต่อองค์ พระผู้เป็นเจ้า พระวิสุทธิพุทธรังษีบรมศาสดา ท่านจะได้รับทันทีอยู่ที่ บ้านก็ขอรับเอาได้เพราะพระองค์ท่านเมตตาปรารถนาให้คนได้รับเร็วที่ สุดง่ายที่สุด ไม่ต้องมีพิธียืดยาดชักช้าไม่ทันกาลกับภัยอันตรายที่มีมาตลอด เวลาขอรับแสงทิพย์อริยธรรมโดยตรงจากพระองค์ท่านได้โดยง่าย จิตท่าน จะมีประกายสว่างสดใสเป็นการบวชจิตบวชใจ ง่ายกว่าบวชกายหลาย ร้อยเท่า สามารถช่วยผี สัตว์นรก เทพพรหมได้ด้วยจิตท่านมีพลังแสงทิพย์ อริยธรรม ถ้าคนในโลกได้รับแสงทิพย์อริยทรัพย์เป็นจำนวนมาก โลกมนุษย์ ที่เป็นสีดำมืดเล็กเท่าลูกมะนาว เมื่อมองจากพระนิพพานลงมา ก็จะเริ่ม เปลี่ยนเป็นสีขาวใส เพราะจิตคนมีปัญญาเห็นทุกข์โทษภัยของการมีขันธ์ 5 จิตคนมีเมตตา มีศีล 5 ครบ เคารพพระศาสดา โลกมนุษย์ก็ไม่เดือดร้อน วุ่นวาย ไม่มีภยันอันตรายโรคร้ายรอบด้านเหมือนอย่างปัจจุบันนี้คนและ สัตว์ในโลกจะอยู่เป็นสุขสงบเหมือนดังอยู่บนสวรรค์ในมนุษย์โลก

    คุณวิเศษของแสงทิพย์อริยธรรมมีมากมาย บรรยายไม่จบสิ้น ดิฉันผู้เขียนมีปัญญาน้อยไม่สามารถ อธิบายให้ครบหมดได้ ขอให้ท่าน สาธุชนตั้งจิตตั้งใจรับแสงทิพย์อริยธรรมด้วยตนเอง รีบเร่งปฏิบัติ ภารกิจทางจิตของท่านให้เป็นพระขีณาสพหรือพระอรหันต์ แล้วท่าน จะเข้าใจได้อย่างดียิ่ง ในคุณวิเศษของพลังแสงทิพย์นิพพานและท่านจะ สามารถช่วยบริวารญาติมิตรได้หลายล้านคน

    ท้ายที่สุดนี้ลูกเกษรขอกราบเคารพนบนอบแด่องค์พระวิสุทธิ พุทธรังษีบรมศาสดา พระรัตนตรัย ลูกกราบขอขมา โปรดเมตตาให้อภัยแก่ ลูกเกษรผู้มีความรู้น้อยด้อยปัญญา ที่มิอาจเขียนเรื่องพลังแสงทิพย์อริยธรรม ให้ทุกๆท่านเข้าใจได้อย่างชัดแจ้งตามความเป็นจริง ลูกๆเหล่าคณะธรรม ประทานพรขอกราบเคารพนบนอบขอบพระคุณอย่างสูงสุด ที่พระผู้เป็น เจ้าองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมศาสดา ได้โปรดเมตตาให้คณะลูกๆ ธรรมประทานพรได้มีบุญวาสนาได้ทำงานที่วิเศษยิ่ง มากล้นสูงส่งด้วย บุญบารมี ได้มีโอกาสฉุดช่วยคน ผี สัตว์นรกพ้นจากอบายภูมิได้ง่ายๆ แถมยังได้ช่วยญาติ พี่น้อง ชาวมนุษย์ด้วยกัน ให้ตื่นจากจากความฝันในการ เป็นร่างมนุษย์ ผี เทพพรหม มีดวงตาดวงปัญญาสว่างไสว มีพระนิพพาน เป็นที่ไปโดยง่ายและรวดเร็วในชาตินี้

    วิธีขอพลังแสงทิพย์นิพพานรักษาโรคทุกชนิด

    1. ทำจิตใจเราสงบนิ่งๆ ไว้ที่จุดทวาร จุดดวงตาที่ 3 ตรงกลางระหว่างคิ้ว เป็นจุด สถิตของจิตใจ คน สัตว์

    2. จิตจับหรือจิตรู้ ลมหายใจเข้าออกเบาๆ สบายๆ นึกถึงพลังพระคาถา 5 คำ คือ ชื่อพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ นะ โม พุท ธา ยะ พลังพระช่วยลูกด้วย

    3. อธิษฐานต่อองค์พระวิสุทธิพุทธรังษีบรมศาสดา นึกถึงพลังแสง ทิพย์นิพพาน อัญเชิญพระองค์ท่านมาประทับ นั่งทับดวงจิตของเราตรง กลางระหว่างคิ้วอธิษฐานดังนี้ นะโมพระผู้เป็นเจ้าอริยธรรม ผู้เป็นเจ้าแห่งมวลจักรวาลทั้ง 3โลก ผู้มีบารมียิ่งใหญ่ไพศาล ลูกขอพระบารมีองค์พระวิสุทธิพุทธรังษีบรม ศาสดาพระผู้เป็นเจ้าแห่งอริยทรัพย์ อริยธรรมโปรดมาช่วยลูกน้อย ผู้ต้อย ต่ำมิหนำซ้ำมีโรคร้ายเจ็บปวดแสนทุกข์ทรมาน ไม่มีสติปัญญาทั้งทางโลก ทางธรรม ขอพระองค์ท่านโปรดมารักษาโรคร้ายให้หายโดยฉับพลันทันใด ลูกขอองค์สมเด็จพระบิดาเจ้าอริยธรรมทรงพระเมตตาโปรดนำทางจิตวิญญาณ ลูกและบริวาร คืนสู่สถานนิพพานบ้านเดิมชาตินี้ด้วยเทอญ พระพุทธเจ้าข้า

    4. ภาวนา นะมะ พะธะ นะ โม พุท ธา ยะ นึกแยกร่างกายหยาบให้แก่เฒ่า เน่าตาย เป็น ซากศพแตกกระจาย เป็นธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นธุลีปลิว กระจาย กลายเป็นอากาศว่างเปล่าไม่มีอะไรเหลือแม้แต่น้อยนิด

    5 . เอาจิตสะอาดของเราดูดพลังแสงทิพย์อริยทรัพย์ รวมกับแสงทิพย์ ฉัพพรรณรังสีรัศมี 6 ประการ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกๆ พระองค์ ที่ได้ เมตตาส่งมาครอบคลุมทั้ง 3 โลกไว้แล้ว

    6.จะเหลือแต่จิตเรากับบวกกับจิตองค์พระวิสุทธิพุทธรังษีบรมศาสดาพระ ผู้เป็นเจ้าอริยธรรม พลังแสงทิพย์นิพพานจะช่วยรักษากายหยาบให้หายจาก โรคร้ายความเจ็บปวดทางกายใจสารพัดอย่างคาดคิดไม่ถึง แสงทิพย์อริยธรรมมีมาได้เฉพาะยุควิกฤตกาลนี้เท่านั้นเป็นการ แบ่งแยกคนดีมีบุญ ออกจากคนใจบาปคนใจร้ายไม่เชื่อในผลบุญผลบาป ซึ่งจะถูกโยนทิ้งลงนรก หากท่านรีรอเนิ่นช้า อาจจะหมดเวลาที่จะได้รับ แสงทิพย์นิพพานนี้ได้เพราะพระผู้เป็นเจ้าอริยธรรมประทานให้ในเวลา จำกัดอาจจะสิ้นสุดเมื่อไรก็ได้และพวกเราอาจจะตายกันเสียก่อน เวลานี้ เทพพรหมมากมายต้องการเกิดมาเป็นคน เพราะต้องการแสงทิพย์นิพพาน ด้วยตนเองโดยไม่ต้องรอบุญสัมพันธ์จากลูกหลานในโลกมนุษย์

    วิธีฝึกมโนมยิทธิ-มีฤทธิ์ทางใจ

    ท่านสาธุชนผู้อ่านหลังจากขอรับแสงทิพย์อริยธรรมจากเบื้องบน พระนิพพานได้แล้ว ก็ตั้งจิตอธิษฐานขอฝึกมโนยิทธิได้ง่ายๆดังนี้

    1. เพ่งภาพองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีที่นั่งห้อยพระบาท เป็นกายแก้วสดใสกายทิพย์นิพพาน มีฉัพพรรณรังสีรัศมี 6 ประการ พร้อมด้วยพระรัศมีสีขาวใสประกายเพชร คือ แสงทิพย์อริยทรัพย์ เพ่งจนติดตาติดใจนึกถึงภาพพระผู้มีพระภาคเจ้าทีไร จิตก็มองเห็นมโนภาพ เป็นภาพทางใจทุกครั้ง ขออัญเชิญภาพที่เห็นทางใจมาประทับเต็มใบ หน้าของเรา

    2. กำหนดลมหายใจเข้าออกภาวนาตามลมหายใจเข้าออกนึกถึงพระคาถา ตาทิพย์ คือ นะมะ ตามลมหายใจ เข้า แบบสบายนึกถึงพระคาถา พะ ธะ ตามลมหายใจออกตามธรรมชาติ

