ข่าวสาร วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี โดยเพจมูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

วันอังคารที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ช่วงเช้า ญาติโยมมาทำบุญใส่บาตร ที่มหาวิหาร ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน คณะกองทุนถวายภัตตาหารเช้า ใต้ถุนห้องพัก มหารวิหาร คณะบายศรี จัดเตรียมโต๊ะบายศรีบวงสรวงด้านหน้าเวทีพระประธานฝั่งรูปหลวงพ่อพระราชพรหมยาน บางท่านเขียนชื่อใส่โลงสะเดาะเคราะห์ วันวิสาขะนี้ ร้านค้าด้านประตู ๑ และ ๓ จำหน่าย พานไหว้ครูเครื่อง๕ และ เครื่องใช้สำหรับพิธีสะเดาะเคราะห์ ๑๐๘
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

เวียนเทียน วันวิสาขบูชา
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

จากกรรมฐาน ๔๐ หน้า ๑๘๕



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

เมื่อคืนวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๑ เมื่อเวลา ๒๐.๐๐ น. ท่านพระครูสมุห์ละออง นำกระทงสะเดาะเคราะห์ ไปทำพิธีลอยที่แม่น้ำสะแกกรัง ตามพิธีกรรมของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ภาพวีดีโอโดย คุณสุพัฒน์

ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

กำหนดการเดินทาง/งานวัดท่าซุง เดือนมิถุนายน

วันที่ ๑ – ๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๑ เดินทางไปสอนกรรมฐานรับสังฆทาน บ้านดอนเมือง บ้านสายลม กทม.

วันที่ ๘ – ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๑ เดินทางไปสอนกรรมฐานรับสังฆทาน ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ศิษย์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง (โคราช) จ.นครราชสีมา



วัดจันทาราม (ท่าซุง) – รายงานข่าว..กำหนดการเดินทาง / งานวัดท่าซุง ประจำเดือน “มิถุนายน” ปี 2561

ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันศุกร์ที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๑ ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์ พร้อมด้วยพระสงฆ์ ๒ รูป เดินทางมาสอนกรรมฐาน รับสังฆทาน บ้านสายลม กทม อยู่ถึงวันที่ ๔ มิถุนายน และวันที่ ๕ เดินทางกลับวัด














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๒ มิ.ย ๖๑ ความคืบหน้างานปรับปรุงลาน25ไร่














