ข่าวสาร วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี โดยเพจมูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ, 19 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  2. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  3. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันที่ 18 ธันวาคม 2561
    พระปลัดสำเภา เป็นผู้แทน พระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) หัวหน้าฝ่ายงานสาธารณะสงเคราะห์ (ฝ่ายที่ 6 ) กิจการคณะสงฆ์ จังหวัดอุทัยธานี
    มอบปัจจัย ,ข้าวสาร ,กล้วยน้ำหว้า ให้แก่โครงการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
    ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมพุทธมณฑล จังหวัดอุทัยธานี มีพระภิกษุสงฆ์ และพระนิสิต มจร. ทั้งหมด 250 รูป
    โดยมี ท่านพระครูอุทิศธรรมพินัย เจ้าคณะอำเภอหนองฉาง เป็นผู้รับมอบ

    -18-ธันวาคม-2561.jpg
    -18-ธันวาคม-2561.jpg
    -18-ธันวาคม-2561.jpg
    -18-ธันวาคม-2561.jpg
    -18-ธันวาคม-2561.jpg
    -18-ธันวาคม-2561.jpg
    -18-ธันวาคม-2561.jpg
    -18-ธันวาคม-2561.jpg
    -18-ธันวาคม-2561.jpg
    -18-ธันวาคม-2561.jpg
    -18-ธันวาคม-2561.jpg
    -18-ธันวาคม-2561.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  4. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๑
    งานบวชพราหมณ์ถือกรรมบถ ๑๐ ครั้งที่ ๙ ณ.สำนักปฏิบัติธรรมป้ายุพา จ.ระยอง
    เวลาประมาณ ๑๐.๒๐ น. ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ ท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุง พร้อมด้วยคณะสงฆ์และครูฝึก ได้เดินทางมาถึงสำนักปฏิบัติธรรมป้ายุพา จ.ระยอง โดยมีป้ายุพาและคณะคอยให้การต้อนรับ และร่วมกันถวายภัตตาหารเพล และหลังจากที่คณะพระสงฆ์ฉันเพลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพระครูปลัดสมนึก ลงรับสังฆทานจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันนี้ เป็นเวลาพอสมควร ท่านจึงเข้าพัก

    ขอแจ้งประชาสัมพันธ์สำหรับผู้ที่ต้องการมาฝึกมโนมยิทธิในช่วงงาน จะมีฝึกในวันเสาร์นี้๒รอบ(รอบเช้าและรอบเย็น)และวันอาทิตย์นี้๑รอบ(รอบเช้า๑รอบ) เวลาตามตารางกำหนดการครับ

    และสำหรับผู้ที่ประสงค์เข้าปฏิบัติธรรมถือกรรมบถ๑๐แบบปิดวาจา สามารถมาลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

    ตารางกำหนดการ ดังนี้
    วันศุกร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๑
    เวลา ๑๗.๐๐น.ทำวัตรเย็นและเจริญพระกรรมฐาน(ฟังเทปธรรมะและนั่งสมาธิ20นาที)
    เวลา ๑๘.๓๐น.ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง กล่าวเปิดงานและปฐมนิเทศ หลังจากนั้นผู้เข้าถือบวชสมาทานศีล8 และอธิษฐานปิดวาจา
    เวลา ๒๑.๐๐ น. เสียงธรรมตามสาย

    วันเสาร์ที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๑
    เวลา ๐๔.๐๐ น.เสียงธรรมตามสาย
    เวลา ๐๕.๐๐ น.ทำวัตรเช้าและเจริญพระกรรมฐาน( ฟังเทปธรรมะและนั่งสมาธิ๒๐นาที )
    เวลา ๐๗.๐๐ น.ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์
    เวลา ๐๘.๐๐ น.ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ ทำพิธีบวงสรวง หลังจากนั้นทำพิธีไหว้ครู
    เวลา ๑๑.๐๐ น.ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์
    เวลา ๑๒.๐๐น.เจริญพระกรรมฐาน( มโนมยิทธิ )
    เวลา ๑๗.๓๐น. ทำวัตรเย็นและเจริญพระกรรมฐาน(มโนมยิทธิ)
    เวลา ๒๑.๐๐ น.เสียงธรรมตามสาย

    วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๑
    เวลา ๐๔.๐๐ น. เสียงธรรมตามสาย
    เวลา ๐๕.๐๐ น. ทำวัตรเช้าและเจริญพระกรรมฐาน( ฟังเทปธรรมะและนั่งสมาธิ๒๐นาที )
    เวลา ๐๗.๐๐ น.ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์
    เวลา ๐๙.๐๐น.เจริญพระกรรมฐาน( มโนมยิทธิ )
    เวลา ๑๐.๓๐น.ทำพิธีลา ศีล ๘
    เวลา ๑๑.๐๐น.ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ หลังจากนั้นเก็บสัมภาระทำความสะอาดสถานที่ และเดินทางกลับ

    สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
    เบอร์โทร ‭๐๘๙-๙๓๕๒๑๘๘‬

    -๒๐-ธันวาค.jpg
    -๒๐-ธันวาค.jpg
    -๒๐-ธันวาค.jpg
    -๒๐-ธันวาค.jpg
    -๒๐-ธันวาค.jpg
    -๒๐-ธันวาค.jpg
    -๒๐-ธันวาค.jpg
    -๒๐-ธันวาค.jpg
    -๒๐-ธันวาค.jpg
    -๒๐-ธันวาค.jpg
    -๒๐-ธันวาค.jpg
    -๒๐-ธันวาค.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  5. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันนี้ (20 ธ.ค. 2561) ทางทีมงาน ช่างของขณะคุณอนุพงษ์ ได้เชื่อมต่อระบบโซล่าเซลล์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคาร 25 ไร่ ในชุดแรกเพื่อผลิตไฟฟ้าให้กับทางวัด โดยระบบชุดนี้ได้ทำการป้อนไฟฟ้าให้กับวัดในส่วนบริเวณวิหารแก้ว 100 เมตร ,อาคาร 25 ไร่ และบริเวณ ศาลา 3 ซึ่งมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่สูงที่สุด ตกเดือนละหลายแสนบาทต่อเดือนแต่เมื่อระบบติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ชุดนี้ทำงานก็จะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าให้กับทางวัดได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 55,000 บาท เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 25 ปี หรือคิดเป็นมูลค่าเงินไม่น้อยกว่า 16.5 ล้านบาท

    ทางวัดขอโมทนากับคณะ และญาติโยมที่ร่วมทำบุญ ในครั้งนี้ด้วย

    -20-ธ-ค-2561-ทางทีมงาน-ช่า.jpg
    -20-ธ-ค-2561-ทางทีมงาน-ช่า.jpg
    -20-ธ-ค-2561-ทางทีมงาน-ช่า.jpg
    -20-ธ-ค-2561-ทางทีมงาน-ช่า.jpg
    -20-ธ-ค-2561-ทางทีมงาน-ช่า.jpg
    -20-ธ-ค-2561-ทางทีมงาน-ช่า.jpg
    -20-ธ-ค-2561-ทางทีมงาน-ช่า.jpg
    -20-ธ-ค-2561-ทางทีมงาน-ช่า.jpg
    -20-ธ-ค-2561-ทางทีมงาน-ช่า.jpg
    -20-ธ-ค-2561-ทางทีมงาน-ช่า.jpg
    -20-ธ-ค-2561-ทางทีมงาน-ช่า.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  6. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๑ งานพิธีปฏิบัติธรรมปิดวาจา ครั้งที่ ๙ ณ.สำนักปฏิบัติธรรมป้ายุพา จ.ระยอง
    ช่วงเช้า และเพล ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์
    วันนี้ มีการฝึกมโนมยิทธิฯแบบครึ่งกำลัง โดย วงฝึกหน้าพระประธาน นำโดยท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศน์ ผู้ฝึกญาณ ๘ นำฝึกโดยคุณครูคณิตพร (เปี๊ยก) และฝึกขั้นต้นมีพระครูฝึกนำฝึกตามห้องต่างๆ