    3. นึกเอาจิตเราเป็นดวงแก้วสดใสเข้าไปอยู่ในพระวรกายขององค์สมเด็จ วิสุทธิบิดา ที่จิตเรานึกจำภาพจับรูปท่านไว้
    สมาทาน มโนมยิทธิกรรมฐาน
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เจริญ ลูกขอมอบกายถวายชีวิตเป็น ลูกศิษย์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลูกขออาราธนาบารมี พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลายครูบาอาจารย์ทั้งหลายมีหลวงปู่ปานวัดบางนมโค และหลวงพ่อพระราช พรหมยาน วัดท่าซูง เป็นที่สุด ขอได้โปรดยกจิต ของลูกที่สะอาดเป็นดวงแก้ว สดใส ออกจากร่างกายขันธ์ 5 ที่สกปรก รกรุงรัง เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าเบื้องบน พระนิพพานด้วยเถิดพระ พุทธเจ้าข้า เพื่อขอพิสูจน์ว่า พระนิพพานมีรูปร่างลักษณะอย่างไรตามความ เป็นจริง เพื่อลูกจะได้มีความมั่นใจว่า เมื่อร่างกายแตกสลายตายไปจิตใจลูก จะได้เข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเบื้องบนพระนิพพานอย่างแน่นอน


    4. ไม่สนใจลมหายใจ ปล่อยคำภาวนา นะ มะ พะ ธะ กำหนดจิตพุ่งขึ้นไป กับพระรูปพระโฉมขององค์พระตถาคตเจ้าที่เรากำหนดเอาไว้ตรงจุดทวาร ตรงกลางระหว่างคิ้วนั้น เข้าไปกราบนอบน้อมอภิวาทองค์พระบรมศาสดา กราบทูลถามปัญหาธรรมะหรือขอพรพระองค์ท่านได้ตามอัธยาศัย แล้วขอดูพระวรกายทิพย์ของพระองค์ท่านและกายทิพย์ของเราที่หมอบ กราบแทบพระบาทองค์พระศาสดา ความรู้สึกอันแรกเป็นอย่างไร ให้เชื่อ จิตแรกทันที โดยที่เราไม่ทันคิด ไม่ได้นึกภาพที่สัมผัสได้ก็เป็นภาพทางจิต ไม่ชัดเหมือนทางตา จิตที่อยู่เบื้องบนพระนิพพานจะสว่างไสว กายในที่ ออกไปแตกต่างจากกายนอกกายเนื้อให้เชื่อไม่สงสัยในความรู้สึกอันแรก แม้ภาพทางใจจะไม่ชัด จิตเราที่เฝ้าองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นจิตที่มีศีล สมาธิ ปัญญาครบจิตเป็นญาณ 4 ใช้งานจิตเป็นหนึ่งเดียว ไม่วอกแวก ฟุ้งซ่าน ขอดูภาพนิพพานทั้งหมดสวรรค์ ทั้งหมด พรหมทั้งหมด นรกทั้งหมด โลกมนุษย์ จักรวาลน้อยใหญ่ ผีสัมภเวสีอยู่กันอย่างไรจิตจะรู้ ได้โดยขอพระบารมีองค์สมเด็จพระจอมไตรโลกนาถศาสดาได้ เพื่อความ รู้จริง เพื่อทำอวิชชาความหลงโลกให้หมดไป เพื่อยกระดับจิตใจของท่าน ผู้อ่านให้เป็นพระอริยเจ้าชั้นสูง คือพระอรหัตผลในชาตินี้ เพื่อท่านจะได้ ช่วยบรรพบุรุษ ลูกๆหลานๆ7-9 ชั้น ที่ได้เกิดร่วมบุญกันมาหลายภพหลาย แสนชาติ ตั้งจิตตั้งใจว่าเราปรารถนาพระนิพพานบ้านเก่าของเรา เพราะ จิตเดิมแท้ของสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก เป็นจิตพระอริยเจ้าเป็นจิตนิพพานเป็น กายทิพย์ของพระอรหันต์มาก่อน เราไม่ติดใจอาลัยสรรพสิ่งทั้งปวงใน 3 โลก เรามีความมั่นคงในองค์พระบรมศาสดาในพระธรรมคำสอนของท่าน มั่นคงในคุณพระอริยสงฆ์นำความรู้พลังแสงทิพย์นิพพานและวิชชา มโนมยิทธิที่พระเบื้องบนพระนิพพาน ท่านโปรดประทานให้มาแก่มวลมนุษย์ เพื่อความบริสุทธิ์ผ่องใสของจิตใจอริยเจ้าอันเดิมแท้ของเรา เมื่อท่านผู้ อ่านฝึกสัมผัสพระวรกายทิพย์องค์สมเด็จพระพุทธชินศรีได้แล้ว ก็ขอ พระพุทธานุญาติฝากจิตฝากใจของท่านผู้อ่านไว้ในพระวรกายทิพย์นิพพาน ขอองค์สมเด็จพระบรมศาสดาโปรดเมตตาปิดกั้นกายทิพย์ จิตทิพย์ของลูก ไว้ที่ตรงในท้องของพระองค์ท่าน ไม่ให้รั่วไหลตกลงมาอยู่ในกายขันธ์ 5 โลกมนุษย์อีกต่อไป เป็นการปฏิบัติธรรมทางใจที่ง่ายมากส่วนกายหยาบ กายคนในโลกมนุษย์ก็ตั้งใจทำงานตามหน้าที่ในโลกมนุษย์ จะเป็นหญิง เป็นชายเป็นตำรวจทหารเป็นเจ้านายหรือเป็นลูกน้องก็เป็นของสมมุติ

    --------------------------------------------------------------------------------

    สาธุชนผู้สนใจเชิญติดต่อสอบถามต่อได้ที่

    นพ. วิทวัส สิทธิวัชรพงษ์ โทร 06-300-8205 อจ. เสาวรีย์ ปัจฉิมกุล โทร. 01-830-9525

    ร.ต.อ พยุงศ์ ไชยพุฒ โทร. 01-882-7649 อจ. ภุชงค์ บุญยัง โทร. 01-322-5371

    อจ. ธวัชชัย ใจสัตย์ โทร 04-150-4099 อจ. สงกรานต์ สมบูรณ์ศฤงค์ โทร. 06-1839563

    อจ. สุพรรษา แก้วฝ่ายนอก โทร. 01-350-8683 อจ. ปานทิพย์ สันติเวส โทร. 01-604-1536

    พระพงษ์พัฒน์ ขันติโสพโล โทร. 06-670-4369


    ท่านสาธุชนผู้สนใจร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะ สามารถบริจาคได้ที่ บัญชี เกษร จันประภาพ
    ธ.กรุงเทพ สาขาท่าแพ บัญชีสะสมทรัพย์ เลขที่
    257-4-28966-5

     
  7. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    เขียนแบบนี้คุณเกษมจะเสียกำลังใจ...

    คุณเกษมมีน้ำใจเอาข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาให้อ่านกัน....
    ส่วนจะเกิดขึ้นหรือไม่จริงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง...
     
  8. 4597

    4597 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +69
    I dont know about Mr. Kasem but I think he is a good guy although his words have sometimes been unbebelievable. Anyway, I am so sure that some terrible matters are coming quickly to people . Everyone should prepare him/herself to take them .
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ธรรมประทานพร

    ถ้าใครอยากรู้จัก คุณเกษร สุทธจิต จันทร์ประภาพ ว่าเป็นใคร มีผลงานเขียนเป็นอย่างไร มีประสบการณ์ด้านธรรมะเป็นอย่างไร ขอเชิญเข้าไปศึกษาดูได้ที่เว็บไซต์แห่งนี้ครับ

    http://www.dhammapratarnporn.com/
     
  10. 4597

    4597 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +69
    I dreamt on one night that I went to a temple called "THAMMA-RA-CHA" and found a priest in there . At first I thougt it was nothing but I found this name from this tread about Sriariyamettry .
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรื่องราวของพระศรีฯ ที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้ โดยคุณ Aunyasit


    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->เรื่องราวของพระศรีฯ มีผู้คนกล่าวถึงกันมาก แต่ก็เป็นความรู้ความคิดที่ยากจะยืนยันเพราะคนส่วนใหญ่ยังขาดความเข้าใจในเรื่องของประเพณีพุทธภูมิ ว่าท่านทำบารมีมาอย่างไร ที่นำมาเล่าสู่กันฟังนี้ก็เพื่อคนที่สนใจจริงและลงมาเพื่อการสั่งสมบารมีเท่านั้น สำหรับท่านที่อ่านแล้วไม่เข้าใจก็ขอให้วางจิตเป็นกลางๆแล้วก็ผ่านไปครับ เท่าที่เราได้รับฟังมาจากครูบาอาจารย์นั้นเป็นดังนี้ครับ

    ในยุคพุทธกาลพระศรีฯท่านจุติลงมาเป็นพระอชิตะภิกขุ เมื่อท่านรับพุทธทำนายจากพระสมณโคดมแล้ว ท่านก็ตัดคอถวายพระพุทธเจ้า(ตรงนี้ตำราไม่บันทึกไว้) แต่ครูบาอาจารย์ท่านรับรองว่าเป็นอย่างนั้น