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันเสาร์ที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๑ เวลา ๐๘.๕๕ น.ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ลงรับสังฆทาน บ้านสายลม กทม.
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันเสาร์ที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๑ เวลา ๑๗.๐๐ น พระสงฆ์วัดท่าซุง พระอาคันตุกะ พร้อมด้วยญาติโยม ร่วมกันทำวัตรเย็นและเจริญพระกรรมฐาน ภายในมหาวิหาร ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันเสาร์ที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๑ ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ลงรับสังฆทาน ช่วงค่ำ เวลา ๑๙.๐๐ น. คุณปรีชาเปิดวีดีทัศน์ คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน จากนั้นนั่งกรรมฐาน เมื่อสัญญาณหมดเวลา ดร.ปริญญา นุตาลัย นำกล่าวถวายสังฆทาน
ญาติโยมถวายสังฆทาน เมื่อใกล้ถึงเวลา ๒๑.๐๐ น. สวดมนต์ทำนองสรภัญญะ เสร็จแล้วนำอุทิศส่วนกุศล ท่านเจ้าอาวาส ให้พร ยะทาฯ ดร. นำกล่าวพระ ท่านเจ้าอาวาส เข้าห้องพัก
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๒ มิ.ย.๖๑ สอนกรรมฐานที่บ้านสายลมวันเสาร์
ช่วงเช้าเวลาประมาณ๙.๓๐น ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธเจ้าอาวาส ลงรับสังฆทานเจริญศรัทธาญาติโยมที่มารอทำบุญกันเป็นจำนวนมาก จนถึงเวลา๑๑.๐๐น. พระสงฆ์พักฉันเพล ต่อมาเวลา๑๒.๓๐น เริ่มสอนกรรมฐานมโนมยิทธิ วันนี้มีผู้รับการฝึกมโนมยิทธิเบื้องต้น ๙๔คน ไปนิพพานได้ ๗๔คนไม่ได้ ๑๘คน ฝึกกรรมฐานโดยสรุปโดยท่านพระครูภาวนาธารมนิเทศก์ ๑๓๗คน ฝึกญาณแปด ๑๒๖คน จากนั้นมีการถวายสังฆทานกันตามอัธยาสัยจนถึงเวลา๑๕.๓๐น. ท่านพระครูปลัดฯจึงขึ้นพัก
ก่อนเวลา ๑๙.๐๐น เล็กน้อยท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธเจ้าอาวาส ลงรับสังฆทาน จากญาติโยมพุทธบริษัทจนได้เวลา ๑๙.๐๐น เปิดเสียงคำสอนกรรมฐานจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วันนี้ท่านสอนเรื่ององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนจะอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณนั้น ท่านใช้อานาปานุสติกรรมฐานจนบรรลุสัมมาโพธิญาณ เช่นเดียวกับญาติโยมพุทธบริษัท ถ้าเจริญสมาธิกรรมฐานไปเรื่อยๆจะค่อยเกิดปัญญาเห็นทุกข์ ตัดกิเลสได้ ว่าเกิดมามีแต่ความทุกข์ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นก่อนนอนให้คิดว่าเราเกิดมาต้องตายทุกคน อย่ายึดติดในร่างกาย ให้จิตจับไว้ที่นิพพานจุดเดียว หลังจากนั้นนั่งสมาธิประมาณ ๒๐นาที เสร็จแล้วดร.ปริญญานำอุทิศส่วนกุศลและกล่าวคำถวายสังฆทานพร้อมกัน
ญาติโยมเข้าทำบุญและถวายสังฆทานกันจนถึงเวลา๒๑.๐๐น เริ่มสวดอิติปิโสทำนองสรภัญญะและคาถาเงินล้าน จบแล้ว พระให้พร จากนั้นท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธขึ้นพักผ่อน














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๓ มิ.ย.๖๑ สอนกรรมฐานที่บ้านสายลมวันอาทิตย์
ช่วงเช้าเวลาประมาณ๙.๓๐น ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธเจ้าอาวาส ลงรับสังฆทานเจริญศรัทธาญาติโยมพุทธบริษัทที่มารอทำบุญกันเช่นเคย จนถึงเวลา๑๑.๐๐น พระสงฆ์พักฉันเพล เวลา๑๒.๓๐น เริ่มฝึกกรรมฐานมโนมยิทธิ วันนี้มีผู้ฝึกเบื้องต้น ๑๑๒คนไปนิพพานได้ ๙๓คน ฝึกกรรมฐานสรุปโดยท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์ ๒๐๐คน ฝึกญาณแปด ๑๓๓คน จากนั้นสาธุชนทำบุญกันต่อเนื่องจนถึงเวลา๑๕.๓๐น ท่านพระครูปลัดฯจึงขึ้นพัก
ต่อมาเวลาก่อน๑๙.๐๐น เล็กน้อย ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ ลงเจริญศรัทธาญาติโยมพุทธบริษัทอีกครั้งในรอบค่ำ รับสังฆทานจนถึงเวลาเปิดคำสอนกรรมฐานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วันนี้ท่านสอนเรื่องพระโสดาบัน ต้องตัดสักกายทิฐิ เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา นึกถึงพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ด้วยความเคารพ มีศีลห้าบริสุทธิ์ และคิดว่าเราเกิดมาต้องตายทุกคน ให้ตั้งอารมณ์ไว้อย่างนี้ตั้งแต่ตื่นจนหลับ และภาวนาว่านิพพานัง ปรมัง สุขขัง เมื่อเวลาเจ็บป่วย ร่างกายมีทุกขเวทนา แต่จิตจะรวมตัวกันไม่ห่วงร่างกาย ไปนิพพานได้ในที่สุด
หลังจากจบเทศนาแล้ว เจริญสมาธิประมาณ๒๐นาที เสร็จแล้วอุทิศส่วนกุศลพร้อมกันพร้อมทั้งกล่าวคำถวายสังฆทาน จากนั้นสาธุชนเข้าถวายสังฆทานและทำบุญกันจนถึงเวลา ๒๑.๐๐น เริ่มสวดอิติปิโสทำนองสรภัญญะ ต่อด้วยคาถาเงินล้าน จบแล้ว พระสงฆ์ให้พร เสร็จเรียบร้
อยท่านพระครูปลัดฯ จึงขึ้นพักผ่อน