    เวลา ๑๗.๐๐ น.ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง นำทำวัตรเย็น เจริญพระกรรมฐาน และให้ศีลแก่ผู้เข้าปฏิบัติธรรม และเป็นกล่าวเปิดงานปฐมนิเทศน์กิจกรรม จากนั้น เมื่อถึงเวลา
    ๒๐.๓๐ น.- พระวิทยากรแนะนำการฝึกสมาธิแบบเดินจงกรม และนำผู้ปฏิบัติธรรมเข้าสู่พื้นที่สำหรับ จงกรม
    ๒๑.๐๐ น. – เสียงธรรมตามสาย / เริ่มจงกรม

    -๒๑-ธันวาคม-พ-ศ-๒๕๖๑.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  7. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันนี้วันพระตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีจอ

    ขอให้ทุกท่านมีความสุขในธรรม
    “พรหมวิหาร ๔” มี ๔ อย่าง ท่านบอกไว้ว่า ๔ อย่างนี้เป็นปัจจัยของความสุข ถ้าใครทำได้ถึงที่สุด รักษาอารมณ์ได้ถึงที่สุด ก็ชื่อว่ามีความสุขถึงที่สุด ถึงที่สุดตรงไหน ถึงที่สุดก็คือหมดความทุกข์ไปเลย ขึ้นชื่อว่าอารมณ์ของความทุกข์ไม่มี นี่จะพูดให้ฟัง
    อันดับแรก เอากันเบาๆ ก่อน ขนาดเบาๆ เราทำความรู้สึกไว้เสมอว่าเราจะรักคนอื่นและสัตว์อื่นเสมอด้วยรักตัวเรา นี่แบบเบาๆ ไม่ใช่แบบหนักๆ ลืมตาขึ้นแต่ตอนเช้า จนกว่าจะหลับไปใหม่ ตื่นใหม่ๆ จะตื่นเช้า ตื่นดึก ตื่นสาย อะไรก็ช่าง พอลืมตาจากการตื่นขึ้นมา มีความรู้สึกไว้เสมอว่า “เราจะเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั้งหลายในโลก คนและสัตว์ในโลกนี้ ไม่มีใครเป็นศัตรูสำหรับเรา เรามีความรักตัวเราฉันใด เราก็จะรักบุคคลอื่นเท่านั้นเหมือนกัน”
    เราไม่ต้องการให้ใครมาทำร้ายเรา เราก็ไม่ทำร้ายบุคคลอื่น เราไม่ต้องการให้ใครมาลักมาขโมยทรัพย์สินของเรา เราก็ไม่ลักไม่ขโมยทรัพย์สินของบุคคลอื่น เราไม่ต้องการให้ใครมายื้อแย่งความรักของเรา เราก็ไม่ยื้อแย่งความรักของบุคคลอื่น เราไม่ต้องการให้ใครมาโกหกมดเท็จ พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด ยุยงส่งเสริมให้เขาแตกร้าวกัน ไม่ใช้วาจาสำราก เราก็ทำอย่างนั้นแก่ผู้อื่น เราไม่ต้องการดื่มนํ้าเมาหรือยาเสพติด หรือสิ่งที่ทำลายประสาทให้เกิดความประมาท ให้ประสาทมึนเมาไร้สติสัมปชัญญะ เราก็ไม่ยุให้ชาวบ้านทำอย่างนั้น ใจของเราคิดอย่างนี้แล้วเราก็ทำด้วย เจอะหน้าใครก็ยิ้มตลอดเวลา เห็นหน้าใครก็คิดว่าคนทั้งหมดเขาเป็นมิตรที่ดีสำหรับเรา เขากับเรามีอารมณ์เสมอกัน คือต้องการความรัก เราต้องการความรัก เขาก็ต้องการความรัก
    ฉะนั้น เมื่อเราพบหน้าเขาเราก็แสดงความรักด้วยความจริงใจให้ปรากฏ เมื่ออาการเป็นอย่างนี้ เราเห็นหน้าใครเราก็ยิ้มให้แก่คนทุกคน เห็นแก่คนที่มีวัยสูงกว่า มีคุณวุฒิสูงกว่า มีฐานะสูงกว่า เราก็ใช้ “อปจายนธรรม” ยกมือไหว้ทำความเคารพตามประเพณี อาการอย่างนี้ ท่านลองคิดว่ามันเป็นอาการของความสุขหรืออาการของความทุกข์ พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า
    “วันทโก ปฏิวันทนัง”
    ผู้ไหว้ย่อมได้ไหว้ตอบ
    “ปูชโก ลภเต ปูชัง”
    เราบูชาเขา เขาก็บูชาตอบ
    ถ้าเรายิ้มให้เขา เขายิ้มให้เราหรือไม่ ถ้ามันยิ้มยาก เราก็ยิ้มบ่อยๆ ยิ้มและยิ้มมันเข้าไว้ ในที่สุดมันก็ต้องยิ้ม
    เราก็มานั่งวัดใจของเรา การปฏิบัติธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเอาใจของเราเป็นเครื่องวัดว่าถ้าใครเขาเห็นเราเขายิ้ม เรามีความรู้สึกอย่างไร มันชุ่มชื่นใจ หรือว่าอยากจะฆ่าคนยิ้มเสียให้ตาย ถ้าเขายิ้มด้วยความจริงใจ ยิ้มด้วยความมีเสน่ห์ เราก็แหม..เรียกว่าเกือบกระโดดเข้าไปกอด ไปรัดฟัดเหวี่ยงให้มันสมกับความดีของเขา นี่ความรู้สึกอาตมาเป็นแบบนี้นะ แต่ว่าความรู้สึกของบรรดาท่านทั้งหลายเป็นอย่างไร นี่อาตมาไม่ทราบ ก็ไม่รู้ที่พูดนี่ไม่เกี่ยวกับอารมณ์คนอื่น เกี่ยวกับอารมณ์ของคนพูดอย่างเดียว
    ทีนี้ถ้าหากว่าเรารักเขา เขาไม่รักเรา มันก็แปลก แต่ก็มีเหมือนกันคนบ้าๆ บอๆ ในโลกนี้ก็พอจะหาได้ คนอื่นใดที่เขาสร้างความดีให้ ก็สร้างความชั่ว เช่น พระเทวทัต เป็นต้น แต่ว่าคนประเภทนี้มีน้อย เราอย่าสนใจให้มากนัก เราทำความดีของเรา สร้างเมตตาจิตให้คิดอยู่ในใจ และก็ปฏิบัติในความรักด้วย ช่วยให้เขามีความสุข คนถึงจะเลวแสนเลวอย่างไร ต่อไปมันก็ทนไม่ไหว ทนดีไม่ได้ เมื่อทนดีไม่ได้ ใจเขาก็ต้องมีความรักสักวันหนึ่ง
    แต่เราอย่าหวังผลตอบแทน เราต้องการอย่างเดียว คือสร้างความรู้สึกของใจเราให้เป็นสุข เราถือว่าเรามีความรักในบุคคลอื่นและสัตว์อื่น ไม่ทำอันตรายเขา เรามีความสุขใจ แล้วผลอันนั้นมันจะสะท้อนมาถึงเราเอง
    ประการที่สอง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก กรุณา ความสงสาร รักแล้วไม่พอยังสงสารด้วย หาทางช่วยเหลือตามกำลังปัญญา ตามกำลังทรัพย์ ตามกำลังกายเท่าที่จะมีอยู่ เห็นใครมีทุกข์ช่วยให้มีความสุขยิ่งขึ้น เขาหิวข้าวหิวอาหารมา เราก็ให้ตามมีตามเกิด มีอย่างไรสามารถแค่ไหน ช่วยแค่นั้น เอามาวัดถึงใจเราก็แล้วกัน ถ้าเราได้รับความช่วยเหลือแบบนั้นบ้าง เราจะมีความสุขหรือมีความทุกข์ เราจะรักคนที่ให้เรา หรือว่าเราจะเกลียดคนที่ให้เรา เอาใจเราเป็นเครื่องวัด