    ที่จริงพระศรีฯ ท่านลงมาสงเคราะห์โลก อยู่หลายวาระหลังจากสมัยพุทธกาลมา รวมทั้งชาติที่เป็นพระศรีอาริย์ วัดไลย์ นั่นก็ใช่ของท่านชาติหนึ่ง ชาตินั้นเมื่อเผาร่างของท่านแล้วก็กลายเป็นก้อนทองแดง เขาจึงนำมาผสมหล่อเป็นองค์พระศรีอาริย์ วัดไลย์ <O:p

    หลังจากชาติพระศรีอาริย์ วัดไลย์ จ.ลพบุรี แล้ว พระศรีฯท่านลงมาอีกหลายวาระ ชาติหนึ่งมาเป็นกษัตริย์ฝั่งลาว(ยุคอยุธยา) ชาตินั้นท่านจุติลงมาเป็นพระไชยเชษฐาธิราชพระมหากษัตริย์ชองลาว (ผู้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาจากเมืองเชียงใหม่) และชาติที่เป็นกษัตริย์ทั้งฝั่งไทย(คือพระพุทธเจ้าหลวง) <O:p</O:p

    ตามตำนานแล้วพระไชยเชษฐาฯ เมื่อตอนที่บุเรงนองส่งกองทัพมาตีเมืองเวียงจันทร์ พระไชยเชษฐาฯไม่ต้องการให้ประชาชนล้มตาย ท่านเลยขี่ม้าเสด็จออกจากเมืองเวียงจันทร์ เพียงพระองค์เดียว เพื่อไปรับมือกองทัพพม่า และท่านได้ทำฤทธิ์ เขียนชื่อท่านลงบนกระดาษเป็นพันๆแผ่น แล้วก็เสกเป็นตัวพระไชยเชษฐาฯขึ้นมา เป็นพันๆคนเข้าต่อสู้กับทหารพม่า เมื่อทหารพม่าฆ่าพระไชยเชษฐาฯ(ตัวปลอม)ตายก็กลายเป็นกระดาษทั้งสิ้น แต่ตัวจริงของพระไชยเชษฐาฯ ท่านขี่ม้ามาล้มลง ณ เมืองรามลักษณ์ ปัจจุบันเป็นสถานที่แห่งหนึ่งในจังหวัดหนองคาย เมื่อท่านสวรรคตแล้วร่างกายของท่านได้กลายเป็นพระพุทธรูปสามสี เทวดาเขาสวยสรงกันอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ณ เมืองรามลักษณ์ กลางวันมีน้ำไหลออกจากฝ่าเท้าเป็นสีทอง กลางคืนมีน้ำไหลออกจากฝ่าเท้าเป็นสีเงิน

    และในยุคร่วมสมัยปัจจุบันนี้ท่านลงมาบวชเป็นพระท่านบอกว่าเป็นชาติสุดท้ายพระศรีฯท่านจุติลงมาที่บ้านพระเจ้าในราวปี2457 ที่จังหวัดร้อยเอ็ดท่านบวชเณรตั้งแต่สมัยเป็นเด็กจากนั้นก็อุปสมบทเป็นพระสงฆ์ในปี2477 บวชได้2 พรรษาท่านมาอยู่กับหลวงปู่เสือโก้ก(พระครูสุนทรสาธุกิจ) ที่จ. มหาสารคามในสมัยนั้นในวัดมีพระสงฆ์อยู่ประมาณ700 รูปเมื่อไปจำพรรษาที่นั่นหลวงปู่เสือโก้กให้พระสงฆ์40 พรรษามาปรนนิบัติท่านไม่ให้ท่านออกบิณฑบาตแต่ให้พระสงฆ์ในวัดบิณฑบาตมาให้ฉันเมื่อมีการชุมนุมพระสงฆ์ในวัดหลวงปู่เสือโก้กจะปูอาสนะแยกต่างหากให้ท่านนั่งเป็นประธานสงฆ์ทางขวามือของหลวงปู่เสือโก้กเสมอครูบาอาจารย์ท่านเล่าว่าในสมัยนั้นพระครูลุน(สำเร็จลุน) แห่งนครจำปาศักดิ์ท่านจะนั่งรวมอยู่กับพระในแถวด้านหน้า


    จากนั้นท่านก็ธุดงค์ไปในที่ต่างๆผ่านภูทอกและภูเขาต่างๆมากมายทั้งในฝั่งไทยและลาวและเมื่อท่านข้ามไปฝั่งประเทศลาวปู่ฤษีประไลยโกฏิท่านมารับไปปฏิบัติที่ภูเขาควายท่านไปปฏิบัติอยู่ที่นั่นนานหลายปีท่านเล่าว่าท่านบำเพ็ญอดอาหารเป็นเวลา4 ปีและท่านบอกว่าบางครั้งท่านได้ลงไปโปรดสัตว์ในนรกเมื่อท่านลงไปในนรกไฟนรกจะดับลงชั่วคราว

    <O:pเมื่อสำเร็จขั้นโลกอุดรทุกประการตามบารมีแล้วท่านก็เข้าไปปฏิบัติธรรมต่อในภูเขาควายชั้นในซึ่งต้องอาศัยบารมีและฌานสมาบัติอันแก่กล้าจึงจะผ่านภูเขากระเดื่องเข้าไปได้ท่านว่าถ้าบารมีไม่ถึงไม่มีฌานสมาบัติขั้นสูงสุดก็ตายสถานเดียวมีพระสงฆ์ไทยเพียงไม่กี่รูปที่ท่านบอกว่าผ่านเข้าไปที่ภูเขาควายชั้นในได้เช่นหลวงปู่ทวดหลวงปู่สีทัตย์หลวงปู่ยีและรวมถึงพระสงฆ์บางรูปในฝั่งลาวเราจำชื่อไม่ได้แล้วครับ

    <O:pเมื่อสำเร็จธรรมขั้นของพระมหาโพธิสัตว์แล้วท่านก็ไปโปรดสัตว์อยู่ในฝั่งลาวหลายปีรวมทั้งไปอธิษฐานเปิดพิพิธภัณฑ์ที่พระธาตุหลวงประเทศลาวที่ในอดีตกษัตริย์องค์สำคัญของลาวคือพระไชยเชษฐาธิราชท่านสร้างและอธิษฐานไว้ว่าพิพิธภัณฑ์ที่ท่านสร้างซึ่งมีผนังเป็นหินนั้นห้ามผู้ใดเปิดได้ยกเว้นเมื่อผู้สร้างเขามาเกิดใหม่แล้วเขาจะเป็นผู้เดียวที่สามารถเปิดพิพิธภัณฑ์นั้นได้หลวงปู่บอกว่าท่านก็ไม่ได้ทำอะไรมากท่านแค่ยกมือยื่นมือไปขางหน้าประตูลับก็เปิดออกข้างในมีเครื่องสูงของกษัตริย์ลาวมากมาย

    <O:pก่อนปีพ.ศ. 2500 ท่านก็ข้ามมาฝั่งไทยแล้วธุดงค์โปรดสัตว์ไปเรื่อยๆจากจ.นครพนมจนมาอยู่ณที่วัดแห่งหนึ่งเมื่อปี 2500 และเป็นวัดที่ท่านใช้เป็นสถานที่ละสังขารเมื่อ7 มีนาคม2544 ท่านสั่งให้คณะของเรามีหน้าที่ดูแลรักษาสังขารของท่านไว้คณะเราได้บรรจุร่างท่านไว้ในหีบแก้วบูชาด้วยหัวน้ำหอมและเครื่องสูงอีกหลายอย่างเพื่อจะได้อานิสงส์บุญกุศลทำนองเดียวกันกับที่พ่อพระอินทร์ท่านดูแลร่างของพระมหากัสสปะไปจนถึงยุคพระศรีฯซึ่งร่างพระมหากัสสปะขณะนี้อยู่ที่เขาสามภูทางตอนใต้ของประเทศอินเดียนั่นเอง

    <O:pก่อนละสังขารท่านบอกว่าเราว่าปู่จะไปทำธุระเดี๋ยวปู่กลับมาใหม่เท่าที่เราเข้าใจครูบาอาจารย์ท่านไม่มาเกิดแบบคนทั่วไปอีกแล้วเพราะท่านสำเร็จธรรมระดับโลกอุดรเพราะฉะนั้นท่านสามารถกลับมาในร่างของโลกอุดรที่ท่านใช้อยู่ถึง12 ร่างได้ทุกเวลาที่ท่านต้องการท่านกลับจะมาแน่นอนในช่วงเวลาตั้งแต่ปี2549 - 2560 ท่านบอกว่าให้ปฏิบัติรอท่านซึ่งเราคิดว่าท่านจะกลับมาเมื่อคณะของเราสร้างปราสาทพระเจ้า5 พระองค์เสร็จซึ่งประกอบด้วยปราสาท5 หลังหลังหนึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตจำลองหน้าตัก3.80 เมตร1 องค์(เป็นสัญญลักษณ์ของพระศรีฯ) อีกสี่หลังเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตจำลองหน้าตักองค์ละ3.50 เมตร 4 องค์(เป็นสัญญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าอีก4 พระองค์) ซึ่งขณะนี้กำลังก่อสร้างหอพระแม่ธรณี(หอพระจักรพรรดิ์) ตอนนี้ใกล้จะเสร็จแล้วและจะถวายเข้าเป็นสมบัติของพระศาสนาในวันออกพรรษาปีนี้หอนี้เป็นส่วนด้านหน้าของปราสาทพระเจ้า5 พระองค์ทั้งนี้เพื่อรองรับบารมีพระศรีฯที่ท่านจะลงมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ในไม่กี่ปีข้างหน้านี้

    ที่มาhttp://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=13361<O:p</O:p

    <!-- / message -->
     
  12. พลังธรรม

    พลังธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +35
    นี่คือ วิทยาการ

    ที่มีความสำคัญ และ มีคุณประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อมวลมนุษยชาติ

    เรียนรู้ได้ สอนได้ เข้าใจได้

    ไม่น่าเชื่อว่า ถูกทอดทิ้ง

    ให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สำหรับกราบไหว้พึ่งพิง

    ของคนหลายร้อยล้านคน ยาวนานเป็นพันๆ ปี



    กลัวตาย ฝันร้าย สูญเสีย และ ความอยุติธรรม เป็นแค่ ปลายเหตุ ต้นสายนั้นอยู่ที่ไหน?