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

พระครูภาวนาธรรมนิเทศก์ แนะนำก่อนฝึกสรุปญาณ ๘ และท่องเที่ยว ฝากถึงผู้ฝึกมโนมยิทธิทุกๆท่าน ก่อนเดินทางกลับประเทศเยอรมัน ในวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๑นี้
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันอาทิตย์ที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๑ เวลา ๐๙.๐๐ น. ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ลงรับสังฆทาน
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันอาทิตย์ที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๑ เวลา ๑๒.๑๐ น. ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ลงรับสังฆทาน เมื่อถึงเวลา ๑๒.๓๐ น. คุณปรีชา เปิดวีดีทัศน์ คำแนะนำก่อนฝึกกรรมฐาน วิชามโนมยิทธิ (ครึ่งกำลัง) เมื่อจบแล้ว ผู้เข้าห้องฝึก ทำกรรมฐานกันต่อ ส่วนด้านล่างญาติโยมถวายสังฆทานกันต่อเนื่อง
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันจันทร์ที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๑ บ่ายวันนี้ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ลงรับสังฆทาน ที่บ้านสายลม จนถึงเวลา ๑๕.๓๐ น. จึงขึ้นห้องพัก
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันที่ ๔ มิย.๖๑ สอนกรรมฐานที่บ้านซอยสายลมวันสุดท้าย
หลังจากเลิกกรรมฐานช่วงกลางคืนแล้ว คณะรวมใจภักดิ์นำโดยอ.วิชชุ ได้ช่วยกันทำความสะอาด จัดเก็บสิ่งของในบ้านสายลมให้เข้าที่เรียบร้อย เตรียมเก็บของที่จะนำกลับวัดและช่วยกันดูดฝุ่นพื้นพรมในบ้าน ล้างห้องน้ำจนแล้วเสร็จจึงกลับ ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันพุธที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๑ วันนี้เวลา ๐๙.๓๐ น. ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง โดยกราบนิมนต์ท่านพระครูสังฆรักษ์สุรจิต สุรจิตโต ลองเจ้าอาวาสเป็นประธานจุดธูปเทียนบนโต๊ะบวงสรวง ที่ตั้งหน้าองค์ท่านท้าวเวหน เพื่อขอพร พระพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ มีสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อดีตท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุง ท้าวมหาราชทั้งสี่ เทพพรหมเทวดาที่ปกปักรักษาพระศาสนา ฯ จากนั้นท่านเจ้าอาวาส นำสวด อิติปิโสฯ ๑ จบ นั่งกรรมฐาน ๕ นาที นำอุทิศส่วนกุศลฯ ท่านเจ้าอาวาสพรมน้ำมนต์ แก่ญาติโยมที่มารวมงาน เสร็จแล้วนำกราบพระพร้อมกัน เป็นเสร็จพิธี
ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันนี้วันพระตรงกับวันพุธ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ ปีจอ

ขอให้ทุกท่านมีความสุขในธรรม

พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่า
ถ้ามีบารมีแก่กล้าละก็จะได้มรรคผล กล่าวคือถึงพระนิพพานเป็นอรหันต์ได้ภายใน ๗ วัน
ถ้ามีบารมีอย่างกลาง หมายถึงว่าขี้เกียจนิดหน่อย ขี้เกียจไม่มาก ก็จะได้สำเร็จอรหันต์ภายใจ ๗ เดือน
ถ้าขี้เกียจมากไปนิด หมายความว่าถ้ามีบารมีอย่างตํ่า
ไอ้คำว่า “บารมี” นี่น่ะตัวขยันหรือตัวขี้เกียจนั่นเอง และก็มีกำลังใจเต็มหรือไม่เต็ม มีกำลังใจเข้มแข็งหรือไม่
ที่มีกำลังใจเข็มแข็งก็คือคนขยัน
คนที่มีกำลังใจอ่อนไปหน่อยก็คือคนขี้เกียจ ว่าภาษาไทยกันมันฟังชัด
ไม่อย่างนั้นแปลคำว่า “บารมี”
บารมีนี่นึกว่าหาได้ยาก ไม่ใช่
มันเป็นความขยันหรือความขี้เกียจ
ตัดสินใจตรงหรือไม่ตรง
ทำถูกหรือไม่ถูก
แล้วทำเฉพาะความดีหรือเปล่า
ทำพอเหมาะพอดีหรือไม่
ถ้าทำเกินพอดีก็โง่
ถ้าหากว่าทำไม่ถึงดีก็โง่
ต้องเอากันแค่พอดี
ไอ้ตัวโง่ก็คือ อวิชชา