    แต่ถ้าไปเจอะเอาคนจัญไรเข้าแล้วก็ช่างเถิด! อย่าถือโทษโกรธเกินไป ถ้าเราแสดงความดีกับเขา เขาไม่แสดงความดีกับเราด้วย อันนี้ก็คิดว่าเขาเป็นเผ่าพันธุ์ของเทวทัตก็แล้วกัน เทวทัตทำกับองค์สมเด็จพระภควันต์มากมาย แต่องค์สมเด็จพระจอมไตรก็ไม่ทรงโกรธทรงมีพระมหากรุณาธิคุณบอกว่า
    “เรารักเทวทัตเท่ากับรักราหุลลูกชายของเรา”
    นี่เราเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็ต้องทำอย่างนั้น เมื่อพระองค์ปฏิบัติมาตามนั้น เราปฏิบัติตามพระองค์ เขาด่าเรายิ้ม เขาว่าเรายิ้ม เขากลั่นแกล้งเรายิ้ม ผลที่สุดคนที่ทำเรา เขาก็จะมีผลเช่นเดียวกับเทวทัต คือมีความเร่าร้อนในปัจจุบัน และเวลาตายจากโลกนี้นั้น ก็มีความเร่าร้อนในนรก
    แต่ว่าเราอย่าไปคิดอย่างนั้น เราคิดอย่างเดียวว่าปลีกใจของเราออกจากความทุกข์ คือตั้งอยู่ใน “พรหมวิหาร ๔” คือ กรุณา และ เมตตา นี่เป็นประการที่สอง
    กรุณาและเมตตาเป็นปัจจัยแห่งการผูกมิตร กรุณา ความสงสาร ให้การเกื้อกูลและสร้างมิตรที่ดี อารมณ์ยิ้มคือเป็นคนใจดี ก็ย่อมเป็นที่รักของบุคคลส่วนใหญ่
    เราถือคนส่วนใหญ่เป็นสำคัญ ลองดูก็ได้ถ้าใครไม่เชื่อไม่มั่น ในตอนนี้แล้วก็เอาตั้งใจไว้เลย พอลืมตามาคิดว่าวันนี้ยิ้มทั้งวัน ใครมาหาเป็นปกติก็ยิ้ม เขาใช้งานเหนื่อยก็ยิ้ม ใช้งานหนักก็ยิ้ม ลองยิ้มอย่างนี้ดูสักเดือน ดูผลของการยิ้มว่ามันจะเป็นอย่างไร ถ้าหากว่ามีคนรักน้อยเกินไป มีแต่คนเกลียดมากขึ้นแล้วก็เลิกยิ้มได้ เป็นอันว่าคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระจอมไตรไม่มีผล
    และอีกข้อหนึ่งที่องค์สมเด็จพระทศพลตรัสว่าเกื้อกูลบรรดาสัตว์ หมายถึงคนและสัตว์ทั้งหมดให้มีความสุข ตามความสามารถที่เราจะพึงทำได้ ไม่นิ่งเฉย ไม่นิ่งนอนใจ มันจะเป็นอย่างไรก็ช่างเถิด เห็นเขาป่วยไข้ไม่สบายใจมา ไม่มียา ไม่มีความสามารถก็ช่วยไปส่งหมอ ถ้ามีอะไรพอจะเกื้อกูลให้บ้าง มีอาหาร มีสตางค์ ให้ได้บ้าง เราก็ให้ตามกำลังที่เราจะพึงให้ ไม่ใช่บีบคั้น ลองคิดว่าถ้าเราถูกกระทำอย่างนี้เข้าบ้างจะเป็นอย่างไร เราจะรักเขาหรือว่าเราจะเกลียดเขา
    ประการที่สาม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า มุทิตา จงมีจิตอ่อนโยน คือมีอารมณ์ไม่อิจฉาริษยาบุคคลอื่น เห็นใครได้ดีก็ส่งเสริมความดีของเขา ส่งเสริมความดีที่เรียกว่าพลอยยินดีด้วย แต่ว่าอย่าไปส่งเสริมเฉยๆ ส่งเสริมเฉยๆ มันไม่ขาดทุน แต่ว่ามันไม่มีกำไร เราต้องเป็นคนหากำไร กำไรที่เราจะพึงได้มันจะมาจากไหน ก็ดูว่าเขาดีแบบไหน ที่เขามีความสุข เขารวยแบบไหน จึงมีความอุ่นหนาฝาคั่งในทรัพย์สิน เขาทำอย่างไรเกียรติยศเกียรติศักดิ์เขาจึงเจริญ เห็นเขาเข้าไม่อิจฉาริษยาเขาพลอยยินดีด้วย
    แต่ทว่าเราก็ต้องเอากำไร ไม่ใช่เป็นนิสัยคนเอาเปรียบ แต่ว่าต้องการกำไร กำไรที่จะพึงได้ ได้อย่างไรนั่นก็คือมองดู หรือว่าพิจารณาให้ดีว่าผลแห่งความดี ผลแห่งความสุข ที่เขาจะพึงได้มานั้น ศักดิ์ศรีที่เขาพึงได้มานั้น เขาได้มาด้วยอาการอย่างไร วินิจฉัยเสียให้ถ่องแท้แล้วก็อย่าปล่อยวินิจฉัยเฉยๆ อย่าใช้ปัญญาให้ไร้ประโยชน์ ย่องเอาความดีที่เขากระทำมาแล้วมาทำเสียด้วย มันจะได้ช่วยให้เรามีความดียิ่งขึ้นหรือสมํ่าเสมอเขา มันจะดีเท่าเขา หรือไม่ดีเท่าเขา ก็ช่าง!
    แต่ขอผลความดีที่เขาได้แล้วให้มาเป็นผลของเราบ้าง ไม่ใช่ไปขอทรัพย์ขอสิน แต่ขอแนววิธีการปฏิบัติ ปฏิปทาที่เขาทำอย่างนี้มีประโยชน์ใหญ่ คนที่เขามีความดีอยู่แล้ว ก็ไม่มีใครเขารังเกียจว่าเราจะไปยื้อแย่งความดีที่เขาปฏิบัติแล้ว ไม่มีใครเขาว่ามีแต่คนเขาชอบใจว่าเขาดี เราดี โลกก็มีความสุข นี่ว่ากันแบบธรรมดาๆ
    ข้อที่สี่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่าให้มี อุเบกขา ถ้ากฎของกรรมใดมันเกิดขึ้น ถ้าพ่อจะตาย แม่จะตาย พี่จะตาย น้องจะตาย ตัวเราจะตาย ไฟมันไหม้บ้าน หรืออะไรก็ตาม เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นมันเกิดขึ้นแล้ว เราระงับมันไม่ได้เป็นไปตามกฎของธรรมดา เราก็คิดว่านี่ โอหนอ..มันธรรมดานะ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งใดที่เป็นไปแล้วอย่างนี้ ก็ไม่ทำความเศร้าใจให้เกิดขึ้น มันเป็นไปแล้วก็แล้วกันไป แล้วก็หาทางสร้างความดีต่อไป เพื่อเป็นปัจจัยของความพ้นทุกข์
    และอีกนัยหนึ่ง โลกธรรม ๘ ประการ ถ้ามันมากระทบกระทั่งใจ ความมีลาภเกิดขึ้น อย่าดีใจเกินไป เฉยๆ ไว้ และมีความรู้สึกว่าลาภมันจะต้องหมดไป เมื่อลาภหมดไปก็อย่าเสียใจ ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
    เมื่อเขาให้ยศถาบรรดาศักดิ์ ก็ทำความรู้สึก ยศถาบรรดาศักดิ์นี้ใครเขาก็หากันได้ ที่ได้มาแล้วหมดยศไปถมเถไป ก็เตรียมกายเตรียมใจ เพื่อความหมดยศไว้ด้วย เมื่อยศสูญเสียไปเมื่อไร เราก็สบายใจ เฉย! ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา

    ถ้าใครเขามาสรรเสริญกันอย่างไรเล่า เราก็ไม่ได้ดีตามนั้น เราเป็นคนเลว เขาสรรเสริญว่าเป็นคนดีเราก็ไม่ดีไปด้วย ถ้าเราดีแล้วเขานินทาว่าเราชั่ว เราก็ไม่ชั่วด้วย คำนินทาและสรรเสริญมันเกิดขึ้นเราก็เฉย แต่ไม่แสดงอาการปฏิเสธในคำสรรเสริญ เขาสรรเสริญเราก็ยิ้ม เขามานินทาเสียดสีเรา เราก็ยิ้มเสียอีก มันก็หมดเรื่องกัน

    เป็นอันว่าคนสรรเสริญเรา เรายิ้มให้เขา เขาก็ปลื้มใจ คนที่เขามาด่าว่านินทาเรา เรายิ้ม เขาก็ชํ้าใจเหมือนกัน ชํ้าใจเพราะอะไร เพราะคำนินทาด่าว่ามันไม่มีผล หนักเข้าๆ เขาขี้เกียจด่าขี้เกียจว่า ทนไม่ไหวเขาก็เลิกด่าเลิกว่าไปเอง เป็นอันว่าเขาก็แพ้ไป ความจริงสิ่งนี้ไม่ได้ทำเพื่อความแพ้เพื่อความชนะ เราต้องการชนะเหมือนกันแต่ไม่ใช่ต้องการชนะคน คือชนะความโกรธ ชนะความพยาบาท
    ที่พูดมานี่เป็นแค่ทำแบบธรรมดาๆ ในด้านสมถภาวนา มันดีบ้าง มันก็ไม่ดีบ้าง มันทรงตัวไม่อยู่ ถ้าจะทรงตัวให้อยู่จริงๆ ตัวท้ายนี่ดีมาก อุเบกขา เราวางเฉยในโลกธรรมทั้ง ๘ ประการ มีความรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา และเมื่อวางเฉยในโลกธรรมทั้ง ๘ ประการนี้ ด้วยการข่มใจเพราะเรายังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ เรายังไม่ได้เป็นพระอนาคามี ความสะดุ้งสะเทือนจากโลกธรรมมันก็มีขึ้นได้ แต่เมื่อสะดุ้งหวั่นไหวปั๊บจับมันกดคอเข้าไว้ ใจมันก็จะมีความสุข แต่มีความสุขอย่างใช้กำลัง ต้องเข้าประหัตประหารกันกับอารมณ์นั้น ใช้อารมณ์ความดีเข้าประหารความชั่ว ถ้าอย่างนั้นละก็ มันก็ต้องสู้กันอยู่ทุกวัน ทางที่ดีก็ประหารมันให้พินาศไปเสียเลย ทั้งนี้เพราะอะไร
    เพราะว่าเอาอุเบกขาตัวนี้แหละ มาเป็น “สังขารุเปกขาญาณ”

    โพสต์โดย achaya

    .jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  8. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  9. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๑
    หลังจากถวายภัตตาหารเช้าแล้ว
    เวลา ๐๘.๐๐ น.ท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์(พระอาจารย์อาจินต์) และท่านพระครูปลัดสมนึก เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ทำพิธีบวงสรวง และ ไหว้ครู โดยมี คุณแม่ยุพา เป็นตัวแทนจุดเทียนน้ำน้ำมนต์ และถวายพานขอขมา ไหว้ครู หลังจากเสร็จพิธีแล้ว ญาติโยมถวายสังฆทาน
    เวลา ๑๑.๐๐ น.ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์
    เวลา ๑๒.๓๐ น.ฝึกมโนมยิทธิแบบครึ่งกำลัง

    -๒๒-ธันวาคม-๒๕๖๑.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  10. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    ขอเชิญร่วมพิธี “สวดมนต์ข้ามปี”
    ที่วัดท่าซุง และ ที่บ้านสายลม กทม.
    วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ – วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒

    ….ระหว่างเวลา ๒๓.๓๐น. ของวันอาทิตย์ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ต่อเนื่องถึงวันปีใหม่ คือวันจันทร์ที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒

    จะมีพิธีการสวดมนต์ข้ามปี ต่อด้วยการนั่งสมาธิเจริญภาวนา และถวายสังฆทาน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว

    จึงขอเชิญคณะศิษยานุศิษย์ร่วมกันสร้างความดีสร้างบุญบารมี เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่กันทุกๆ ท่าน ท่านผู้ใดสะดวกไปที่ไหนก็ได้ ทั้งที่ “วัดท่าซุง” และที่ “บ้านสายลม”

    ที่บ้านสายลม กทม.

    -ท่าซุง-ขอเช.jpg

    วัดจันทาราม (ท่าซุง) – ขอเชิญ…ร่วมพิธี “สวดมนต์ข้ามปี” ที่วัดท่าซุง และ ที่บ้านสายลม กทม. 31 ธ.ค

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  11. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันทึ่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ เดินทางไปบ้านดอนเมือง และ บ้านสายลม กรุงเทพฯ
    ระหว่างวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ – ๑ มกราคม ๒๕๖๒

    เวลาประมาณ ๙.๓๐น. ท่านพระครูสมนึก สุธมฺมถิรสัทโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์ พร้อมด้วยพระละออง และพระนิล เดินทางมาถึงบ้านดอนเมือง กม. ๒๗ เพื่อรับสังฆทาน และฉันภัตตาหารเพล จากนั้นญาติโยมร่วมกันถวายปัจจัย สวดมนต์ และทำสมาธิ เสร็จแล้วอุทิศส่วนกุศล
    ท่านพระครูปลัดฯ ให้พร ท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์ ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เสร็จแล้วลาญาติโยมเพื่อเดินทางเข้าบ้านสายลมต่อไป

    ขอเชิญร่วมพิธี “สวดมนต์ข้ามปี”
    ที่วัดท่าซุง และ ที่บ้านสายลม กทม.
    วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ – วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒

    -๒๙-ธันวาคม-๒๕๖๑-เด.jpg
    -๒๙-ธันวาคม-๒๕๖๑-เด.jpg
    -๒๙-ธันวาคม-๒๕๖๑-เด.jpg
    -๒๙-ธันวาคม-๒๕๖๑-เด.jpg
    -๒๙-ธันวาคม-๒๕๖๑-เด.jpg
    -๒๙-ธันวาคม-๒๕๖๑-เด.jpg
    -๒๙-ธันวาคม-๒๕๖๑-เด.jpg
    -๒๙-ธันวาคม-๒๕๖๑-เด.jpg
    -๒๙-ธันวาคม-๒๕๖๑-เด.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  12. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    -๒๘-ธันวาคม-๒๕๖๑-เว.jpg

    วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ เวลา ๑๘.๐๐ น ขอนิมนต์พระภิกษุสงฆ์วัดท่าซุง และขอเชิญญาติโยมทุกท่าน
    ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย
    พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาล ที่๙ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
    ณ มหาวิหาร ๑๐๐ ปี พระราชพรหมยาน
    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  13. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ช่วงคำ่วันนี้ เวลา ๑๙.๐๐ น. ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ลงรับสังฆทาน เป็นวันแรกของเดือน ธันวาคม เมื่อถึงเวลา ๒๐.๓๐ น.จึงขึ้นพักผ่อน

    แจ้งข่าวในวันเสาร์ และวันอาทิตย์ มีฝึกมโนมยิทธิฯ ท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์ จะนำฝึกสรุบท่องเที่ยว และ ญาณ๘ ที่ห้องฝึกกรรมฐานชั้นสอง บนอาคารที่พระรับสังฆทาน ให้มาก่อนเวลา ๑๑.๓๐ น.

    กำหนดการเดินทาง / งานวัดท่าซุง
    เดือนมกราคม
    บ้านดอนเมือง และ บ้านสายลม กรุงเทพฯ
    ระหว่างวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ – ๑ มกราคม ๒๕๖๒
    – วันเสาร์ที่ ๒๙ ธันวาคม – วันอาทิตย์ที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๑
    เวลา ๐๙.๐๐ น. ถึง ๑๕.๓๐ น. ลงรับสังฆทาน
    เวลา ๑๒.๓๐ น. ถึง ๑๕.๐๐ น. ฝึกมโนมยิทธิ
    เวลา ๑๙.๐๐ น. ถึง ๒๐.๐๐ น. เจริญพระกรรมฐาน โดยเปิดเทปคำสอนของพระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน และนั่งสมาธิจบแล้วรับสังฆทานต่อ จนถึง
    เวลา ๒๑.๐๐ น. ถึง ๒๑.๓๐ น. สวดมนต์ อุทิศส่วนกุศล และรับพร

    – วันจันทร์ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑
    เวลา ๑๐.๐๐ น. ถึง ๑๕.๓๐ น. รับสังฆทาน (วันนี้ไม่มีฝึกมโนมยิทธิ)
    เวลา ๑๙.๐๐ น. ถึง ๒๐.๐๐ น. เจริญพระกรรมฐาน โดยเปิดเทปคำสอนของพระเดชพระคุณ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน และนั่งสมาธิจบแล้ว รับสังฆทานต่อ จนถึง
    เวลา ๒๑.๐๐ น. ถึง ๒๑.๓๐ น. สวดมนต์ อุทิศส่วนกุศล และรับพร

    เวลา ๒๓.๐๐ น.ทำพิธีสวดมนต์ข้ามปี ที่บ้านสายลม เสร็จแล้วถวายสังฆทาน
    หนังสือสวดมนต์ข้ามปี e-book
    http://www.thasungmedia.com/wat/Ebook/book/year2558/

    – วันอังคารที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ ฉันเช้าแล้วเดินทางกลับวัด

    -๒๘-ธันวาคม-พ-ศ-๒๕๖๑.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  14. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    -๒๙-ธันวาคม-๒๕๖๑-เว.jpg

    วันนี้ ( ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๑) เวลา ๑๒.๓๐ น. ท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์ (พระอาจารย์อาจินต์) สอนกรรมฐานวิชามโนมยิทธิฯ สรุปท่องเที่ยว และญาณ๘ ณ ห้องกรรมฐานชั้นสอง ชั้นบนของอาคารที่ถวายสังฆทาน บ้านสายลม กทม.
    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  15. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันนี้วันพระตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๘ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีจอ

    เรื่อง..ผู้บำเพ็ญปรมัตถบารมี

    เวลานี้ใครไปแค่ จุฬามณี เขาถือว่ากำลังอ่อน เพราะคนที่มีบารมีเข้มข้นนั้นมีเยอะ เรื่องพระนิพพานนี่ถ้ากำลังจิตไม่ดีจริงๆ แม้แต่เงาก็ไม่ได้เห็น หมายความว่าถ้าบารมีไม่เป็น “ปรมัตถบารมี” จะไม่มีโอกาสเห็นแม้แต่เงาของพระนิพพาน ญาติโยมน่าจะภูมิใจความดีอันนี้ ฉะนั้น หลังจากที่ได้ “มโนมยิทธิ” แล้ว เวลาที่ไปฝึกญาณ ๘ ก็ทบทวนถอยหลังดูเลยว่า เราเคยได้วิชานี้มาในกาลก่อนเท่าไร
    วิชาความรู้เรื่องนี้เมื่อก่อนมีแต่คนใฝ่ฝัน แม้แต่ฉันเองก็ใฝ่ฝันที่บวชก็ด้วยเหตุนี้ ญาติเขาถามว่าจะบวชไหม ก็เลยบอกว่าขอไปถามพระดูก่อน ใครสอนไปสวรรค์-นรกได้ถึงจะบวช ถ้าไม่มีใครสอนไปได้ก็จะไม่บวช ผลที่สุดก็เลยไม่ได้บวชตามประเพณี คือบวชอย่างต้องการจะรู้แจ้งเห็นจริง
    ทีนี้เมื่อไปพบกับ หลวงพ่อปาน ท่านก็มีเงื่อนไข บอกว่า “ถ้ารับคำสอนจากฉัน ให้รับอย่างคนโง่”
    หมายความว่า ถ้าท่านสอนแบบไหนให้เดินตามนั้น จะได้ผลภายในพรรษาเดียว ซึ่งกว่าจะได้ก็ปาเข้าไป ๒ เดือน แต่ญาติโยมที่ฝึกกัน เดี๋ยวเดียวก็ไปได้แล้ว ใช้เวลาไม่กี่นาทีสำหรับคนที่ได้จริงๆ ไม่ถึง ๒๐ นาทีหรอก
    ครั้งที่ไปเห็นนิพพานจริงๆ ก็ตอนอายุ ๔๓ ซึ่งแสดงว่าต้องใช้เวลาบุกเสีย ๒๐ ปีเต็มๆ ตอนนั้นระยะแรกไปติดตายอยู่แค่ ฌานโลกีย์ นิพพานนี่เมื่อก่อนไปพูดกับใครเขาไม่ได้เลย แต่สำหรับพระที่เขาพูดเรื่องนิพพานนี่มีอยู่ ทว่ากำลังใจเราไม่มีเพราะตอนนั้นยังปรารถนา “พุทธภูมิ” อยู่ พวก “พุทธภูมิ” นี่สนใจแค่ฌานสมาบัติ ไปจบลงก็ตรง สมาบัติแปด ไม่ว่าจะเป็นนักกรรมฐานแบบไหนใน ๔ แบบก็ตาม “พุทธภูมิ” นี่เขากวาดหมด เพราะต้องไปเป็นครูเขา ปฏิสัมภิทาญาณ ไม่มีโอกาสได้ ได้แต่เพียง สมาบัติ เพราะ ปฏิสัมภิทาญาณ ที่จะได้นี่อย่างต่ำกำลังต้องถึง “อนาคามี”
    ต่อมาเมื่ออายุ ๔๓ ลา “พุทธภูมิ” ถึงได้รู้จัก “นิพพาน” กว่าจะรู้จักก็ต้องได้จากอาจารย์ที่ไม่ใช่มนุษย์ อาจารย์ที่ว่านี่ท่านก็มาสอนๆ ตั้งแต่ ๔ ทุ่มถึงตี ๒ แล้วท่านก็ไป แล้วก็เป็นเวลาแบบนี้เรื่อยมา ที่ท่านสอนนั้นเกี่ยวแก่ “ทุกข์” อย่างเดียว โดยชี้ให้เห็นทุกอย่างในโลกทั้งหมดว่ามีแต่ทุกข์ ไม่มีสุขที่แท้จริง แต่เมื่อรู้ทุกข์แล้วไม่ใช่ไปทำจิตหดหู่ ในทางกลับกันต้องมีอารมณ์ร่าเริง เพราะเราจับต้นตอความทุกข์ได้แล้ว เพราะคือตัวที่ทำให้เราต้องมาเกิด คือหลงไปว่าทุกข์เป็นสุข นี่เราก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดนับไม่ถ้วน การเกิดแต่ละชาติมันหาความสุขไม่ได้เลย
    เราก็มานั่งดูความเป็นจริงของคนว่า ที่เขาเดินไปเดินมานั้นเพราะความทุกข์ใช่ไหม ตอนเด็กก็เดินไปโรงเรียนเพราะความทุกข์ เดินเพราะแม่ใช้ซื้อของก็ทุกข์ เดินไปเล่นกับเพื่อนก็เพราะทุกข์ ถ้าไม่เจอะเพื่อนก็ไม่ได้เล่นก็ทุกข์อีก พอโตเป็นหนุ่มเป็นสาวก็จะเดินไปหาคนรัก เพราะทุกข์อีกแล้ว
    ต่อมาก็เป็น ปุตตัง คีเว ต้องเดินต่อไปเพราะกลัวลูกจะหิว นี่ก็เป็นทุกข์อีกแล้ว ลูกนี่พอโตขึ้นมาไม่ใช่จะหิวอย่างเดียว มันต้องเรียนหนังสือด้วย นี่ก็ทุกข์อีกเหมือนกัน โรงเรียนเปิดเทอมที ดีไม่ดีต้องแบกอะไรต่อมิอะไรเข้าโรงจำนำเพื่อประทังก่อน คนพูดนี่ถ้ามีลูกคงแย่เหมือนกัน
    ทุกข์มันเกิดเพราะอะไร เพราะ ตัณหา ซึ่งดูแล้วจะเห็นว่าหยาบเกินไป แต่ที่จริงแล้วไม่หยาบ ตัณหา นี่แปลว่า ความทะยานอยาก สิ่งใดที่ยังไม่มีอยากให้มีขึ้นก็ทุกข์ ถ้ายังไม่ได้ก็ต้องตะเกียกตะกายหาให้ได้
    การไม่มีแล้วหามานี่ท่านเรียก กามตัณหา พอได้มาก็เกิด ภวตัณหา ต้องการให้ทรงตัวอยู่ไม่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลง อย่างเงินได้มาแล้วไม่อยากจะใช้แต่ก็ต้องหมดไปทุกวัน เพราะถ้าไม่ใช้ก็เป็นทุกข์ แล้วก็ต้องหามาเสริมทุกวัน ในเมื่อเราต้องการให้มันทรงอยู่ ทุกอย่างในโลกมันทรงได้ไหม มันแก่ทุกคน ทั้งคน ทั้งสัตว์ หรือวัตถุก็แก่ ก็เก่า ในที่สุดก็ตาย ถึงขั้นต่อไป วิภวตัณหา ตัวที่สามนึก “แก่ก็ไม่เป็นไรวะ! อยู่เป็นเพื่อนลูกเพื่อนหลานมันก่อน” มันก็อยู่ไม่ได้ก็ต้องพัง นี่แหละไอ้ตัวตัณหาทำให้เราเป็นทุกข์ เราฝืนความเป็นจริง ฉะนั้นการที่เราจะไม่ทุกข์ได้เราต้องไม่เกาะตัณหา แต่ถ้าจะมีใครถามว่า
    “แล้วไม่ต้องทำมาหากินหรอกหรือนี่..?”
    ก็ต้องขอบอกว่า ต้องทำมาหากินตามหน้าที่ แต่ให้ถือว่า การทำมาหากินเพื่อชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายเท่านั้นเอง ร่างกายมันหิวต้องหาให้มันกิน หานี่มันเป็นความทุกข์ก็จำไว้ว่าจะทุกข์ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ทำทุกอย่างทำตามหน้าที่หมด
    ทีนี้ตัวจะหนีทุกข์จริงๆ ต้องเป็น “อริยมรรค” ทั้งหมดนี่มีอยู่ ๘ แต่เมื่อสรุป “อริยมรรค” แล้วนี่ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เราจึงต้องมีศีล เพราะศีลนี่เป็นปัจจัยให้เข้าถึงพระโสดาบัน พระโสดาบันนี่ฆราวาสไม่มีอะไรมาก มีศีล ๕ เท่านั้นเอง พระโสดาบันกับพระสกิทาคามีนี่สำคัญที่ศีล ๕ อย่างอื่นไม่สำคัญ เพราะทั้งสองระดับนี่ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า
    “มีปัญญาเล็กน้อย มีสมาธิเล็กน้อย มีศีลบริสุทธิ์”
    ตัวอย่างนี้ดูได้จาก นางวิสาขา เป็นเมื่ออายุ ๗ ขวบ พออายุ ๒๖ ปี ไขลูกออกมาคน ไขไปๆ ๒๐ พอดีครบถ้วน แล้วท่านยังดีต่อไป คือลูกๆ ของท่านมาไขลูกอีกคนละ ๒๐ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่า มีถึง ๔๐๐ กว่า ถ้าจับมาเดินขบวนเวลานี้สบายมาก นี่ท่านวิสาขาท่านเป็นพระโสดาบัน ซึ่งพออายุ ๑๗ ปี ท่านก็แต่งงาน ให้รู้ความเป็นจริงว่า พระโสดาบันกับพระสกิทาคามียังมีความรักในระหว่างเพศ ยังมีการแต่งงาน ยังมีการร้องรำทำเพลง เคยมีคนจดหมายไปถึงอาตมา บอก
    “เอ๊ะ! ลูกศิษย์ท่านเจริญกรรมฐาน ทำไมร้องรำทำเพลง?”
    ก็มานึกถึงว่า เอ..ยายคนที่เขียนจดหมายไปนี่แกเป็นใครหว่า…ไม่ยอมนึกถึงว่า “อัตตนา โจทยัตตานัง”
    นี่ก็เท่ากับว่าแกลืมตัวไปเสียแล้ว ไม่รู้คุณสมบัติของพระโสดาบันกับพระสกิทาคามี แล้วลูกศิษย์เราเป็นพระโสดาบันหรือยังก็ไม่รู้ ดีไม่ดีมันเป็น “โซดาบาน” ผสมปนเปกันวุ่นไปหมด ทีนี้คนที่ทรงฌานก็ดี พระโสดา สกิทาคามีก็ดี เขาอยู่แค่ศีล ๕ เพราะศีล ๕ นี่ไม่ได้ห้ามแต่งตัว ร้องรำทำเพลง เรื่องการแต่งตัวนี่หมายถึงว่า แต่งเพิ่มตามกาลสมัย นอกไปจากปกติ อันนี้ต้องใช้ว่าแต่งให้สวยเป็นพิเศษ เพราะปกติแต่งแบบเรียบๆ เขาไม่ถือว่าเป็นการแต่ง ไม่ถือว่าผิดศีล ถ้าอย่างนั้นต้องเป็น “อนาคามี”
    ไปถึงอนาคามีแล้วนี่ จิตไม่พอใจในศีล ๕ เพราะรู้สึกว่าน้อยเกิน ฉันต้องการศีล ๘ พระอนาคามี ตัดกามฉันทะ ตัดโทสะ คือเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องไปบอกว่า
    “อั๊วจะเป็นอนาคามี จำเป็นต้องเร่งรัด”
    ก็หันไปจับศีล ๘ ปั๊บ! ดีไม่ดีไม่กินข้าวเย็น แต่ดันล่อก๋วยเตี๋ยวเข้าไปแทน ซวย…นี่มันเป็นอย่างนี้นะ คือต้องเป็นไปตามขั้นตอนของเขา ถ้าพระโสดาบันนี่เป็นของง่าย เพราะพระโสดาบันมีสมาธิเล็กน้อยแค่ปฐมฌาน ปัญญามีเล็กน้อยแค่รู้ว่าชีวิตนี้มันต้องตายแน่ กิเลสนี่ก็มีอยู่เป็นธรรมดา แต่ว่าทุกอย่างของท่านนี่อยู่ในขอบเขตของศีล ๕ ความรักในระหว่างเพศมี แต่โทษกาเมท่านไม่มี ท่านไม่ละเมิด ความอยากรํ่ารวยมีแต่ท่านไม่โกงใคร ความโกรธท่านมีแต่ท่านไม่ฆ่าใคร ศีลไม่ขาด โมหะ ความหลงยังมี เพราะยังมีความรัก ความอยากรวย แต่ก็อยู่ในขอบเขตของศีล ๕
    ทีนี้การปฏิบัติกรรมฐานของญาติโยมทุกคน ถ้ายังไม่ถึงอารมณ์พระโสดาบันเพียงใด ถือว่ายังคุ้มตัวไม่ได้นะ ยังมีคติไม่แน่นอน คติที่แน่นอนจริงๆ นั้น ในเมื่อเราตายจากชาตินี้หรือว่าชาติไหนก็ตาม ต้องไม่ลงอบายภูมิ ดูตัวอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านทรงปรารภ เปสการีธิดา ท่านทราบว่าตอนสายของวันนี้ เปสการี เธอจะต้องตายก็ทรงวินิจฉัยว่า
    “ถ้าเราไม่ช่วยเธอ เธอจะมีคติแน่นอนไหม…?”
    ก็ทรงทราบว่าถ้าไม่ช่วยเธอจะมีคติไม่แน่นอน ฉะนั้นจึงได้เสด็จไปดักทางของเธอ เพราะเธอจะไปหาพ่อ แล้วก็ทรงถามปัญหา ๔ ข้อ เมื่อเธอตอบจบ
    พระองค์ก็ทรงให้สาธุการว่า
    “ถูกต้อง! เธอเป็นพระโสดาบัน”
    แล้วท่านก็ทราบว่าถ้าเธอเป็นพระโสดาบันแล้ว วันนี้ถ้าตายเธอจะไปชั้น ดุสิต นี่ไม่ใช่พระห้ามความตายได้ แต่พระช่วยไม่ให้คนตายแล้วไปลงนรกเท่านั้น เพราะว่าพระเองก็ต้องตาย
    นี่ก็รวมความว่า การปฏิบัติจริงๆ ของพวกเรา อันดับแรก พยายามให้ทรงอารมณ์ของพระโสดาบันไว้ มันจะเป็นหรือไม่เป็นก็ช่างมัน ทรงไว้ก็แล้วกันยังไงๆ ตายไปนิพพานแน่นอน เพราะเราก็รู้ว่าพระโสดาบันนี่ตามธรรมดาการปฏิบัติท่านบอกว่า
    “บุคคลใดมีจิตเข้าถึงพระโสดาบันในที่นั่งใด ให้ทำจิตให้ถึงอรหันต์ในที่นั่งอันเดียวนั้น”
    เขาไม่ต้องเป็นไปตามลำดับเลย ถ้าถึงพระโสดาบันให้ตีรวบถึงอรหันต์ได้เลย เพราะถ้าอารมณ์นี่เป็นพระโสดาบันจริง เขาตีรวบเป็นอารมณ์อรหันต์ตัวปลายคือ “ตัดอวิชชา”
    ตัดอวิชชา ก็คือ ใช้ความจริงด้วยปัญญาน้อยๆ ที่เรามีอยู่ไม่ต้องมาก โดยคิดถึงความเป็นจริงว่า มนุษยโลกมันเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ถ้าเรากลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกมันจะสุขหรือ มันก็จะทุกข์ มนุษย์ประเภทไหนที่เขามีความสุข ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ไม่มีเรื่องเดือดร้อน ถ้าเราเป็นเทวดาหรือพรหม มีองค์ไหนบ้างที่ไม่จุติ มันไม่มีทั้งสิ้น ก็ต้องทิ้งสุขมาเกิดใหม่ จุดที่แน่นอนที่สุดจริงๆ คือ “นิพพาน” เกาะอารมณ์นิพพานเอาไว้ เพราะเป็น “อารมณ์พระอรหันต์”
    วิธีปฏิบัติอย่างย่อๆ เขาทำอย่างนี้ ที่เขาทำจริงๆ เขาไม่ขยายมันกว้างโดยใช่เหตุ เขารวบหมด ถ้าขยายให้กว้างไป ไม่มีทางสำเร็จหรอก นั่งไล่เบี้ยโน่นบ้างนี่บ้าง ไม่มีทางล่ะตกนรกแหงๆ เพราะอะไร ทำให้ลงตัวไม่ได้นั่นเอง
    อย่างคนที่กินข้าวมัวแต่นั่งไล่เบี้ย นี่พริก นี่กะปิ นี่หอม ก็พอดีไม่ต้องกินกัน เขาทำมาให้แล้วพอแกส่งเข้ามาฉันก็มีหน้าที่เอาช้อนตักอย่างเดียว อะไรก็ช่างไม่อร่อยหรือไม่เค็มก็เติมนํ้าปลาเอา เปรี้ยวไม่พอเติมนํ้าส้ม แค่นี้เอง คือมันพร่องจุดไหนก็เติมจุดนั้นให้มันเต็ม คนที่ปฏิบัติเพื่อบรรลุมรรคผลเขาก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน ถ้าเรามามัวขยายศัพท์โน้นศัพท์นี้ วงเล็บได้เลยว่าไม่ได้ท่า ตีอ้อมไกลเกินไป นักปฏิบัติจริงๆ เขาต้องวนเข้ามาหาเฉพาะ “บารมี ๑๐” กับ “สังโยชน์ ๑๐” ต้องอยู่แค่นั้น ถ้าสนใจแค่นี้ก็ใกล้เต็มทีล่ะ คือไม่ตีอ้อมให้ไกล แล้วก็ตีอ้อมเข้าไปอีกทีจะตัดให้สิ้น
    ฉะนั้น เริ่มตรงพระโสดาบันก่อน
    ทีนี้ล่ะง่าย พอได้มุมนี้แล้วตีถึงอรหันต์เลย คือคำว่า “ตีเข้าไป” จะเป็นหรือไม่เป็นนี่ไม่สำคัญ ให้อารมณ์ทรงตัวไว้ อย่ามัวแต่ไปนึกว่าเราจะเป็นอรหันต์ หรือจะเป็นพระโสดาบัน ถ้านึกว่าเป็นบังเอิญไม่เป็นละก้อ โน่น! อเวจี เพราะประมาท
    หมายความว่า เราประคับประคองให้อารมณ์นี้ทรงตัวให้มันอยู่ให้ได้ เป็นหรือไม่เป็นไม่สำคัญ เขาจะว่าเราเป็นคนจนหรือรวยก็ช่าง มีสตางค์ก็แล้วกัน นึกแบบนี้นะ อย่าไปนั่งนึกว่าเราเป็นนั่นเป็นนี่ ถ้านึกละก้อ ตัว มานะ มันจะมา
    รวมความว่าเวลาปฏิบัติจริง อันดับแรก รวบรวมกำลังใจเพื่อพระโสดาบันก่อน จะเป็นหรือไม่เป็นไม่สำคัญ โดยนึกว่า
    “ชีวิตนี้มันต้องตาย ถ้าตายแล้วฉันไม่ไปอบายภูมิ จะยึดพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์เป็นหลัก จะมีศีล ๕ กั้นอบายภูมิ จะมีทางไปคือ…”นิพพาน” ทำทุกอย่างเพื่อนิพพานทั้งหมด”
    ให้ข้าวหมู หมา กา ไก่ คน ถวายทาน อาหารแก่พระก็ตาม ยกมือไหว้พ่อไหว้แม่ เราไม่ต้องการการตอบแทนจากท่าน ต้องการนิพพานให้จิตเป็นสุขเท่านี้ แล้วก็พยายามเหยียดหยามความเป็นมนุษย์ มันซวย..ทุกข์ทั้งนั้น! เทวดาหรือพรหมฉันไม่ต้องการ ไม่สุขจริง เหยียดหยามสามอย่างนี้ ฉันจะเอาอย่างเดียว คือ…”นิพพาน”
    ถ้าจิตคิดอย่างนี้อย่างเดียว ถ้าได้ “มโนมยิทธิ” มันจะง่ายมาก เพราะเคยไปท่านสั่งให้ไปทุกวัน เราไปทุกวันเราเกิดจะตายวันไหน มันไม่ไปไหนหรอก ต้องดูคนจะตายจริงๆ ท่านมีอารมณ์แบบนี้ ถ้ามีอารมณ์แบบนี้เป็นปกติ ถ้าป่วยจะตายหรือไม่ตาย ไม่ต้องไปหาหมอดูหรอก ถ้าไม่มีเทวดากับพรหม มีแต่พระอริยะเต็มหมดจักรวาล เป็นอันว่ายังไม่ตาย ป่วยยังไงก็ยังไม่ตาย
    ถ้าภายใน ๗ วัน มีพึ่บพั่บในอากาศ เทวดาก็แพรวเป็นระยับ พรหมเป็นระยับ พระอริยเจ้าเป็นระยับ อันนี้ล่ะตายแน่ แต่ตายจะไปไหน ไปหาทุกข์ที่พวกนั้นชวนเรอะ!
    “ฉันเป็นเทวดาชั้นนั้นๆ ไปอยู่กับฉันเถอะ! มีความสุขกว่านี้”
    พรหมเอาบ้าง บอก “ไปอยู่กับฉันดีกว่า สงัดกว่า”
    ถ้ามีพระอริยเจ้ามาด้วยเราก็ไม่มีโอกาสแวะสองจุดนั้น ต้องตรงนิพพานเลย ถ้าเราเห็นเฉพาะเทวดาหรือพรหม ก็แสดงว่าบุญเราแค่เทวดาหรือพรหม…
    ต้องรีบตัดสินใจเวลานั้นทันทีว่า
    “ร่างกายเลวๆ อย่างนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก เราไม่ต้องการ มันเลวแสนเลว”
    ทีนี้ล่ะมาอีกพวกทันที คือ “พระอริยะ” ท่านมารอรับแน่ เอวัง! ก็มีแค่นี้…จบ! สวัสดี*