    มนุษย์ที่มีสติปัญญา ได้ค้นหาคำตอบนี้มานานแสนนาน และ

    คำตอบสุดท้ายปรากฏขึ้น เมื่อ 2,500 ปีมาแล้ว

    ประกาศโดย พระพุทธเจ้า



    ทฤษฎี ของ พระพุทธเจ้าเรื่อง "นิพพาน" นั้น

    มิใช่ศาสนา (เพื่อโลกหน้า) ไม่ต้องใช้ความเชื่อ ไม่ต้องใช้ความศรัทธา

    แต่เป็นความรู้ด้านจริยศาสตร์ การปฏิบัติตัวที่เหมาะสม

    เพื่อสร้างความผาสุก ให้แก่มนุษย์ และโลก

    เป็นวิทยาการ ที่ สอนให้มนุษย์ รู้จักตนเอง และผู้อื่น ให้ผลทันที ที่นี่ เดี๋ยวนี้

    เมื่อพระพุทธเจ้า "ตรัสรู้" และเผยแพร่หลักธรรม เรื่อง "นิพพาน" นั้น

    ทรงตระหนักดีว่าเป็นสิ่งยากยิ่ง สำหรับสติปัญญาของคนในยุคนั้น จะเข้าใจได้

    จึงแบ่งคำสอนออกเป็นส่วนย่อยๆ และอธิบายทีละส่วน

    ให้เหมาะกับบุคคล และสถานการณ์

    ดังนั้น เราจึงพบแต่คำอธิบาย มุมเล็กๆ มุมเดียว ที่มองไปยัง "นิพพาน" เท่านั้น

    ไม่มีสรุปใจความ หรือ หลักการ หรือ ทฤษฎี ของ "นิพพาน"

    ว่ามีเนื้อหาอย่างไร ณ ที่ใดเลย



    ณ ที่นี้ จะกล่าวถึง "พุทธทฤษฏี" เรื่อง "นิพพาน" กันตรงๆ แบบสรุป

    โดยถือหลักว่า ผู้มีปัญญา ต้องมองเห็นจุดหมายก่อนส่วน วิธีการนั้นทีหลัง



    "พุทธทฤษฎี" เป็นสิ่งที่ พระพุทธเจ้า มอบให้ เวไนยสัตว์ (สัตว์ที่มีสติปัญญาเพียงพอ) ด้วยความเมตตา

    เป็นสิ่งรู้เห็นและเข้าถึงได้ อย่างแน่นอนด้วย "ปัญญา" หนทางเดียวเท่านั้น

    ขอบอกตรงนี้ว่า "นิพพาน" เป็นเพียง จุดหมายปลายทาง หรือ ผล ของการกระทำเท่านั้น

    การรู้ และเข้าใจหลักการ นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด วิธีการนั้นไม่สำคัญ เพราะ หลักการจะนำไปถึงจุดหมายได้ หลายวิธี



    หลักการของพระพุทธเจ้า คือ "มัฌชิมาปฏิปทา"

    ความเพียร ใดๆ ที่ไม่ได้มุ่ง ไปยังการสร้างสรรค์ สติปัญญา ให้มีความฉลาดยิ่งขึ้นนั้น

    มิได้มีประโยชน์ในการนี้เลย เพราะ

    "มัฌชิมาปฏิปทา" เป็นการใช้สติปัญญาวิเคราะห์ วิจัย และจัดการ กับสิ่งที่เกิดขึ้น

    ข้างใน และข้างนอกกายเรา ทุกลมหายใจ



    ความเคารพ ความศรัทธา ความพึ่งพา การภาวนา ใดๆ

    ก็ไม่สามารถ ช่วยนำพาผู้ใด ไปสู่ ความรู้ ความเข้าใจ "มัฌชิมาปฏิปทา" ได้แม้แต่น้อย

    ต้องกราบขออภัยจริงๆ



    ผู้นับถือพระพุทธเจ้า แบบเป็นที่พึ่ง สรณะ

    ไม่มีความจำเป็นต้องเรียนรู้ "มัฌชิมาปฏิปทา" เพื่อไปสู่ "นิพพาน"

    เพราะ ไม่ได้ใช้เรื่องเหล่านี้



    แม้พระพุทธเจ้าเอง จะเลือกสอน หรือ บวชให้กับ ผู้ที่สอนได้เท่านั้น





    มารู้จักต้นกำเนิดของสรรพสิ่ง เสียก่อน

    เอกภพ เกิดขึ้นเองจากการระเบิดใหญ่ 45,000 ล้านปีมาแล้ว

    ทุกสิ่งพุ่งกระจายออกไปจากศูนย์กลาง

    มีชิ้นส่วนหลุดออกมา เป็นสุริยะจักรวาล หลุดมา เป็นดวงอาทิตย์

    และหลุดออกมา เป็นโลก 4,500 ล้านปีมาแล้ว



    โลก แต่เดิมเป็นลูกไฟร้อน เมื่อเย็นลงมีน้ำมีแผ่นดิน

    มีเซลล์สิ่งมีชีวิตแรกเกิดขึ้นเอง พัฒนามีลูกหลานเป็นสัตว์ และพืช

    นักวิทยาศาสตร์ วัดระยะ คำนวนอายุ หาจุดศูนย์กลาง และทำแผนที่เอกภพได้แล้ว

    แต่ยังค้นหา สิ่งมีชีวิตที่อื่นยังไม่พบ แม้พยายามค้นหามา กว่า 100 ปีมาแล้ว



    ตามประวัติศาสตร์ มนุษย์นั้น วิวัฒนาการมาจาก สัตว์จำพวกลิงไม่มีหาง

    เริ่มเดินสองขาตัวตรง ราว 2 ล้านปีมาแล้ว สายพันธุ์แรก เกิดขึ้นในทวีปอาฟริกา

    ต่อมาฉลาดกว่าสรรพสัตว์ ได้เดินด้วยเท้าไปทั่วโลก 35,000 ปีมาแล้ว

    ที่เล่ามาทั้งหมด เพื่อบอกว่า ไม่มีใครสร้างโลก ดวงดาว และสิ่งมีชีวิต





    ประวัติศาสตร์อินเดีย นับถอยหลังไป 3,500 ปี คือ ก่อนพุทธกาล 1,000 ปี

    คนอินเดียเชื่อถึอว่า ชีวิต มีการเวียนว่ายตายเกิด และ ชีวิต นั้นเป็นทุกข์ คนดินเดียตัวดำ เป็นเผ่า"ทมิฬ"

    ถูกรุกราน และครอบครองกดขี่ โดยคนตัวขาวจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ เรียกว่าเผ่า "อารยัน หรือ อริยกะ"

    เผ่าอารยัน เข้าปกครองอินเดีย แบ่งชนชั้นวรรณะ ให้คนตัวดำทั้งอินเดีย อยู่ต่ำที่สุด

    นับถือ คัมภีร์พระเวท อันเป็นต้นกำเนิด ศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู

    เดิมมีพระเจ้าองค์เดียว เกิดตายหนเดียว (เหมือนศาสนาในตะวันออกกลาง และยุโรป)

    ต่อมา เริ่มมีพระเจ้าหลายองค์ และมีวัฏสงสาร (เวียนว่ายตายเกิด)

    เริ่มมีคนนิยมออกแสวงหา "สัจธรรม" เพื่อการพ้นทุกข์

    ละทิ้งไปจากบ้านเรือน อยู่ตามป่าเขา บำเพ็ญพรหมจรรย์

    ตามหลักศาสนาแทบทุกศาสนาตอนนั้น



    ชาวฮินดูนั้น กราบไหว้เซ่นสรวงสังเวย รับใช้ ขอพรจากพระเจ้าอย่างเดียว

    พระเจ้าสร้างทุกอย่าง โลกและดวงดาว อะไรที่เป็นไป ในทุกที่ ทุกเรื่อง

    พระเจ้า ขีดเส้นไว้ให้เป็นไป พราหมณ์เป็นพวกเดียวที่ติดต่อกับพระเจ้าได้

    การแบ่งชั้นวรรณะ เป็นไปตามพระเจ้า มีสวรรค์หลายชั้น มีนรกหลายชั้น

    คนต้องตาย ต้องเกิดหลายชาติ จนกว่า พระเจ้าพอใจให้ไปอยู่ด้วย

    เรียกว่าพบกับ "โมกษะ" เป็นความสุขสูงสุดของมนุษย์



    1,000 ปีผ่านไป ศาสนาฮินดูยังคงมีอิทธิพลสูงสุด มีการตั้งลัทธิแยกออกมาบ้าง

    ที่สำคัญ มี 2 ศาสนา คือ ศาสนาพุทธ และ ศาสนาเชน(นิครนถ์)

    มีลักษณะคล้ายกันตรงที่ ไม่ยอมรับการเซ่นไหว้บูชายัญเทพเจ้า

    และการพึ่งพิงภักดีต่อทวยเทพเป็นสรณะ ตามแบบฮินดู

    และสอนว่า มนุษย์สามารถพบ "สัจธรรม" ได้เอง ด้วยปัญญา และการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง

    ทั้ง 2 ศาสนานี้ ปฏิเสธความคิดของฮินดูทุกเรื่อง



    มาสนใจดูความเชื่อแบบฮินดู ที่ศาสนาพุทธ และเชน ปฏิเสธ

    เช่น การแบ่งชนชั้นวรรณะ การเชื่อว่ามี พระเจ้า เทวดา และผี

    ที่สามารถให้คุณให้โทษต่อมนุษย์ ต้องเคารพเกรงกลัว

    และเซ่นไหว้ การเชื่อว่า "ตัวตน(วิญญาณ)" คงทนอยู่ตลอดกาลตายแล้ว "ตัวตน" ไม่ตายด้วย

    จะวนเวียนไปเกิดใหม่ ในภพภูมิต่างๆ เป็นรูปร่างต่างๆ ในนรก ในสวรรค์

    ขอย้ำว่าศาสนาพุทธ และเชน ไม่ยอมรับความเชื่อเหล่านี้ทุกประการ



    พระพุทธเจ้า และ มหาวีระ คล้ายคลึงกันหลายประการ เป็นโอรสของกษัตริย์ (ผิวขาวชาวอารยัน)

    ออกจากบ้านเมืองครอบครัวมาอยู่ป่าหาสัจธรรม เคยบำเพ็ญเพียรด้วยการทรมานตนมาก่อน

    ตรัสรู้ ใต้ต้นโพธิ์ เมื่อประกาศศาสนา ก็ เผยแพร่อยู่ในประชาชนส่วนใหญ่

    ของอินเดียที่เป็นวรรณะต่ำ (ชาวทมิฬ) สอนธรรมะด้วยภาษามคธ (ซึ่งไม่มีตัวอักษร)

    ทั้ง 2 ศาสดา มีชีวิตในช่วงเวลาเดียวกัน ในเมือง และแคว้นเดียวกัน

    แต่ศาสนาเชนแตกต่างจากพุทธมากตรงที่ ถือการทรมานตน เป็นทางการพ้นทุกข์ และสตรีไม่มีสิทธิ์หลุดพ้น



    ขอเล่าพุทธประวัติก่อน

    ชั่วชีวิตของคนนั้น สะท้อนผลงาน

    เพราะ "พุทธทฤษฎี" นี้เป็นผลงาน จากสติปัญญาขั้นสูงที่สุด เท่าที่เคยมีในมนุษยชาติ

    เป็นปริศนาที่คนธรรมดา ไม่สามารถเข้าใจได้เลยมาถึง 2,500 ปี

    แม้ว่ามีการรักษาจดจำท่องไว้ ให้มั่นคงคงอยู่ในพระไตรปิฎก

    จากถ้อยคำที่มีคุณค่า กลายเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ ที่ไม่มีใครคิดจะแปลความหมาย

    ทั้งๆ ที่เป็นวิทยาการที่มีประโยชน์ ต่อมวลมนุษย์ เรียนรู้ได้และสอนได้



    ในประเทศอินเดีย 2,600 ปีมาแล้ว เจ้าชายสิทธัตถะ โคตมะ โอรสของกษัตริย์ เผ่าอารยัน

    ซึ่งแวดล้อมด้วยความสุขสบาย ในโลกีย์วิสัย มีพระชายา และโอรสแล้ว

    พระองค์สนใจใฝ่แสวงหา "สัจธรรม" ความรู้แท้ว่า มนุษย์เป็นอย่างไร ควรใช้ชีวิตอย่างไร จึงจะสมกับการเป็นมนุษย์

    จึงออกบวชเมื่ออายุ 29 พรรษา บำเพ็ญพรหมจรรย์ อาศัยตามป่าเขา เป็นศิษย์ของฤาษี เรียนรู้วิชาโยคะต่างๆ

    เรียนการฝึกจิต ทำสมาธิ เพื่อให้มีฤทธิ์ หลายปีผ่านไป แม้สำเร็จถึงขั้นสูงสุดแล้ว ก็ยังไม่พบอะไร



    ยุคนั้นนิยมการทรมานร่างกาย เชื่อว่าจะเข้าถึง "สัจธรรม" ได้

    พระองค์ทดลองทรมานร่างกาย อดอาหาร และข่มความทุกข์ทรมานเหล่านี้ ด้วยพลังของสมาธิ ที่ได้มาจากการฝึกจิต

    ด้วยความหวังว่า เมื่อร่างกาย ถูกข่มถึงที่สุดแล้ว จิตก็จะมีอำนาจบรรลุ "โมกษะ" หรือพบ"สัจธรรม"ได้

    ทรงพำเพ็ญทุกรกิริยาอย่างหนัก ถึงที่สุดหลายปี จนร่างกายผ่ายผอม อ่อนแอจนถึงสิ้นสติ

    และพบว่า ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง จึงเลิกทรมานตนเสีย

    เมื่อร่างกายเป็นปกติและมีสมองแจ่มใส พระพุทธเจ้า ทรงพิจารณาทบทวนประสบการณ์ โดยละเอียดเพื่อค้นหาสัจธรรม

    และในที่สุด พระองค์ก็ "ตรัสรู้" ค้นพบความจริง "สัจธรรม" ว่า...

    ชีวิตมนุษย์นั้นเป็นอย่างไร กระบวนการของชีวิตเป็นอย่างไร

    ทุกข์นั้นเกิดขึ้นที่ไหน เกิดอย่างไร อะไรเป็นสาเหตุของความทุกข์ และรู้ว่าจะดับทุกข์ได้อย่างไร

    ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ 35 พรรษา

    สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบนั้น ขอเรียกว่า "พุทธทฤษฎี"

    มีเนื้อหาสำคัญ เป็นหลักปฏิบัติตน (จริยศาสตร์) โดยใช้สติปัญญาตัดสินการกระทำ

    เรียกว่า "มัฌชิิมาปฏิปทา" หรือ "ทางสายกลาง"

    (คำนี้แย่ที่สุด เพราะทุกคนคิดว่ารู้จักดีแล้ว ซึ่งไม่ตรงกับของพระพุทธเจ้า)

    เรียกว่า "หนทางที่ไม่เขว" ยังให้ความหมายดีกว่



    หลังจากตรัสรู้แล้ว ทรงทบทวนความรู้ "พุทธทฤษฎี" ถึง 7 สัปดาห์ และ พิจารณาเห็นว่า

    ลึกซึ้งยากยิ่ง ที่ผู้อื่นจะรู้ตามอย่างได้ จะต้องเรียนรู้ รายละเอียดมากมาย

    เพื่อการวิเคราะห์สิ่งที่เป็นนามธรรม และรูปธรรมต่างๆ ได้อย่างมีเหตุผล

    ซึ่งจำเป็นต้องสร้างสติปัญญาก่อน

    แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงตัดสินใจ เผยแพร่สอนหลักธรรมไปตลอดพระชนม์ชีพ

    และมีสาวกเข้าใจ "พุทธทฤษฎี"ได้ด้วยปัญญา ของพระพุทธเจ้า



    พระองค์ ใช้เวลา 45 ปี หลังตรัสรู้ ทรงจาริก แสดงธรรม พร่ำสอนหลักธรรม

    ดำรงชีวิตแบบเรียบง่าย ประพฤติพรหมจรรย์ เกื้อกูลโลก ตลอดพระชนม์ชีพ

    ทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพาน กลางดิน ใต้ต้นไม้ในป่า มีพระชนมพรรษา ได้ 80 ปี

    ทางโบราณคดี นับยุคของพระพุทธเจ้าเป็น ปลายยุคสัมฤทธิ์ ต้นยุคเหล็ก

    เทียบกับไทยเป็นก่อนประวัติศาสตร์ "ยุคบ้านเชียง"



    คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่ได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดี ในรูปของ "พระไตรปิฎก

    เป็นที่รวมของความรู้ที่ทรงสอน ข้อปฏิบัติต่างๆ ที่ควรและไม่ควร

    โครงสร้างความรู้ กระบวนการที่เป็นไป มีการรวบรวมไว้อย่างระมัดระวัง และอนุรักษ์ใว้ ยาวนานถึง 2,500 ปี

    เป็นสิ่งน่าศึกษา และท้าทายสติปัญญา ของคนปัจจุบันยุค 2000 อย่างยิ่ง

    ว่าของเก่าขนาดนี้ ทำไมถึงยากขนาดนั้น?



    ความยากของ "พุทธทฤษฎี" ประวัติศาสตร์ระบุไว้ชัดเจน

    100 ปีหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ภิกษุชาวแคว้นวัชชีจำนวนมาก

    แก้ไขดัดแปลงพระธรรมวินัยตามใจชอบ เปลี่ยนวิธีการสอนใหม่

    คือ หาทางทำให้คนเข้าวัดมากๆ ไว้ก่อน อะไรที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนก็ไม่เป็นไร

    เอาที่ชาวบ้านชอบมาใส่ ให้คนนิยมมากๆ เสร็จแล้วค่อย สอนธรรมะให้ทีหลัง รวมเทพฮินดูนรกสวรรค์บุญกรรมมากันเพียบ

    ทำแบบนี้พุทธศาสนาเจริญมากมาย แผ่ขยายไปทั่วขึ้นไปทั่วทวีปเอเซีย นิกายนี้เรียก "มหายาน"



    "พุทธทฤษฎี"; กลายเป็นปริศนาอมตะ

    แม้ฝ่าย "หินยาน" ผู้อนุรักษ์พระไตรปิฎกไว้ พยายามศึกษา และปฏิบัติ รู้ว่าเป็นของดีเลิศล้ำ

    แต่เข้าใจได้ยากยิ่ง วันเวลาผ่านไป ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี บ้างก็ว่าเรียนไปก็เท่านั้น มีแต่ทฤษฎี ต้องปฏิบัติ หลับตาฝึกจิตกันดีกว่า

    วันเวลาผ่านไป ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี (การฝึกจิตไม่ได้ทำให้คนฉลาดขึ้น การคิดเลขเก่งก็เช่นเดียวกัน)

    แปลกตรงที่ วัดฝ่ายหินยาน ในเมืองไทยปัจจุบันที่เจริญรุ่งเรืองและร่ำรวย

    เห็นได้ชัดว่ากำลังใช้วิธีการเดียวกัน กับมหายาน



    "นิพพาน" ยังคงเป็นความฝัน

    จนกว่า เรา เข้าใจจริงๆ ว่า พระพุทธเจ้า สอนเรื่องอะไร โดยสมบูรณ์ ทุกแง่ ทุกมุม

    ที่รู้แล้วอธิบายได้ ฟังแล้วเข้าใจได้



    ต่อไปนี้ เป็นเนื้อหาสาระ ทางความรู้ และ หลักปฏิบัติ ที่พระพุทธเจ้าสอน

    ซึ่ง คนส่วนมาก เข้าใจเป็นอย่างอื่น

    ณ ที่นี้ ขอให้ เริ่มต้นกันใหม่



    โลก จักรวาล ธรรมชาติ สรรพสัตว์ และมนุษย์ เกิดขึ้นเอง ด้วยเหตุปัจจัย

    สืบค้นได้ถ้ามีเวลาพอ ไม่มีใครสร้าง

    โลกหมุนเวียนไป สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นไปตามเรื่องของมัน ไม่ได้มีปัญหาทุกประการ

    มามีปัญหา ตรงที่เริ่มมีมนุษย์ปรากฏขึ้นในโลก และ ปัญหานั้นเป็นของมนุษย์ผู้เดียว



    ฝนตกฟ้าร้องแผ่นดินไหวน้ำท่วม สรรพสัตว์ฆ่ากันกินกันไป ตามสัญชาติญาณ

    บ้างสูญพันธุ์บ้าง เกิดสายพันธุ์ใหม่ ล้วนเป็นธรรมดา ตามสาเหตุและปัจจัยทั้งสิ้น

    ไม่มีใครสนใจหรือทุกข์ร้อนอะไร จนกระทั้งสัตว์ชนิดหนึ่ง มีสมองโต และเฉลียวฉลาดมาก

    เรียกว่า "มนุษย์" พบว่าตัวเองนั้น มีตัวตนแยกต่างหาก ต่างสัตว์อื่นๆ

    และต่างจากสิ่งแวดล้อม และต่างจาก "มนุษย์" ตัวอื่นอีกด้วย

    "ความฉลาด" ของมนุษย์ สร้างปัญหาให้กับมนุษย์เอง



    "สมอง" ที่ "คิด" ได้มากกว่าสรรพสัตว์ รู้ภาวะตัวตน ที่เรียกว่า "จิตใจ"

    ภายในจิตใจ ของใครของมันนั้น ทำเรื่องราวต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อสิ่งแวดล้อม

    ทำให้เกิดปัญหา ย้อนกลับมาเล่นงาน ตัวเองในที่สุด



    มนุษย์รู้ว่าตัวเองฉลาด จึงใช้ความคิดของตัวเอง ดัดแปลง เปลี่ยนสัญชาติญาณ ผิดแผกจากธรรมชาติไปเป็นอันมาก

    และเริ่มมีความทุกข์ เริ่มสับสนไม่เข้าใจว่า ควรดำเนินชีวิตไปอย่างไร

    ขณะที่สรรพสัตว์อื่นๆ ดำเนินชีวิตไป ตามตามสัญชาติญาณเท่านั้น

    ไม่ได้ใช้ความคิดปรุงแต่ง จึงไม่ได้มีความทุกข์ร้อนอะไร



    ตามหลักธรรมชาติแล้ว มนุษย์อาจฆ่าสัตว์หมดโลกแล้วตัวเอง ก็สูญพันธ์ไปด้วย

    และก่อนจากไป ก็ระเบิดโลกแหลกเป็นผงธุลี ก็เป็นเรื่องธรรมชาติสามัญ

    ไม่มีใครทุกข์ร้อนอะไร



    สรุปว่า ในธรรมชาตินั้นมันจะเป็นไปอย่างไร ก็ไม่มีใครเป็นทุกข์

    มีสัตว์ฉลาด และคิดได้ จึงเอาสิ่งต่างๆ มาคิด จึงมีปัญหา

    ปัญหานั้นตกเป็นภาระของ สัตว์ฉลาดนั้นเอง



    การที่เราจะรู้ได้ ว่ามนุษย์ควรมีชีวิตอย่างไร ต้องเริ่มต้น ด้วยการรู้จัก ว่ามนุษย์เป็นอย่างไรก่อน

    ที่จริงมนุษย์ เป็นสัตว์ธรรมดา ที่มีสมองใหญ่ จึงมีสติปัญญาสูงพอที่จะคิดได้ จนสมองบอกเราว่าเรามีจิตใจ

    สิ่งเหล่านี้มาจากสมอง ที่ซับซ้อนและมีเงื่อนไข ตามธรรมชาติของมัน

    "สมอง" ทำงานตลอดเวลา ไม่มีการหยุดพัก แม้เวลามนุษย์หลับ (มักฝัน)

    มันวิ่งแล่นไปอย่างอิสระ เรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยการสัมผัส เข้าใจ รู้สึก จดจำ ตัดสินว่าชอบหรือไม่

    เตรียมการที่จะจัดการ กับสิ่งต่างๆ ที่มันพบตลอดเวลา

    กระบวนการนี้ใช้ร่างกายเป็นสื่อ รองรับความต้องการของ "สมอง" ที่เราเรียกว่า "จิตใจ"



    พระพุทธเจ้า อธิบายว่ามนุษย์นั้น คือ สิ่งที่ประกอบด้วย "ขันธ์ 5"

    ได้แก่

    รูป

    เวทนา

    สัญญา

    สังขาร

    วิญญาณ



    ต่างจากสัตว์ทั้งปวง ที่ไม่มี สังขาร และวิญญาณ ตรงที่ต่างนี้สำคัญที่สุด!!



    "ขันธ์ 5" นี้ สำคัญยิ่งนัก

    2,500 ปี ที่เราไม่เข้าใจ หลัก "พุทธทฤษฎี"

    ก็เพราะเรา ไม่เข้าใจ "ขันธ์ 5" นั่นเอง

    เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบ "พุทธทฤษฎี" ตามแง่มุมต่างๆ

    ที่แม้เรารู้ว่าดีเลิศ แต่ไม่อาจเข้าใจได้เลย







    ขันธ์ที่ 1 รูป

    คือ ร่างกายของคน ประกอบด้วย อวัยวะทุกส่วน เป็นวัตถุ จับต้องมองเห็น ภายนอก และภายในร่างกายทั้งหมด

    รวมทั้งสมอง หัวใจ ปอด ไต ตอนมีชีวิต เคลื่อนไหวได้เอง ทำกิจกรรมต่างๆ

    เช่น กินอาหาร ขับถ่าย สืบพันธุ์ มีเจริญเติบโต และเสื่อม แก่ชรา ป่วย และตาย

    เมื่อตายแล้ว อวัยวะเหล่านี้ยังอยู่ครบ แต่ไม่สามารถ ทำอะไรได้อีก

    สรรพสัตว์ ก็มีรูป เช่นเดียวกัน


    ขันธ์ที่ 2 เวทนา
    ประสาทสัมผัส มี ตา หู จมู ลิ้น กาย เมื่อถูกกระทบ จะส่งสัญญาณ ไปตามเส้นประสาท สู่สมอง

    และที่สมองส่งสัญญาณ ย้อนกลับไปสั่งให้ร่างกายปฏิบัติ สัญญาณนี้ คือ "ผัสสะ"

    เป็นไปตามธรรมชาติบริสุทธิ์ จะผิดแผกแตกต่างบ้าง ด้านคุณภาพ ตามแต่สายพันธุ์

    สรรพสัตว์ ก็มีผัสสะเช่นเดียวกัน


    ขันธ์ที่ 3 สัญญา

    ผัสสะที่ได้รับจากประสาทสัมผัส เมื่อเข้ามาสู่สมองแล้ว จะส่งมาตรวจสอบที่ความทรงจำ
    แยกแยะ ว่ารู้จัก ไม่รู้จัก "ความจำ" นี้ เป็นรากเหง้าของความฉลาด เป็นต้นกำเนิดของความคิด