อวิชชา
คำว่า “อวิชชา” นี้ไม่ใช่แปลว่าไม่รู้
รู้เหมือนกันแต่รู้ไม่ค่อยจะตรง
รู้ไม่ค่อยจะหมด รู้ไม่ครบถ้วน
เอาละ ว่ากันต่อไปถึง ทิพจักขุญาณ
นี่ถ้าหากว่าจะดูกันให้แจ่มใสจริงๆ รู้กันให้แจ่มใสจริงๆ ก็ต้องทำจิตของเราเข้าสู่อารมณ์วิปัสสนาญาณ
แล้วอารมณ์วิปัสสนาญาณนี้ ต้องว่ากันให้ตรงจริงๆ นะ อย่าปัสฯ ส่งเดช ถ้าปัสฯส่งเดชไม่มีผล ถ้าเราได้ ทิพจักขุญาณ เสียแล้ว การปัสฯ ส่งเดชไม่มีผล
นี่สำหรับคนดีนะ แต่คนที่เหลิงแล้วก็ใช้อะไรไม่ได้เหมือนกัน
บางทีพอได้ ทิพจักขุญาณ แล้วก็เหลิง นึกว่าตัวเป็นผู้วิเศษ ความจริงยังไม่พ้นนรก
ถ้าเหลิงเสียหน่อยเดียวฌานโลกีย์มันก็จะเสื่อม ทิพจักขุญาณ มันก็จะสูญ