    โพสต์โดย achaya

    .jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  16. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  17. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    -๓๐-ธันวาคม-๒๕๖๑-เว.jpg

    วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ เวลา ๑๒.๓๐ น. ท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์ (พระอาจารย์อาจินต์) สอนกรรมฐานวิชามโนมยิทธิฯ สรุปท่องเที่ยว และญาณ๘ ณ ห้องกรรมฐานชั้นสอง ชั้นบนของอาคารที่ถวายสังฆทาน บ้านสายลม กทม. วันนี้เป็นวันฝึกวันสุดท้ายของปีนี้ ที่บ้านสายลม
    (ปีหน้า ๒๕๖๒ ท่านจะมาสอนในวัน เสาร์ อาทิตย์ ที่ ๒,๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒
    ขอทุกๆท่าน โชคดีปีใหม่

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  18. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
    วันเสาร์ที่๒๙ ธ.ค.และอาทิตย์ที่ ๓๐ ธ.ค.๖๑ สอนกรรมฐานที่บ้านซอยสายลม
    ช่วงเช้า ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาส ลงรับสังฆทานจากญาติ
    โยมที่มาทำบุญกันในวันนี้ จนถึงเวลาพักฉันเพล ต่อมาเวลา๑๒.๓๐น. เริ่มฝึกกรรมฐานมโมยิทธิวันเสาร์มีผู้รับการฝึก ๗๒ คน ไปนิพพานได้ ๖๒คน ไม่ได้ ๑๐คน ฝึกสรุปท่องเที่ยวโดยท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์ ๑๐๙คน
    ส่วนในวันอาทิตย์มีผู้รับการฝึก ๖๒คน ไปนิพพานได้ ๖๒คน ไปนิพพานได้ ๕๙คน ไม่ได้ ๓ คน ฝึกสรุปท่องเที่ยวโดยท่านพระครูภาวนาธรรมนิเทศก์ ๑๒๔คน
    จากนั้นญาติโยมเข้าทำบุญกันจนถึงเวลา๑๕.๓๐น ท่านพระครูปลัดฯจึงขึ้นพัก
    ช่วงค่ำเวลา ๑๙.๐๐น. ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ ลงรับสังฆทานจนได้เวลาเปิดคำสอนกรรมฐานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    จบแล้วทั้งหมดเจริญสมาธิประมาณ๒๐นาที เสร็จแล้วทายกนำอุทิศส่วนกุศล และกล่าวคำถวายสังฆทานพร้อมกัน ต่อมาญาติโยมทั้งหลายเข้าถวายสังฆทานกันต่อจนถึงเวลา๒๑.๐๐น. เริ่มเริ่มสวดบทอิติปิโสทำนองสรภัญญะ ต่อด้วยคาถาเงินล้าน จบแล้วพระสงฆ์ให้พร ท่านพระครูปลัดฯจึงขึ้นพักผ่อน

    -ธ-ค-และอาท.jpg
    -ธ-ค-และอาท.jpg
    -ธ-ค-และอาท.jpg
    -ธ-ค-และอาท.jpg
    -ธ-ค-และอาท.jpg
    -ธ-ค-และอาท.jpg
    -ธ-ค-และอาท.jpg
    -ธ-ค-และอาท.jpg
    -ธ-ค-และอาท.jpg
    -ธ-ค-และอาท.jpg
    -ธ-ค-และอาท.jpg
    -ธ-ค-และอาท.jpg

    ที่มา มูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร
     
  19. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
  20. ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6,570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    9
    ค่าพลัง:
    +395
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...