    สัตว์อื่น ที่ว่าฉลาดที่สุดแล้ว มีความจำด้อยกว่ามนุษย์เป็นพันๆ เท่า

    มนุษย์ยังสามารถจำ สิ่งที่คิดขึ้นมาเอง ในสมองล้วนๆ ไว้ได้ด้วย



    ขันธ์ที่ 4 สังขาร

    "ความจำ" นั้นสอนให้สมอง รู้จัก "คิด" รู้จักจำแนกสิ่งต่างๆ ระบุว่า สิ่งใดชอบ สิ่งใดไม่ชอบ

    คิดล่วงหน้าว่า เมื่อเจออีกจะทำอย่างไร ความคิดแบบนี้ คือ "โปรแกรม"

    มนุษย์วิวัฒนาการเพราะใช้สมองทบทวน กลับไปมาระหว่าง

    ความคิด ความจำ ลองทำ ได้ผลก็กลับมา จำได้ คิดเพิ่ม แล้วลองทำอีก

    เราพัฒนาสร้าง "โปรแกรม" ไว้ในสมอง และสอนถ่ายทอดบอกต่อๆ มา เป็น "วิทยาการ"

    เป็น "ความฉลาด" ใช้สร้างสรรค์ และ ปรุงแต่งทุกสิ่งในขันธ์ทั้ง 5 นี้

    ไม่เว้นตัวมันเอง สรรพปัญหาทั้งหลาย "ต้นเหตุอยู่ตรงนี้"

    ความคิด เป็นดาบ 2 คม จึงต้องควบคุมการใช้ให้เหมาะสมระมัดระวัง (ห้ามหยุดคิดด้วย)



    ขันธ์ที่ 5 วิญญาณ

    ด้วยความจำ ความคิด พิจารณาสิ่งต่างๆ มนุษย์สังเกตพบว่า มีตัวตน ของตนเองอยู่ ไม่ใช่ ไม่เหมือนใครๆ

    คือ "จิตใจ" มีความชื่นชอบ และไม่ชอบกับผัสสะต่างๆ เป็นการตัดสินลงความเห็นผ่านการใช้ โปรแกรม(สังขาร)

    สรุปเป็นคำตอบคำตอบนี้จะส่งผลให้เกิดการปฏิบัติ สั่งให้ร่างกาย(รูป) กระทำการต่างๆ

    ส่งเป็นผัสสะกลับไปให้สมองอีก(เวทนาที่ 6)

    ส่งให้ความจำ(สัญญา)บันทึกไว้ ส่งให้โปรแกรม(สังขาร)เขียนเพิ่มเติมอีก

    จิตใจ เป็นปลายทางที่เริ่มต้นจาก ผัสสะ เป็นผลลัพท์จากโปรแกรม ที่มนุษย์แต่ละคน เขียนสะสมสร้างไว้

    ในความจำตั้งแต่เด็ก เพื่อปรุงแต่งให้มีผลเอนเอียง ไปในทางที่แต่ละคนชอบ

    ดังนั้น จิตใจ ที่เป็นอารมณ์ต่างๆ เช่น รัก โลภ โกรธ หลง นั้น

    ในแต่ละคนจึงมีพฤติกรรมต่างกัน นี่เป็นต้นเหตุ ที่ทำให้มนุษย์ไม่เหมือนกัน ในแทบทุกด้าน

    ไม่รู้จิตใจกันอย่างสมบูรณ์ และไม่รู้ว่า จิตใจของมนุษย์นั้นที่แท้เป็นอย่างไร

    ที่สำคัญ จิตใจก็ย้งเป็นต้นทางของผัสสะ อีกทางหนึ่งด้วย (พอมาอีกครั้งเรียกนามรูป)



    ทำให้บางครั้ง มนุษย์คิดวกวน คิดซ้ำซาก ทับกันเป็นทวีคูณ

    จิตใจ(วิญญาณ) คือ ผลที่ได้จากการคิดของสมองคน สมองนั้นอาศัยอยู่ในร่างกาย

    แม้สมองจะมีอำนาจเพียงไร เมื่อสมองเสื่อมหรือสมองตาย อำนาจนั้นย่อมสูญไปด้วย

    ความจริงนี้ สมองคนทั่วโลก ทุกเผ่าพันธุ์ยอมรับไม่ได้ และสร้างความเชื่อว่าจิตวิญญาณนั้น

    เมื่อคนตายแล้วยังคงอยู่ ซึ่งไม่มีเหตุผลอะไรมารองรับนอกจากความฝันที่ไม่มีน้ำหนักอะไร

    จิตวิญญาณ นี้ สรรพสัตว์อื่นๆ ไม่มี



    ทีนี้เห็นตัวตนของคุณหรือยัง ?

    ว่าใครปรุงแต่งตัวคุณ คุณปรุงแต่งตัวใคร และคุณเป็นเจ้าของสิ่งปรุงแต่งนี้ใช่ไหม



    "ขันธ์ 5" คือ องค์ประกอบของมนุษย์ เป็นวิทยาศาสตร์กายภาพล้วน

    ขันธ์แรกเป็นร่างกายมนุษย์ ที่เหลือเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้น ในระบบประสาทสัมผัส และในก้อนสมอง

    ไม่มีอะไรเป็นนามธรรม ไม่มีอะไร อยู่นอกร่างกายมนุษย์

    พอเข้าใจ "ขันธ์ 5" แล้ว "พุทธทฤษฎี" ก็เผยออกให้เห็นแจ่มชัดทุกข้อ



    "ขันธ์ 5" เป็นเพียง อาณาเขตปริมณฑล ของการ "ปฏิบัติภาระกิจ" ตามแนวทาง "พุทธทฤษฎี"

    ซึ่งสอนให้เรา กระทำสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ของความเป็นมนุษย์

    มนุษย์ ที่ประเสริฐ จะต้องมี จริยธรรมอันประเสริฐ

    ปฏิบัติตนได้ ถูกต้องเหมาะสมสูงสุด

    มิใช่ ดีแต่พูด ดีแต่คิด



    ความเหมาะสมในการปฎิบัตินี้ เรียกว่า "ทางที่ไม่เขว" (มัฌชิมาปฏิปทา)

    มิใช่ ชุ่ยๆ ลวกๆ และ เซ่อๆ

    "ผู้ปฎิบัติธรรม" จะต้อง มีความสามารถขั้นเอกอุ ที่จะควบคุมขันธ์ทั้ง 5 ไว้

    ให้อยู่ในภาวะที่เหมาะสม ตลอดเวลา ทุกลมหายใจ ไม่ไขว้เขวออกนอกเส้นทาง แม้แต่นิดเดียว



    ลองนึกภาพ

    นักกายกรรม ขี่จักรยานล้อเดียว มือถือไม้พลองยาว ไต่เส้นลวด ข้ามหุบเหว .........................

    ทักษะร่างกาย สมาธิ สติ ปัญญา สูงสุด ในการรักษาความสมดุลย์ตลอดเวลา



    พลังกาย สมาธิ สติ ปัญญา ใช้หลักจริยธรรม

    ควบคุมขันธ์ทั้ง 5 แบบ "ทางที่ไม่เขว" หรือ"ทางสายกลาง"

    "มัฌชิมาปฏิปทา" ของพระพุทธเจ้า



    ในอาณาเขตปริมณฑลของขันธ์ 5 นี้

    คำนี้สรุปได้ สั้นๆ ตื้นๆ แต่ยากสุดๆ หินสุดๆ

    "ไม่ละเมิดผู้อื่น ไม่ละเมิดตนเอง"



    อย่าดูถูกคำนี้เป็นอันขาด

    พระพุทธเจ้าใช้เวลา 45 ปี หลังตรัสรู้ สอนแก่มนุษย์ชาติ จนปรินิพพาน

    ไม่ได้ออกนอกบรรทัดนี้เลย

    (หนึ่งล้านหน้ากระดาษเอสี่ ยังไม่พออธิบายข้อความบรรทัดนี้)

    มรรคผล ที่ได้รับจาก การดำเนินชีวิต แบบ "มัฌชิมาปฏิปทา" ครบถ้วนสมบูรณ์ใน "พุทธทฤษฎี"

    เรียกว่า "นิพพาน"



    เห็น "พุทธทฤษฎี" แล้ว

    หาค้นอ่านเพิ่มเติมได้ จากหนังสือธรรมะรอบๆ ตัวของท่าน

    มีแทรกซ้อนพูดถึงอยู่แทบทุกเล่ม

    รวมทั้งในพระไตรปิฎกทั้งหมด ไม่แปลก และเป็นความจริง

    อย่าลืมเอาฮินดูออกให้หมดเสียก่อนล่ะ..!!!



    <LI>
    ทำไมฝรั่งจึงไม่เข้าใจ ปรัชญาของพระพุทธเจ้า และชาวพุทธคิดว่าพุทธ ไม่ใช่ปรัชญา?


    <LI>
    ดวงจิตที่แท้นั้นเป็นเช่นไร เกี่ยวข้องกับอัตตาอย่างไร.?



    <LI>
    กิเลสนั้น มันจับมาเผาได้จริงหรือ.?



    <LI>
    พระพุทธเจ้ายืนยันว่า ฮินดู พราหมณ์ และโยคี คือ เดียรฉานวิชชา.?



    <LI>
    ทำไมอภินิหารและชาดก จึงมีมากมายในพระไตรปิฎก ?



    <LI>
    เกิด แก่ เจ็บ ตาย แบบไม่มีความทุกข์ มีจริงหรือพระพุทธเจ้าโกหก.?



    <LI>
    นรก สวรรค์ จากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้ามีสักครั้งไหม..?



    <LI>
    คุณรู้ไหมว่าพระเวสสัดรชาดกนั้น เมดอินไทยแลนด์ คนไทยแต่งเองด้วย



    <LI>
    กฏแห่งกรรมของพระพุทธเจ้า กับ หนังทีวี เจ้ากรรมนายเวรนั้น..มันคนละเรื่อง?


    ผมมีความรู้เกี่ยวกับศาสนาพุทธเพียงแค่นี้เองครับ



    <LI>
    แต่มันทำให้ชีวิตผมมีความสุขนะ



    <LI>
    แล้วพวกคุณล่ะ กำลังพูดถึงเรื่องอะไร?



    <LI>
    มันทำให้ชีวิตพวกคุณมีความสุขหรือเปล่า?



    <LI>
    ถ้ามีผมก็ดีใจด้วย?



    <LI>
    แต่ถ้าไม่ผมแนะนำให้ลองกับไปอ่านบทความนี้ใหม่ซัก 2-3รอบนะครับ
     
  13. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,295
    ค่าพลัง:
    +2,719
    มันส์... กันหละทีนี้

    ผมจะยืนรออยู่ตรงนี้ :cool:
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ความรู้เรื่องยุค"สามร่มโพธิ์ศรี"

    (จากนักปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้)

    ถึงคุณ เกษม เรื่อง "สามร่มโพธิ์ศรี" นั้นที่จริงคือเรื่องของพระจักรพรรดิ์ ที่พระศรีฯ จะลงมายกยอพระศาสนา ที่พระศรีฯท่านมาเป็นพระยาธรรมิกราช ปกครองโลก พระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งทำหน้าที่เป็นคล้ายพระสังฆราชของโลก และพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งทำหน้าที่คล้ายนายกของโลก โดยมีเหล่า อัญญาสิทธิ์ และ อัญญาธรรม ซึ่งเป็นผู้ที่ลงมาทำหน้าที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปฎิบัติรอพระจักรพรรดิ์ กันทั้งนั้นและมักอยู่ในที่ลี้ลับ แต่ถ้าปฏิบัติจิตถึงก็สื่อกันได้

    รายละเอียดเรื่องสามร่มโพธิ์ศรี ผมกำลังรวบรวมจากคนในคณะหลายๆคน เพราะฟังมา ต่างวาระกัน แล้วจะนำมาเล่าสู่กันฟังทีหลังครับ

    ที่สำคัญก็คือกาลของยุคพระจักรพรรดิ์ ใกล้เข้ามามากแล้ว ครูบาอาจารย์ ท่านมาบอกบ่อยๆให้เร่งปฏิบัติกัน พระศรีฯใกล้จะลงมาทำหน้าที่พระจักรพรรดิ์ แล้ว คำว่า "ใกล้" นี้ ในโลกภายในนั้นหากเป็น 5-10 ปีมนุษย์นั้น ถือว่าน้อยมาก

    ที่ผมกำลังกังวลก็คือ กาลของพระจักรพรรดิ์ จะมาเร็วกว่าที่คิดมาก ครูบาอาจารย์ท่านสั่งให้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง ผมยังทำไม่เสร็จอีกมาก ครูบาอาจารย์ท่านบอกไว้ว่าเมื่อกาลของพระจักรพรรดิ์ใกล้เข้ามา หายนะจะเกิดขึ้นกับโลก เทวดาเขาจะทำฤทธิ์ โลกจะปั่นป่วนเท่าที่จำได้ ท่านบอกว่า "ประเทศอเมริกาจะเป็นเกาะเป็นแก่ง" ยุโรปต่อไปก็จะหายนะอยู่ไม่ได้ ต้องมาพึ่งแผ่นดินไทย (ต่อไป ไทยกับลาวจะกลับมารวมกัน) ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น หายไป ฯลฯ และประเทศไทยจะดีได้ ก็ต่อเมื่อ "เกิดเหตุใหญ่" เสียก่อน การเมืองไทยคนจะฆ่ากันตายเป็นเบือ แต่ที่เป็นอยู่ทางภาคใต้ตอนนี้คิดว่ายังไม่ใช่เหตุการณ์ที่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้ เคยถามท่านว่า "ไม่ให้เกิดไม่ได้หรือ" ท่านว่า "ปู่ยีเว่าไว้แล้ว ปานพระเจ้าเว่า เปลี่ยนแปลงไม่ได้"

    หากใครสังเกตดีๆ ลมพายุนั้นคล้ายจักรหมุน หากใครเคยขี่จักรภายในจะเข้าใจว่าเป็นยังไง เท่าที่เห็นตอนนี้คือภายใน ปราบภายใน ก็ล้นออกมาภายนอก ใครมีกรรม เป็นเชื้อสายของพวกที่เขาปราบภายในก็จะได้รับผลกระทบ ถ้าจะไล่ลำดับ ก็ต้องไปตั้งต้นศึกษาระบบจิตวิญญาณที่หมุนเวียนอยู่บนโลกตั้งแต่ยุครามเกียรติ์แหละ

    เอาเป็นว่าพวกอิสลามคือเชื้อยักษ์พวกนึง ฝรั่งก็เชื้อยักษ์อีกพวกนึง ทางเอเชียก็เป็นพวกเทวดา นาค ฯลฯ รวมทั้งลูกผสมเชื้อยักษ์ก็มีเช่นกัน ศาสตร์วิชาการที่มนุษย์ใช้อยู่บนโลกปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นวิชาของพวกเชื้อยักษ์เป็นคนคิด (ยิวกับยักษ์ เป็นภาษาลัญญลักษณ์) สุดท้ายศาสตร์วิชาการที่มนุษย์เอามาใช้ก็จะทำลายเบียดเบียนมนุษย์กันเอง<!-- / message -->
     
  15. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,295
    ค่าพลัง:
    +2,719
    ขออนุโมทนาด้วยนะครับ

    ตั้งใจ จริงจัง ฝึกตน ปล่อยวาง [b-wai]
     
  16. bundit_tong

    bundit_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +613
    [b-wai]
    ได้อ่านมาเนี่ยรู้สึกดีที่มีคนสนใจในสิ่งนี่ แต่อยากจะบอกกับทุกๆคนว่าทุกคนเป็นคนดี ทางสายกลางมั่นดูจิตพิจารณตน แล้วดูธรรมชาติที่เกิดขึ้น จริงอย่างที่คุณเกษมพูดนั้นและ ขอบอกว่าอีกไม่ ถึง10 ปีนี่ รอเถอะเกิดแน่สิ่งต่างที่คิดกัน คนที่มีจิตที่มั่นคงเท่านั้นที่จะเข้าใจทุกอย่าง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    ท่านบอกแล้วว่ามั่นทำซะความดี พูดง่ายอีกไม่ถึง 10 ปีเนี่ยคนดีจะอยู่ คนชั่วจะตายหายจากไป ขอให้ทุกคนจงมีสติคิดและพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันว่ามันเกิดแล้วดับไป ธรรมะ คือ ธรรมชาติ และขอให้เวบนี่อยู่ไปนานๆๆผมดีใจที่จริงที่ได้อ่านมันช่วยให้ผมได้รู้แล้วพิจารณาสสิ่งที่เกิดได้เป็นอย่างดี อนุโมทนาบุญกับทุกคนครับ
     
  17. songkranm005

    songkranm005 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +46
    เวลาแห่งการเปลี่ยนยุค ใกล้มาถึงแล้ว
     
  18. เจ้าโก้

    เจ้าโก้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,221
    ค่าพลัง:
    +939
    คุณพลังธรรมครับ ผมเห็นด้วย

    คนเราก็มีแค่นั้นจริงๆ

    ไม่มีใครที่จะยอมกินข้าวเปล่า ทั้งที่กับข้าวมากมายอยู่ตรงหน้า

    ผมกำลังหัดกินกับให้น้อยลง
     
  19. kittham

    kittham สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +9
    ถือเป็นนิมิตรที่ดีสำหรับมนุษย์โลก แต่เรื่องราวของพระศรีอริยะเมตไตรผมได้ยินมานานแล้วครับ ตั้งแต่ปี 2000 เรื่องราวก็แตกต่างกันไปแล้วแต่ละสำนักว่าที่ใด แต่ชั่วโมงนี้ผมว่าทุกคนควรช่วยตัวเองกันมากๆดีกว่าโดยการไม่เบียดเบียนกัน มั่นสร้างบุญ ทำทานกันมากๆดีกว่า เพราะตอนนี้ภัยพิบัติมากมายทั่วโลกคนฆ่ากันทุกวัน ไม่รู้เมื่อไหร่จะเป็นเรา ทำให้ตัวเราเป็นองค์พระองค์พระคือตัวเรา การกระทำของคนบอกนิสัยของคน
    โชคดีทุกๆท่านครับ
     
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    อ่านจบแล้ว..ขออนุโมทนาครับ
    เนื้อหามาในทิศทางเดียวกัน...ขอบคุณ คุณเกษมด้วยครับ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...