ต้องระวังอุปาทาน
ทีนี้ก็เหลือแต่ อุปาทาน
พวกเหลือแต่ อุปาทาน หรือพวกที่ได้ ทิพจักขุญาณ ใหม่ๆ จะมี อุปาทาน กันมาก จะพูดยกตัวอย่างให้ฟัง
เช่นไปเห็นรูป พระพิฆเนศ สมัยหนึ่งพวกพราหมณ์เขาสมมติขึ้นเป็นเทวดาหัวช้าง ประวัติเป็นมายังไงจะไม่นำมาเล่าให้ฟัง เพราะเปลืองเวลา ก็เลยนั่งไปแล้วนั่งหลับตาใช้ ทิพจักขุญาณ เป็นบาท
เห็นเทวดาองค์นี้หัวเป็นช้าง นี่ยังงี้ก็มี เห็นเทวดาไม่ใส่เสื้อเสียบ้างก็มี
อะไรอย่างนี้เป็นต้น
เห็น พระจุฬามณี เป็นอิฐเป็นปูนหรือเป็นทองคำ อย่างนี้ยังใช้ไม่ได้นะ เขาไม่ใช้กันเลยนะ เป็นอารมณ์จิตที่เลวมาก เรียกว่าเลวจนใช้ไม่ได้
ถ้าจะเป็นการตรวจคะแนนในสนามหลวง จะให้สักกี่ร้อยศูนย์ก็ยังไม่พอกับความเลว
ทีนี้ความจริงมันก็ดีบ้างแล้วเหมือนกัน
แต่ดีไม่ถึงดี ถ้าไปเทียบกับระบบของความดีเข้าก็เลวมาก เพราะฟั่นเฝือเห็นไม่ตรงกับความเป็นจริง ถ้าหากว่าเห็นได้ขนาดนี้ละก็ จงอย่าคิดว่ามันดี แต่การเห็นขนาดนี้ก็รู้ของผิวๆ ได้เหมือนกัน คือรู้ว่าที่นี่มีผีไหม ที่นี่มีเทวดาไหม ที่นี่มีอะไรสำคัญไหม ของตํ่าๆ อย่างนี้รู้ได้ แต่บางครั้งก็รู้เฝือเหมือนกัน รู้ผิดเพราะอุปาทาน เห็น
อุปาทาน นี้ก็ได้แก่ความยึดมั่น แปลง่ายๆ ว่า ความชั่วของจิต นั่นเอง ไม่ต้องแปลตามตัว ตีความหมายตามภาษาไทย เรียกว่า “ความชั่วของจิต” ยึดถืออารมณ์ หมายความว่ายึดถือสัญญาเดิมความจำไว้มากเกินไป ไม่ใช้ปัญญาเป็นเครื่องพิจารณา อย่างนี้จิตยังชั่วมาก
สำหรับนักปฏิบัติ พระคุณเจ้าที่เคารพ อย่าทำตามนั้นนะขอรับ แม้แต่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทก็เหมือนกัน
ทั้งนี้เพราะอะไร
นักเจริญพระกรรมฐานจะเป็น มหาสติปัฏฐานสูตร หรืออะไรก็ตาม พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า “พระ” คือ พระโยควจร
ชาวบ้านเขาก็เพ่งไปในแง่ของความดี เพราะถือว่าเป็นผู้มีจิตบริสุทธิ์ แต่ถ้าจิตของเราบริสุทธิ์ไม่ดีพอแล้ว เอาของเลอะเทอะไปมอบหมายให้แก่ชาวบ้าน เราพูดอะไรกับเขา เขายอมรับฟัง เขายอมเชื่อ ถ้ามันไม่ตรงกับความเป็นจริงแล้ว เราก็เป็นบาป
ปาโป แปลว่า ความชั่ว
จิตเราชั่วแล้วเราก็มอบเมรุประเคนขาด คือยกเอาชั่วให้เป็นสมบัติของคนอื่นอีก
อันนี้ไม่ดีนะขอรับ พระคุณเจ้าและบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทจงระมัดระวังให้มาก อย่าให้เป็นอย่างนั้น ถ้าจิตมันเป็นอย่างนี้อยู่ พยายามเข้าฌาน ๔ ให้มาก ทรงฌาน ๔ ให้มาก
เมื่อถอยหลังออกมาจากฌาน ๔ แล้ว ก็เข้าเจริญวิปัสสนาญาณ ชำระจิตให้ผ่องใส
เมื่อจิตมันจะเฝือไป ก็เข้าฌาน ๔ ใหม่สลับกันไปสลับกันมาอย่างนี้นะขอรับ จนกว่าสภาพจิตจะแจ่มใส
เมื่อจิตแจ่มใสดีแล้วก็คุมสภาวะไว้
รักษาศีลให้บริสุทธิ์
อย่ายุ่งกับเรื่องของชาวบ้าน
ระงับนิวรณ์ ๕ ประการ
อย่าให้กวนใจ
จิตทรงพรหมวิหาร ๔ เข้าไว้
อย่างนี้ไม่ช้านานเท่าไรก็จะถึงความดี

โพสต์โดย achaya



ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันพุธที่ ๖ มิ.ย. ๖๑ วันนี้เวลา ๐๙.๓๐ น. ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุงได้ทำพิธีบวงสรวงที่ศาลาท่านท้าวเวหน โดยได้กราบนิมนต์ท่านพระครูสังฆรักษ์สุรจิต สุรจิตโต รองเจ้าอาวาสเป็นประธานจุดธูปเทียนบนโต๊ะบวงสรวง ที่ตั้งหน้าองค์ท่านท้าวเวหน เพื่อขอพร พระพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ มีสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อดีตท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุง ท้าวมหาราชทั้งสี่ เทพพรหมเทวดาที่ปกปักรักษาพระศาสนา ฯ จากนั้นท่านเจ้าอาวาส นำสวด อิติปิโสฯ ๑ จบ นั่งกรรมฐาน ๕ นาที และนำอุทิศส่วนกุศลฯ ต่อจากนั้นได้พรมน้ำมนต์ แก่ญาติโยมที่มารวมในงานนี้ เสร็จแล้วนำกราบพระพร้อมกัน เป็นเสร็จพิธี

ขอขอบคุณช่างภาพจากธัมมวิโมกข์














ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร